ตอนที่แล้วบทที่ 104 เรื่องเล่าในร้านอาหาร
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 106 ฉินหรูเหยียนที่หวาดกลัว!

(ฟรี) บทที่ 105 เจ้าอยากบ่มเพาะคู่กับข้าไหม?


หลี่หรานนั่งอยู่บนชั้นสองและสังเกตสตรีชุดดำ

สามารถเห็นได้เพียงว่าพลังปราณของนางถูกยับยั้งและกลิ่นอายของนางก็ทรงพลัง การบ่มเพาะของนางนั้นไม่ธรรมดาอย่างเห็นได้ชัด

นางให้ความรู้สึกคล้ายกับหลี่หรานและหลินหลางเยว่ นางควรจะอยู่ที่จุดสูงสุดของขอบเขตแก่นทองคำ

ผู้เชี่ยวชาญเช่นนี้ไม่ค่อยพบเห็นในเมืองหลินเฟิง

สตรีนางนี้ดูเหมือนจะสนใจเรื่องที่หลินหลางเยว่ถูกทุบตีมาก

นางยกมือขึ้นและโยนธนบัตรสองสามใบ “บอกข้าเพิ่มเติมเกี่ยวกับความน่าสมเพชของหลินหลางเยว่ที่ถูกทุกบตี บอกข้าจนกว่าข้าจะพอใจ เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา”

การกระทำที่ตรงไปตรงมานี้ดึงดูดความสนใจของแขกทุกคน

แม้ว่าใบหน้าของนางจะถูกคลุมไว้ แต่คิ้วของนางที่แสดงออกมานั้นราวกับภูเขาในฤดูใบไม้ผลิและยังมีดวงตาที่ราวกับดวงดาวคู่นั้นอีก รูปร่างของนางเองก็สง่างาม เมื่อรวมกับกลิ่นอายที่มีเสน่ห์แล้ว การหายใจของผู้ชายที่กำลังทานอาหารก็ถี่ขึ้น

อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครกล้าคุยกับนาง

สตรีนางนี้ดูไม่ใช่คนง่ายๆเลย และด้วยการใช้จ่ายอย่างใจกว้างของนาง ภูมิหลังของนางคงไม่ธรรมดาเช่นกัน

มีโอกาสมากที่พวกเจาอาจต้องแลกด้วยชีวิตหากเข้าหานางอย่างบุ่มบ่าม

ชายชราบนเวทีหยิบธนบัตรขึ้นมาและพูดอย่างตื่นเต้นว่า “แม่นางคนนี้ช่างใจกว้างจริงๆ! เอาล่ะ ข้าจะบอกเจ้าว่าหลินหลางเยว่ถูกทุบตีได้อย่างไร!”

ชายชราเป็นคนฉลาด เขารู้ว่าสตรีนางนี้ต้องการได้ยินอะไร

ดังนั้นเขาจึงพูดเกินจริงและอธิบายว่ามันน่าสังเวชมาก เขาบอกว่าหลินหลางเยว่ถูกทุบตีจนจมูกและปากของนางมีเลือดออก จนนางไม่ได้อยู่ในร่างมนุษย์อีกต่อไป

“ฮ่าฮ่า ดีมาก เป็นการต่อสู้ที่ดี!”

สตรีชุดดำยิ้มกว้างและยกมือขึ้นเพื่อโยนธนบัตรเพิ่มอีกหลายใบ

หลี่หรานไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดีเมื่อเขาได้ยินสิ่งนั้นจากบนชั้นสอง

เขาทุบตีหลินหลางเยว่อย่างรุนแรงก็จริง แต่นางก็ไม่ใช่คนอ่อนแอ การป้องกันและสมบัติวิญญาณของนางปิดกั้นหมัดส่วนใหญ่

ไม่ว่าอาการบาดเจ็บภายในจะเป็นอย่างไร อย่างน้อยพวกมันก็ไม่ได้ดูน่าสังเวช

เป็นไปไม่ได้ที่ผู้บ่มเพาะที่ขอบเขตแก่นทองคำจะไม่คิดถึงเรื่องนี้ แต่นางก็ยังดูมีความสุขมาก

“นางอาจมีความแค้นต่อหลินหลางเยว่”

หลี่หรานไม่สามารถคิดถึงเหตุผลอื่นได้

ที่ด้านข้าง อาฉินมองไปที่ฉากนี้และถามอย่างสงสัยว่า “ท่านเซิงจื่อ ทำไมแม่นางคนนั้นถึงโยนเงินไปที่เวทีล่ะ?”

หลี่หรานตอบอย่างสบายๆว่า “พฤติกรรมนี้เรียกว่าการโปรยเงิน บางทีนางอาจมีเงินมากเกินไป”

“โอ้” อาฉินพยักหน้า

หลังจากรับประทานอาหารแล้ว ทั้งสองคนก็ออกจากร้านอาหารและเดินเล่นรอบเมืองหลิงเฟิงต่อ

หลี่หรานซื้อสิ่งของที่เขาต้องการ ในขณะที่อาฉินกำลัง ‘ซื้อของ’ เป็นครั้งแรก นางจึงอยากรู้อยากเห็นไปเสียทุกเรื่อง

นางไม่ประหม่าเหมือนตอนแรก นางคอยถามราวกับเป็นเด็กน้อยที่อยากรู้อยากเห็น

“ท่านเซิงจื่อ ขนมกุ้ยฮวาคือสิ่งใดกัน?”

“มาลองชิมกันเถอะ”

“ท่านเซิงจื่อ แล้วเค้กลูกพลัมล่ะ?”

“มาลองชิมกันเถอะ”

“ท่านเซิงจื่อ เอิ้ก...”

“มาลองชิมกันเถอะ”

ไม่ว่าอาฉินจะถามอะไร หลี่หรานก็จะซื้อมันให้นาง แก้มของนางตอนนี้พองออกด้วยอาหารเหมือนหนูแฮมสเตอร์

“นายท่าน ข้าเดินไม่ได้แล้ว...” นางลูบท้องที่อิ่มมาก

ทั้งสองคนกินเค้กไปเป็นจำนวนมากจนเดินค่อนข้างลำบาก

หลี่หรานทั้งโกรธและขบขัน “ข้าซื้อให้เจ้าลองชิม ใครบอกให้เจ้ากินมันทั้งหมดกัน?”

อาฉินส่ายหัวและพูดอย่างจริงจังว่า “ท่านเซิงจื่อซื้อให้ข้า แน่นอนว่าข้าต้องกินมันให้หมด”

หลี่หรานดูหมดหนทาง

ผู้หญิงโง่คนนี้...

“ไม่เป็นไร ข้าก็แค่เดินช้าๆ” อาฉินบอก

หลี่หรานเห็นว่าใบหน้าของนางซีดและเขาเองก็รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย

ผู้บ่มเพาะสามารถปรับแต่งแก่นแท้ให้เป็นพลังปราณได้ ไม่ว่าจะเป็นไก่ เป็ด ปลา หรือธัญพืช พวกมันจะถูกกลั่นให้เป็นแก่นแท้โดยธรรมชาติ

แต่สิ่งนี้จำเป็นต้องผ่านกระบวนการด้วย

ย้อนกลับไปตอนที่เขาออกเดทกับท่านอาจารย์ เขาอยู่ที่ขอบเขตแก่นทองคำแล้ว ดังนั้นอาฉินซึ่งอยู่ในขั้นปลายของขอบเขตหลอมรวมลมปราณจะแข็งแกร่งกว่าเขาได้ยังไง?

“มันเป็นความผิดของข้าเช่นกัน” หลี่หรานตบหน้าผากของเขา

ในเวลานี้ เขาสังเกตเห็นร้านน้ำชาที่อยู่ด้านข้าง เขาจึงพูดกับอาฉินว่า “เข้าไปนั่งพักที่นั่นก่อน ข้าจะกลับมาหาเจ้าในภายหลัง”

“อืม... ข้าเข้าใจแล้ว” อาฉินพยักหน้า

แม้ว่านางจะไม่ต้องการแยกจากหลี่หราน แต่นางก็ต้องการพักผ่อน

หลี่หรานส่งนางเข้าไปข้างใน

สิ่งนี้อยู่ภายใต้สายตาของวิหารโหยวหลัว และอาฉินยังมีการบ่มเพาะขอบเขตหลอมรวมลมปราณขั้นปลาย ดังนั้นจึงไม่น่าจะมีปัญหาใดๆ

แต่เพื่อความปลอดภัย เขายังคงใช้ทักษะบางอย่างเพื่อระบุตำแหน่งนาง

หลังจากนางนั่งลงแล้ว หลี่หรานก็ออกไปซื้อของ

ปัง!

ประตูร้านน้ำชาถูกเปิดออก

ชายสองสามคนเดินเข้ามา พวกเขาทั้งหมดสวมชุดสีดำ ดวงตาของพวกเขาอยู่สูงและแสดงออกอย่างภาคภูมิใจ

“เจ้าของร้านอยู่ไหน?”

“ข้ามาแล้ว โปรดเข้ามาก่อน” เจ้าของร้านทักทายพวกเขาด้วยรอยยิ้ม

เขาได้เห็นผู้คนมานับไม่ถ้วนและสามารถบอกได้ทันทีว่าคนเหล่านี้เป็นสาวกของนิกาย ไม่ใช่คนที่เขาสามารถรุกรานได้

ชายสองสามคนเดินเข้าไปและนั่งลง

“ข้าต้องการชาจิตวิญญาณดีๆสักถ้วย!”

“ได้ครับๆ กรุณารอสักครู่” ขณะที่เจ้าของร้านไปชงชา พวกเขาก็เริ่มคุยกันเงียบๆ...

“พูดก็พูดเถอะ ทำไมท่านสตรีศักดิ์สิทธิ์ถึงทานอาหารนานขนาดนี้?”

“ทานอาหารอะไรกัน? นางกำลังฟังเรื่องเล่าอยู่ นางมีความสุขมากที่ได้ยินว่าหลินหลางเยว่ถูกทุบตี”

“หลินหลางเยว่? ท่านสตรีศักดิ์สิทธิ์มีความเป็นปฏิปักษ์อะไรกับนาง?”

“ข้าก็ไม่รู้ ข้าไม่กล้าถาม...”

ขณะที่พวกเขากำลังพูด ดวงตาของชายชุดดำก็สว่างขึ้นและเขารีบพูดว่า “หยุดคุยกันได้แล้ว ดูนั่นสิ!”

พวกเขามองตามนิ้วของชายคนนั้นไปและเห็นผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ริมหน้าต่าง นางท้าวคางและมองออกไปนอกหน้าต่าง

แม้จะเป็นการเหลือบมองเพียงครั้งเดียว นางก็สามารถทำให้หัวใจของพวกเขาเต้นรัวได้

“กลิ่นอายและร่างกายนี้... นางเป็นต้นกล้าที่ดีสำหรับการบ่มเพาะคู่!”

“เสน่ห์ของนางเป็นธรรมชาติมาก นางบ่มเพาะเทคนิคการบ่มเพาะคู่อย่างแน่นอน!”

“นางอยู่ที่ขอบเขตหลอมรวมลมปราณเท่านั้น ถ้าเราพานางกลับไปที่นิกาย ผู้นำนิกายจะให้รางวัลแก่เราอย่างแน่นอน!”

ชายสองสามคนดูตื่นเต้นขณะที่พวกเขาลุกขึ้นและเดินตรงไป

อาฉินมองชายตรงหน้าแล้วถามอย่างเป็นกังวลว่า “มีอะไรหรือเปล่าคะ?”

ท่าทางขี้อายของนางทำให้หัวใจของพวกเขาเต้นเร็วขึ้น

“แม่นาง รูปร่างของเจ้าน่าทึ่งมาก เจ้าอยากบ่มเพาะคู่กับข้าไหม?” ผู้นำของกลุ่มมีรอยยิ้มลามกบนใบหน้าของเขา

อาฉินรู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติและรีบส่ายหน้า “ไม่! เซิงจื่อจะกลับมาเร็วๆนี้ พวกเจ้าทุกคนควรรีบออกไป”

“เซิงจื่อ?” ชายคนนั้นตะลึง “เจ้ามาจากนิกายใด?”

อาฉินตอบอย่างจริงจังว่า “ข้ามาจากวิหารโหยวหลัว เซิงจื่อนั้นทรงพลังมาก อย่าทำอะไรผลีผลามดีกว่า”

“วิหารโหยวหลัว?”

พวกเขาสองสามคนมองหน้ากันแล้วหัวเราะเสียงดัง

ชายที่เป็นผู้นำส่ายหัวและพูดว่า “มีตั้งหลายนิกายให้เจ้าแต่งเรื่องขึ้นมา ทำไมเจ้าถึงเลือกนิกายนี้? ทำไมเจ้าถึงเลือกชื่อวิหารโหยวหลัวขึ้นมา? ใครบ้างที่ไม่รู้ว่าผู้นำนิกายเหลิงไม่มีความปรารถนาในความรักและนิกายก็ห้ามความสัมพันธ์ระหว่างชายและหญิง จะมีสาวกที่เรียนรู้การบ่มเพาะคู่ได้อย่างไร?”

“ถ้าเจ้าเป็นศิษย์ของวิหารโหยวหลัว ข้าก็คงเป็นผู้นำของศาลาหมื่นดาบ!”

“จะคุยกับนางไปทำไม? พานางไป!”

หลายคนกระโจนเข้าใส่นางทันที

อาฉินเตรียมพร้อมอยู่แล้ว นางจึงรีบถอยหนีแล้วกระโดดออกไปทางหน้าต่าง ส่วนพวกชายชุดดำก็รีบวิ่งตามนางไป

อาฉินอยู่ในขอบเขตหลอมรวมลมปราณขั้นปลาย แม้ว่าความกล้าหาญในการต่อสู้ของนางจะต่ำกว่ามาตรฐาน แต่หลี่หรานก็ได้สอนทักษะการป้องกันตัวบางอย่างให้กับนาง

ในขณะนี้ ราวกับว่านางกำลังขี่สายลม นางก้าวผ่านถนนที่มีผู้คนพลุกพล่านอย่างรวดเร็วราวกับปลาในมหาสมุทร

พวกชายชุดดำไม่สามารถตามนางทันไปชั่วขณะหนึ่ง…

/////