MDB ตอนที่ 258 อำนาจเกินต้านทาน
ลมหนาวโหมกระหน่ำพร้อมกับส่งเสียงหวีดแหลม
นักปราชญ์ปีศาจที่มีการบ่มเพาะต่ำที่สุดและสัตว์เลี้ยงที่อ่อนแอที่สุด เขาเป็นคนแรกที่ยอมจำนน
คนอื่น ๆ ยังคงยืนอยู่ได้เพราะพวกเขาทั้งหมดมีสัตว์วิเศษระดับสี่คอยเสริมพลังกายให้พวกเขา มันจึงปกป้องพวกเขาจากความหนาวเย็นได้
อีกาทมิฬ, มาดามผีเด็กและชายโลงศพพุ่งไปข้างและโจมตีพร้อมกัน
เหยี่ยวดำบินออกไป มันเปล่งออร่าแห่งความมืดและจิตสังหาร ในขณะที่มันส่งเสียงร้อง อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ไม่มีผลกับมังกรเฒ่าเลย เขายังคงลอยอยู่ในอากาศ กวาดพายุหิมะลงมาทุกครั้งที่เขาเคลื่อนไหว
นี่เป็นทักษะที่โดดเด่นอย่างแท้จริง
เมื่อไม่สามารถเข้าไปใกล้ได้ เหยี่ยวดำจึงต้องถอยร่นไป ความแตกต่างด้านความแข็งแกร่งของพวกเขามากเกินไป
ห่อผ้าในอ้อมแขนของผีเด็กส่งเสียงกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งก่อนที่จะตวัดใบมีดสายลมหลายอันออกไป ถึงกระนั้น มังกรเฒ่าตั้งรับอย่างสบาย ๆ พร้อมกับหัวเราะอย่างเย็นชา
แม้ว่าใบมีดสายลมจะทรงพลัง แต่ด้วยระยะที่ห่างไกล ความรุนแรงค่อย ๆ ลดน้อยลง นอกจากนี้ เกล็ดของมังกรเฒ่าหนามาก ด้วยระยะห่างประจวบกับการป้องกันที่ทรงพลัง มันจึงทำให้การโจมตีทิ้งไว้เพียงรอยแผลเป็นตื้น ๆ ไม่สามารถสร้างความเสียหายได้มากนัก
แม้แต่ชายโลงศพก็ทำอะไรไม่ถูกเมื่อต้องเผชิญหน้ากับมังกรเฒ่าที่ลอยอยู่ในอากาศ ทั้งเขาและสัตว์เลี้ยงของเขา ซอมบี้คธูลูไม่สามารถบินได้
เห็นได้ชัดว่ามังกรเฒ่าตั้งใจที่จะใช้ประโยชน์จากข้อได้เปรียบส่วนตัวของเขาโดยการกวาดล้างพายุหิมะภายในค่ายกลเพื่อแช่แข็งพวกเขาทั้งหมด
หลินจินมีวิธีโต้กลับอีกฝ่ายพร้อมกับแก้ไขสถานการณ์ในตอนนี้ได้ เขาจำเป็นต้องสลายค่ายกลออกออกเท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าพวกเขาจะสามารถโจมตีมังกรเฒ่าที่อยู๋กลางอากาศได้ ยิ่งกว่านั้น ถ้าเขาเอาค่ายกลออก คู่ต่อสู้ก็น่าจะหนีไปก็ได้
หากมังกรเฒ่าหนีไป พวกเขาย่อมไม่สามารถตามหามันได้อย่างง่ายดายแน่นอน และนั่นจะเป็นอันตรายต่อเหอหยู่
นี่อาจเป็นแผนของมังกรเฒ่าเช่นกัน
*พรึ่บ!*
หลินจินจึงตัดสินใจเชื่อมต่อพิพิธภัณฑ์และในไม่ช้าประตูภัณฑารักษ์ก็ปรากฏขึ้นข้างหลังเขา คราวนี้ประตูเหล็กเปิดออกเล็กน้อยพร้อมกับเสียงเอี๊ยดอ๊าด
ทันใดนั้น พลังที่มองไม่เห็นพร้อมกับลำแสงพุ่งออกมา
เกือบจะในทันที พายุหิมะที่มังกรเฒ่าส่งมาก็สลายหายไปในพริบตา และดวงอาทิตย์กลับมาส่องแสงอีกครั้ง
สิ่งต่าง ๆ ไม่ง่ายอย่างที่ตาเห็น
หลินจินรู้ว่ามังกรเฒ่าได้รับบาดเจ็บหนักระหว่างการต่อสู้ครั้งสุดท้าย ซึ่งเข็มลวดขดของหลินจิน มันได้ทำลายเส้นเลือดเส้นหนึ่งของเขา มังกรชราจึงทำได้แค่ฝืนตัวเองเท่านั้น
ดังนั้นหลินจินจึงได้ยืมพลังงานที่รั่วไหลออกมาจากประตู แล้วเชื่อมโยงมันเข้ากับเข็มลวดขด และยิงมันไปยังเป้าหมายของเขา
เข็มเงินนี้เล็กจนไม่อาจมองเห็นด้วยตาเปล่า ร่างของมังกรชราตัวแข็งในอากาศก่อนจะส่งเสียงโหยหวนอย่างน่าสังเวช มันอาเจียนเป็นเลือด และร่วงลงสู่พื้น
ดูเหมือนว่าเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส
แต่ไม่มีใครสังเกตว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านี้ พวกเขาเห็นเพียงประตูของภัณฑารักษ์เปิดออก และเมื่อแสงส่องผ่าน มังกรเฒ่าจอมเจ้าเลห์ก็ล้มลงทันที
'ภัณฑารักษ์น่าทึ่งเกินไปแล้ว!'
'ภัณฑารักษ์อาจไม่ได้ตั้งใจมาที่นี่เป็นการส่วนตัว แต่มังกรเฒ่ากลับรนหาที่ตายโดยการทำร้ายศิษย์ของภัณฑารักษ์ มันจึงบังคับให้เขาต้องลงมือ'
อีกาทมิฬและนักปราชญ์แลกเปลี่ยนสายตากัน พวกเขาต่างเข้าใจความคิดของกันและกัน
ผีเด็กและชายโลงศพก็คิดอย่างนั้นเช่นเดียวกัน
ภัณฑารักษ์เพียงแค่ปล่อยออร่ามหัศจรรย์ของเขาออกมาเพื่อให้มังกรเฒ่าร่วงลงพื้นซึ่งทำให้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส เขาไม่จำเป็นต้องดำเนินการใด ๆ อีกหลังจากนั้น เพราะชายโลงศพกำลังพุ่งไปข้างหน้าเพื่อจัดการกับมังกรเฒ่าอย่างเด็ดขาด
แม้ว่ามังกรเฒ่าจะได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่เขาก็ยังมีเรี่ยวแรงเหลือที่จะต่อสู้กลับ แต่เมื่อต้องสู้กับยอดฝีมืออย่างชายโลงศพ เขาทำได้เพียงนอนอยู่ตรงนั้นและถูกซ้อม ครู่ต่อมา มังกรเฒ่าหายใจรวยรินพร้อมที่จากไปได้ทุกเมื่อ
ชายโลงศพถูกปกคลุมด้วยออร่าแห่งความมืด แขนขาของเขาแข็งราวกับโลหะ เนื่องจากความเคารพที่มีต่อภัณฑารักษ์ เขาจึงถอยทันทีเมื่อเห็นว่าเพียงพอแล้ว มังกรเฒ่าสูญเสียพลังที่จะโต้กลับ ดังนั้นจึงขึ้นอยู่กับภัณฑารักษ์ที่จะตัดสินชะตากรรมของเขา
หลินจินมองไปที่ชายโลงศพ
คน ๆ นี้ค่อนข้างเป็นคนมีไหวพริบ เมื่อมังกรเฒ่าหมดสภาพ ชายโลงศพก็เข้าใจเจตนาของหลินจินทันที ดังนั้นเขาจึงเข้าไปต่อยมังกรเฒ่า โดยยืมพละกำลังของซอมบี้คธูลูเป็นหมัดสุดท้าย จากนั้น ชายคนนั้นก็ก้าวออกมาเพื่อให้หลินจินได้พูดกับอีกฝ่ายเป็นครั้งสุดท้าย
ช่างเป็นผู้ชายที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ
แม้ว่าเขาจะมีท่าทีสันโดษและนิสัยเงียบขรึม แต่ชายโลงศพก็ยังสุขุมรอบคอบและเฉลียวฉลาดอย่างเหลือเชื่อ
หลินจินจึงพยักหน้าย่างพอใจ
ในที่สุดอีกาทมิฬและคนอื่น ๆ ก็ตระหนักได้ว่าเกิดอะไรขึ้นและเห็นว่าชายโลงศพมีปฏิกิริยาตอบสนองเร็วเพียงใด พวกเขาเสียใจที่ไม่ได้ลงมือก่อนหน้านี้และปล่อยให้ชายโลงศพขโมยความชอบนี้ไป แถมภัณฑารักษ์ดูพอใจกับชายโลงศพเป็นพิเศษอีกด้วย
พวกเขาพลาดแล้ว!
ตอนนี้ผลลัพธ์นั้นชัดเจนแล้ว หลินจินจึงเดินเข้าไปหามังกรเฒ่า
เขานอนขดอยู่บนพื้นพร้อมกับหายใจติดขัด ร่างกายของเขาที่ปกคลุมไปด้วยเกล็ดหยกได้รับบาดเจ็บสาหัส และเขายังคงอาเจียนเป็นเลือด เห็นได้ชัดว่าเข็มที่อาบออร่าของหลินจินสามารถสร้างความเสียหายได้รุนแรงเพียงใด
อันที่จริง สิ่งที่หลินจินคิดนั้น มันได้คลาดเคลื่อนไปจากความเป็นจริงเล็กน้อย
สาเหตุที่มังกรเฒ่าบาดเจ็บสาหัสไม่ได้เป็นเพียงเพราะเข็มเท่านั้น ส่วนใหญ่เป็นเพราะเขายังคงใช้คาถาอยู่ แล้วเมื่อถูกขัดจังหวะกลางคัน มันจึงได้รับผลสะท้อนกลับซึ่งทำให้เขาได้รับบาดเจ็บถึงขนาดนี้
อย่างไรก็ตาม หลินจินไม่รู้เรื่องนี้และคนอื่น ๆ ก็ไม่รู้เช่นกัน ดังนั้นพวกเขาจึงเข้าใจว่าทั้งหมดเป็นฝีมือของภัณฑารักษ์
ขณะที่เขาเฝ้าดูภัณฑารักษ์ในหน้ากากเทพปีศาจเข้ามาใกล้ มังกรเฒ่าพยายามเงยหัวขึ้นหลายครั้งแต่ก็ไม่สำเร็จ มังกรเฒ่าตัวนี้มีชีวิตอยู่มานานกว่าสี่ร้อยปี ฉลาดพอที่จะรู้ว่าอะไรรอเขาอยู่ต่อไป
“แค่ก! แค่ก! แค่ก!” หลังจากกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง มังกรเฒ่าก็พูดว่า “ความชอบธรรมเป็นสิทธิ์ของผู้ชนะ ข้ายอมรับความพ่ายแพ้ ท่านปรมาจารย์ผู้เกรียงไกร การบ่มเพาะของท่านลึกซึ้งเกินไปและข้าไม่สามารถเทียบเคียงกับท่านได้
ในฐานะผู้รู้แจ้ง ข้าแน่ใจว่าท่านรู้ว่าการบ่มเพาะเป็นเรื่องยากสำหรับอสุรกายอย่างพวกเรา ดังนั้นได้โปรดเมตตาและให้ข้ามีชีวิตอยู่ต่อ ข้ายินดีที่จะถอนคำสาปและจะบอกความลับสุดยอดแก่ท่าน”
กลัวความตาย? ร้องขอความเมตตา?
น่าเสียดายมันสายเกินไปแล้ว
สิ่งที่ทุกอย่างที่มังกรเฒ่าได้ทำตลอดมา หลินจินไม่มีทางเชื่อใจเขาอีกต่อไป
นอกจากนี้ หลินจินรู้แล้วว่ามังกรเฒ่าใกล้จะถึงจุดจบของเขาแล้ว แม้ว่าหลินจินจะไม่ได้ฆ่าเขา แต่เขาก็คงอยู่ได้อีกไม่นาน คำสาปนั้นเป็นกุญแจสำคัญในการยืดอายุขัยของเขา เขาจะยอมถอนคำสาปอย่างง่ายดายได้อย่างไร?
เขาน่าจะซื้อเวลาอีกครั้ง
สำหรับสิ่งที่เรียกว่า 'ความลับสุดยอด' หลินจินสนใจเพียงเล็กน้อยเท่านั้น มันอาจจะเป็นเรื่องโกหกด้วยซ้ำ
ดังนั้นหลินจินจึงเงียบ เมื่ออีกฝ่ายสังเกตเห็นสถานการณ์ที่ไม่เอื้ออำนวย เขารีบพูดว่า
“ท่านปรมาจารย์ผู้เกรียงไกร ท่านจะฆ่าข้าจริง ๆ งั้นหรือ? หากทำเช่นนั้น คำสาปขององค์หญิงหกจะไม่มีวันถูกทำลาย เธอจะไม่สามารถรอดพ้นจากเงื้อมมือแห่งความตายได้!”
หลินจินส่ายหัว
เมื่อถึงจุดนี้ มังกรเฒ่ายังคงพ่นเรื่องไร้สาระออกมา หากเป็นคนอื่น พวกเขาอาจเชื่อเขา แต่สำหรับหลินจิน เขาไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด
เพราะเขารู้วิธีถอนคำสาปจากพิพิธภัณฑ์แล้ว เขาต้องฆ่ามังกรเฒ่าเท่านั้นและไม่จำเป็นต้องทำอะไรอีก
เมื่อภัณฑารักษ์ไม่ตอบ มังกรเฒ่าก็ตื่นตระหนกอย่างแท้จริง
สี่ร้อยปีนั้นยาวนาน ยิ่งเขาอายุยืน เขายิ่งกลัวความตาย
บางทีเขาสัมผัสได้ว่าความตายใกล้เข้ามาแล้ว มังกรเฒ่าก็เริ่มสั่นสะท้านไปทั้งตัว
หลินจินแอบร่ายคาถาใต้แขนเสื้อ
จากนั้น เสี่ยวฮั่วได้ขยายร่างพร้อมกับกระโจนเข้าหาทันที และกัดลงบนคอของมังกรเฒ่า
ฟันที่แหลมคมของมันเพียงแค่เจาะคอของมังกรเฒ่า เลือดมังกรเริ่มสาดกระเซ็นไปทุกที่ในขณะที่มังกรเฒ่าบิดตัวด้วยความเจ็บปวด ค่อย ๆ สูญเสียเรี่ยวแรง
“ดื่มให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เลือดมังกรนี้เป็นอาหารเสริมชั้นยอดซึ่งดีกว่าเสี้ยวเม็ดยาโลหิตมังกรหลายร้อยเท่า” หลินจินกล่าวกับเสี่ยฮั่ว