บทที่ 50 - รากฐานของตระกูลหยาง
4/6
บทที่ 50 - รากฐานของตระกูลหยาง
พริบตานั้น หลี่ค่ายค่อยตระหนักถึงความจริงข้อหนึ่ง นั่นคือแม้หยางซือเล่ยจะถูกตระกูลขับไล่ แต่เขาก็ยังเป็นลูกหลานของตระกูลหยาง
แม้กลายเป็นตระกูลสาขา แต่ด้วยความสัมพันธ์ทางสายเลือดของตระกูลหยาง ยังไงก็เหนือกว่าหัวหน้าฝ่ายขนส่งมาก
ถัดจากเขา หลิวฉีและฉินหูที่อยู่ข้างๆก็ตกตะลึงไม่แพ้กัน
ไม่คาดหวังว่าหยางซือเล่ยกลับมาในครั้งนี้ เขาจะดุเดือดมาก ต่างจากเมื่อก่อนอย่างสิ้นเชิง ลูกตบทั้งสามฝ่ามือเสียงดังได้ใจดีจริงๆ
อย่างไรก็ตาม การกระทำครั้งนี้ เกรงว่าจะทำให้ผู้อาวุโสใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังหลี่ค่ายไม่พอใจ
“อนาคตช่างไม่แน่ไม่นอน ไม่รู้หรือว่านายน้อยหยางของข้ามิใช่คนเดิมอีกแล้ว”
เฉินซีชำเลืองมองที่หลี่ค่าย พูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น จากนั้นรีบตามหยางซือเล่ยเข้าไปในคฤหาสน์ตระกูลหยาง
ประโยคนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันได้ทุบทำลายความภาคภูมิใจของหลี่ค่าย
ใบหน้าอ้วนๆของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดง มองไปยังหลิวฉีและฉินหู กล่าวด้วยใบหน้าน่าเกลียดยิ่ง “พวกเจ้าทั้งคู่เห็นใช่หรือไม่? พวกเจ้าต้องมาเป็นพยานให้ข้า บอกตำหนักลงทัณ์ของตระกูลให้ไปจับเจ้าขยะเล่ย!”
“หือ? เมื่อกี้มีอะไรเกิดขึ้นรึ?”
“ข้าก็ไม่รู้ พอดีฝุ่นเข้าตา ไม่เห็นอะไรเลย”
หลิวฉีและฉินหู ทั้งสองคนแกล้งทำเป็นบื้อใบ้ ไม่ได้ให้ความสนใจกับหลี่ค่าย
“ประเสริฐ! พวกเจ้ากล้าช่วยขยะเล่ย รอข้าก่อนเถอะ!”
หลี่ค่ายโกรธมาก หันหลังกลับเข้าไปในคฤหาสน์ด้วยความฉุนเฉียว ลืมเลือนเรื่องที่ผู้อาวุโสใหญ่ของตระกูลฝากฝังไว้สิ้น
...
รูปแบบสถาปัตยกรรมของคฤหาสน์หยาง แบ่งออกเป็นห้าส่วน
ลานส่วนกลางคือพื้นที่หลักที่ใช้อยู่อาศัย และผู้อาศัยล้วนเป็นบุคคลระดับสูงของตระกูล
แต่จุดหมายปลายทางของหยางซือเล่ยในครั้งนี้ คือลานส่วนทิศเหนือ
จากความทรงจำเดิม ทุกคนในตระกูลสาขาจะมารวมกันที่นี่ พักอาศัยตามห้องรับรองแขกที่ถูกเตรียมไว้
และที่นี่ยังเป็นห้องลงทะเบียนเช่นกัน
สำหรับคนจากตระกูลสาขาที่มั่นใจในฝีมือตัวเอง หากต้องการเข้าร่วมงานล่าสัตว์ จำเป็นต้องลงทะเบียนล่วงหน้า
จากนั้นก็จะมีการประลองเพื่อคัดเลือกสามคนที่โดดเด่นที่สุดเข้าร่วมงานแข่งขันล่าสัตว์
ตระกูลหยางมีสมาชิกจำนวนมาก มีตระกูลสาขานับไม่ถ้วน ดังนั้นการคัดเลือกรุ่นเยาว์ 3 คนจากตัวแทนนับร้อย ถือว่าเป็นอะไรที่ดุเดือดมาก
“หือ? นั่นใช่หยางซือเล่ยที่ถูกบังคับให้แยกจากตระกูลหลักเมื่อสองปีก่อนหรือเปล่า?”
“จุ๊ จุ๊ เขายังมีหน้ากลับไปมาตระกูลหยางอีก ไม่กลัวกลายเป็นตัวตลกหรือไร?”
ระหว่างทาง
เห็นได้ชัดว่าคนรับใช้ที่ผ่านไปผ่านมาสังเกตเห็นหยางซือเล่ย อดไม่ได้ที่จะกระซิบกระซาบกัน
สำหรับเสียงกระแนะกระแหนประชดประชันเล็กน้อยเช่นนี้ หยางซือเล่ยไม่สนใจ
ครู่ต่อมา พวกเขาก็มาถึงบริเวณลานด้านทิศเหนือ
หลังจากก้าวเข้าสู่ประตูลานทิศเหนือ เสียงการฝึกซ้อมที่เร้าใจก็ทำให้หยางซือเล่ยหยุดฝีเท้า เงยหน้ามองไปตาม
เห็นแค่เพียงในลานกว้าง มีกลุ่มชายหญิงรวมตัวกัน ทุกคนเปี่ยมไปด้วยพลัง กำลังฝึกกับเสาไม้สีแดงเข้ม
คนเหล่านี้ ไม่ใช่สมาชิกจากตระกูลสาขาของตระกูลหยาง แต่เป็นคนที่เดินทางมาจากทั่วสารทิศ เพื่อเตรียมเข้ารับการคัดเลือกในวันพรุ่งนี้
และด้วยเหตุนี้เอง พวกเขาเลยไม่รู้จักหยางซือเล่ย หลังจากมองมา พวกเขาก็ไม่สนใจอีก
“นั่นมันต้นซวนหยาง!” เฉินซีอยู่ข้างๆเมื่อเห็นเสาไม้สีแดงเข้มเหล่านั้น ดวงตาเขาเป็นประกาย ทอดถอนหายใจอย่างประหลาดใจ “กล้าใช้ต้นไม้ซวนหยางเป็นเป้าฝึกฝน ช่างหรูหราอะไรเช่นนี้”
ต้นซวนหยาง คือต้นไม้ที่งอกเงยจากในพื้นที่บริเวณภูเขาไฟในรอบร้อยปี แฝงไปด้วยพลังวิญญาณธาตุไฟมากมาย
หากโค่นมันแล้วนำไปแช่ในน้ำมันเหล็ก ผิวไม้จะถูกเคลือบเป็นเงางาม แข็งทนยากจะทำลาย อีกทั้งยังทนต่อน้ำและต้านทานการกัดกร่อน เหมาะอย่างยิ่งสำหรับใช้ฝึกมวย
กระนั้น ราคาของมันก็แพงมากเช่นกัน นี่ไม่ใช่สิ่งที่ตระกูลเล็กๆสามารถจ่ายได้
จากเรื่องนี้ จะเห็นได้ว่ารากฐานของตระกูลหยางแข็งแกร่งเพียงใด