ตอนที่แล้วตอนที่ 768 อาจเป็นข้า
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 770 สร้างชื่อในศึกเดียว

ตอนที่ 769 วันสำคัญก่อนเคลื่อนกำลัง


แสงจันทร์ส่องกระจ่างบนที่ประชุมบนเขาสูง

บุรุษหนุ่มสามคนนั่งเรียงมองดูแสงในป้อมปราการไพรกระบี่

“พวกเจ้าจะเคลื่อนกำลังออกไปพรุ่งนี้แล้ว”  จิ่งหาวถอนหายใจอย่างมีอารมณ์  เขาชูจอกเหล้าในมือและดื่มรวดเดียวจากนั้นเขาพึมพำ  “ไม่ต้องกังวล ข้าจะปกป้องทวีปซางโจวไว้ได้แน่นอน”

หลิงซิ่วไม่ได้พูดอะไร  เขาดื่มรวดเดียวแบบคว่ำจอกเช่นกัน

อาเฮ่อชูจอกเหล้าทั้งสองมือเขาดื่มอวยพรให้จิ่งหาว และดื่มช้าๆ แล้วจึงวางจอกเหล้าลง ใบหน้าที่หล่อของเขามีแววแดงระเรื่อ  ตาของเขาสุกใสเหมือนดวงดาวในท้องฟ้า  “มีพี่จิ่งระวังหลังให้  เราไม่ต้องกลัวความยากลำบากในแนวหลังแล้ว”

“ข้าอิจฉาพวกเจ้าทั้งสองจริงๆสามารถออกไปสู้แนวหน้าได้” จิ่งหาวอดตำหนิตัวเองไม่ได้ “น่าเสียดาย ข้ายังฉลาดไม่พอ และไม่รู้วิธีนำทหารเข้าต่อสู้”

กองทัพของทวีปกวงหมิงยกทัพมาขนานใหญ่จริงๆและแม้ปิงแบ่งแยกพวกเขาเป็นชั้นๆ แล้ว แนวหน้าก็ยังค่อนข้างตึงเครียด  พวกเขาทั้งสามผ่านการฝึกฝนมาอย่างง่ายๆและอาเฮ่อมีผลงานที่ดีที่สุด เขามีสติปัญญาดีโดยธรรมชาติ และเป็นตัวเชื่อมกรรมได้ทั้งหมด  สามารถรวบรวมทุกอย่างได้เร็ว  ก้าวหน้าได้ไวที่สุด และในช่วงเวลาสั้นๆเขาก็ตั้งหลักได้ หลิงซิ่วไม่ได้ฉลาดปราดเปรื่องเท่ากับอาเฮ่อ  แต่นิสัยส่วนตัวของเขาเหมาะสมต่อการรบ  และสามารถสร้างผลกระทบที่รุนแรงในสงครามได้  เขามีพรสวรรค์ในการโจมตี และต่อสู้ระยะไกล

จิ่งหาวจะมีผลประเมินแย่สุด เขามักจะเพ่งความสนใจอยู่กับกระบี่ตั้งแต่อายุน้อย  ความคิดของเขาคับแคบเกินไปและนิสัยของเขายุติธรรมและอ่อนโยน แม้ว่าพลังส่วนตัวของเขาจะแข็งแกร่งที่สุด แต่เขาไม่มีพรสวรรค์ในด้านกระบวนรบและกลศึก

จิ่งหาวถูกจัดให้เฝ้าป้องกันทวีปซางโจว  ขณะที่อาเฮ่อและหลิงซิ่วต้องนำกองกำลังเข้าสู่แนวหน้าในวันต่อไป

ไม่ว่าการฝึกจะง่ายหรือไม่ก็ตามก็ยังใช้ตัดสินขุนพลทหารอย่างกว้างขวาง  แต่ในเวลาที่เร่งด่วน พวกเขาไม่มีเวลาสนใจอะไรมาก  แนวหน้ามีอันตรายใกล้เข้ามาทุกคน และพลังของพวกเขาทุกคนมีค่าและสำคัญทั้งนั้น   ทั้งสามคนไม่มีข้อเรียกร้องอะไร  พวกเขารู้ความแตกต่างระหว่างทั้งสองฝ่ายและความกดดันที่ปิงแบกรับอยู่

ความรู้สึกผิดและแววเดียวดายในคำพูดจิ่งหาวอาเฮ่อและหลิงซิ่วรู้สึกได้

หลังจากที่อยู่ด้วยกันมานานพวกเขาเติบโตจนใกล้เคียงจิ่งหาวมาก

หลิงซิ่วไม่ถนัดพูด  เขาชูจอกเหล้าและดื่มอวยพรให้จิ่งหาวไม่มีอะไรจะพูดอีกหลังจากคว่ำจอก

จิ่งหาวหัวเราะ เขารินสุราอีกหนึ่งจอกและชูขึ้นจากนั้นดื่มรวดเดียว

อาเฮ่อส่ายศีรษะ  “พี่จิ่ง!  งานของท่านไม่ได้เบากว่าเราหรอกนะ  แต่ยังหนักกว่าอีกด้วย  ทวีปซางโจวคือรากฐานของพวกเรา  และเป็นทางเข้าสู่สวรรค์วิถี อาวุธยุทโธปกรณ์ทุกอย่างจะต้องผ่านไปจากที่นี่ ถ้าเราเสียที่นี่ไป การสู้รบแนวหน้าจะไม่มีความหมาย”

ตาที่หมองของจิ่งหาวพลันเจิดจ้า  เขากล่าวอย่างเคร่งขรึม  “อาเฮ่อ, คำพูดของเจ้าทำให้ข้ารู้สึกตัว  ข้าด่วนตัดสินใจเร็วเกินไป  ข้าต้องปรับตัวเอง 3 จอก!  ใครก็ตามที่ต้องการทวีปซางโจวต้องข้ามศพข้าไปก่อน”

จิ่งหาวดื่มสามจอกติดต่อกัน

หลิงซิ่วไม่พูดอะไรสักคำดื่มตามอีกสามจอก

“ฮึ่ม, ข้าสงสัยจริง ถังห้าวหายหัวไปไหน”  จู่ๆหลิงซิ่วก็พูดขึ้นพร้อมกับรังสีอำมหิตพลุ่งขึ้น “ถ้าเขาโผล่มาต่อหน้าข้าเมื่อไหร่ ข้าจะเอาหอกจิ้มให้ตาย คอยดู!”

“ข้าคิดว่าคงมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น”  จิ่งหาวขมวดคิ้ว  จากนั้นเขาผ่อนคลายเพิ่มขึ้น“แต่ปิงบอกว่าเขายังไม่ตาย, ข้าคิดว่าเขาคงพยายามเร่งหาทางกลับมาเช่นกัน  คงจะดีขึ้นเมื่อเขากลับมา  เขาจะต้องมีหนทางแน่นอน”

จิ่งหาวมั่นใจในตัวถังเทียน  เขาเชื่อว่าเมื่อถังเทียนปรากฏตัว เขาจะมีวิธีทำให้พวกเขาผ่านเวลาที่ยากลำบากไปได้

หลิงซิ่วแค่นเสียงเย้ยหยัน  “ท่านก็ยังฝากความหวังไว้กับเจ้างี่เง่านั่น,ไร้เดียงสาเกินไปแล้ว!”

อาเฮ่อยิ้ม  เขาอดคิดถึงเรื่องในอดีตไม่ได้  และเริ่มพูดอย่างตรงไปตรงมา  “ถึงตอนนี้ ข้าต้องเห็นด้วยกับพี่จิ่ง แม้ว่าจะมีหลายครั้งที่ถังห้าวไม่น่าเชื่อถืออยู่บ้าง แต่เขามักจะทำเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ให้สำเร็จได้เสมอ เจ้าไม่คิดว่าสถานการณ์ข้างหน้าของเราเป็นการจงใจเตรียมไว้เพื่อเขาหรือ?”

หลิงซิ่วยิ่งโกรธมากขึ้น  เขาถลึงตามองอาเฮ่อ  “เจ้าอยากสู้กับข้างั้นหรือ?”

อาเฮ่อรู้ว่าเขาก่อกวนหลิงซิ่วได้สำเร็จแล้ว  เขาและจิ่งหาวมองหน้ากันเองและหัวเราะ  จากนั้นเติมสุราในจอกและดื่มต่ออีก

“พวกเจ้าต้องระวังไว้ให้ดี  ถ้าล้มเหลวต้องรักษาชีวิตของพวกเจ้าไว้สำคัญที่สุด” จิ่งหาวพูดด้วยความกังวล “พวกเจ้าไม่ใช่ขุนศึกแท้ๆ และพวกเจ้าต้องลงสู่สมรภูมิทั้งที่แค่ฝึกกันมาอย่างง่ายๆ”

หลิงซิ่วปาดเหล้าออกจากมุมปากและกล่าว  “ไม่สำคัญ เราจะเคยชินกับมันหลังจากผ่านการสู้รบไปสักสองสามครั้ง”

อาเฮ่อพยักหน้า“มีขุนพลที่มีชื่อเสียงหลายคนที่กลับมีชื่อเสียงเมื่อครึ่งทางชีวิตของพวกเขา  เราทั้งสองก็มีพลังระดับสูง  ถ้าสถานการณ์ไม่เลวร้ายการหลบหนีไม่น่าเป็นปัญหา  พี่จิ่ง!  ท่านไม่ต้องกังวล”

“ข้าคิดว่านี่จะเป็นจอกสุดท้ายของข้า”  จิ่งหาวมองดูไฟที่โชติช่วงข้างล่าง และคิดถึงวิธีที่เขารู้สึกตอนได้ชื่อตัวเองตั้งแต่ที่เขาเริ่มต้น  เขารินใส่จอกจนเต็มอีกครั้ง  และดื่มอวยพร “ขออวยพรให้นำชัยชนะกลับบ้าน!”

“เพื่อชัยชนะ และกลับบ้าน!”

หลิงซิ่วและอาเฮ่อเปล่งเสียงดังพร้อมกัน  และรู้สึกเหมือนมีเพลิงลุกโหมอยู่ในอก  พวกเขามองหน้ากันและดื่มเหล้าในจอก  เหล้าบางส่วนไหลออกจากมุมปากพวกเขา แม้แต่อาเฮ่อที่ให้ความสำคัญกับมารยาทก็ยังปล่อยวางทุกอย่างในขณะนั้น

เหล้าที่ไหลลงคอพวกเขาเหมือนกับไฟ พวกเขาต่างคนต่างคว่ำจอกมองหน้ากันและหัวเราะลั่น

เสียงหัวเราะของพวกเขาดังสะท้อนไปไกล

ป้อมไพรกระบี่ที่สว่างไสวอยู่ในความยุ่งเหยิงมากขณะนี้

เสี่ยวเอ้อมองดูสมบัติวิญญาณในมือของเขา  และแสดงสีหน้าพอใจ  ภายใต้บรรยากาศกองทัพที่ยิ่งใหญ่ พลังที่แต่ละคนครอบครองอยู่ยังตระหนักรู้ได้น้อย  ดังนั้นเขาตัดสินใจรับผิดชอบในเรื่องอุปกรณ์ สมบัติวิญญาณสามารถเพิ่มพลังให้ขุนพลทหารได้ ซึ่งได้รับการพิสูจน์แล้วจากสือเซินและเซี่ยอวี่อัน  เนื่องจากเขาไม่สามรถทำงานในเรื่องปริมาณได้  เขาได้แต่แลกกับคุณภาพ

แต่สมบัติวิญญาณเพียงใช้งานเข้ากันได้กับขุนพลทหาร  ขณะที่ทหารได้สมบัติดวงดาวช่วยเหลือต้องการราคาที่สูงกว่า

เดิมที่ถังเทียนนำสมบัติดวงดาวมานับไม่ถ้วน  แต่พอกองทัพขยายเติบโต  สมบัติดวงดาวจึงไม่เพียงพอ  จากนั้นเสี่ยวเอ้อเริ่มผสานปรับแต่งสมบัติวิญญาณสองสามชิ้นและปรับแต่อาวุธทองดำเป็นจำนวนมาก  เป็นการทำงานหนักอย่างต่อเนื่องของเสี่ยวเอ้อทำให้อาวุธทองดำของทวีปซางโจวเพิ่มพลังขึ้นมาอีกหลายเท่า  การเพิ่มคุณภาพของอาวุธยุทโธปกรณ์โดยรวมทำให้พันธมิตรใต้ได้รับความนิยมอย่างมาก

ทันใดนั้นเสี่ยวเอ้อรู้สึกถึงบางอย่าง  ตาของเขาเบิกกว้าง  ‘นี่มัน…’

ร่างของเขาหายไปทันที

วินาทีต่อมาเขามาปรากฏอยู่ด้านนอกห้องค้นคว้าวิจัย  แม้ว่าเขาจะถูกผนังกั้นไว้จากภายใน  แต่เขาก็ได้ยินเสียงตะโกนดังมาจากภายใน

“สำเร็จแล้ว!  สำเร็จแล้ว!  เราทำสำเร็จแล้ว!”

เสียงของริชาร์ดจูเนียร์ยินดีปนสะอื้น

เสี่ยวเอ้อปรากฎตัวอยู่ภายในห้องค้นคว้าวิจัยทันที  ภายในตาของเขาถูกตรึงอยู่ที่สระน้ำตรงกลาง  เป็นสระน้ำสี่เหลี่ยมจัตุรัสลึกสิบเมตรภายในน้ำสีน้ำเงินเข้ม ดูคล้ายทะเล และภายในน้ำนั้นคือเปลวเพลิง

ริชาร์ดจูเนียร์มองดูเสี่ยวเอ้อและพูดอย่างตื่นเต้น “นายท่าน เราทำสำเร็จแล้ว!  สำเร็จจริงๆ ด้วย!”

เสี่ยวเอ้อควบคุมความตื่นเต้นในหัวใจเขาและถาม  “เจ้าทำสำเร็จในวัตถุวิญญาณใช่ไหม?”

“ถูกแล้ว!”  ริชาร์ด จูเนียร์ตั้งตัวได้จากอาการตื่นเต้น  และตอบทันที “ในวัตถุวิญญาณชุดแรก เราสร้างสิบสองชิ้น เราได้ส่งมันไปที่ทะเลพลังงานเพื่อให้เติบโต  ของพวกนั้นยังคงอ่อนแอ  และจำเป็นต้องได้รับพลังงานจากทะเลพลังงาน

“ทำไมต้องใส่ไว้ในทะเลพลังงาน?”  เสี่ยวเอ้อถามจริงจัง  แต่ถึงอย่างนั้นเสียงของเขาก็ยังแหลมเหมือนเด็ก

ริชาร์ดจูเนียร์ไม่ได้หัวเราะ เขารู้ว่าขุนพลวิญญาณที่ดูเหมือนเด็กนี้แข็งแกร่งทรงพลังมากจริงๆ  เขาตอบทันที“เพราะวิญญาณที่เราสังเคราะห์มีคุณลักษณะแตกต่าง และพลังงานที่พวกมันต้องการก็แตกต่างกัน ทะเลพลังงานมีพลังงานในรูปแบบต่างๆกันซึ่งเป็นแหล่งบำรุงเลี้ยงพวกมันเป็นอย่างดี”

เสี่ยวเอ้อขมวดคิ้ว ไม่เพียงแต่มันยากจะป้องกันการเติบโตภายในทะเลพลังงาน  แต่ยังจะเพิ่มความเสี่ยงด้วย  แต่เขารู้ว่าริชาร์ด จูเนียร์พูดถูกจึงถามต่อ  “ต้องใช้เวลานานเท่าใดพวกมันถึงจะมีพลังเติบโต?”

“สั้นที่สุดไม่กี่วัน  นานที่สุดก็คง 2-3 ร้อยปี”  ริชาร์ด จูเนียร์ฝืนหัวเราะ  “พวกมันคล้ายกับชีวิตเราไม่สามารถควบคุมการเติบโตของพวกมันได้”

เสี่ยวเอ้อชี้ไปที่สระ  “นั่นเรียกว่าอะไร?”

“สระทุ่งไฟ” ริชาร์ด จูเนียร์ตื่นเต้นอีกครั้งอย่างช่วยไม่ได้

ริชาร์ดจูเนียร์ที่ทุกคนเกือบลืมเขาไปแล้ว ไม่เคยยอมแพ้ เขาไม่ได้เก็บความคับข้องใจใดๆ ไว้ ถูกแล้วความคับข้องใจจะเกิดขึ้นได้ยังไง? เขามีสมบัติวิญญาณทุกอย่างสำรองไว้ให้ศึกษา  เขาไม่จะเป็นต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย  เขาไม่จำเป็นต้องระมัดระวังทุกคน  นี่เป็นชีวิตที่เขาใฝ่ฝัน

สงครามด้านนอกไม่มีอิทธิพลต่อชีวิตของเขา  เขาหมกมุ่นอยู่กับงานค้นคว้าของเขา  ชีวิตของเขาเรียบง่าย  การวิจัยค้นคว้าและทุกอย่างในตอนนี้ เขาต้องสร้างผลิตภัณฑ์การค้นคว้าเพื่อไปรายงาน

เนื่องจากเขาใช้เงินไปมากมาย เขาจึงต้องให้พวกเขารู้กระบวนการค้นคว้าของเขา  แม้ว่าเขาเองจะรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องทำก็ตาม

ชีวิตที่ผ่อนคลายของเขาแตกเป็นเสี่ยงๆเมื่อเขาส่งรายงานการค้นคว้าวิจัย ท่านปิงวิ่งกลับมาที่ห้องค้นคว้าวิจัยของเขาเป็นพิเศษ  เป็นครั้งแรกที่ท่านปิงเข้ามาในห้องค้นคว้าวิจัยของเขา

ในรายงานเขาบอกว่าเขาพบพลังงานที่เข้มข้นและจำเป็นในการสร้างพลังวิญญาณ

ท่านปิงให้คำอธิบายของทะเลอย่างละเอียดเป็นทะเลที่น่าอัศจรรย์ซึ่งมีเปลวเพลิงอยู่บนผิวน้ำ เรียกว่าทะเลทุ่งเพลิง  และความมหัศจรรย์ของมันก็คือพลังวิญญาณนั้นสร้างขึ้นมาจากทะเลนั้นนั่นเอง ท่านปิงอธิบายลักษณะเฉพาะของทะเลทุ่งเพลิงไว้เป็นพิเศษ  และริชาร์ด จูเนียร์ตระหนักได้ทันทีว่าทะเลมีความคล้ายกันมากสำหรับเนื้อหาที่เขาค้นคว้า

ท่านปิงรีบกลับออกไปที่สมรภูมิซึ่งยันกันอยู่  ขณะที่ริชาร์ดจูเนียร์หมกมุ่นอยู่กับทะเลทุ่งเพลิงที่น่าทึ่ง

และในที่สุด เขาก็ค้นคว้าชิ้นส่วนของทะเลทุ่งเพลิงได้สำเร็จ  ไม่สิ, เป็นสระทุ่งเพลิง

“เราต้องการสระทุ่งเพลิงนี้เพิ่มอีก”  เสียงของเสี่ยวเอ้อมุ่งมั่นจริงจัง  “จะไม่มีปัญหาเกี่ยวกับวัสดุและราคา  เจ้าต้องการอะไรบ้าง?”

“เราต้องการใช้กี่สระ?”  ริชาร์ด จูเนียร์ไม่มัวเอาแต่ยินดีตื่นเต้น  แต่ถามอย่างจริงจัง

เสี่ยวเอ้อตอบ  “ยิ่งมากยิ่งดี”

ริชาร์ดจูเนียร์ “....”

เสี่ยวเอ้อออกจากห้องค้นคว้าวิจัย  และจัดกลุ่มห้องปฏิบัติการเป็นพื้นที่หวงห้ามและวางระบบรักษาความปลอดภัยไว้อย่างเข้มงวด  นอกจากนี้ เขายังส่งข้อมูลไปให้ปิงอย่างรวดเร็วที่สุด  เขาจินตนาการว่าเมื่อปิงได้รับข้อมูลจะดีใจร่าเริงขนาดไหน

การสร้างทะเลทุ่งเพลิงจะส่งผลต่อพัฒนาการของสถานการณ์สงครามในอนาคต

เขารู้ถึงการดำรงคงอยู่ของทะเลทุ่งเพลิง  แต่มันคือสิ่งประหลาดตามธรรมชาติ  และแม้แต่ปิงก็ยังไม่รู้ว่ามันถูกสร้างมายังไง

ปิงไม่ได้เข้าไปดูรายละเอียดว่ากองทัพดาวกางเขนใต้เป็นเช่นไรทั้งการพัฒนาและใช้ทะเลทุ่งเพลิงเพื่อประโยชน์ของพวกเขาในอดีต แต่เสี่ยวเอ้อแน่ใจว่าความสามารถในการสร้างพลังวิญญาณจะทำให้พวกเขามีโอกาสสร้างสมบัติดวงดาวซึ่งเป็นสิ่งประดิษฐ์ใหม่ที่สามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้

แม้แต่ในสวรรค์วิถี  สมบัติดวงดาวก็ไม่สามารถผลิตได้  สวรรค์วิถีไม่ได้ขาดแคลนพลังวิญญาณ  แต่ขาดพลังงานที่เข้มข้นเพื่อให้พลังวิญญาณสร้างสมบัติดวงดาวได้

ดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์มีทะเลพลังงานไร้ที่สิ้นสุด  แต่ไม่สามารถผลิตพลังวิญญาณได้

ดังนั้นสระทุ่งเพลิงจะเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง

เสี่ยวเอ้อรู้สึกมั่นใจมากต่อสงคราม  ความสามารถเปลี่ยนโลกอยู่ในมือของพวกเขายังจะมีอะไรต้องกลัว?

‘ฮื่ม.. เจ้าโง่นั่นไม่สามารถเห็นวันสำคัญที่จะบันทึกลงในประวัติศาสตร์นี้  เขาจะต้องเสียใจจนหน้าเขียวแน่นอน’

เขานึกอย่างเสียใจ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด