ตอนที่ 58 สัญญาณวิทยุจากในค่ายลี้ภัย(อ่านฟรี08/02/2566)
ตอนที่ 58 สัญญาณวิทยุจากในค่ายลี้ภัย
ผู้ติดเชื้อจำนวนเกือบหมื่นตัววิ่งเข้าชนใส่รั่วเหล็กที่กั้นแยกระหว่างเรนกับพวกมันจนรั้วนั้นล้มลงมาทับใส่เต็นท์พยาบาล
“วิ่ง ๆ ๆ”
เรนกับผู้กองเชนทั้งสองหันหลังถอยพากันวิ่งหนีไปที่ประตู โดยไม่สนใจสิ่งใด เรนนั้นไปถึงก่อนผู้กองเชน เขารีบหันไปจับประตูเตรียมปิดประตู
พอผู้กองเชนนั้นวิ่งออกมาเรนก็ปิดประตูในทันที เสียงของผู้ติดเชื้อวิ่งชนประตูเหล็กอย่างต่อเนื่อง โชคดีที่ประตูนั้นแข็งแรงในระดับหนึ่ง ทำให้มันไม่พังลงมาเหมือนรั้วเหล็ก
“มันบ้าอะไรวะ!” ผู้กองเชนสบถออกมาและหันไปเตะฝุ่นด้วยความผิดหวัง
เรนเองก็โมโหและผิดหวังก็ไม่ต่างกัน ค่ายที่พวกเขาหวังพึ่งพากลับกลายเป็นดินแดนของผู้ติดเชื้อไปแล้ว
“เรน เกิดอะไรขึ้น” เสียงวิทยุในมือของเรนดังขึ้นมาอีกครั้ง
“ค่ายลี้ภัยไม่มีอีกแล้ว มันมีแต่ผู้ติดเชื้อ” เรนตอบวิทยุไป แต่ตอนนั้นเองก็มีบางสิ่งเกิดขึ้นที่บนกำแพง มีผู้ติดเชื้อปืนขึ้นไปตามบันไดด้านหลังกำแพง ซึ่งเป็นทางที่ใช้ขึ้นลงเพื่อเฝ้ายาวตามแนวกำแพง
“เชี่ยแล้วไง” เรนปลดวิทยุในมือลง พร้อมกับถอยหลัง ก่อนจะค่อย ๆ วิ่งหนีทันที
ผู้กองเชนก็มีปฏิกิริยาแบบเดียวกับเรน พวกเขารีบวิ่งตามมาด้านหลัง
ผู้ติดเชื้อที่ขึ้นไปบนกำแพงตู้คอนเทนเนอร์ได้แล้วมันก็กระโดดลงมาด้านล่างหน้ากระแทกพื้น มีบางตัวที่หัวกระแทกพื้นจนตาย แต่ส่วนใหญ่ยังลุกขึ้นมาวิ่งไล่ตามได้ต่อ
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย”
เสียงร้องโหยหวนของผู้ติดเชื้อพูดได้ดังขึ้นมาไม่หยุด ดูเหมือนก่อนตายพวกผู้ลี้ภัยส่วนใหญ่จะยังคงร้องขอให้ใครสักคนมาช่วยพวกเขา จนมันฝังอยู่ในความทรงจำก่อนตายซะแล้ว
“กลับรถ ออกไปจากที่นี่” เรนบอกในวิทยุ แต่ที่นี่ไม่ต้องบอกคนที่อยู่บนรถก็เห็นทุกสิ่งแล้ว หลินรีบวิ่งลงไปจากรถบัส ตรงไปที่รถกระบะ ผู้กองเชนทิ้งกุญแจไว้ในรถ ดังนั้นถือจึงติดเครื่องและรีบขับไปรับทั้งสองคนในทันที ขณะที่รถบัสโรงเรียนนั้นเลี้ยวกลับและขับออกจากตรงนี้ทันที
เรนกระโดดขึ้นไปบนรถ ขณะที่ผู้กองเชนนั้นหันไปยิงพวกมันด้วยปืนM16A4 ที่หยิบขึ้นมาก่อนหน้านั้นใส่ผู้ติดเชื้อบางตัวที่เกือบจะไล่ตามมาทัน
ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!
เสียงปืนดังขึ้นไม่หยุดผู้ติดเชื้อล้มลงตาย
รถกระบะขับออกมา ผู้กองเชนรีบหันกลับไปวิ่งตามพยายามขึ้นไปท้ายกระบะ
“ผู้กอง” เรนยื่นมือไปให้ผู้กองเชน
ผู้กองเชนรีบคว้ามือ ก่อนที่เรนจะดึงผู้กองเชนขึ้นมาได้สำเร็จ
รถออฟโรดคันสีดำขับหนีตามรถบัสโรงเรียนไปในทันที
ผู้ติดเชื้อที่ออกมาด้านนอกไล่ตามพวกเขามา แต่ส่วนใหญ่ยังอยู่ด้านหลังกำแพงค่ายลี้ภัย
“มีใคร...ได้...ยินไหม”
“ใคร...ยินไหม”
ขณะที่เรนและผู้กองกำลังหอบหายใจกันอยู่ก็มีเสียงวิทยุดังขึ้นมา เรนรีบยกมันขึ้นมา ก่อนจะมีสีหน้าสงสัย เพราะเสียงจากวิทยุนั้นมันไม่ใช่กลุ่มที่อยู่บนรถบัส
เรนเร่งเสียงขึ้นมา
“สวัสดี พวกคุณเป็นใคร” เรนตอบวิทยุกลับไป
ครั้งนี้เสียงสัญญาณเริ่มชัดมากขึ้น
“พวกคุณ...ได้ยินพวกเรา พวกเราคือคนที่ติดอยู่ในค่าย” เสียงจากอีกฝั่งของวิทยุตอบกลับมา
เรนและผู้กองเชนมองหน้ากันอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าด้านในค่ายยังมีกลุ่มคนที่รอดชีวิตอยู่
“พวกคุณคือคนที่ยิงปืนและสู้กับผู้ติดเชื้อที่หน้าค่ายใช่ไหม”
“ใช่”
“พวกคุณไม่เป็นอะไรกันใช่ไหม ยังปลอดภัยกันดีนะ”
“ใช่ พวกเราไม่เป็นอะไร”
“พระเจ้าขอบคุณ พวกคุณมาช่วยพวกเราได้ไหม ช่วยพวกเราออกไปจากค่ายนี้ พวกเราติดที่นี่มา 4 วันแล้ว”
เรนขมวดคิ้วในทันที
“ในกลุ่มพวกคุณมีหมอรอดอยู่ไหม” เรนวิทยุถามกลับไป
“มี ๆ พวกคุณจะมาช่วยพวกเราใช่ไหม” เสียงอีกฝั่งถามย้ำอีกครั้ง
“ผมตัดสินใจไม่ได้ ไว้จะติดต่อกลับไป” เรนตอบกลับ ก่อนจะปิดวิทยุลงด้วยสีหน้าครุ่นคิด
“เราทำไม่สำเร็จแน่นอน” ผู้กองเชนพูดขึ้นมา
“อืม” เรนพยักหน้าเห็นด้วย ผู้ติดเชื้อมากเกินไป มันเกือบหมื่นเลย เป็นจำนวนที่พวกเขาลงมือฆ่าก็คงไม่หมดง่าย ๆ
...
รถของพวกเขาขับออกไปให้ไกลจากค่ายลี้ภัยแห่งนี้
พวกเขาจอดรถเพื่อดูว่าจะไปหลบที่ไหนได้บ้างในตอนนี้ เพราะค่ายนั้นกลายเป็นดินแดนของผู้ติดเชื้อไปซะแล้ว
“ฉันรู้ที่นี่หนึ่ง มันปลอดภัย แต่ว่าคงเก่าหน่อย” ลุงบุญพูดขึ้นมา
“งั้นไปที่นั่นเลย” เรนตอบตกลงทันที เพราะไม่มีเวลามาคิดมากนัก เนื่องจากด้านหลังพวกเขายังมีผู้ติดเชื้อไล่ตามมาอีกมาก
รถบัสขับนำทางไปดูเหมือนลุงบุญจะรู้เส้นทางแถวนี้เป็นอย่างดี เขาขับออกจากถนนหลัก ลงไปยังเส้นทางรองและเขาไปยังเส้นทางดิน ขับลึกไปยังสถานที่ไม่มีบ้านคน
ก่อนจะเข้าไปในเส้นทางที่ลึกเข้าไปในป่าหน่อย ๆ สุดทางนั้นมีโรงเลื่อยไม้เก่าที่ถูกปิดไปแล้ว
“นี่คือโรงเลื่อยไม้ สมัยหนุ่ม ๆ ฉันเคยทำงานที่นี่ แต่เกิดคดีฆ่ากันมันจึงถูกสั่งปิด” ลุงบุญกล่าว ก่อนจะเดินไปเปิดประตู ซึ่งก็ยังเปิดได้
คนอื่น ๆ ลงจากรถและมองไปรอบ ๆ อย่างสนใจ
“เราหลบที่นี่กันก่อน” เรนตัดสินใจที่จะพักที่นี่ เพราะพวกเขามีเรื่องต้องคิดและปรึกษากัน
พวกเขาเริ่มแบ่งหน้าที่กันไปทำงาน เรนและผู้กองเชนพากันเดินสำรวจรอบ ๆ เพราะสถานที่นี้ใกล้กับป่า มันอาจจะมีตัวอันตรายอย่างสัตว์กลายพันธุ์อยู่ ส่วนคนอื่น ๆ ก็เก็บกวาดด้านในโรงเลื่อยไม้แห่งนี้
โรงเลื่อยไม้นั้นแบ่งออกเป็นสามที่ คือส่วนโกดังเก็บไม้ ส่วนของโรงเลื่อยและที่พักคนงาน พวกเขาเริ่มจากที่นี่ก่อน มันดูเก่า เต็มไปด้วยฝุ่นและไม่มีร่องรอยของคนมานานแล้ว
พวกเขาเก็บกวาดพอให้พักกันได้
รอบ ๆ ไม่กว้างมากนัก ดังนั้นเรนและผู้กองเชนนั้นจึงเดินสำรวจไม่นาน มันไม่มีสัตว์กลายพันธุ์อะไรอยู่แถว ๆ นี้
ผู้กองเชนเดินไปอุ้มรินดาเข้ามานอนพักที่ด้านใน ตอนนี้เธอรู้สึกตัวแล้ว แต่ยังคงมีอาการอ่อนแรงอย่างเห็นได้ชัด แถมสีหน้าก็เต็มไปด้วยความเจ็บปวดอยู่ตลอดเวลา
ไอราเอายาแก้อักเสบและยาลดไข้กับเธอจำนวนหนึ่ง ทำให้สีหน้าของเธอนั้นดีขึ้นมาบ้าง
“เราต้องทำแผล” หลินเดินเข้ามาบอก แผลของรินดานั้นอันตรายมาก ถ้าล้างแผลไม่สะอาดมันอาจจะอักเสบจนติดเชื้อได้
“ทำเลยฉันไม่เป็นอะไร” รินดากล่าวด้วยเสียงอ่อนแรง
พวกเธอเริ่มจากล้างแผลด้วยน้ำสะอาดจากนั้นก็ใช้แอลกอฮอล์ล้างแผลเช็ดไปรอบ ๆ บาดแผล แต่ระวังไม่ให้โดนที่แผลโดยตรง ก่อนจะพันแผลด้วยผ้าพันแผลและใส่ยา พวกเธอทั้งสองช่วยกันทำเท่าที่จะทำได้
ส่วนรินดานั้นเธอร้องด้วยความเจ็บปวด โดยเฉพาะขึ้นตอนแกะผ้าที่อยู่ตรงแผลออกและล้างแผล มันถึงกับทำให้เธอนั้นหมดแรงทันทีที่ทำแผลเสร็จ
หลังจากแผลของรินดาเสร็จก็ถึงคราวของลี ไอราไปดูเด็กสาวมินนา ส่วนหลินไปทำแผลให้กับลี
พอเปิดผ้าพันแผลของลีออกมาหลินก็ขมวดคิ้วในทันที
“มันแย่เหรอ” ลีถามด้วยสีหน้ากลัว ๆ
“นิดหน่อย” หลินมองดูแผลที่ออกคล้ำ ๆ และมีหนองของลี ก่อนจะเริ่มล้างแผลเท่าที่จะทำได้ จากนั้นก็ใส่ยาปิดแผลคืนไป
ลีรู้สึกปวดแผลมาก แต่พอกินยาก็บรรเทาลงได้บ้าง
หลินถือเศษผ้าที่มีเลือดติดอยู่ออกมา ก่อนจะพูดกับเรนและผู้กองเชนว่า “เราต้องการหมอ แผลของลีดูไม่ค่อยดี ส่วนของรินดายังทรงตัวอยู่ แต่มันอาจจะหนักขึ้นกว่านี้ ต้องให้หมอมาดูอาการพวกเขา”
“ที่จริงก็พอมีอยู่” เรนพูดขึ้นมา ก่อนจะเรียกคนอื่น ๆ มารวมกัน ยกเว้นรินดาและลี ส่วนมินนาคอยดูอยู่ข้าง ๆ รินดา
เรน หลินผู้กองเชน ไอราและลงบุญทั้งสองกำลังนั่งกันอยู่ด้านนอกที่มีกองไฟก่อขึ้นมา หลินโยนผ้าทั้งหมดเผาในกองไฟ เพื่อไม่ให้ผ้าที่เปื้อนเลือดเหล่านี้ดึงดูดผู้ติดเชื้อ
หลังจากนั้นเรนก็เล่าถึงเรื่องวิทยุและคนรอดชีวิตที่ค่ายลี้ภัย ก่อนจะบอกว่าพวกเขาเหล่านั้นมีหมอด้วย
“พวกเราต้องการหมอ แถมยังต้องการข้อมูลจากคนที่รอดในค่ายด้วย แต่ว่าการไปช่วยพวกเขานั้นอันตรายมาก ดังนั้นผมคนเดียวคงตัดสินใจไม่ได้” เรนถามความเห็นของทุกคน
พอได้ยินเรื่องราวทุกคนก็พากันเงียบลงไป พวกเขากำลังตัดสินใจกันอยู่ว่าจะเอายังไง
“นายควรถามถึงของที่พวกเขามี โดยเฉพาะอาวุธปืน ถ้าพวกนั้นมีมากพอเราก็ควรจะไปช่วย” ผู้กองเชนกล่าวขึ้นมา
“อืม” เรนรับความเห็น
“เราต้องการหมอ ถ้าปล่อยไว้สองคนนั้นอาจจะไม่รอด ดังนั้นฉันเห็นด้วยที่จะไปช่วยพวกนั้นออกมา” หลินกล่าวขึ้นมา
ไอราพยักหน้าตกลงเงียบ ๆ
“เฮ้อ ฉันแก่แล้ว แต่ก็ยังขับรถไหว” ลุงบุญกล่าว
เรนมองทุกคนและดูเหมือนว่าพวกเขานั้นจะตกลงไปช่วยคนพวกนั้นออกมา มันไม่ใช่แค่การไปพาหมอมา แต่ยังรวมถึงอาวุธปืนและข้อมูล ถ้าพวกเขาต้องการรอดก็ควรจะมีของเหล่านี้ให้มาก ๆ
หลังตกลงกันได้ทุกคนนั้นก็เริ่มเตรียมอาหารเย็นกัน เพราะอีกไม่กี่ชั่วโมงอาทิตย์ก็จะตกดินแล้ว
เรนเดินออกมานั่งเงียบ ๆ มุมหนึ่ง ผู้กองเชนเดินเข้ามาใกล้เรนและพูดกับเขาเป็นการส่วนตัวว่า
“ตอนนี้ค่ายไม่มีแล้ว นายจะเอายังไงต่อ หาค่อยอื่น ๆ หรือหาที่อยู่เป็นหลักแหล่ง”
“ผมยังไม่ทันได้คิดถึงเรื่องเหล่านั้น”
“นายควรจะคิดได้แล้ว ตอนนี้นายเหมือนกลายเป็นผู้นำกลุ่มอยู่ ถ้ายังพาทุกคนเดินทางอย่างไร้จุดหมายไปเรื่อย ๆ พวกเขาจะตายลง” ผู้กองเชนกล่าวจบ ก่อนจะส่งบุหรี่ให้เรนตัวหนึ่ง
“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ ผมจะเอามันไปคิด” เรนกล่าว