2126-2128
2126 - สิงห์โตทองร่วงหล่น
โลกนี้ยิ่งใหญ่เจริญรุ่งเรือง แต่โลกที่ยิ่งใหญ่ก็มีสภาพแวดล้อมที่น่าอยู่น้อยลงเช่นกัน
สือฮ่าวรู้ว่าความสงบสุขในปัจจุบันจะถูกทำลายลงได้ทุกเมื่อ เป็นเพราะว่ามีสิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรทะเลปีนขึ้นมาบนฝั่งนานแล้ว การต่อสู้ได้เริ่มต้นขึ้นมานานหลายพันปีแล้วเช่นกัน
ในสายตาของทุกคนสือฮ่าวอาศัยอยู่เกือบหมื่นปี แต่เขายังเด็กอยู่ ไม่มีใครรู้ว่าเขาแข็งแกร่งเพียงใด เขาสามารถมีชีวิตอยู่ได้นานแค่ไหน
อย่างไรก็ตาม ผู้คนที่อยู่เคียงข้างเขาล้วนแต่ชรา แม้ว่าสือฮ่าวจะยืดอายุขัยเมื่อสือจื่อหลิงและภรรยาของเขาอายุได้ห้าพันปี
ถึงกระนั้นพวกเขา เจ้าแดงใหญ่และคนอื่นๆก็มีสภาพย่ำแย่แทบจะไม่สามารถประคองร่างกายอยู่สืบไปแล้ว
สายลมบางเบาพัดผ่านมา บนเกาะปีศาจ มีแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ไหลผ่าน มีพลังคำสาปไม่รู้จบ เปลี่ยนสถานที่แห่งนี้ให้กลายเป็นดินแดนที่ถูกปิดผนึก
สุสานเซียนลอยอยู่เหนือเกาะปีศาจ ที่ต้นกำเนิดของแม่น้ำสายยาวมีรัศมีคำสาปที่ไม่สิ้นสุด หลังจากผ่านไปหมื่นปีสถานที่แห่งนี้ก็น่ากลัวมากขึ้นเรื่อยๆ ในความเป็นจริงไม่มีใครอยู่บนเกาะนี้ ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้มัน
วันนี้สือฮ่าวพาพ่อแม่ของเขารวมทั้งอวิ๋นซีและหม้อสีขาวเดินทางมาตามแม่น้ำคำสาปเพื่อเข้าสู่สุสานเซียน
ร่างกายของสือฮ่าวส่องประกาย ปกป้องทุกคนไม่ให้อะไรเข้ามา สิ่งชั่วร้ายทั้งหมดถูกปัดเป่าออกไป พลังคำสาปไม่สามารถทำร้ายเขาได้
เส้นทางนี้เป็นเส้นทางที่สือฮ่าวคุ้นเคยอย่างมาก นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขามาที่นี่ เขาพาครอบครัวมาที่นี่หลายครั้ง บัดนี้พวกเขากลับมาที่นี่อีกครั้ง
บนสุสานเซียนหญิงสาวยังคงเต็มไปด้วยความกระปรี้กระเปร่า ผลกระทบของเวลาที่ไม่ทิ้งร่องรอยใดๆ บนใบหน้าของนางยังคงเหมือนเดิม
มีอีกคนหนึ่งอยู่ที่ตีนสุสาน ปู่ของสือห่าว ชายสิบห้าสือจงเทียน ผมของเขาเป็นสีดำสนิท ดูอ่อนกว่าวัยกว่าสือจื่อหลิงที่มีผมสีขาว
“ท่านปู่ อาหมัน ข้ามาพบพวกท่านทั้งสอง”
สือฮ่าวกล่าวมองไปข้างหน้า ไม่จำเป็นต้องพูดมากเกี่ยวกับปู่สิบห้า เขารักสือฮ่าวอย่างมาก ในครั้งหนึ่งเขาเคยปลดปล่อยการสังหารครั้งใหญ่ในอาณาจักรหินที่โลกเบื้องล่าง
อาหมันปฏิบัติต่อสือฮ่าวด้วยความกรุณาอย่างยิ่ง เมื่อเขายังเด็ก กระดูกสูงสุดของเขาถูกยึดไป เมื่อตอนที่เขาอ่อนแอที่สุด ถ้าไม่ใช่เพราะการดูแลของอาหมันเขาจะไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้จนถึงวันนี้ เขาคงจะตายไปนานแล้ว
"เด็กเอ๋ย!"
“ฮ่าวน้อย…”
สองความแปรปรวนของจิตสำนึกศักดิ์สิทธิ์ส่งผ่านเข้าสู่หัวใจของสือฮ่าว นี่คือเสียงของคุณปู่สิบห้าและอาหมัน
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาคุยกัน เมื่อสองพันปีก่อน สองคนนี้ฟื้นคืนชีพแล้ว เมื่อสือฮ่าวมาที่นี่พวกเขาสนทนากันด้วยเจตจำนงศักดิ์สิทธิ์
“ท่านปู่ อาหมัน พวกท่านสองคนสบายดีไหม” สือฮ่าวเรียกออกมา
หัวใจของเขาสั่นเล็กน้อย เขายังไม่แข็งแกร่งพอ! ถ้าเขาแข็งแกร่งพอ สองคนนี้คงไม่อยู่ที่นี่ และพวกเขาจะได้อยู่ด้วยกันตลอดไป
อาหมันที่อยู่เบื้องหลังคือโอกาสของนาง มีเส้นทางอยู่หลังสุสานอมตะ สิ่งมีชีวิตนั้นกลับมาแล้วและเขาได้รับอาหมันเป็นศิษย์
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาอาหมันได้รับมรดกของสิ่งมีชีวิตตัวนั้นโดยต้องปฏิบัติตามความต้องการของเขา
อย่างไรก็ตาม ตามความสงสัยของอาหมันโลกนี้โหดร้ายเกินไป แม้ว่าทักษะของคนคนนั้นจะน่าทึ่งและสามารถข้ามทะเลอาณาจักรมาได้แล้ว
แต่เขาก็ยังกังวลอยู่ เขาเชื่อว่านี่จะเป็นการตกตะกอนครั้งใหญ่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ในสงครามครั้งนี้จะมีผู้คนมากมายที่ร่วงหล่นลง
แม้แต่คนที่มีอำนาจเท่าเหมือนกับเขาก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าเขาจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ ดังนั้นเขาจึงทิ้งมรดกของตัวเองไว้เบื้องหลังเพื่อรับประกันว่าผู้สืบทอดของเขาจะยังคงอยู่
มรดกอย่างเป็นทางการที่เขามอบให้อาหมันเป็นแนวทางเพิ่มเติมที่เขาจัดเตรียมไว้ เขารับนางเป็นลูกศิษย์อีกคนก็เพราะกลัวว่ามรดกที่เขาทิ้งไว้ที่อื่นจะถูกทำลายไปด้วย
ในขณะเดียวกัน ปู่สิบห้าก็ไม่สามารถทิ้งอาหมันไว้ที่นี่ตามลำพังได้ เขายืนกรานที่จะติดตามนางไป เพราะเขามองว่านางคือลูกสาวของเขามานานแล้ว
บุคคลนั้นก็ยังช่วยให้เขาบรรลุเป้าหมาย โดยในเวลานี้เลือดของราชาปีศาจอยู่ในร่างกายของเขาและมันทำให้ร่างกายของเขาแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก
แม้ว่าจะมีพลังคำสาปไม่รู้จบภายในหลุมศพอันยิ่งใหญ่นี้ แต่ก็ถือเป็นเรื่องที่ดีเช่นกันเพราะในเวลานี้ไม่มีผู้ใดสามารถทำอันตรายพวกเขาได้
“ก่อนหน้านี้เราไม่สามารถออกจากหลุมศพเซียนได้ แต่ตอนนี้พวกเราได้เวลาออกเดินทางแล้ว” ปู่สิบห้าพูดพร้อมกับถอนหายใจเบาๆ
“ผู้เชี่ยวชาญคนนั้นได้ขึ้นไปบนเขื่อนแล้ว เขาข้ามทะเลอาณาจักรมาที่นี่ และประสงค์จะพาเราไปที่นั่นเพื่อชมการต่อสู้ เป็นเพราะเราเป็นลูกศิษย์ของเขา” อาหมันกล่าว
"พ่อ!"
สือจื่อหลิงตะโกนเสียงของเขาสั่น แม้ว่าเขาจะมาที่นี่หลายครั้งแล้ว แต่สุดท้ายพวกเขาก็ไม่สามารถพาผู้อาวุโสคนนี้ออกไปได้ มันทำให้พวกเขาเต็มไปด้วยความเสียใจ
ตอนนี้ เมื่อพวกเขาได้ยินว่าเขากำลังจะไปที่โลกแห่งเขื่อนพวกเขาก็เต็มไปด้วยความกังวลมากขึ้น ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
"อาหมัน!"
พวกเขาเรียกหมันด้วยเสียงแผ่วเบานางเปรียบเสมือนลูกสาวของพวกเขาดังนั้นพวกเขาจึงรู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก เมื่อนางเข้าร่วมการต่อสู้ของสิ่งมีชีวิตอมตะก็ไม่ทราบว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต?
“ท่านปู่ อาหมัน ท่านสองคนอยู่ที่นี่เพื่อรอคอยพวกเราหรือ?” อวิ๋นซีแสดงความกังวล นางรู้ว่าสองคนนี้เป็นบุคคลสำคัญอย่างยิ่งในชีวิตของสือฮ่าว ดังนั้นนางจึงหวังว่าพวกเขาจะสามารถอยู่ที่นี่ต่อไป
“พวกเราอยู่ที่นี่ไม่ได้ เจตจำนงของผู้เชี่ยวชาญคนนั้นได้ลงมาแล้ว เหตุผลเดียวที่เรายังไม่จากไปก็เพราะเราอยากเจอพวกเจ้าอีกครั้ง”
สือฮ่าวกําหมัดแน่น เขาอยากให้สองคนนี้ไม่จากไปไหนแต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้
“ปลุกเจ้าตัวเล็กเดี๋ยวนี้” อวิ๋นซีเตือนสือฮ่าว
สือฮ่าวปลดผนึกบนหม้อสีขาว นำเจ้าตัวเล็กนั่นออกมาและปลุกเขาให้ตื่น
“มาพบท่านป้าและท่านปู่”
เด็กน้อยตื่นขึ้น กระสับกระส่ายอย่างระแวดระวัง จากนั้นเขาก็เรียกท่านป้าและท่านปู่ออกมาด้วยเสียงสั่นสะท้านเล็กน้อย
“ดี ดี ดี!” สือจงเทียนมีความสุขมาก ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยน้ำตา
“ฮ่าวน้อย เจ้าต้องดูแลตัวเองให้ดี หลังจากที่พวกเราไปโลกแห่งเขื่อนแล้วพวกเราจะอธิษฐานขอให้ทุกท่านปลอดภัย” อาหมานกล่าว
“เด็กโง่คนนี้ได้อ้อนวอนอาจารย์ของนางหลายครั้งแล้ว โดยบอกว่านางจะเข้าร่วมการต่อสู้ครั้งนั้น แต่ขอให้เขาปกป้องคนที่นางรักอย่างเหมาะสม” สือจงเทียนกล่าว
ในความเป็นจริงการที่เขาไปยังโลกแห่งเขื่อนก็เพราะมีความคิดเช่นนี้ เขาเดินตามหลังร่างใหญ่ที่ไม่มีใครเทียบก็เพราะเขาคิดว่าคนผู้นี้จะปกป้องคนที่เขารักได้
“ท่านปู่ อาหมัน!” สือฮ่าวตัวสั่นและร้องไห้ออกมา
เสียงของสือฮ่าวจมลง
“ข้าจะให้พวกท่านต่อสู้ที่นั่นได้อย่างไร? รอข้าด้วย วันหนึ่งข้าจะไปปรากฏตัวในสนามรบนั้นและพาพวกท่านกลับมา!”
ปู่สิบห้าจากไป อาหมันก็จากไปเช่นกัน ในที่สุดสุสานเซียนก็เงียบลง กลายเป็นดินแดนที่ตายแล้ว!
หลังจากที่สือฮ่าวกลับมาที่ราชสำนักสือฮ่าวก็เห็นสิงโตสีทองกำลังจ้องไปที่ดวงอาทิตย์ที่กำลังตกดินเพียงลำพัง
มันแก่ชราอย่างไม่น่าเชื่อ ขนสีทองของมันสูญเสียความสดใสไปหมดแล้ว ไม่มีความสามารถระดับเทพในอดีตอีกต่อไป
สือฮ่าวหยิบเอายาโลหิตเซียนออกมาเขาต้องการจะยืดชีวิตมันออกไปอีกครั้ง
“ข้าแตกต่างจากคนที่เจ้ารักและพี่น้องของเจ้าทุกคน พวกเขาไม่ต้องการที่จะลากเจ้าลงมา ไม่ต้องการให้เจ้าเสียยาอมตะของเจ้า
และนั่นคือเหตุผลที่พวกเขาเต็มใจที่จะยอมแพ้และขอร้องให้เจ้าปล่อยพวกเขาไปสู่ความตาย อย่างไรก็ตามข้าไม่เหมือนกับคนพวกนั้นเพราะข้าไม่ได้ต้องการยานี่จริงๆ
บรรพบุรุษของข้าทำเรื่องกลับกลอกทรยศต่ออาณาจักรแห่งนี้ แต่ข้าเกิดมาเป็นคนของอาณาจักรนั้นข้าไม่อาจกลับกลอกเหมือนพวกเขาได้ ข้ามีศักดิ์ศรีของตัวเอง เจ้าต้องปล่อยข้าไป พี่น้องข้า!” สิงโตทองกล่าวด้วยรอยยิ้มทรนง
“ก็ได้ เจ้าอยากกลับบ้านหรือไม่ข้าจะไปส่งเจ้า!” สือฮ่าวไม่ต้องการบังคับมัน
“ไม่ต้อง ข้าต้องการไปที่ชายแดนรกร้างเป็นครั้งสุดท้ายเจ้าก็ฝังข้าไว้ที่นั่นเถอะ!”
สองวันต่อมาสิงโตทองก็ตายและถูกสือฮ่าวฝังไว้ในเขตแดนรกร้าง หลุมฝังศพนี้เป็นที่ฝังผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุคคนหนึ่ง
เมื่อมันกำลังจะตายมันก็นั่งอยู่ตรงนั้นไม่ได้ล้มลง ดวงตาของมันเบิกกว้างจ้องมองไปยังทิศทางของบ้านที่มันจากมา
2127 - ร่วงหล่นอย่างต่อเนื่อง
นี่เป็นเพียงตัวอย่างเล็กๆน้อยๆ ของสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา หลังจากนี้ยังมีผู้คนอีกมากเริ่มทยอยกันจากไป
เกือบหมื่นปี ใครเล่าจะคงอยู่ไหวใครเล่าจะดำรงอยู่ต่อไปได้?
แดง!
โลกก็ระเบิด ความว่างเปล่าก็พัดผ่าน
กฎแห่งสวรรค์เริ่มโกลาหล เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นในราชสำนัก
สือฮ่าวมุ่งหน้ากลับไปที่ราชสำนักทันที ตอนนี้มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นแล้ว ในที่สุดเขาก็ถอนหายใจเบาๆ
สือจงเป็นอีกคนที่ร่วงหล่น ในวันนี้เขาหลอมรวมเต๋าผู้ยิ่งใหญ่
ในท้ายที่สุดสือจงก็ไม่ประสบความสำเร็จในการผสานเข้ากับรอยประทับหลักของสวรรค์ กลายเป็นส่วนหนึ่งของเต๋าผู้ยิ่งใหญ่แห่งสวรรค์และปฐพี
แม้แต่สือฮ่าวก็ไม่สามารถหยุดเรื่องแบบนี้ได้ การบ่มเพาะได้แต่พึ่งพาตัวเองเท่านั้น
ความล้มเหลวหนึ่งครั้ง การเปลี่ยนแปลงหนึ่งครั้งในเต๋าไม่มีใครสามารถช่วยเขาได้
เป้ง!
ฝนแห่งแสงสว่างปกคลุมท้องฟ้า ในท้ายที่สุด วิญญาณสายฟ้าสองในสามก็ร่างกายแตกออกจากกัน
พวกมันมอบพลังชีวิตที่เหลืออยู่ให้กับวิญญาณสายฟ้าตัวที่สาม ปล่อยให้มันประสบความสำเร็จ เช่นเดียวกับมดเขาสวรรค์และคนอื่นๆที่สามารถรวมเข้ากับรอยประทับแก่นแท้แห่งสวรรค์ได้สำเร็จ
หลายปีผ่านไปอย่างไร้ความปราณี เส้นทางของผู้ฝึกฝนยิ่งถูกตัดให้สั้นลง
ในสายตาของผู้คนในโลกนี้ สือฮ่าวมีอายุเกือบหนึ่งหมื่นสองพันปี ราชสำนักสืบทอดกันรุ่นแล้วรุ่นเล่า ทหารเก่าในอดีตได้ล่วงลับไปนานแล้ว
พลังโลหิตของพ่อแม่ของสือฮ่าวแห้งเหือดไปแล้ว ขนของเจ้าแดงใหญ่ก็หลุดร่วงจนหมดสิ้น เผ่าอินทรีเกล็ดเขียวไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อีกต่อไป แม้แต่กระดองของเต่าสีดำตัวใหญ่ก็หลุดออกมา
จูเหยียนแม้จะไม่อยากยอมแพ้ต่อโชคชะตาของตัวเอง ก็อยู่ในวัยที่สมควรล่วงลับไปแล้วเช่นกัน มันไม่สามารถควงกระบองศึกของมันได้อีกต่อไป
ในอดีตสือฮ่าวช่วยให้พวกเขายืดอายุขัยออกไปได้ แต่ในท้ายที่สุด พวกเขาไม่สามารถหลุดพ้นจากชะตากรรมของพวกเขาได้สำเร็จ
วันแห่งการจากลามาถึงแล้ว พวกเขาไม่อาจประคองร่างกายของตัวเองได้สืบไป
สือฮ่าวไม่มีทางเลือก เลือดที่แท้จริงของเขาเหมือนกับเลือดอมตะ เขาไม่สามารถยืดอายุของพวกเขาด้วยยาเลือดได้ พวกเขามาถึงจุดสิ้นสุดอย่างแท้จริงไม่สามารถรองรับเลือดพวกนี้ได้อีกต่อไป
รูปลักษณ์ของอวิ๋นซียังคงเหมือนเดิม ถึงแม้ว่านางจะดูเด็กและอ่อนเยาว์แต่นางก็รู้ดีว่าจุดสิ้นสุดของชีวิตของนางใกล้จะมาถึงแล้วเช่นกัน
“ข้าไม่อยากไปจริงๆ”
ดวงตาของอวิ๋นซีแดงก่ำ ไม่ใช่เพราะนางยึดติดกับโลกฆราวาสแต่นางยังคงมีความเป็นห่วงคนที่นางรัก
นางจ้องมองไปที่สือฮ่าวและกล่าวด้วยเสียงสั่นสะท้าน
“เจ้าต้องดูแลตัวเอง ใช้ชีวิตอย่างถูกต้อง อย่าพยายามอวดเก่งเข้าใจหรือไม่!”
สือฮ่าวลูบเส้นผมของนางเบาๆและพยักหน้าเงียบๆ
“ตอนนี้ข้าเหลือเวลาไม่มากแล้ว ข้าหวังว่าหลังจากเจ้าบรรลุความเป็นอมตะเจ้าจะไปที่ป่าหม่อนไฟนั้นอีกครั้ง ข้าต้องการให้เจ้ามีความสุขหลังจากนี้เจ้าต้องมีความสุขรู้ไหม”
อวิ๋นซีกำลังยิ้ม แต่น้ำตาของนางยังคงไหลลงมาไม่หยุด แม่ว่านางจะพูดออกมาอย่างนั้นแต่นางก็ไม่เต็มใจและยินยอมพร้อมใจ นางจับมือของสือฮ่าวไว้แน่น นางรู้ว่าชีวิตของนางมาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว
“ข้ารู้สึกไม่สบายใจจริงๆ ลูกของเราเขายังเด็กมาก เจ้าต้องดูแลเขาให้ดี!” อวิ๋นซีสะอื้นไห้
นางรู้สึกเศร้าโศกเสียใจและกอดหม้อสีขาวอีกครั้ง
สือฮ่าวปลดผนึก ให้เจ้าตัวเล็กตื่นขึ้นและพาเขาออกจากหม้อ
“ลูก…” อวิ๋นซีสะอื้น อุ้มลูกไว้แน่น
“อย่าร้องไห้…แม่อย่าร้องไห้” เจ้าหนูน้อยตื่นตระหนก เอื้อมมือเล็กๆของเขาออกมาช่วยเช็ดน้ำตาให้กับมารดา
“ข้าไม่อยากจากเขาไป!” อวิ๋นซีสะอื้นกอดลูกของนางไม่ยอมปล่อยและปรารถนาที่จะเป็นแบบนี้ตลอดไป
“อย่าเศร้าไปเลย เจ้าก็แค่นอนหลับตื่นหนึ่งเท่านั้น” สือฮ่าวปลอบใจ
…
หลายวันต่อมา เสียงคำรามแห่งความเศร้าโศกดังก้องไปทั่วสวรรค์ เขย่าดินแดนทั้งแปดของอาณาจักรเบื้องล่าง!
สือฮ่าวยืนอยู่ที่ด้านหน้าของหมู่บ้านหินผาเพียงลำพังโดยใช้วิธีการที่น่าตกใจของโลกเพื่อยึดเอาแก่นแท้ของสวรรค์และปฐพีกลั่นเป็นของเหลวต้นกำเนิดสวรรค์เพื่อปิดผนึกทั้งหมู่บ้าน!
เขาปิดผนึกทุกคน พ่อแม่ของเขา อวิ๋นซี เจ้าแดงใหญ่ เจ้าโล้น สอง อินทรีย์เกร็ดเขียว เจ้าดำสามและคนอื่นๆทั้งหมด
“ในอนาคตเมื่อข้าแข็งแกร่งยิ่งกว่าราชาอมตะพวกเจ้าทุกคนจะกลายเป็นอมตะด้วย!” สือฮ่าวคำรามออกมา น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความเศร้า
วันนั้นหมู่บ้านหินผาจึงหายไป
ดวงตาของสือฮ่าวเต็มไปด้วยคราบน้ำตา หลายปีแล้วที่เขารู้สึกได้ถึงอารมณ์นี้ เขารู้สึกโดดเดี่ยวมาก
เห็นได้ชัดว่าเขาอยู่ในระดับสูงสุดในชีวิต แต่หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความเศร้าโศก หลายปีมานี้เขาได้ฝังคนที่เขารักไปมากมายจนหัวใจของเขาเริ่มชาด้านแล้ว
สือฮ่าวกลับสู่อาณาจักรที่สูงกว่าและออกจากแปดภูมิภาค
ดินแดนรกร้างทำให้เขารู้สึกเศร้าโศก ทำให้เขารู้สึกกังวล มันเป็นที่ที่เขาเกิดมา มีความทรงจำมากมายจากที่นั่น แต่ตอนนี้ เขาไม่อยากกลับมาอีกแล้ว
สือฮ่าวกลับมายังราชสำนัก เริ่มฝึกฝนอย่างขมขื่น ปรารถนาที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเอง อยากจะฝ่าฟันให้มากขึ้นเรื่อยๆ
หลายปีต่อมา ในห้วงลึกของดวงดาว ภายในดินแดนอันมืดมิด บนดาวที่พังยับเยินไม่มีใครสนใจ มีใครบางคนลืมตาขึ้น ราวกับสายฟ้าเย็นยะเยือกตัดผ่านความว่างเปล่า
มันคือสือฮ่าวอย่างแม่นยำ เขามาถึงส่วนลึกของจักรวาลเพียงลำพังเพื่อทำความเข้าใจเต๋า!
เบื้องหน้าเขาคือหินที่ไหลด้วยสีสันอันเจิดจ้า ปล่อยคลื่นเสียงก้องกังวาน ถ้าผู้ฝึกตนจากตระกูลเทพสวรรค์อยู่ที่นี่ พวกเขาจะตระหนักได้อย่างแน่นอนว่านี่เป็นสิ่งประดิษฐ์ของบรรพบุรุษของพวกเขา หินสวรรค์อมตะ
หินก้อนนี้เป็นสิ่งที่สือฮ่าวนำออกจากเมืองแห่งสวรรค์อย่างแม่นยำ
เมื่อก่อน กรรมที่เขามีกับตระกูลนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ในที่สุดเขาก็แย่งชิงก้อนหินก้อนนี้มาเพื่อให้จบสิ้นกรรมทุกอย่าง
ฮ่อง!
ทันใดนั้นร่างของสือฮ่าวก็หายไป เข้าไปในก้อนโลหะที่แข็งแกร่ง รัศมีอันเป็นอมตะปะทุขึ้นในความว่างเปล่า ความผันผวนรุนแรง ปะทุขึ้นด้วยรัศมีที่น่าอัศจรรย์
เราสามารถเห็นสิ่งมีชีวิตสองตัวต่อสู้กันอย่างดุเดือดบนเหล็กนั้น มันเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดเข้มข้นเป็นอย่างมาก เป็นการต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด ทั้งสองฝ่ายเสี่ยงชีวิตอย่างชัดเจน
การต่อสู้กับชีวิตและความตายเพื่อต่อสู้กับตัวเองนี่จึงถือเป็นการต่อสู้ที่สามารถพัฒนาตัวเองได้รวดเร็วอย่างแท้จริง
นี่เป็นการท้าทายสวรรค์โดยพื้นฐาน คนผู้หนึ่งกำลังต่อสู้กับตนเองไม่จบสิ้นจนอีกฝ่ายต้องพินาศไปจึงจะหยุด!
ไม่มีใครเข้าใจเขาใครดีไปกว่าตัวเขาเอง
การต่อสู้แบบนี้น่าประหลาดใจเกินไป ทั้งสองเข้าใจอีกฝ่ายดี พวกเขาสามารถค้นหาจุดอ่อนของอีกฝ่ายได้อย่างรวดเร็วและโจมตีเข้าใส่จุดอ่อนนั้นอย่างดุเดือด
ในช่วงหลายร้อยปีที่ผ่านมา หากไม่ใช่เพราะพ่อแม่ของเขาอวิ๋นซีและคนอื่นๆกำลังเข้าสู่ช่วงสุดท้ายของชีวิต สือฮ่าวคงใช้การต่อสู้ครั้งนี้ก้าวเข้าสู่อาณาจักรเต๋าอมตะไปนานแล้ว
ทุกคนที่เขารักกำลังจะมาถึงจุดสิ้นสุดของชีวิต พวกเขาอาจจะแก่เฒ่าและเสียชีวิตเมื่อใดก็ได้ สือฮ่าวไม่สามารถปล่อยวางจิตใจให้สงบดังนั้นเขาจึงต้องอยู่ที่ราชสำนักเพื่ออยู่กับทุกคนเป็นครั้งสุดท้าย
ปู!
เลือดศักดิ์สิทธิ์กระเซ็นไปทั่วทุกทิศทุกทาง ภายในแกนตำราทองคำเซียนแห่งความว่างเปล่า หลังจากประสบการต่อสู้ครั้งใหญ่เป็นเวลาหลายเดือน ร่างหนึ่งก็เดินโซเซไปข้างหลัง มันคือสือฮ่าวอย่างแม่นยำ
หลังจากการต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตและความตายสิ้นสุดลง เขาก็ถอยออกมาด้วยความเหนื่อยอ่อนที่สุด
เป็นเพราะเขาต่อสู้กับตัวเอง ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตอื่น นี่คือคู่ต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเขา
การต่อสู้ครั้งนี้ดำเนินไปเป็นเวลาหลายเดือน นานเกินไป ฉากแบบนั้นแทบไม่อาจจินตนาการถึง หลายครั้งที่เขากำลังจะสังหาร ‘ตัวเอง’ ได้ แต่ก็ไม่สำเร็จสักทีเพราะอีกฝ่ายก็รู้เช่นกัน
ทักษะเต๋าของแต่ละคนเหมือนกัน ความแข็งแกร่งของการต่อสู้เทียบเคียงกัน จิตวิญญาณการต่อสู้ก็คล้ายกัน ไม่มีสิ่งใดที่อ่อนแอกว่าอีกฝ่าย
2128 - พบกันอีกครั้ง
ร้อยปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ในช่วงเวลานี้ ทุกๆสองสามเดือนหรือสองสามปี สือฮ่าวจะเข้าสู่แกนตำราของทองคำเซียนแห่งความว่างเปล่าเพื่อสัมผัสกับภัยคุกคามแห่งความตาย อาบด้วยเลือดที่แท้จริงของเขาเอง
นี่เป็นการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ที่หาที่เปรียบมิได้ เป็นการต่อสู้กับตัวเขาเองอย่างไม่สิ้นสุด
สือฮ่าวคลั่งไคล้การฝึกฝนราวกับว่าเขาจะเป็นบ้าแบบนั้น
นี่ไม่ใช่แค่คำพูด ทุกครั้งที่เขาเข้าไปในแกนตำราทองคำเซียนแห่งความว่างเปล่าเขาจะพบกับการทดสอบความเป็นและความตาย ความประมาทเพียงเล็กน้อยอาจทำให้เขาจบชีวิตลงได้
ตามการคำนวณของเขา ถ้าเขาตายในโลกของแกนตำราทองคำเซียน ร่างกายที่แท้จริงของเขาก็จะหายวับไปเช่นกัน
มันสามารถคุกคามร่างกายที่แท้จริงของเขาได้!
สือฮ่าวต้องการฝ่าฟันคอขวดสุดท้าย บรรลุความเป็นอมตะในโลกแห่งมนุษย์!
นั่นคือเหตุผลที่เขาทุ่มสุดตัว เขาต่อสู้กับชีวิตและความตายอย่างต่อเนื่อง แข่งขันกับตัวเอง พยายามเข้าใจจุดอ่อนของเขาเองผ่านการต่อสู้ที่แปลกประหลาดแบบนี้ ทำให้วิชาของเขาสมบูรณ์แบบ
หลังจากหนึ่งพันปี สือฮ่าวในสายตาของผู้คนในโลกนี้มีอายุหนึ่งหมื่นสามพันปีแล้ว
ในช่วงพันปีที่ผ่านมาไม่มีใครเห็นเขา ทุกคนต่างสงสัยว่าเขาอยู่ที่ไหน พวกเขาไม่รู้ว่าสือฮ่าวอยู่ที่ไหน
“อาจารย์!”
ในวันนั้น จู่ๆมังกรแดงก็ปรากฏขึ้นและส่งเสียงจากระยะไกล
ด้วยเสียงหงส์ สือฮ่าวก็โผล่ออกมาจากความสันโดษ ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยเลือด ถอนตัวออกจากแกนตำราทองคำเซียนแห่งความว่างเปล่า
หลังจากต่อสู้มานับพันปี เขายังคงยืนหยัดต่อไปโดยไม่ล้มไม่ตาย นี่อาจถือได้ว่าเป็นปาฏิหาริย์
สือฮ่าวสั่งไว้ก่อนหน้านี้ว่า เว้นแต่จะมีเหตุการณ์สำคัญ ทุกคนไม่อาจรบกวนการฝึกฝนของเขาได้
ตอนนี้เขาสัมผัสได้ถึงความกังวลของมังกรแดงดังนั้นเขาจึงออกมาที่นี่ทันทีเมื่อเห็นมัน
“อาจารย์ หมาป่าศักดิ์สิทธิ์นั่นปรากฏตัวอีกครั้งแล้ว!” มังกรแดงกล่าว
สือฮ่าวเคยทิ้งคำสั่งพิเศษเอาไว้ว่าเมื่อพวกเขาสังเกตเห็นมันแล้ว พวกเขาไม่ควรทำให้หมาป่ายักษ์ตกใจกลัว และให้ติดต่อมาที่เขาทันที
ฮ่อง!
หลังจากนั้นทันที ร่างของสือฮ่าวก็เปล่งประกายอย่างไม่รู้จบ ล้อมรอบมังกรแดง ทิ้งส่วนลึกของจักรวาล มุ่งหน้าตรงไปยังพื้นที่ที่ไม่มีคนอาศัยอยู่ของชายแดนรกร้าง
เมื่อเขาเข้าไปใกล้รัศมีพลังของเขาก็ถูกเก็บซ่อนไว้อย่างเงียบๆ
แน่นอนว่าสิ่งมีชีวิตของอีกฝ่ายยังคงโจมตีผนึกที่ปิดกั้นทั้งสองโลกไว้ไม่หยุด ผีอมตะและวิญญาณวีรสตรีสองคนกำลังปกป้องพื้นที่นั้นและปราบสิ่งมีชีวิตที่ข้ามมา
ในหมู่พวกมันมีหมาป่าสีดำขนาดยักษ์ ตัวใหญ่กว่าภูเขา เมื่อมันเดินออกจากทางนั้น มันระมัดระวังอย่างยิ่ง ซ่อนตัวอยู่ที่นั่น เฝ้าดูทุกคนบุกทะลุผ่านไป
จิ!
สือฮ่าวไม่สามารถยับยั้งตัวเองได้อีกต่อไป คราวนี้เขาจู่โจมอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า สือฮ่าวเอื้อมมือใหญ่ออกไปอย่างรวดเร็วโดยต้องการปราบหมาป่ายักษ์ตัวนั้นไว้ก่อน
ฮู้!
หมาป่าสีดำยักษ์เงยหน้าขึ้นทันที เปลวไฟสีดำล้อมรอบมัน เผาความว่างเปล่าให้แหลกเป็นจุล อุณหภูมิสูงอย่างน่ากลัว น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง
แม้แต่สือฮ่าวก็ตกใจ หลังจากผ่านไปหลายพันปี การฝึกฝนของหมาป่าอสูรก็เพิ่มขึ้นถึงระดับนี้?
“เอ๊ะ? มีบางอย่างไม่ถูกต้อง!”
สือฮ่าวรู้สึกว่ามีสิ่งมีชีวิตอื่นซ่อนตัวอยู่ในเส้นทางที่ข้ามผ่านมา เพราะว่านี่คือเปลวไฟแห่งความมืด มันปกป้องหมาป่ายักษ์ไว้ข้างใน นี่คือไฟแห่งความมืดที่แม้แต่ผู้อมตะก็ยังต้องหวาดกลัว
สือฮ่าวดึงมือของเขาออกโดยไม่แตะต้องมันโดยตรง เขาถอยกลับมาสองก้าวสีหน้าบิดเบี้ยวอย่างรุนแรง
เสียงฝีเท้าเบาและสง่างามปรากฏขึ้นในความว่างเปล่า ทุกก้าวเดินทำให้เต๋าผู้ยิ่งใหญ่สั่นสะท้าน ความว่างเปล่าก็สะท้อนตอบกลับมา
นี่คือหญิงสาวสวมชุดดำคนหนึ่ง มีลวดลายปีศาจที่ละเอียดอ่อนสลับไว้บนหน้าผากผ่องใสของนาง ดวงตาของนางลึกล้ำราวกับดวงดาว นางเป็นหญิงสาวที่งดงามจนน่าทึ่ง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีลวดลายปีศาจบนหน้าผากของนางยิ่งเพิ่มลักษณะความงามที่น่าหลงใหลเข้าไปอีกไม่น้อย!
หญิงสาวคนนี้งดงามเกินไป แต่สิ่งที่ดึงดูดใจที่สุดคืออารมณ์ของนาง ท่าทางของนางนั้นเต็มไปด้วยความหยิ่งผยอง ดูถูกทุกชีวิตของโลกนี้
สิ่งมีชีวิตจำนวนมากจากอีกด้านหนึ่งถอยห่างออกไป เปิดเส้นทางให้นางด้วยความเคารพอย่างยิ่ง
ร่างของหมาป่าสีดำขนาดยักษ์นั้นหดตัวลงจนมีขนาดเล็กพอที่หญิงสาวจะอุ้มได้
หมาป่าปีศาจที่ชั่วร้ายนี้ตอนนี้เชื่อฟังเหมือนแมวตัวน้อย หญิงสาวคนนั้นก้มลงไปอุ้มลูกหมาป่าปีศาจขึ้นมาไว้ในอ้อมอก
“มันเป็นแบบนี้ได้ยังไง”
สือฮ่าวพึมพำกับตัวเอง เขาจ้องไปที่หญิงสาวคนนั้นแล้วร้องออกมาดังๆ
“มันเป็นไปได้ยังไง!”
เขาคุ้นเคยกับผู้หญิงคนนี้มากเกินไป เสียงในอดีตของนางและรอยยิ้มของนางยังคงสดใสอยู่ในความทรงจำของเขา
ความสุขและความทุกข์ในอดีตยังคงสะท้อนอยู่ในหัวใจของเขา คำสัญญาในอดีตยังคงวนเวียนอยู่
อย่างไรก็ตาม ในท้ายที่สุด ดอกหม่อนไฟก็เบ่งบาน แต่เขาไม่สามารถกลับไปได้อีก โดยติดอยู่ในสงครามของแดนรกร้างหลายปี
เมื่อดอกหม่อนไฟร่วงหมด เขาจึงกลับมา แต่ไม่มีสิ่งใดอยู่ที่นั่นอีกต่อไป
สือฮ่าวไม่มีวันลืมวันนั้น เมื่อมือใหญ่เอื้อมไปเหนือแดนรกร้าง ทะลุกำแพงของเมืองจักรพรรดิ์ ใครจะรู้ว่ามีกี่แคว้นที่ถูกลบออกไปในการโจมตีครั้งนั้น
วันนั้น เขาเห็นหญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่ข้างป่าหม่อนไฟ รออยู่เพียงลำพังด้วยความสิ้นหวัง นางถูกพรากจากไปต่อหน้าต่อตาของเขาโดยที่ไม่สามารถช่วยเหลือได้
นับแต่นั้นมา นางก็ไม่เคยปรากฏตัวอีกเลย พวกเขาไม่สามารถพบกันได้อีกตลอดกาล
สือฮ่าวเต็มไปด้วยความเศร้าโศกไม่สามารถช่วยอะไรได้นอกจากร้องไห้ออกมา น้ำเสียงของเขาสั่นสะท้านเล็กน้อย พวกเขาได้พบกันอีกครั้งภายใต้สถานการณ์แบบนี้
ในอีกด้านหนึ่งรอบๆตัวของหญิงสาวคนนั้น มีเปลวไฟสีดำที่ลุกโชนอย่างดุเดือด ในขณะเดียวกัน รอบตัวของนางก็ปรากฏหงส์ไฟสีแดงลอยออกมาจากเปลวเพลิงสีดำนั้น
กลิ่นหอมใสลอยมาจากฟากฟ้า กลีบดอกไม้พลิ้วไหวเป็นประกายราวกับสายฝนแห่งแสง นี่คือดอกหม่อนไฟ!
ฮั่วหลิงเอ๋อ!
หลังจากผ่านไปหนึ่งหมื่นปี พวกเขาก็พบกันภายใต้สถานการณ์แบบนี้ กาลเวลาไม่สามารถทิ้งร่องรอยใดๆไว้บนร่างกายของนาง นางยังคงงดงามอยู่เช่นเดิม และตอนนี้ยังเพิ่มเติมด้วยความเย็นชา
นี่ยังเป็นฮั่วหลิงเอ๋อที่เขารู้จักหรือไม่? อารมณ์ของนางแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
ในอดีต ในป่าต้นหม่อนไฟ นางเป็นหญิงสาวที่สง่างามและเต็มไปด้วยความอ่อนหวานกระปี้กระเป่า
ตอนนี้มีตราประทับปีศาจสีดำบนหน้าผากสีขาวเป็นประกายของนางซึ่งแสดงลักษณะที่น่ากลัว สายตาของนางเฉียบคม เย็นชาและเย่อหยิ่ง
นางยืนอยู่กับหมาป่าศักดิ์สิทธิ์ราวกับว่าเทพธิดาสวรรค์ลงมายังโลกนี้ แต่ก็มีธรรมชาติของปีศาจอยู่ประเภทหนึ่ง นางดูถูกโลก เย็นชา เย่อหยิ่ง และสง่างาม
การปรากฏตัวของนางทำให้ทุกคนที่อยู่ในสนามรบนี้เต็มไปด้วยความหวาดกลัวแม้กระทั่งคนจากฝั่งเดียวกันก็ไม่เว้น
“เจ้า… เจ้ายังคงเป็นตัวเจ้าอยู่หรือเปล่า” เสียงของสือฮ่าวแหบแห้ง
ดวงตาของฮั่วหลิงเอ๋อทอประกายลึกล้ำ ร่างกายของนางปะทุขึ้นด้วยคลื่นพลังอันแข็งแกร่งให้ความรู้สึกคล้ายกับนักรบหญิงจากสวรรค์
ในเวลานี้นางมองเขาด้วยสายตาที่เย็นชาอย่างยิ่งจนหัวใจของสือฮ่าวราวกับถูกแช่แข็งไว้
เสียงนกร้องดังขึ้นพร้อมกับเปลวไฟสีดำที่โหมกระหน่ำ ในเวลานี้หงส์ไฟตัวขนาดมหึมาบินขึ้นสู่ท้องฟ้า ทั้งหมดนี้เป็นสัญลักษณ์ของเต๋าเปลวเพลิง รัศมีสีดำหมุนวนอยู่รอบตัวของนาง
“ข้าเอง!” ฮั่วหลิงเอ๋อตอบ