ตอนที่ 57 มาถึงค่ายลี้ภัยเมืองหินเหล็ก(อ่านฟรี07/02/2566)
ตอนที่ 57 มาถึงค่ายลี้ภัยเมืองหินเหล็ก
ในจุดที่พวกเขาอยู่มีผู้ติดเชื้อกำลังก้มเลียน้ำที่ขังอยู่ที่พื้น ซึ่งมันมีบาดแผลของลีปะปนอยู่ตอนที่เขาเคยล้มไปใส่ จมูกของผู้ติดเชื้อนั้นดีมาก ทำให้มันโดนดึงดูดโดยน้ำเหล่านั้น
เรนวิ่งเข้ามากระทืบไปที่หัวของมันจนคือหักไปกับพื้นและใช้ความฟันอีกตัวด้วยจนหัวของมันแบะออกตายจมหลุมน้ำขังที่พื้น
“ผมจะถ่วงเวลาให้” เรนพูดกับผู้กองเชน ก่อนจะวิ่งเข้าไปซัดกับพวกผู้ติดเชื้อและใช้รูนิกปืนลูกซองยิงใส่พวกมัน หลังจากพลังงานลดลงไประดับหนึ่ง เรนก็ใช้ขวานสู้กับพวกมันต่อ
เขาถือโอกาสเก็บรวบรวมไอเทม ไม่ว่าจะเป็นเหรียญทองระบบ หินรูนิก หินพลังงาน เขาเก็บมันทั้งหมด
ด้านของผู้กองเชนก็รีบใส่ล้อรถด้วยความเร่งรีบ ตอนนั้นก็มีเสียงคำรามดังขึ้นมาจากซอยที่พวกเขาพึ่งขับหนีออกมา
ผู้กองเชนโผล่หน้าขึ้นไปมองดูก็เห็นว่ามีผู้ติดเชื้อหลักพันกำลังวิ่งตรงมายังพวกเขา
“เชี่ยแล้วไง” ผู้กองเชนรีบก้มลงไปขันนอตล้อรถด้วยความเร็วสูง
“ไป! รีบไป” เรนตะโกนบอกรถบัสให้ขับออกไปก่อน เพราะมันจะยิ่งอันตราย
คนบนรถบัสโรงเรียนถึงกับมีใบหน้าซีดขาวด้วยความตื่นกลัว เมื่อมองภาพที่ผู้ติดเชื้อนับพัน ๆ ตัววิ่งที่กำลังวิ่งมาหวังจะเขมือบพวกเขา
“เรา เราต้องไปแล้ว” ลีพูดเสียงสั่น
“เรนและผู้กองเชนยังไม่มา” ไอรากล่าว
“เราต้องไปตอนนี้ ต้องเชื่อใจเรน” หลินพูดออกมาหลังจากได้ยินเสียงตะโกนบอกของเรน
“ให้ฉันขับได้ไหม” ลุงบุญเดินเข้ามาบอกกับหลิน
“คุณขับได้เหรอ” หลินหันไปถามด้วยความสงสัย
“เป็น ฉันเคยขับรถบัสมาก่อนจะมาเป็นภารโรง” ลุงบุญบอกกับเธอ
หลินได้ยินก็ตกลง เธอลุกและยกที่นั่งคนขับให้กับลุงบุญในทันที
รถบัสถูกขับออกไปอย่างรวดเร็ว
ด้านของเรนเมื่อเห็นว่ารถบัสหนีไปแล้วก็หันไปพูดกับผู้กองเชน
“ผู้กอง เสร็จหรือยัง”
“เสร็จแล้ว” ผู้กองโยนเครื่องมือต่าง ๆ ไปที่หลังรถทันที ก่อนจะรีบวิ่งไปยังที่นั่งฝั่งคนขับ เขาติดเครื่องและหันไปตะโกน “เรนมาเร็ว”
เรนที่วิ่งไปสู้กับผู้ติดเชื้อก็วิ่งกลับไปและกระโดดขึ้นหลังรถ
“ไป! ๆ”
รถออฟโรดขับออกไปด้วยความเร็วสูงจนล้อนั้นปัดซ้ายขวาเล็งน้อย ตอนนั้นเองผู้ติดเชื้อนับพัน ๆ ตัวก็ไล่มาจนถึงด้านหลัง พวกมันบางตัวกระโดดจับที่ท้ายของรถ
แม้รถจะวิ่งอยู่ แต่ผู้ติดเชื้อเหล่านั้นก็ไม่ยอมปล่อยมือแถมยังมีตัวอื่น ๆ พากันกระโดดเกาะผู้ติดเชื้อจนลากยาวไปเรื่อย ๆ ทำให้รถนั้นช้าลงเรื่อย ๆ เพราะน้ำหนักที่มากเกินไป
“บ้าจริง” เรนรีบใช้ขวานสับไปที่มือของผู้ติดเชื้อที่จับท้ายรถเหล่านั้น
มีบางตัวที่ปืนขึ้นมาบนลำตัวของผู้ติดเชื้อและกระโดดใส่เรน เรนกำหมัดต่อยสวนมันไปกลางอากาศ ก่อนจะยกขวานขึ้นสุดกำลังและฟันใส่หัวของผู้ติดเชื้อที่เกาะกระบะท้ายอยู่
ฉับ!
ขวานสับมือของมันจนขาด ทำให้ผู้ติดเชื้อที่เกาะอยู่ ไม่สามารถเกาะต่อไปได้อีกสุดท้ายมือของพวกมันก็หลุดและไถลไปกับพื้น ทำให้ผู้ติดเชื้อที่เกาะ ๆ กันมาหลุดไปด้วยเหมือนกับแพผู้ติดเชื้อขนาดใหญ่
รถออฟโรดที่เร่งความเร็วตลอด พอเบาลงมันก็พุ่งไปอย่างรวดเร็วบนถนน
“จบสักที” เรนถอนหายใจอย่างโล่งอก ขณะที่มองดูผู้ติดเชื้อที่ลุกขึ้นมาและพยายามวิ่งตาม แต่สุดท้ายพวกผู้ติดเชื้อก็ไม่อาจจะไล่ตามทันมันคาดจากพวกเขาตอนที่รถเลี้ยวโค้งและหายไปบนถนนที่ทอดยาวของเมือง
“นายไม่เป็นอะไรนะ” ผู้กองเชนเปิดกระจกออกมาตะโกนถาม
“ไม่เป็นอะไร” เรนกล่าว ก่อนจะดึงขวานออกมา
เรนหันไปมองยังถนนด้านหน้าและพบว่ารถบัสโรงเรียนของพวกหลินนั้นวิ่งอยู่ด้านหน้าอย่างปลอดภัย
หลังจากขับต่อกันไปเรื่อย ๆ ประมาณ 20 กิโลเมตร ในที่สุดพวกเขาก็หยุดรถ เพราะคิดว่าด้วยระยะทางที่ไกลขนาดนี้มันปลอดภัยแล้ว ต่อให้ผู้ติดเชื้อจะพากันวิ่งตามมาถึง มันก็ยังต้องใช้เวลาอีกนาน
เรนที่กลับมาในสภาพปกติและได้เติมพลังงานจนเต็มแล้วในระหว่างที่นั่งอยู่หลังรถ เขาก็กระโดดลงจากหลังรถไปขึ้นบนรถบัส
“ไม่เป็นอะไรนะ” หลินเข้ามาถาม
“ไม่เป็นอะไร พวกคุณโอเครกันใช่ไหม” เรนถาม
“ฉันไม่เป็นอะไร” หลินตอบ
“ฉันก็ไม่เป็น แต่ว่ารินดามีปัญหาแล้ว” ไอราพูดขึ้นมา
“เกิดอะไรขึ้น” เรนถามอย่างสงสัย ก่อนจะเดินไปดูรินดาที่นอนหน้าซีดเซียวไม่ได้สติอยู่ที่เบาะรถ
“มือเธอขาด!” เรนหันไปมองหลินและไอราเพื่อขอคำอธิบาย
ไอราเป็นคนเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากที่รินดาข้ามมายังอีกฝั่ง ซึ่งพวกเขาค้นพบว่าเธอโดนกัด และทางเดียวที่จะช่วยได้คือต้องตัดมือ
“อืม” เรนพยักหน้าอย่างเงียบ ๆ เขาเหมือนจะนึกขึ้นได้ว่าตอนที่ไปช่วยรินดามือของเธอนั้นเต็มไปด้วยเลือด ตอนแรกคิดว่ามันคือเลือดของผู้ติดเชื้อ ส่วนการตัดมือเขารู้ว่ามันจำเป็น ยาเสริมภูมิต้านทานนั้นใช้ไม่ได้ผลแล้ว แต่ที่ทำให้เขาประหลาดใจก็คือยาแม้จะไม่ได้ผล แต่มันก็มีผลด้านอื่น ๆ อย่างเช่นช่วยให้รินดาที่ช็อกจากอาการเสียเลือดมาจากจนรอดมาได้
“ยังไงก็เถอะนี่มันแค่ชั่วคราว เธอต้องการหมอจริง ๆ ที่จะช่วยรักษา” ไอราพูดขึ้นมา
เรนครุ่นคิดและก็เหลือบมองไปดูเด็กสาวมินนาที่นั่งดูรินดาไม่ห่าง เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมรินดานั้นถึงเสี่ยงชีวิตไปช่วยเด็กสาวคนนี้มากขนาดนี้ เมื่อมองดูดี ๆ เธอนั้นคล้ายกับนานา
“ลุงที่นี่ห่างจากเมืองหินเหล็กมากแค่ไหน” เรนถามกับลุงบุญ
“ที่นั่นนะเหรอ ไม่ไกลมากทำไมมีอะไรหรือเปล่า” ลุงบุญถามกลับ
“มันมีค่ายลี้ภัยอยู่ ช่วยขับไปที่นั่นที”
ลุงบุญพยักหน้าตกลง หลังจากเห็นพลังของชายหนุ่มลุงบุญก็ดูจะฟังเขาอย่างไม่โต้แย้งอะไร
เรนยังลงไปบอกกับผู้กองเชนด้วย
รถทั้งสองคันขับไปตามทางตรงไปยังค่ายลี้ภัย ระยะทางเหลือไม่กี่สิบกิโลเมตรแล้ว ทำให้ทุกคนนั้นดูจะตื่นเต้นมาก ระหว่างที่เดินทางนั้นเรนก็หาเบาะนั่งลงพัก
วันนี้ถือว่าเหนื่อยมากจริง ๆ โดยเฉพาะการหนีจากผู้ติดเชื้อนับพันตัว มันอันตรายซะยิ่งกว่าที่เจอในสถานีตำรวจมาก โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ติดเชื้อนับพันมันมีมากกว่าครึ่งที่เริ่มกลายเป็นผู้ติดเชื้อผิวหนังลอก
“หวังว่าจะไปถึงค่ายได้ก่อนมืด” เรนพึมพำเบา ๆ ก่อนจะหลับตาลง
กึก ๆ
เสียงรถตกหลุมทำให้เรนสะดุ้งตัวตื่น เขาพบว่าข้าง ๆ นั้นมีหลินมานั่งอยู่ด้วย เธอกำลังจ้องมองมาที่เรน
“พอไปถึงค่ายฉันคิดว่าจะทำการฝ่าระดับวงแหวน” หลินพูดขึ้นมา
“คุณเตรียมตัวพร้อมแล้วเหรอ” เรนถามเธอ
“ใกล้แล้ว” เธอตอบ หลังจากเหตุการณ์วันนี้เธอคิดว่าสามารถรับมือกับการฝ่าระดับได้แน่
เรนพยักหน้ารับรู้และไม่ได้ห้าม เพราะการทำแบบนั้นจะทำให้เธอเสียความมั่นใจไปเปล่า ๆ
“พวกเราใกล้ถึงแล้ว” ลุงบุญตะโกนบอกพวกเขา
เรนรีบเดินไปดูยังกระจกด้านหน้ารถ ก็เห็นว่ามันเป็นถนนเส้นคู่และข้างทางนั้นมีสิ่งกรีดขวางมากมายตั้งวางไว้อยู่ รถต้องค่อย ๆ ลดความเร็วลง
รถทั้งสองคันค่อย ๆ ขับเข้าไปอย่างช้า ๆ ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงจุดที่รถไม่สามารถไปต่อได้ เพราะมีราวกันขวางเอาไป ด้านหลังของราวกั้นนั้นเป็นกำแพงตู้คอนเทนเนอร์ที่วางซ้อนกันถึง 2 ชั้นราวกับว่าจะไปขวางผู้ชุมนุมไม่มีผิด
มีรถหุ้มเกราะสองสามคันจอดอยู่อย่างสงบนิ่งและแนวกระสอบทรายตั้งอยู่ด้วยอีกหลายจุด
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมไม่มีทหารเลย” ลุงบุญพูดด้วยความประหลาดใจ ก่อนที่เขาจะจอดรถ เพราะรถของผู้กองเชนนั้นจอดอยู่ด้านหน้า
ผู้กองเชนเดินลงมาจากรถ ก่อนจะเข้ามาพูดกับเรนว่า “เรนมันมีบางอย่างผิดปกติ ควรจะมีพวกทหารเฝ้าอยู่ที่หน้าประตู แต่นี่พวกเขาหายกันไปจนหมด หรือว่าพวกเขาย้ายกันไปแล้ว”
เรนขมวดคิ้วชนกันทันที ถ้าทหารพวกนั้นย้ายค่ายลี้ภัย แบบนั้นก็เท่ากับว่าพวกเขามาเสียเปล่าอีกแล้ว
ใบหน้าของคนอื่น ๆ เริ่มแสดงความผิดหวัง พวกเขาฝ่าฟันกันมามากกว่าจะมาถึงที่นี่ แต่ทหารพวกนั้นย้ายออกไปแล้ว
“ไม่ อาจจะไม่ได้เป็นแบบนั้น ฉันจะเข้าไปดูก่อนว่าเกิดอะไรขึ้น” เรนไม่ยอมแพ้จะเข้าไปด้านใน
“ฉันจะไปด้วยแล้วกัน” ผู้กองเชนกล่าว ขณะที่มองไปที่ค่ายลี้ภัย
“เดียวก่อน เอานี่ไปเผื่อเกิดเรื่อง” ลุงบุญส่งวิทยุเครื่องสีแดงให้กับเรน มันเป็นวิทยุที่คนขับรถรับส่งมักใช้สื่อสารกันในรถโดยสาร ซึ่งตอนนี้มีสองเครื่องอยู่ในรถบัสพอดี
เรนรับมาและลงไปตรวจดูสถานการณ์พร้อมกับผู้กองเชน
ทั้งสองเดินเข้าไปด้านใน ก่อนจะมาถึงที่หน้าประตู เรนลองทุบประตูดู เพื่อยังมีคนอยู่ด้านใน แต่ทุกอย่างกลับเงียบสงบมาก
“มันไม่ได้ล็อก” ผู้กองเชนลองเลื่อนประตู ปรากฏว่ามันสามารถเลื่อนได้
ทั้งสองเปิดประตูออกเมตรสองเมตร พอให้ผ่านเข้าไปได้ สิ่งแรกที่พวกเขาพบหลังจากเข้ามาที่หลังประตูคือเต็นท์พยาบาลสีข่าวจำนวนมาก ดูเหมือนว่าจะเป็นจุดคัดกรองโรค
ผู้กองเชนเห็นว่าที่พื้นมีปืน M16A4 ตกอยู่กระบอกหนึ่ง เขาหยิบขึ้นมาในทันทีและเช็กดูกระสุนยังเหลืออยู่
ทั้งสองเริ่มรู้สึกถึงเรื่องไม่ชอบมาพากลซะแล้ว
“นายคาดหวังจะเจออะไร” ผู้กองเชนถามเรนขณะที่จ้องไปที่เต็นท์พยาบาลด้านใน
“คนเป็น ๆ” เรนกล่าว ก่อนจะเดินนำไป
ทั้งสองเดินไปที่เต็นท์พยาบาลหลังหนึ่งและกำลังจะเข้าไป แต่ว่าตอนนั้นเองกลับมีเสียงดังมาจากเต็นท์พยาบาลข้าง ๆ
เรนและผู้กองเชนมองหน้ากัน ก่อนที่จะเปลี่ยนเป้าหมายไปที่นั่นในทันที
ทั้งสองไปที่เต็นท์พยาบาลที่เกิดเสียง เรนเป็นคนเปิดเข้าไปตามมาด้วยผู้กองเชนที่ถือปืนเล็งอย่างระมัดระวัง
ว๊ากกก!!!
สิ่งแรกที่ทั้งสองเจอนั้นกลับไม่ใช่คน แต่เป็นผู้ติดเชื้อที่ถูกมันติดกับเตียงทิ้งไว้ในเต็นท์พยาบาล มันพยายามดิ้นให้หลุด เพื่อหวังจะกัดเรน
“ผู้ติดเชื้อ” ผู้กองเชนลดปืนลงเมื่อเห็นสภาพของผู้ติดเชื้อคนนี้ เขาหยิบมีดพกเดินเข้าไปและเสียบหัวของมันจนตาย
ขณะที่เรนนั้นมองดูรอบ ๆ “มันมีล่องลอยการต่อสู้”
สิ่งของในเต็นท์พยาบาลนั้นกระจัดกระจาย ราวกับว่ามันเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นที่นี่
“ไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย” ผู้กองเชนกล่าว ก่อนจะเดินไปยังท้ายเต็นท์และเปิดผ้าใบออกไป แต่สิ่งแรกที่เขาเห็นกลับทำให้ผู้กองเชนและเรนตื่นตกใจจนตาค้างไปในทันที
ด้านหลังรั้วในค่ายกลับเต็มไปด้วยผู้ติดเชื้อ ผู้ติดเชื้อนับพัน ๆ หรืออาจจะถึงหมื่น พวกมันทั้งหมดยืนกันนิ่งอยู่ด้านหลังรั่วเหล็ก ซึ่งมีทั้งพวกที่ใส่ชุดทหารและพวกที่ใส่ชุดพยาบาลปนอยู่กับพลเรือน แต่ตอนนี้ไม่สำคัญ เพราะทั้งค่ายนั้นมีแต่ผู้ติดเชื้อไปแล้ว
ทหารไม่ได้ย้ายออกไปจากค่าย แต่ว่าค่ายแห่งนี้กลายเป็นผู้ติดเชื้อหมดแล้ว
“เรนด้านในเป็นยังไงบ้าง”
ตอนนั้นวิทยุในมือของเรนก็ดังขึ้นมาอย่างเสียงดังไปทั่วทั้งบริเวณ เรนรีบปิดมัน แต่ก็ไปทันแล้ว ผู้ติดเชื้อต่างก็เริ่มขยับและหันมาทางเสียงของเรน
“เอาแล้วไง” ผู้กองเชนถอยหลังทันที
“วิ่ง” เรนตะโกน
ทั้งสองคนรีบวิ่งหนีออกมาจากค่ายในทันที โดยด้านหลังนั้นมีเสียงคำรามของผู้ติดเชื้อดังขึ้นตามหลังมากด้วย
ว๊ากกกก!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!