ตอนที่ 770 สร้างชื่อในศึกเดียว
คลิฟหน้าเขียวแต่การป้องกันของอีกฝ่ายหนึ่งมั่นคงดังภูผา และพลังที่เขาใช้การโจมตีทุกรูปแบบปล่อยศพทหารฝ่ายพวกเขาไว้ แม้ว่าเขาจะมีชื่อว่าเลือดเหล็กก็ยังรู้สึกเจ็บปวด
เซี่ยอวี่อัน ชื่อที่ไม่คุ้นเคย
‘กล่าวกันว่าเขาเคยติดอันดับเกินร้อยในดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์และบุรุษผู้นี้หยุดข้าไว้กับที่ได้ยังไง?’
คลิฟคือแม่ทัพทหารอันดับหนึ่งของโกวเฉิงเหวินเต้ามีฉายาว่าทหารม้าเลือดเหล็กอยู่ใต้บัญชาของเขา เขามีรูปร่างสูงใหญ่ผมหงอก ดวงตานิ่ง อารมณ์เยือกเย็น เขาเป็นบุรุษที่ตรงไปตรงมาเสียสละและเป็นแม่ทัพที่เข้มงวดที่สุดในกองทัพ
แนวป้องกันที่จัดโดยพันธมิตรใต้มีมาตรฐานอยู่บ้าง เป็นเหมือนกับข่ายที่แข็งแรง แต่ภายใต้การรุกบดขยี้มันพังทลายอย่างรวดเร็ว แต่การพังทลายของแนวป้องกันเป็นฟ้าส่งโอกาสให้ขุนพลอย่างคลิฟ ถ้าพวกเขาสามารถเข้าใจถึงเวลาที่เหมาะสม ชัยชนะจะตกอยู่ในมือของพวกเขา ไม่มีขุนพลทหารคนใดที่ยินยอมพ่ายแพ้ เนื่องจากขวัญและกำลังใจของทหารจะดิ่งฮวบและพวกเขาจะอ่อนแอกลายเป็นคนขวัญผวาได้ง่าย พอลมพัดแรงหน่อยพวกเขาจะตกใจควบคุมตนเองไม่ได้ และพลังป้องกันของพวกเขาจะพังทลายมาจากภายใน
ความพ่ายแพ้ของแนวหน้าจะทำให้ด้านหลังพังทลายได้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าในประวัติศาสตร์
เมื่อกองทัพข้างหน้าพวกเขาเริ่มขยายการเคลื่อนไหว เหมือนกับถูกตอกตะปูตรึงกับพื้นยึดจุดป้องกันสำคัญไว้ ถ้าคลิฟไม่กำจัดการตรึงแล้ว ทหารที่บุกโจมตีอาจเผชิญกับการคุกคามได้ทุกเมื่อ
คลิฟสังเกตเห็นกองกำลังทันทีจากนั้นสั่งให้หน่วยที่สามของเขา ที่อยู่ใกล้พวกเขามากที่สุดทำลายกองกำลังนั้น
แต่สิ่งที่เขาคาดไม่ถึงก็คือหน่วยที่สามยังไม่ทันกำหนดตำแหน่งโจมตี แต่พวกเขาสูญเสียงกองกำลังไปเกือบครึ่งหน่วย นี่ทำให้คลิฟโกรธมาก เขามีหน่วยทหารที่เขาสั่งการห้าหน่วยใหญ่ เขาตำหนินายกองหน่วยที่สามอย่างหนัก จากนั้นสั่งหน่วยที่สองของเขาให้โจมตี
ทุกๆ นาทีสำคัญต่อการรุกคืบของพวกเขา โอกาสกำลังหนีห่างออกไปและเมื่อพวกเขาให้โอกาสศัตรูหายใจ ศัตรูจะตั้งหลักได้อีกครั้ง
หน่วยที่สองของคลิฟกลับมาด้วยสภาพกำลังใจตกต่ำหลังจากพวกเขาพ่ายแพ้
ในที่สุด, คลิฟก็ทนต่อไปไม่ได้และนำหน่วยของเขาซึ่งมีกำลังพลสามพันนาย และนำต่อสู้เบิกทางด้วยตนเอง
แต่...
เซี่ยอวี่อัน ไม่มีใครสามารถต้านทานการโจมตีของเขาได้โดยตรง
นอกจากกำลังพลหนึ่งในห้าของสามพันคนต้องตายไปและสิ่งที่ทำให้คลิฟรู้สึกจนใจก็คือผ่านไปสามวันเต็มแล้ว ต่อให้พวกเขากำจัดกองพลนางแอ่นได้ พวกเขาจะไม่มีโอกาสฉายประกายต่อไป
ขณะที่ขวัญกำลังใจ....
คลิฟมองดูใบหน้าที่หม่นหมองรอบตัวเขา และรู้สึกว่ากำลังใจของพวกเขาตกต่ำ
‘พวกเขาไม่สามารถดำเนินการโจมตีต่อไปได้แล้ว’
“ถอยก่อน เราจะพักกันสามวัน”
คำสั่งของคลิฟทำให้เกิดเสียงฮือฮาใหญ่ นายกองและทหารหลายคนมีสีหน้าเหลือเชื่อ พวกเขาจ้องดูท่านคลิฟอย่างว่างเปล่า บุรุษที่พวกเขามองเห็นเหมือนกับไร้อารมณ์ พวกเขาไม่เคยคิดว่าคำสั่งเช่นนั้นจะออกมาจากปากของท่านคลิฟ
คลิฟมองดูคนของเขาโดยไม่แสดงอารมณ์อะไร เขาเห็นความโล่งใจอยู่ในแววตาที่ตกใจของพวกเขา
‘แรงเฉื่อยถูกทำลายเสียแล้ว’
ทหารและนายทหารภายใต้บังคับบัญชาของเขาสูญเสียความเชื่อมั่นในชัยชนะ คลิฟตัดสินใจได้เร็ว สำหรับกองทัพที่ประกอบไปด้วยหน่วยเล็กๆ นั่นคือสัญญาณอันตราย
บริวารของเขาผู้ยังสับสนยังคงถอยช้าๆ แต่คลิฟถอยกลับ ดวงตาสีเทาของเขาจ้องมองกระบวนศึกของศัตรู
การต่อสู้ปรากฏในใจของเขาอีกครั้งหนึ่ง รูปแบบการโจมตีของกองพลนางแอ่นมีความเป็นเฉพาะแบบ แต่สิ่งที่ประทับอยู่ในความทรงจำของคลิฟก็คืออาวุธฟุ่มเฟือยของพวกเขา
ทหารทุกคนใช้อาวุธวิญญาณ และแส้ประหลาดของเซี่ยอวี่อันก็มีคุณภาพระดับสูง มันแข็งแกร่งมากกว่า เทียบกับพวกเขาแล้ว บริวารของเขาใช้อาวุธหยาบง่ายเหมือนกับชาวนา
แม้ว่าภูมิภาคใต้จะมีการค้ารุ่งเรือง พันธมิตรใต้ก็ไม่ได้เปรียบมากนักและแม้แต่มหาอำนาจที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขา พอเทียบกับทวีปกวงหมิงแล้วก็ไม่มีอะไร
‘สมบัติวิญญาณทั้งหมดมาจากไหน?’
จากนั้นคลิฟคิดเกี่ยวกับเรื่องเล่าลือที่เขาได้ยินมาเมื่อเขากลับมาในทวีปหัวใจของเขาเต้นแรง ‘หรือว่าจะเป็น....’
แต่เขาโยนความคิดนั้นออกไปจากใจอย่างรวดเร็ว ไม่มีอะไรต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องของผู้บริหารเบื้องบนของเขา ‘ข้าเป็นแค่แม่ทัพทหาร หน้าที่และงานของข้าเพียงอย่างเดียวก็คือเอาชัยชนะมาให้ได้’
คลิฟไม่ดูถูกศัตรู ในช่วงเวลาสามวันสั้นๆ นี้เขาเสียคนไปสองหน่วย และวันสุดท้าย เขาระดมคนหน่วยของเขาอีกสามพัน
แต่ศัตรูไม่สะทกสะท้าน
กองทัพมาตรฐานมีกำลังพลห้าพันนาย ซึ่งยังคงหมายความว่าเพิ่มกำลังโจมตีศัตรูโดยรวมก็ 13,000 คน นอกจากนี้บริวารของเขาเองที่ขึ้นกับคำสั่งเขาโดยตรงเป็นทหารฝีมือดี รองลงมาก็เป็นบริวารฝีมือของห้าขุนพลใหญ่ อาศัยคน 3000 เขามีความมั่นใจว่าจะกำจัดกองกำลังทั้งสองได้
ศัตรูมีกำลังพลอยู่เท่าใด?
5000
แค่เพียงอาศัยแนวป้องกันที่หนาแน่นและอาวุธ พวกเขาจะสามารถทนการโจมตีที่รุนแรงได้หรือ? คนของคลิฟเลือกมาจากพวกที่มีความสำเร็จที่ดีที่สุด แต่พวกเขาไม่เคยพบกับศัตรูที่ต้านทานพวกเขาได้สำเร็จ
เขาไม่เคยดูถูกศัตรูที่เขาเผชิญ และยังให้เขาต้องสูญเสียอย่างหนัก เขาเข้าใจได้ชัดเจนว่ากองทัพข้างหน้าเขาเต็มไปด้วยทหารฝีมือดี
ถ้าไม่คำนึงถึงอาวุธวิญญาณชั้นดีของพวกเขาและกลยุทธแปลกประหลาดหรือแนวป้องกันที่พิถีพิถัน กองพลนางแอ่นมีจุดเด่นที่น่าสนใจมากมาย เช่นการผสานพลังของพวกเขาการผสานพลังที่ทำได้สมบูรณ์แบบน่ากลัวมากกว่า 95%เพียงแค่จุดนี้ก็ทำให้กองทัพในดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ถึง 99% ต้องอายเสียแล้ว
และทัศนคติที่ดึงดันยืนกรานของพวกเขา มีอยู่หลายครั้งที่แนวป้องกันของศัตรูดูเหมือนใกล้จะถูกทำลาย แต่พวกเขาก็ยังรักษาพื้นที่เอาไว้ได้
ศัตรูเช่นนั้นสมควรได้รับการนับถือ
คลิฟผู้โดดเด่นอยู่ข้างหน้าทำความเคารพไปทางกองพลนางแอ่นทันที
‘ข้ากำลังรอการต่อสู้ครั้งต่อไปของเรา’
ภายใต้สายตาของบริวารของเขา คลิฟหันกลับไปโดยไม่มองกลับ เขาเดินสาวเท้ายาวห่างออกไป
เซี่ยอวี่อันมองดูศัตรูถอนกำลังกลับและผ่อนคลายความตึงเครียดในร่างกาย ความเหนื่อยล้าพุ่งเข้าหาเหมือนกระแสน้ำเชี่ยวกราก ขาของเขาหนักเหมือนถ่วงด้วยตะกั่ว ร่างของเขาซวนเซ เขาไม่อาจประคองตัวเองต่อไปและนั่งลงกับพื้นดิน
ทหารทุกคนรอบๆเขาไม่มีเรี่ยวแรงจะยืนอีกต่อไป ทุกคนล้มนอนกับพื้นโคลน
เป็นโคลนจริงๆ จากการสู้รบครั้งล่าสุดอาวุธของพวกเขาทั้งหมด ถ้าไม่ถูกทำลายก็เกือบถูกทำลาย ไม่มีที่ในแนวหน้าของพวกเขาที่ยังสมบูรณ์ การโจมตีของศัตรูบ้าคลั่งมากทำให้รูปกระบวนของพวกเขาถูกทำลายนับครั้งไม่ถ้วน
เมื่อควันค่อยๆลอยขึ้นและท้องฟ้าสีครามปรากฏแก่สายตาพวกเขา เซี่ยอวี่อันรู้สึกเหมือนกับทุกสิ่งทุกอย่างเกิดมาตั้งชาติที่แล้ว
‘ข้าทำภารกิจได้สำเร็จ!’
เขายังคงรู้สึกเหลือเชื่อ เขาต้องการหัวเราะดังๆ แต่ก็รู้สึกเหมือนว่าคอเจ็บสำลักควันจึงได้แต่หัวเราะเบาๆ
ศัตรูแข็งแกร่งมาก
กองทัพต่างๆของพันธมิตรใต้ไม่เคยพบกับการต่อสู้กับกองทัพใหญ่ขนาดนั้นจึงทำให้ประสิทธิภาพในการต่อสู้ของพวกเขาแย่มาก แนวป้องกันของพวกเขาได้รับความเสียหายอย่างหนักและรวดเร็วกองพลนางแอ่นของเซี่ยอวี่อันได้รับแรงกดดันมหาศาลอย่างเท่าเทียมกัน เซี่ยอวี่อันเตรียมตัวถอย เพราะภารกิจของปิงสำหรับพวกเขาให้สร้างแนวป้องกันชั้นแล้วชั้นเล่า ดังนั้นพวกเขายังมีแนวป้องกันอีกสองสามชั้น
เมื่อเซี่ยอวี่อันสังเกตว่ารูปกระบวนศึกของพวกเขาล่มสลาย เขาตัดสินใจอย่างคาดไม่ถึง เขาไม่ออกคำสั่งให้ถอย แต่ตัดสินใจยันไว้ทั้งคืนก่อนจะถอยถ่วงเวลาศัตรูไม่ให้รุกคืบได้
หนึ่งชั่วโมงถัดมา เขาได้รับคำสั่งปิง เป็นคำสั่งง่ายๆ สำหรับเขาให้ตรึงเอาไว้หนึ่งวัน
แน่นอนว่าเขารู้ว่าคำสั่งนั้นอันตรายเพียงไหน ความแตกต่างระหว่างพลังความแข็งแกร่งทั้งสองฝ่ายมากมายเกินไป แต่เขาไม่ลังเล
‘ถ้าทวีปของข้าปฏิบัติกับข้าอย่างยิ่งใหญ่เช่นนั้น ข้าจะตอบแทนทวีปของข้าด้วยทุกอย่างที่ข้ามี’
เมื่อเขาได้รับแส้กลืนจันทราใหม่ เขาลอบสาบานในใจ และไม่เคยลืมคำสาบานเลย
เขาไม่รู้ว่าเขาต้องยืนหยัดด้วยทุกอย่างที่เขามีเขาต้องอยู่ให้ได้ตลอดวัน เขาพนันทุกอย่างที่เขามีกับจังหวะการสู้รบที่บ้าคลั่ง แม้ว่าเขาจะทำภารกิจสำเร็จ แต่เขาไม่มีทางถอย ศัตรูรุกคืบเข้ามาเป็นระลอกอย่างไม่สะทกสะท้านไม่ปล่อยให้เขาได้มีโอกาสถอย
เซี่ยอวี่อันรู้ว่าพวกเขาถูกตรึง และถ้าพวกเขาถอยในเวลาอย่างนั้น พวกเขาจะถูกทำลายแน่นอน
เขากัดฟันแน่น และเลือกจะทนต่อไป
หลังจากวันที่สอง กองพลนางแอ่นแทบจะหมดสติ
วันที่สาม ศัตรูกลับกลายเป็นกล้าแข็งขึ้น พวกเขามีคนตายมากขึ้น เซี่ยอวี่อันสู้จนกระทั่งตาของเขาแดงเป็นเลือด และในเวลานั้น พวกเขาสู้โดยไม่มีความตั้งใจว่าจะถอย แค่สู้จนตาย
จนถึงตอนนี้เมื่อเห็นคลื่นศัตรูถอยกลับและหายไป แรงฮึดสุดท้ายของเขาก็คลายตัว
‘มันจบแล้ว’
เสียงหอบหายใจสูดอากาศสดชื่นหลังจากหมอกควันจางหายดังขึ้น เซี่ยอวี่อันรู้สึกได้ว่าเขาไม่เหลือเรี่ยวแรงแล้วและล้มลงหลับ
เขาถูกฝนปลุกให้ตื่น
พายุฝนคะนองปลุกทหารที่หลับใหลทุกคนทำให้บนพื้นที่ทั้งหมดกลายเป็นโคลน ความรู้สึกมึนซึมของทุกคนค่อยแจ่มชัดขึ้นมาบ้าง
ทุกคนเริ่มยืนขึ้น และจัดกระบวนอย่างเงียบงัน
พวกเขาไม่โห่ร้องหรือฉลองชัยชนะ นอกจากนั้นกองพลนางแอ่นทั้งหมดเหลือกำลังพล3000 นาย หลายคนได้รับบาดเจ็บ หลายคนอยู่ประจำตำแหน่งไม่ลุกขึ้นมาอีกเลย ทุกคนเคลื่อนย้ายศพของสหายพวกเขาฝังพวกเขาไว้ที่นั้น เก็บรวบรวมสมบัติวิญญาณของพวกเขา ไม่ยอมให้ศัตรูได้เก็บรวบรวมไป
นอกจากศพของพวกเขาแล้ว มีศพของศัตรูมากมายยิ่งกว่า และเนื่องจากมีจำนวนมาก ทุกคนไม่สามารถนับจำนวนได้ไหว
มันถึงจุดที่พวกเขาไม่มีเวลาเพื่อจัดการเกี่ยวกับสินสงคราม เซี่ยอวี่อันยังมีความกลัวอยู่บ้าง แต่โชคดีเพราะฝนตก ถ้าไม่อย่างนั้น ถ้าศัตรูกลับมาอย่างเงียบๆ ทุกคนคงไม่สามารถหนีได้
พวกเขาต้องใช้เวลาขณะที่ศัตรูกำลังฟื้นตัวเพื่อหนีก่อน มิฉะนั้นพวกเขาจะไม่มีโอกาสอื่น ศัตรูระลอกต่อไปมีแต่จะโหดเหี้ยมอำมหิตมากกว่า และการอยู่โยงก็หมายถึงตาย
โดยไม่สนใจสินสงครามที่เกลื่อนอยู่ทั่วพื้น เซี่ยอวี่อันออกคำสั่งให้กองพลถอนกำลังอย่างรวดเร็วในท่ามกลางสายฝน
เซี่ยวอวี่อันไม่รู้ว่าเขาสู้อยู่กับใคร เนื่องจากพวกเขามีกันมากและแนวรุกของพวกเขาน่ากลัวเกินไป ขณะที่พวกเขาถอนกำลัง เซี่ยอวี่อันยินดีที่พ้นจากการสู้รบได้เสียที กองพลนางแอ่นเหมือนได้เกิดใหม่ ไม่เพียงแต่พลังของทหารหลายคนก้าวหน้าเท่านั้น แต่ผ่านการสู้รบที่รุนแรงได้ การแบกภาระทำให้คุณภาพของทั้งกองทัพมีความมั่นคงและประสบการณ์เพิ่มมากขึ้น
เขามองเห็นคุณภาพคล้ายๆกับกองทัพในตำนานอย่างเลือนราง
สิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือ ในเวลาเดียวกันภูมิภาคใต้มีผู้คนนับไม่ถ้วนกล่าวขานเรื่องของเขาและกองทัพเขา
เซี่ยอวี่อัน สร้างชื่อเสียงโด่งดังในศึกคราวเดียว