ตอนที่ 769 วันสำคัญก่อนเคลื่อนกำลัง
แสงจันทร์ส่องกระจ่างบนที่ประชุมบนเขาสูง
บุรุษหนุ่มสามคนนั่งเรียงมองดูแสงในป้อมปราการไพรกระบี่
“พวกเจ้าจะเคลื่อนกำลังออกไปพรุ่งนี้แล้ว” จิ่งหาวถอนหายใจอย่างมีอารมณ์ เขาชูจอกเหล้าในมือและดื่มรวดเดียวจากนั้นเขาพึมพำ “ไม่ต้องกังวล ข้าจะปกป้องทวีปซางโจวไว้ได้แน่นอน”
หลิงซิ่วไม่ได้พูดอะไร เขาดื่มรวดเดียวแบบคว่ำจอกเช่นกัน
อาเฮ่อชูจอกเหล้าทั้งสองมือเขาดื่มอวยพรให้จิ่งหาว และดื่มช้าๆ แล้วจึงวางจอกเหล้าลง ใบหน้าที่หล่อของเขามีแววแดงระเรื่อ ตาของเขาสุกใสเหมือนดวงดาวในท้องฟ้า “มีพี่จิ่งระวังหลังให้ เราไม่ต้องกลัวความยากลำบากในแนวหลังแล้ว”
“ข้าอิจฉาพวกเจ้าทั้งสองจริงๆสามารถออกไปสู้แนวหน้าได้” จิ่งหาวอดตำหนิตัวเองไม่ได้ “น่าเสียดาย ข้ายังฉลาดไม่พอ และไม่รู้วิธีนำทหารเข้าต่อสู้”
กองทัพของทวีปกวงหมิงยกทัพมาขนานใหญ่จริงๆและแม้ปิงแบ่งแยกพวกเขาเป็นชั้นๆ แล้ว แนวหน้าก็ยังค่อนข้างตึงเครียด พวกเขาทั้งสามผ่านการฝึกฝนมาอย่างง่ายๆและอาเฮ่อมีผลงานที่ดีที่สุด เขามีสติปัญญาดีโดยธรรมชาติ และเป็นตัวเชื่อมกรรมได้ทั้งหมด สามารถรวบรวมทุกอย่างได้เร็ว ก้าวหน้าได้ไวที่สุด และในช่วงเวลาสั้นๆเขาก็ตั้งหลักได้ หลิงซิ่วไม่ได้ฉลาดปราดเปรื่องเท่ากับอาเฮ่อ แต่นิสัยส่วนตัวของเขาเหมาะสมต่อการรบ และสามารถสร้างผลกระทบที่รุนแรงในสงครามได้ เขามีพรสวรรค์ในการโจมตี และต่อสู้ระยะไกล
จิ่งหาวจะมีผลประเมินแย่สุด เขามักจะเพ่งความสนใจอยู่กับกระบี่ตั้งแต่อายุน้อย ความคิดของเขาคับแคบเกินไปและนิสัยของเขายุติธรรมและอ่อนโยน แม้ว่าพลังส่วนตัวของเขาจะแข็งแกร่งที่สุด แต่เขาไม่มีพรสวรรค์ในด้านกระบวนรบและกลศึก
จิ่งหาวถูกจัดให้เฝ้าป้องกันทวีปซางโจว ขณะที่อาเฮ่อและหลิงซิ่วต้องนำกองกำลังเข้าสู่แนวหน้าในวันต่อไป
ไม่ว่าการฝึกจะง่ายหรือไม่ก็ตามก็ยังใช้ตัดสินขุนพลทหารอย่างกว้างขวาง แต่ในเวลาที่เร่งด่วน พวกเขาไม่มีเวลาสนใจอะไรมาก แนวหน้ามีอันตรายใกล้เข้ามาทุกคน และพลังของพวกเขาทุกคนมีค่าและสำคัญทั้งนั้น ทั้งสามคนไม่มีข้อเรียกร้องอะไร พวกเขารู้ความแตกต่างระหว่างทั้งสองฝ่ายและความกดดันที่ปิงแบกรับอยู่
ความรู้สึกผิดและแววเดียวดายในคำพูดจิ่งหาวอาเฮ่อและหลิงซิ่วรู้สึกได้
หลังจากที่อยู่ด้วยกันมานานพวกเขาเติบโตจนใกล้เคียงจิ่งหาวมาก
หลิงซิ่วไม่ถนัดพูด เขาชูจอกเหล้าและดื่มอวยพรให้จิ่งหาวไม่มีอะไรจะพูดอีกหลังจากคว่ำจอก
จิ่งหาวหัวเราะ เขารินสุราอีกหนึ่งจอกและชูขึ้นจากนั้นดื่มรวดเดียว
อาเฮ่อส่ายศีรษะ “พี่จิ่ง! งานของท่านไม่ได้เบากว่าเราหรอกนะ แต่ยังหนักกว่าอีกด้วย ทวีปซางโจวคือรากฐานของพวกเรา และเป็นทางเข้าสู่สวรรค์วิถี อาวุธยุทโธปกรณ์ทุกอย่างจะต้องผ่านไปจากที่นี่ ถ้าเราเสียที่นี่ไป การสู้รบแนวหน้าจะไม่มีความหมาย”
ตาที่หมองของจิ่งหาวพลันเจิดจ้า เขากล่าวอย่างเคร่งขรึม “อาเฮ่อ, คำพูดของเจ้าทำให้ข้ารู้สึกตัว ข้าด่วนตัดสินใจเร็วเกินไป ข้าต้องปรับตัวเอง 3 จอก! ใครก็ตามที่ต้องการทวีปซางโจวต้องข้ามศพข้าไปก่อน”
จิ่งหาวดื่มสามจอกติดต่อกัน
หลิงซิ่วไม่พูดอะไรสักคำดื่มตามอีกสามจอก
“ฮึ่ม, ข้าสงสัยจริง ถังห้าวหายหัวไปไหน” จู่ๆหลิงซิ่วก็พูดขึ้นพร้อมกับรังสีอำมหิตพลุ่งขึ้น “ถ้าเขาโผล่มาต่อหน้าข้าเมื่อไหร่ ข้าจะเอาหอกจิ้มให้ตาย คอยดู!”
“ข้าคิดว่าคงมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น” จิ่งหาวขมวดคิ้ว จากนั้นเขาผ่อนคลายเพิ่มขึ้น“แต่ปิงบอกว่าเขายังไม่ตาย, ข้าคิดว่าเขาคงพยายามเร่งหาทางกลับมาเช่นกัน คงจะดีขึ้นเมื่อเขากลับมา เขาจะต้องมีหนทางแน่นอน”
จิ่งหาวมั่นใจในตัวถังเทียน เขาเชื่อว่าเมื่อถังเทียนปรากฏตัว เขาจะมีวิธีทำให้พวกเขาผ่านเวลาที่ยากลำบากไปได้
หลิงซิ่วแค่นเสียงเย้ยหยัน “ท่านก็ยังฝากความหวังไว้กับเจ้างี่เง่านั่น,ไร้เดียงสาเกินไปแล้ว!”
อาเฮ่อยิ้ม เขาอดคิดถึงเรื่องในอดีตไม่ได้ และเริ่มพูดอย่างตรงไปตรงมา “ถึงตอนนี้ ข้าต้องเห็นด้วยกับพี่จิ่ง แม้ว่าจะมีหลายครั้งที่ถังห้าวไม่น่าเชื่อถืออยู่บ้าง แต่เขามักจะทำเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ให้สำเร็จได้เสมอ เจ้าไม่คิดว่าสถานการณ์ข้างหน้าของเราเป็นการจงใจเตรียมไว้เพื่อเขาหรือ?”
หลิงซิ่วยิ่งโกรธมากขึ้น เขาถลึงตามองอาเฮ่อ “เจ้าอยากสู้กับข้างั้นหรือ?”
อาเฮ่อรู้ว่าเขาก่อกวนหลิงซิ่วได้สำเร็จแล้ว เขาและจิ่งหาวมองหน้ากันเองและหัวเราะ จากนั้นเติมสุราในจอกและดื่มต่ออีก
“พวกเจ้าต้องระวังไว้ให้ดี ถ้าล้มเหลวต้องรักษาชีวิตของพวกเจ้าไว้สำคัญที่สุด” จิ่งหาวพูดด้วยความกังวล “พวกเจ้าไม่ใช่ขุนศึกแท้ๆ และพวกเจ้าต้องลงสู่สมรภูมิทั้งที่แค่ฝึกกันมาอย่างง่ายๆ”
หลิงซิ่วปาดเหล้าออกจากมุมปากและกล่าว “ไม่สำคัญ เราจะเคยชินกับมันหลังจากผ่านการสู้รบไปสักสองสามครั้ง”
อาเฮ่อพยักหน้า“มีขุนพลที่มีชื่อเสียงหลายคนที่กลับมีชื่อเสียงเมื่อครึ่งทางชีวิตของพวกเขา เราทั้งสองก็มีพลังระดับสูง ถ้าสถานการณ์ไม่เลวร้ายการหลบหนีไม่น่าเป็นปัญหา พี่จิ่ง! ท่านไม่ต้องกังวล”
“ข้าคิดว่านี่จะเป็นจอกสุดท้ายของข้า” จิ่งหาวมองดูไฟที่โชติช่วงข้างล่าง และคิดถึงวิธีที่เขารู้สึกตอนได้ชื่อตัวเองตั้งแต่ที่เขาเริ่มต้น เขารินใส่จอกจนเต็มอีกครั้ง และดื่มอวยพร “ขออวยพรให้นำชัยชนะกลับบ้าน!”
“เพื่อชัยชนะ และกลับบ้าน!”
หลิงซิ่วและอาเฮ่อเปล่งเสียงดังพร้อมกัน และรู้สึกเหมือนมีเพลิงลุกโหมอยู่ในอก พวกเขามองหน้ากันและดื่มเหล้าในจอก เหล้าบางส่วนไหลออกจากมุมปากพวกเขา แม้แต่อาเฮ่อที่ให้ความสำคัญกับมารยาทก็ยังปล่อยวางทุกอย่างในขณะนั้น
เหล้าที่ไหลลงคอพวกเขาเหมือนกับไฟ พวกเขาต่างคนต่างคว่ำจอกมองหน้ากันและหัวเราะลั่น
เสียงหัวเราะของพวกเขาดังสะท้อนไปไกล
ป้อมไพรกระบี่ที่สว่างไสวอยู่ในความยุ่งเหยิงมากขณะนี้
เสี่ยวเอ้อมองดูสมบัติวิญญาณในมือของเขา และแสดงสีหน้าพอใจ ภายใต้บรรยากาศกองทัพที่ยิ่งใหญ่ พลังที่แต่ละคนครอบครองอยู่ยังตระหนักรู้ได้น้อย ดังนั้นเขาตัดสินใจรับผิดชอบในเรื่องอุปกรณ์ สมบัติวิญญาณสามารถเพิ่มพลังให้ขุนพลทหารได้ ซึ่งได้รับการพิสูจน์แล้วจากสือเซินและเซี่ยอวี่อัน เนื่องจากเขาไม่สามรถทำงานในเรื่องปริมาณได้ เขาได้แต่แลกกับคุณภาพ
แต่สมบัติวิญญาณเพียงใช้งานเข้ากันได้กับขุนพลทหาร ขณะที่ทหารได้สมบัติดวงดาวช่วยเหลือต้องการราคาที่สูงกว่า
เดิมที่ถังเทียนนำสมบัติดวงดาวมานับไม่ถ้วน แต่พอกองทัพขยายเติบโต สมบัติดวงดาวจึงไม่เพียงพอ จากนั้นเสี่ยวเอ้อเริ่มผสานปรับแต่งสมบัติวิญญาณสองสามชิ้นและปรับแต่อาวุธทองดำเป็นจำนวนมาก เป็นการทำงานหนักอย่างต่อเนื่องของเสี่ยวเอ้อทำให้อาวุธทองดำของทวีปซางโจวเพิ่มพลังขึ้นมาอีกหลายเท่า การเพิ่มคุณภาพของอาวุธยุทโธปกรณ์โดยรวมทำให้พันธมิตรใต้ได้รับความนิยมอย่างมาก
ทันใดนั้นเสี่ยวเอ้อรู้สึกถึงบางอย่าง ตาของเขาเบิกกว้าง ‘นี่มัน…’
ร่างของเขาหายไปทันที
วินาทีต่อมาเขามาปรากฏอยู่ด้านนอกห้องค้นคว้าวิจัย แม้ว่าเขาจะถูกผนังกั้นไว้จากภายใน แต่เขาก็ได้ยินเสียงตะโกนดังมาจากภายใน
“สำเร็จแล้ว! สำเร็จแล้ว! เราทำสำเร็จแล้ว!”
เสียงของริชาร์ดจูเนียร์ยินดีปนสะอื้น
เสี่ยวเอ้อปรากฎตัวอยู่ภายในห้องค้นคว้าวิจัยทันที ภายในตาของเขาถูกตรึงอยู่ที่สระน้ำตรงกลาง เป็นสระน้ำสี่เหลี่ยมจัตุรัสลึกสิบเมตรภายในน้ำสีน้ำเงินเข้ม ดูคล้ายทะเล และภายในน้ำนั้นคือเปลวเพลิง
ริชาร์ดจูเนียร์มองดูเสี่ยวเอ้อและพูดอย่างตื่นเต้น “นายท่าน เราทำสำเร็จแล้ว! สำเร็จจริงๆ ด้วย!”
เสี่ยวเอ้อควบคุมความตื่นเต้นในหัวใจเขาและถาม “เจ้าทำสำเร็จในวัตถุวิญญาณใช่ไหม?”
“ถูกแล้ว!” ริชาร์ด จูเนียร์ตั้งตัวได้จากอาการตื่นเต้น และตอบทันที “ในวัตถุวิญญาณชุดแรก เราสร้างสิบสองชิ้น เราได้ส่งมันไปที่ทะเลพลังงานเพื่อให้เติบโต ของพวกนั้นยังคงอ่อนแอ และจำเป็นต้องได้รับพลังงานจากทะเลพลังงาน
“ทำไมต้องใส่ไว้ในทะเลพลังงาน?” เสี่ยวเอ้อถามจริงจัง แต่ถึงอย่างนั้นเสียงของเขาก็ยังแหลมเหมือนเด็ก
ริชาร์ดจูเนียร์ไม่ได้หัวเราะ เขารู้ว่าขุนพลวิญญาณที่ดูเหมือนเด็กนี้แข็งแกร่งทรงพลังมากจริงๆ เขาตอบทันที“เพราะวิญญาณที่เราสังเคราะห์มีคุณลักษณะแตกต่าง และพลังงานที่พวกมันต้องการก็แตกต่างกัน ทะเลพลังงานมีพลังงานในรูปแบบต่างๆกันซึ่งเป็นแหล่งบำรุงเลี้ยงพวกมันเป็นอย่างดี”
เสี่ยวเอ้อขมวดคิ้ว ไม่เพียงแต่มันยากจะป้องกันการเติบโตภายในทะเลพลังงาน แต่ยังจะเพิ่มความเสี่ยงด้วย แต่เขารู้ว่าริชาร์ด จูเนียร์พูดถูกจึงถามต่อ “ต้องใช้เวลานานเท่าใดพวกมันถึงจะมีพลังเติบโต?”
“สั้นที่สุดไม่กี่วัน นานที่สุดก็คง 2-3 ร้อยปี” ริชาร์ด จูเนียร์ฝืนหัวเราะ “พวกมันคล้ายกับชีวิตเราไม่สามารถควบคุมการเติบโตของพวกมันได้”
เสี่ยวเอ้อชี้ไปที่สระ “นั่นเรียกว่าอะไร?”
“สระทุ่งไฟ” ริชาร์ด จูเนียร์ตื่นเต้นอีกครั้งอย่างช่วยไม่ได้
ริชาร์ดจูเนียร์ที่ทุกคนเกือบลืมเขาไปแล้ว ไม่เคยยอมแพ้ เขาไม่ได้เก็บความคับข้องใจใดๆ ไว้ ถูกแล้วความคับข้องใจจะเกิดขึ้นได้ยังไง? เขามีสมบัติวิญญาณทุกอย่างสำรองไว้ให้ศึกษา เขาไม่จะเป็นต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย เขาไม่จำเป็นต้องระมัดระวังทุกคน นี่เป็นชีวิตที่เขาใฝ่ฝัน
สงครามด้านนอกไม่มีอิทธิพลต่อชีวิตของเขา เขาหมกมุ่นอยู่กับงานค้นคว้าของเขา ชีวิตของเขาเรียบง่าย การวิจัยค้นคว้าและทุกอย่างในตอนนี้ เขาต้องสร้างผลิตภัณฑ์การค้นคว้าเพื่อไปรายงาน
เนื่องจากเขาใช้เงินไปมากมาย เขาจึงต้องให้พวกเขารู้กระบวนการค้นคว้าของเขา แม้ว่าเขาเองจะรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องทำก็ตาม
ชีวิตที่ผ่อนคลายของเขาแตกเป็นเสี่ยงๆเมื่อเขาส่งรายงานการค้นคว้าวิจัย ท่านปิงวิ่งกลับมาที่ห้องค้นคว้าวิจัยของเขาเป็นพิเศษ เป็นครั้งแรกที่ท่านปิงเข้ามาในห้องค้นคว้าวิจัยของเขา
ในรายงานเขาบอกว่าเขาพบพลังงานที่เข้มข้นและจำเป็นในการสร้างพลังวิญญาณ
ท่านปิงให้คำอธิบายของทะเลอย่างละเอียดเป็นทะเลที่น่าอัศจรรย์ซึ่งมีเปลวเพลิงอยู่บนผิวน้ำ เรียกว่าทะเลทุ่งเพลิง และความมหัศจรรย์ของมันก็คือพลังวิญญาณนั้นสร้างขึ้นมาจากทะเลนั้นนั่นเอง ท่านปิงอธิบายลักษณะเฉพาะของทะเลทุ่งเพลิงไว้เป็นพิเศษ และริชาร์ด จูเนียร์ตระหนักได้ทันทีว่าทะเลมีความคล้ายกันมากสำหรับเนื้อหาที่เขาค้นคว้า
ท่านปิงรีบกลับออกไปที่สมรภูมิซึ่งยันกันอยู่ ขณะที่ริชาร์ดจูเนียร์หมกมุ่นอยู่กับทะเลทุ่งเพลิงที่น่าทึ่ง
และในที่สุด เขาก็ค้นคว้าชิ้นส่วนของทะเลทุ่งเพลิงได้สำเร็จ ไม่สิ, เป็นสระทุ่งเพลิง
“เราต้องการสระทุ่งเพลิงนี้เพิ่มอีก” เสียงของเสี่ยวเอ้อมุ่งมั่นจริงจัง “จะไม่มีปัญหาเกี่ยวกับวัสดุและราคา เจ้าต้องการอะไรบ้าง?”
“เราต้องการใช้กี่สระ?” ริชาร์ด จูเนียร์ไม่มัวเอาแต่ยินดีตื่นเต้น แต่ถามอย่างจริงจัง
เสี่ยวเอ้อตอบ “ยิ่งมากยิ่งดี”
ริชาร์ดจูเนียร์ “....”
เสี่ยวเอ้อออกจากห้องค้นคว้าวิจัย และจัดกลุ่มห้องปฏิบัติการเป็นพื้นที่หวงห้ามและวางระบบรักษาความปลอดภัยไว้อย่างเข้มงวด นอกจากนี้ เขายังส่งข้อมูลไปให้ปิงอย่างรวดเร็วที่สุด เขาจินตนาการว่าเมื่อปิงได้รับข้อมูลจะดีใจร่าเริงขนาดไหน
การสร้างทะเลทุ่งเพลิงจะส่งผลต่อพัฒนาการของสถานการณ์สงครามในอนาคต
เขารู้ถึงการดำรงคงอยู่ของทะเลทุ่งเพลิง แต่มันคือสิ่งประหลาดตามธรรมชาติ และแม้แต่ปิงก็ยังไม่รู้ว่ามันถูกสร้างมายังไง
ปิงไม่ได้เข้าไปดูรายละเอียดว่ากองทัพดาวกางเขนใต้เป็นเช่นไรทั้งการพัฒนาและใช้ทะเลทุ่งเพลิงเพื่อประโยชน์ของพวกเขาในอดีต แต่เสี่ยวเอ้อแน่ใจว่าความสามารถในการสร้างพลังวิญญาณจะทำให้พวกเขามีโอกาสสร้างสมบัติดวงดาวซึ่งเป็นสิ่งประดิษฐ์ใหม่ที่สามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้
แม้แต่ในสวรรค์วิถี สมบัติดวงดาวก็ไม่สามารถผลิตได้ สวรรค์วิถีไม่ได้ขาดแคลนพลังวิญญาณ แต่ขาดพลังงานที่เข้มข้นเพื่อให้พลังวิญญาณสร้างสมบัติดวงดาวได้
ดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์มีทะเลพลังงานไร้ที่สิ้นสุด แต่ไม่สามารถผลิตพลังวิญญาณได้
ดังนั้นสระทุ่งเพลิงจะเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง
เสี่ยวเอ้อรู้สึกมั่นใจมากต่อสงคราม ความสามารถเปลี่ยนโลกอยู่ในมือของพวกเขายังจะมีอะไรต้องกลัว?
‘ฮื่ม.. เจ้าโง่นั่นไม่สามารถเห็นวันสำคัญที่จะบันทึกลงในประวัติศาสตร์นี้ เขาจะต้องเสียใจจนหน้าเขียวแน่นอน’
เขานึกอย่างเสียใจ