ตอนที่ 21-19 คำเชิญของโอล็อฟ
ภายในมิติว่างเปล่าประมุขมหาเทพวิถีชะตาในชุดขาวยังคงยืนนิ่งอย่างใจเย็น
“ควั่บ!” “ควั่บ!”
รอบลำตัวขาและไหล่ของประมุขมหาเทพวิถีชะตามีแสงพร่าเลือนหมุนวนและหดตัว ดูเหมือนกับน้ำที่กำลังเดือดปล่อยฟองปุดๆรอบตัวเขา แสงระยิบระยับเปล่งอยู่ด้านบนของประมุขมหาเทพวิถีชะตา แต่สายตาของประมุขมหาเทพวิถีชะตาจับนิ่งอยู่ที่หอกที่กำลังแทงเข้าหาเขา
หอกดำกำลังแทงเข้ามาใกล้
ขณะนั้นนั่นเองสายตาของประมุขมหาเทพวิถีชะตาพลันคมกล้าขึ้น
“ควั่บ...” มือขวาของเขาเหยียดออกทันทีเหมือนกับกวาดใส่ท้องฟ้าต่อหน้าเขา แม้แต่มิติที่หยุดนิ่งรอบตัวเขาก็เริ่มสั่น
“ปั้ก!”
มือขวาของประมุขมหาเทพวิถีชะตาแนบติดกับหัวหอกยาวดำ
ประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้างตกใจกับเหตุนี้และจากนั้นเขาถอนหายใจ “ข้าแพ้อีกแล้ว”
“วอร์เรด” สายตาของประมุขมหาเทพวิถีชะตาฉายประกายแปลกประหลาด และเขารีบถาม “ไม้ตายที่เจ้าใช้นี้มีชื่อว่ายังไง?”
“นี่ข้ายืมมาจากสุดยอดวิชาของสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ มีชื่อว่า”กาลมิติบิดเบือน”
“กาลมิติบิดเบือน? เป็นไม้ตายที่ทรงพลังมาก ที่สำคัญตลอดหลายปีมานี้ ในที่สุดข้าก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายของความตายที่แผ่มาถึงข้าได้” ประมุขมหาเทพวิถีชะตาถอนหายใจ
ประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้างอดหัวเราะอย่างสุดฝืนมิได้ “พอเถอะ โอล็อฟ ข้าแพ้ แพ้แล้ว! วิชานี้กาลมิติบิดเบือนเป็นพลังโจมตีที่ทรงพลังที่สุดที่ข้าเคยพัฒนาขึ้นมา มันช่วยเพิ่มพลังให้ข้าอย่างน้อยพันเท่า และวิชานี้ก็ยังไม่สามารถเอาชนะเจ้าได้ฮ่าฮ่า” เสียงหัวเราะของประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้างแฝงไปด้วยความเศร้าและท้อแท้อยู่ในใจ
“วอร์เรด”ประมุขมหาเทพวิถีชะตาพูดอย่างเคร่งขรึม “ข้าสามารถบอกเจ้าได้ เห็นได้ชัดว่าไม้ตายของเจ้าเน้นไปที่พลังโจมตีวิญญาณ! แต่ข้าข้ามีสมบัติจอมเทพสำหรับปกป้องวิญญาณ! ดังนั้นสุดยอดวิชาโจมตีกาลมิติบิดเบือนของเจ้านี้ส่งผลในแง่มิติและเวลาทั้งสองนี้ แต่ในช่วงเวลาหลายปีนานนับไม่ถ้วนที่ผ่านมาข้ามุ่งเน้นค้นคว้าวิจัยด้านพลังโจมตีวัตถุของข้าเช่นการเสริมพลังแข็งแกร่งให้ร่างกายและพลังโจมตีวัตถุ ถึงอย่างนั้นข้าก็ต้องใช้พลังทั้งหมดของข้าจึงจะสามารถป้องกันพลังหอกของเจ้า แม้ว่าพลังจะลดลงไปถึงขนาดนั้นก็ตาม”
ประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้างถอนหายใจ
เขาเข้าใจดี
เขาเข้าใจทันทีว่าทันทีที่เขาพัฒนาไม้ตายกาลมิติบิดเบือนประมุขมหาเทพอีกสองวิถีไม่ใช่คู่มือของเขาในตอนนี้แล้ว!
เนื่องจากวิธีที่ไม้ตายกาลมิติบิดเบือนโจมตีใส่พลังวิญญาณ ใครบางคนที่ไม่มีสมบัติจอมเทพสำหรับปกป้องวิญญาณจะไม่มีทางต้านทานได้ แต่น่าเสียดาย ประมุขมหาเทพวิถีชะตากลับป้องกันได้! ประมุขมหาเทพวิถีชะตาได้เสร็จสิ้นภารกิจจอมเทพและเลือกสมบัติจอมเทพปกป้องวิญญาณ หลายคนรู้สึกว่าเขาโง่การเลือกของเขาไม่มีประโยชน์
ที่สำคัญเป็นไปได้ยังไงที่ประมุขมหาเทพอื่นจะคุกคามต่อวิญญาณเขาได้?
แต่ใครจะคิดว่าจุดนี้ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพ
“เจ้าคงจะจำได้ถึงข้อตกลงของเรา” สายตาของประมุขมหาเทพวิถีชะตาร้อนแรง
ประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้างมองดูเขาจากนั้นฝืนหัวเราะ “ข้าต้องรักษาคำพูดอยู่แล้ว”
ยอดฝีมือระดับประมุขมหาเทพที่มองดูการต่อสู้อยู่ห่างๆเมื่อเห็นบทสรุปพากันมึนงง
“เป็นแบบนั้นไปได้อย่างไร? ท่านโอล็อฟ..แม้จะอยู่ภายใต้พลังควบคุมอย่างนั้น เขายังสามารถป้องกันพลังโจมตีที่รวดเร็วอย่างนั้นได้” ประมุขมหาเทพธาตุน้ำไม่อยากเชื่อแม้แต่น้อย เมื่อครู่นี้ไม้ตายกาลมิติบิดเบือนก่อให้เกิดแรงกดดันที่ทรงพลังมากในพื้นที่โดยรอบแม้แต่ประมุขมหาเทพที่อยู่ไกลก็ยังรู้สึกได้
“ท่านโอล็อฟชนะจริงๆ”
ประมุขมหาเทพตกตะลึงกันอย่างแท้จริง
“น่ากลัวจริงๆ” ลินลี่ย์เพียงแต่พูดในใจตนเอง
ประมุขมหาเทพวิถีชีวิตยิ้ม “การผสานพลังโจมตีของสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ส่งผลต่อมิติและเวลา แต่โดยหลักก็คือพลังโจมตีวิญญาณ! โอล็อฟมีสมบัติจอมเทพสำหรับปกป้องวิญญาณดังนั้นเมื่อไม้ตายนี้ถูกนำมาใช้กับเขา ทั้งหมดที่สามารถทำได้ก็คือพันธนาการเขา แต่แม้ว่าจะถูกพันธนาการ แต่เขาก็สามารถป้องกันหอกโจมตีได้”
“ไร้ประโยชน์จริงๆ”
ประมุขมหาเทพวิถีมรณะอดสบถเบาๆไม่ได้
ลินลี่ย์อดมองดูประมุขมหาเทพวิถีมรณะไม่ได้ เขาไม่เคยเห็นหญิงงามผู้น่ารักนี้หงุดหงิดมาก่อน
“ลินลี่ย์” ประมุขมหาเทพวิถีมรณะส่งสำนึกเทพคุยกับลินลี่ย์ทันที
“มีอะไรหรือ?” ลินลี่ย์มองดูประมุขมหาเทพวิถีมรณะด้วยความสงสัย
“มีเรื่องบางเรื่องที่ข้าหวังว่าเจ้าจะให้สัญญากับข้าได้” ประมุขมหาเทพวิถีมรณะส่งสำนึกเทพบอกจริงจัง
“เชิญบอก” ลินลี่ย์รีบกล่าว แต่ในใจของเขายังเต็มไปด้วยความสงสัย ประมุขมหาเทพวิถีมรณะจะขออะไรบางอย่างกับเขา?
ประมุขมหาเทพวิถีมรณะส่งสำนึกเทพบอก “จำเรื่องนี้ไว้ให้ดี ไม่ว่ายังไงพวกเจ้าทั้งสามคนจากพิภพยูลานต้องไม่ยอมให้เลือดบริสุทธิ์ของสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์กับโอล็อฟเด็ดขาด!”
“เอ๊ะ?” ลินลี่ย์งงงันไปหมด “ท่านประมุขมหาเทพ สามารถบอกเหตุผลได้ไหม?”
“อือ” ประมุขมหาเทพวิถีมรณะถอนหายใจ “ลินลี่ย์, เจ้ารู้ไหมทำไมวอร์เรดถึงเปลี่ยนอาวุธจอมเทพของเขามาใช้เป็นอาวุธมหาเทพแทน?”
“ข้าไม่ทราบ” ลินลี่ย์ยังสงสัยก่อนหน้านั้นถึงเหตุผลที่อาวุธจอมเทพถูกสลับเป็นอาวุธมหาเทพแทน นั่นก็หมายความว่าลดพลังโจมตีของตัวเองไม่ใช่หรือ?
ประมุขมหาเทพวิถีมรณะพูดผ่านสำนึกเทพ “ความจริงครั้งนี้หลังจากเราสี่ประมุขมหาเทพวิถีตัดสินคดีของเจ้า พวกเจ้าทั้งหมดจากไป เวลานั้นประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้างวอร์เรดเสนอท้าประลองกับประมุขมหาเทพวิถีชะตา อย่างไรก็ตามประมุขมหาเทพวิถีชะตาไม่ตกลงด้วย เพราะ..ประมุขมหาเทพวิถีชะตารังเกียจการแข่งขัน”
“หลังจากนั้นประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้างพูดถึงสุดยอดไม้ตายที่เขาพัฒนาขึ้นมาเกี่ยวกับทักษะเทพธรรมชาติของสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์” ประมุขมหาเทพวิถีมรณะถอนหายใจ “ขณะนั้นเราตกใจกันหมดสำหรับโอล็อฟที่บ้าเรื่องนี้อยู่แล้วถึงกับตะลึง อย่างไรก็ตามเขาสามารถคาดถึงพลังของสุดยอดไม้ตายที่คล้ายกับการผสานพลังทักษะเทพธรรมชาติของสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ คนบ้าอย่างโอล็อฟไม่รู้สึกมั่นใจ ดังนั้นพวกเขาจึงทำข้อตกลงกัน”
“ตกลงกันว่าไง?” ลินลี่ย์รีบถาม
“ข้อตกลงคือเมื่อประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้างเตรียมจะปล่อยสุดยอดไม้ตายนี้ เขาได้รับอนุญาตให้ใช้อาวุธมหาเทพโจมตีเท่านั้น ถ้าประมุขมหาเทพวิถีชะตาไม่สามารถยกมือป้องกันอาวุธมหาเทพได้ นั่นถือว่าประมุขมหาเทพวิถีชะตาพ่ายแพ้! ถ้าประมุขมหาเทพวิถีชะตาถูกพลังโจมตีแล้วแต่ยังสามารถป้องกันไว้ได้ อย่างนั้นเขาต้องถือว่าได้รับชัยชนะ” ประมุขมหาเทพวิถีมรณะกล่าว
ลินลี่ย์เข้าใจเช่นกัน
ประมุขมหาเทพวิถีชะตาอาศัยความเข้าใจในกฎและพลังของเขาเองก็สามารถใช้มือป้องกันอาวุธจอมเทพได้
อย่างไรก็ตามเมื่อเขาถูกไม้ตายกาลมิติบิดเบือนโจมตีใส่ ความเร็วของประมุขมหาเทพวิถีชะตาลดลงมาก ถ้าเขาไม่สามารถป้องกันพลังโจมตี จากนั้นถ้าประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้างใช้อาวุธจอมเทพ ประมุขมหาเทพวิถีชะตาอาจพินาศก็ได้!
“ฉะนั้นเมื่อใช้วิชานั้นประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้างไม่ได้ใช้อาวุธจอมเทพของเขา ทั้งสองแค่กำลังซ้อมฝีมือกันเท่านั้น” ประมุขมหาเทพวิถีมรณะส่ายศีรษะถอนหายใจ “แต่พวกเขาเพิ่มเดิมพันในการแข่งขัน”
“เดิมพันอะไร?” ลินลี่ย์พูดด้วยความสงสัย
“ถ้าประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้างชนะประมุขมหาเทพวิถีชะตาจะต้องอธิบายหลักการของสุดยอดวิชาของเขาให้ฟัง แต่ถ้าประมุขมหาเทพวิถีชะตาชนะ อย่างนั้นประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้างจะต้องอธิบายหลักการสุดยอดไม้ตายของเขา” ประมุขมหาเทพวิถีมรณะถอนหายใจ
“แต่...” ลินลี่ย์ค่อนข้างงงงวย
“ตอนแรก, วอร์เรดไม่ยินดียอมรับข้อตกลงนี้ แต่เห็นได้ชัดว่าโอล็อฟต้องการรู้หลักการของสุดยอดวิชามากดังนั้นเขาพูดว่าถ้าวอร์เรดไม่ยอมรับข้อตกลงนี้ เขาจะไม่ร่วมประลอง” ประมุขมหาเทพวิถีมรณะถอนหายใจ “เป็นวอร์เรดที่ต้องการท้าทายโอล็อฟ นอกจากนี้เขายังมีความมั่นใจในตนเอง ดังนั้นเขาจึงตกลงพนันด้วย”
ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อย
“ลินลี่ย์ข้ารู้..แม้ว่าจะมีคนเข้าใจหลักการของพลังโจมตีที่คล้ายกับทักษะเทพธรรมชาติทั้งหมดแต่การดำเนินการดังกล่าวโดยไม่มีเลือดบริสุทธิ์พลังจะลดน้อยลงไปมากต่อให้สามารถใช้พลังโจมตีได้ก็ตาม” ประมุขมหาเทพวิถีมรณะมองดูลินลี่ย์ “ดังนั้น, ลินลี่ย์! พวกเจ้าทั้งสามในพิภพยูลานอย่ามอบเลือดสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ที่บริสุทธิ์ให้กับโอล็อฟไม่ว่ายังไงก็ตาม”
ประมุขมหาเทพวิถีมรณะค่อนข้างจะพูดขวานผ่าซาก
“ข้าเข้าใจ ข้าจะไม่ให้เลือดบริสุทธิ์ของสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์กับเขาแน่” ลินลี่ย์พยักหน้า
“อนิจจา! ต้องให้คำแนะนำแก่เจ้าจริงๆ...” ประมุขมหาเทพวิถีมรณะจ้องมองในมิติว่าง ระหว่างประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้างและวิถีชะตา “ตั้งแต่เขามาเกี่ยวข้องกับไม้ตายนั้นประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้างก็มีพลังเหนือข้าและวาวาย่าสมดุลพลังระหว่างสี่ประมุขมหาเทพวิถีสูญเสียไปแล้ว”
ลินลี่ย์พยักหน้า
ประมุขมหาเทพวิถีชะตามีสมบัติจอมเทพสำหรับปกป้อง แต่ประมุขมหาเทพวิถีมรณะและวิถีชีวิตไม่มี เป็นไปได้ยังไงที่ใครจะต้านทานไม้ตายมิติเวลาบิดเบือนได้?
“นี่...” ลินลี่ย์ได้แต่มองดูประมุขมหาเทพวิถีมรณะอย่างจนใจ
“วอร์เรดกับโอล็อฟสามารถสามารถตอบโต้กันได้ พวกเขาคงไม่บ้าคลั่งจนถึงกับลงมือกับข้าและวาวาย่า” ประมุขมหาเทพวิถีมรณะส่งสำนึกเทพพลางหัวเราะ “ก็คล้ายที่เราสี่ประมุขมหาเทพวิถีไม่ไปลงมือกับประมุขมหาเทพกฎธาตุ เนื่องจากเราอยู่ในจุดสุดยอดแล้ว ถ้าเราฆ่าทุกคน คนอื่นในระดับเราก็คงรู้สึกเหงา?”
คำพูดของประมุขมหาเทพวิถีมรณะความจริงใช้ปลอบใจนางเอง
“พวกเขาสามารถค้นคว้าวิจัย ทำไมท่านประมุขมหาเทพถึงไม่ทำบ้าง?” ลินลี่ย์พูดอย่างสงบเสงี่ยม
“ข้าไม่มีความอดทนมากพอ” ประมุขมหาเทพวิถีมรณะหัวเราะเบาๆ “ถ้าเราสู้กันจริงๆ ตราบเท่าที่ข้ากับวาวาย่าผนึกกำลังกันก็ยากจะบอกได้ว่าใครจะพินาศ!”
ขณะนั้นเองประมุขมหาเทพวิถีมรณะและประมุขมหาเทพวิถีชีวิตต่างมองหน้ากันเหมือนว่ากำลังปรึกษาเรื่องบางอย่าง
ภายในมิติว่างประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้างและประมุขมหาเทพวิถีชะตาพูดคุยผ่านสำนึกเทพ
“ฮ่าฮ่า ช่างมหัศจรรย์จริงๆ” ตาของประมุขมหาเทพวิถีชะตาเต็มไปด้วยสีสันที่แปลก “กาลมิติบิดเบือนของเจ้ามหัศจรรย์มากอย่างแท้จริง แม้ว่าพลังจะด้อยกว่าทักษะเทพธรรมชาติของสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ที่ผสานกันแต่ก็ทำให้หลีกเลี่ยงปัญหาความแตกต่างในวิญญาณได้ วอร์เรด! ข้าชื่นชมเจ้าจริงๆ”
“ฮึ่ม” ประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้างมีสีหน้าบิดเบี้ยว
“น่าเสียดายที่ไม้ตายนี้จะปล่อยได้ต่อเมื่ออาศัยความเกี่ยวเนื่องทางสายเลือดของสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์” ประมุขมหาเทพวิถีชะตาถอนหายใจ หลังจากพูดเขาอดหันไปมองลินลี่ย์ในกลุ่มของประมุขมหาเทพที่อยู่ห่างออกไปไม่ได้
การต่อสู้จบแล้ว ยอดฝีมือระดับประมุขมหาเทพต่างกระจายอยู่ในพื้นที่มิติปั่นป่วนและกลับเข้าพิภพลมศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ใกล้
สายลมเย็นพัดผ่าน เหนือทะเลมีร่างสิบสองร่างต่างแยกย้ายกันกลับเช่นกัน
“ควั่บ!”ไม่ไกลนักที่เหนือทะเล อสูรโลหะบินผ่าน พวกเทพที่อยู่ในอสูรโลหะมองดูร่างทั้งสิบสองในที่ห่างไกล พวกเขาไม่ให้ความสนใจแต่อย่างใด พวกเขาจะคาดคิดได้ยังไงกันว่าคนทั้งสิบสองคนคือยอดฝีมือระดับประมุขมหาเทพ?
“โอล็อฟ,ครั้งสุดท้ายเจ้าบอกว่าเจ้าทุ่มพลังสู้ ครั้งนี้เจ้าก็บอกว่าเจ้าทุ่มพลังสู้” สตรีผมแดงมองดูโอล็อฟและแค่นเสียง “เจ้ายังซ่อนพลังเอาไว้อีกหรือเปล่า?”
โอล็อฟถอนหายใจหัวเราะเบาๆ “ครั้งนี้ข้าทุ่มเทพลังสู้จริงๆ เจ้าไม่รู้..เมื่อวอร์เรดใช้ไม้ตายนั้นข้าตกใจแทบแย่ พลังโจมตีวิญญาณนั่นแข็งแกร่งมากจนถ้าไม่ได้สมบัติจอมเทพสำหรับปกป้องวิญญาณช่วยไว้ ข้าคงจะเสร็จจริงๆ แม้ว่าความบิดเบือนของมิติเวลาก็ทำให้ข้าแทบจะปัดหอกไม่ทัน”
“ฮึ.. ยังคงทำเหมือนไม่มีอะไรอีกนะ” สตรีผมแดงแค่นเสียง
ลินลี่ย์และประมุขมหาเทพคนอื่นได้แต่มองอย่างเงียบงัน
ที่สำคัญประมุขมหาเทพสี่วิถีมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ไม่ควรที่พวกเขาจะเข้าไปรบกวน
“ลินลี่ย์” ประมุขมหาเทพวิถีชะตาจู่ๆ ก็หันไปมองลินลี่ย์ เขาหัวเราะและกล่าว “เจ้าว่างหรือเปล่า? ถ้าเจ้าว่างมาเยี่ยมข้าที่อุทยานโอล็อฟในแดนสวรรค์ได้ไหม? เจ้าจะว่ายังไง?”
อุทยานโอล็อฟในแดนสวรรค์ถูกมองว่าเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด
นี่เป็นอุทยานขนาดมหึมาที่ลอยอยู่ในกลางอากาศ และยังเป็นที่พำนักของประมุขมหาเทพวิถีชะตา แม้แต่มหาเทพธรรมดา เมื่อไม่ได้รับอนุญาตจากโอล็อฟจะไม่กล้าย่างเข้าไปในอุทยานโอล็อฟเลย ปกติประมุขมหาเทพวิถีชะตาโอล็อฟจะใช้เวลาทั้งหมดในอุทยานเพื่อค้นคว้าวิจัย
“ลินลี่ย์, จำไว้ว่าเจ้าสัญญกับข้าไว้แล้ว” ประมุขมหาเทพวิถีมรณะส่งสำนึกเทพบอกเขา ไม่ใช่แค่นางแม้แต่ประมุขมหาเทพวิถีมรณะและประมุขมหาเทพวิถีชีวิตก็หันมามองลินลี่ย์ทันที
ขณะที่ทั้งสามมองดูพลังป้องกันของโอล็อฟต้องบอกว่าไร้เทียมทาน
ถ้าโอล็อฟได้เรียนรู้วิชากาลมิติบิดเบือน เขาคงไม่ฆ่าพวกเขา แต่...พวกเขาไม่ต้องการให้โอล็อฟมีพลังเพิ่มมากเกินไป
ลินลี่ย์หัวเราะอย่างเก้อเขินจากนั้นพูดอย่างจนใจ “มหาเทพโอล็อฟข้าต้องขออภัย ข้ามีเรื่องสำคัญต้องไปทำก่อน”
“ฮ่าฮ่า, ไม่รีบ ไม่รีบ เมื่อเจ้ามีเวลาเจ้าค่อยมาหาข้าทีหลังก็ได้” โอล็อฟยิ้ม “เอาละทุกคนบัดนี้ข้าขอกลับก่อน”
ประมุขมหาเทพวิถีชะตาโอล็อฟหัวเราะและจากไปเอง
“ลินลี่ย์” ประมุขมหาเทพแห่งแสงออกุสตาที่เงียบมาตลอดยิ้มให้ลินลี่ย์ เขาส่งสำนึกเทพบอก “เจ้าจะไปพิภพแสงศักดิ์สิทธิ์ของข้าไม่ใช่หรือ?”