ตอนที่ 758 ความโกรธของจงหลีไป๋
ถังเทียนลืมตา ดวงตาแดงที่มุ่งมั่นค่อยๆจางลงและกลับคืนสู่สภาพปกติ เทพอสูรหกกรภายในเร้นอยู่ในตัวเขาทันที เปลวเพลิงจากมุทราหมัดพิโรธยังคงลุกโชนเหมือนเพลิงพิโรธ
ฮ่า.....
เขาผ่อนลมหายใจระบายความร้อนออกมาบางส่วน พลังต้นกำเนิดมากมายมหาศาลสะสมอยู่ภายในร่างกายของเขาทำให้เขารู้สึกเหมือนมีระเบิดเวลาอยู่ในตัว เขามีความรู้สึกว่าถ้าเขาเคลื่อนไหวผิด ก็คงทำลายตัวเอง
แสงสีแดงของมุทราหมัดพิโรธท่วมตัวของเขาทั้งหมดทำให้พลังต้นกำเนิดของเขากลายเป็นเช่นนั้นด้วย
หลังจากตรวจสอบเป็นเวลาสองสามวันเขายืนยันว่าเทพอสูรหกมุทราไม่ใช่วิชาสำหรับสู้รบ แต่เป็นวิชาลับที่ใช้ปรับเปลี่ยนภายในกาย แต่ทำความเข้าใจก็ส่วนทำความเข้าใจ จากเวลาที่เขาได้รับรู้ เขาเพียงแต่รู้แจ้งในมุทราหมัดพิโรธเท่านั้น
ก่อนและหลังจากที่การต่อสู้จบลง เขาไม่มีความรู้สึกจากพลังของมุทรามากนัก ระหว่างต่อสู้พลังต้นกำเนิดในช่วงเวลาที่เขาโกรธจัดมีขีดสามารถในการทำลายล้างได้ หลังจากการต่อสู้จบลง พลังต้นกำเนิดในร่างของเขาหมดเกลี้ยงทำให้เขาเหนื่อยล้า
แต่เมื่อพลังต้นกำเนิดในร่างของเขาเริ่มฟื้นคืน เขาตระหนักได้ว่าทะเลที่ไร้ขอบเขตของพลังต้นกำเนิดไม่เสถียรเป็นเรื่องที่เจ็บปวดมาก เขาใช้เวลาสองสามวันค่อยๆคุ้นชินกับพลังต้นกำเนิดในร่างกาย และจัดการพลังอย่างราบรื่น
แต่เขาต้องระมัดระวังมากและให้ความสำคัญต่อการข่มพลังต้นกำเนิดที่กระสับกระส่าย
แต่ด้วยพลังต้นกำเนิดที่แข็งแกร่งมากขึ้น ทำให้หมัดเทพเจ้าของถังเทียนพลอยก้าวหน้าไปด้วย
ถังเทียนมองหมัดเทพเจ้าข้างหน้าอย่างตื่นเต้น เขามั่นใจว่าเมื่อหมัดเทพเจ้าสำเร็จได้จริงๆ พลังของมันคงทำให้โลกตะลึงแน่นอน แต่ในขั้นตอนสุดท้ายทุกย่างก้าวเล็กๆเขาจำเป็นต้องทำให้ทะเลพลังต้นกำเนิดที่ไร้ขอบเขตต้องหมดไป
มีหลายครั้งที่ถังเทียนฝืนหัวเราะ เขาต้องทุ่มเทใช้พลังงานไปมากเพื่อสร้างไม้ตายที่ทรงพลังอย่างนั้น แต่ในที่สุดความต้องการพลังของมันกลับมากกว่าที่เขามี
เขาส่ายศีรษะและทิ้งความคิดที่ซับซ้อนและเดินออกมาจากห้อง
ภายในลานที่พักซึ่งมีการคุ้มกันอย่างแน่นหนา สมาชิกหน่วยสุญญตาที่ได้รับการช่วยเหลือได้เริ่มตั้งการคุ้มกัน กลุ่มสมาชิกของหน่วยสุญญตาฉุดลากเขาชมวิว และก่อนที่พวกเขาจะไปถึงบ้านตระกูลฉี ทางตระกูลฉีก็ส่งนักโทษสุญญตาออกมาแล้ว
นักโทษหน่วยสุญญตาทุกคนในเมืองบูรพาอมตะยืนอยู่เคียงข้างถังเทียนรวมทั้งจงหลีไป๋
ถังเทียนมองดูสวี่เย่และถามด้วยความห่วงใย “เจ้าเป็นไงบ้าง? รู้สึกดีขึ้นบ้างไหม?”
หน้าของสวี่เย่ซีดขาว ราวกับว่าป่วยไข้บางครั้งหน้าของเขาจะเปลี่ยนเป็นสีเทา การต่อสู้ระหว่างถังเทียนกับเหอซินส่งผลกระทบต่อเขาอย่างรุนแรง เขาฝึกมาทางกฎธรรมชาติเป็นตาย แต่เขายังขาดความเฉียบคมของการต่อสู้เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย เขาเป็นเหมือนดอกไม้ในเรือนกระจก ดูเหมือนแข็งแกร่ง แต่สภาพใจของเขาอ่อนแอมาก หลังจากเห็นการต่อสู้เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายที่ขมขื่น แสดงให้เขาเห็นการอุทิศตัวเพื่อชัยชนะ ไม่สนใจทุกสิ่งทุกอย่าง เพื่อความเชื่อมั่นในตัวเองของพวกเขา พวกเขายินดีจะทุ่มเททุกอย่างที่พวกเขามี
‘เทียบกับพวกเขาแล้ว ข้าเป็นแค่คนขี้ขลาดและลวงโลก’
สภาพจิตใจของเขาติดอยู่ภายในกฎเป็นและตาย และผิวกฎของของเขาได้รับผลอย่างมาก เขาไม่มีการควบคุมรังสีกฎเป็นและตายในร่างเขาทำให้ร่างของเขาเคลื่อนไหวอย่างไม่ระมัดระวัง ดังนั้นสวี่เย่ไม่สามารถแยกแยะรัศมีเป็นตายจากกันได้ทำให้ร่างของเขาหมิ่นเหม่ต่อความตายและอาจตายได้ทุกเมื่อ
ถังเทียนไม่อาจช่วยเขาได้ กฎเป็นและตายเป็นหนึ่งในสามกฎใหญ่ มันลึกลับและลึกซึ้งเกินไป เขาไม่สามารถทำอะไรได้
มีเพียงคนที่ช่วยสวี่เย่ได้ก็คือสวี่เย่เอง
สวี่เย่คำนับด้วยความเคารพ “ขอบคุณนายท่านที่กังวลห่วงใย ไม่ใช่เรื่องสำคัญ”
สีหน้าของเขาสงบ รัศมีพลังเป็นตายที่รุนแรงในร่างของเขาทำให้เขาอยู่ในสภาพเลวร้ายและแม้แต่เสียงของเขาก็อ่อนล้า เมื่อพูดมาก เขาจะรู้สึกเพลียและไอไม่หยุด
เมื่อเห็นเช่นนั้นถังเทียนแนะนำเขาทันที “เจ้าควรจะพัก ไม่ต้องกังวลที่นี่มากก็ได้!”
สวี่เย่ไม่ตอบรับคำแนะนำนั้น แต่พูดต่อ “สองวันที่แล้ว เมืองจื่อจวนส่งข้อมูลมา มีคนแทรกซึมเข้าเมืองจื่อจวน แต่ท่านเนี่ยชิวตรวจจับพบเขาและใช้หน่วยสุญญตาทำลายเขาตามที่ตรวจสอบข้อมูลมา น่าจะเป็นฉีเซี่ยงตง”
“ฉีเซี่ยงตงตายแล้ว? เขาทำได้ง่ายจริง!” จงหลีไป๋ที่อยู่ด้านข้างอดพูดไม่ได้ หน้าของเขาเขียวคล้ำ กำหมัดแน่นความเกลียดเต็มอยู่ในดวงตา พวกเขาลำบากทุกข์ทนอยู่ในตระกูลฉี และจงหลีไป๋ถูกทรมานหนักที่สุด ฉีเซี่ยงตงและคนในตระกูลเห็นว่าจงหลีไป๋เป็นหัวหน้า และต้องการให้เขายอมรับพวกเขาก่อน ดังนั้นจึงใช้วีการมากมายกับเขา กฎมรณะและพิษของเหอซินก็รวมอยู่ในนั้นด้วย
จงหลีไป๋หยิ่งและไม่ยอมคนง่ายๆและความเกลียดที่เขามีจะต้องชดใช้ คนเคยได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในกลุ่มดาวราชสีห์เขาเคยต้องมีชีวิตทุกข์ทนแบบนี้เมื่อไหร่กัน? เขาเกลียดฉีเซี่ยงตง และเหอซินมาก แต่ไม่เคยคาดเลยว่าจะได้รับการช่วยเหลือ และเหอซินก็ถูกถังเทียนฆ่าไปแล้ว เขาต้องการตามหาฉีเซี่ยงตงมาล้างแค้น แต่ฉีเซี่ยงตงก็มาถูกฆ่าอีก และเขาไม่สามารถระบายความโกรธเกลียดในใจเขาได้
สิ่งที่เขาไม่สามารถยอมรับได้มากที่สุดก็คือศัตรูของเขาถูกคนตาบอดฆ่าตาย ทั้งสองคนมีสัมพันธ์กันในฐานะคู่แข่งและนี่คือสิ่งที่จงหลีไป๋ทำใจรับไม่ได้
“ตระกูลของฉีเซี่ยงตงยังมีชีวิต...” สวี่เย่เตือนจงหลีไป๋ ในแดนบาปการล้างแค้นเช่นนั้นโดยการล้างตระกูลเป็นเรื่องปกติ
จงหลีไป๋คลายหมัดและแค่นเสียงเชิดหน้าขึ้นฟ้า “ข้าไม่ยอมลดตัวทำเรื่องเสื่อมเสียแบบนั้นแน่!”
ถังเทียนไม่รู้ว่าฉีเซี่ยงตงแข็งแกร่งขนาดไหนเช่นกัน เมื่อเรื่องที่จำนวนคนในเมืองจื่อจวนทั้งยังมีกู้เสวี่ย เนี่ยชิว อาโมรี่และหานปิงหนิงเขาไม่รู้สึกแปลกที่ฉีเซี่ยงตงถูกฆ่า
เขาไม่ได้กังวลกับคำถามนี้และหันไปถามสวี่เย่ “เราจะไปเมืองพายุกันได้ยังไง?”
การสู้รบในเมืองบูรพาอมตะได้ผลเป็นที่น่าพอใจ แต่ก็ยังเป็นเหตุให้ความมั่นใจของเขาเพิ่มมากขึ้นด้วยการช่วยสมาชิกหน่วยสุญญตา เป้าหมายของเขาจะต้องถูกพบ และเขาเองก็จะแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ความจริงที่ว่าเขาสามารถร่วมสู้ศึกเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายและก้าวหน้าได้เร็วทำให้ถังเทียนมีความสุขมาก
เขารู้สึกว่าการเอาชนะไปทีละเมืองไม่ใช่แผนที่เลว
สีหน้าของสวี่เย่เปลี่ยนไป “มีการเปลี่ยนแปลงในสถานการณ์บางอย่างที่คาดไม่ถึง”
“เปลี่ยนแปลง?” ถังเทียนตกใจ และเขาถาม “เปลี่ยนอะไร?”
“ตระกูลฝูแห่งเมืองพายุบอกว่าพวกเขาพบผู้สืบทอดของปรมาจารย์หลี่แล้ว”
มีผู้สืบทอดของปรมาจารย์หลี่ในช่วงเวลาแบบนี้ เป็นเรื่องบังเอิญเกินไป นั่นคือสาเหตุที่สวี่เย่ทำหน้าแปลกประหลาด แม้แต่จงหลีไป๋ที่มีหน้าดื้อรั้นก็ยังตกใจ
ถังเทียนสับสน “ผู้สืบทอดปรมาจารย์หลี่?”
“ถูกแล้ว กล่าวกันว่าตระกูลฝูได้รับพระคุณจากปรมาจารย์หลี่ในอดีต และพวกเขาเพิ่งพบผู้สืบทอดของเขา ดังนั้นจึงทำการฉลองกันใหญ่ พวกเขาเชิญนักสู้มีฝีมือหลายคนมาร่วมงานเลี้ยงอีกด้วย” สวี่เย่ลูบจมูก
จงหลีไป๋แค่นเสียง “เลวมาก พวกมันแค่ต้องการจะต่อต้านเรา”
สวี่เย่ชำเลืองมองบุรุษหนุ่มผู้มีกลิ่นอายอันตรายสำหรับเขาผมยาวของเขามัดรวบเป็นหางม้าและมักจะหรี่ตาเสมอ ‘บริวารของนายท่านนับว่าโดดเด่นอย่างแท้จริง’ ในช่วงผ่านมาไม่กี่วัน เขาเห็นการทำงานของจงหลีไป๋แล้ว เขาตะโกนดังราวฟ้าผ่า เรียกผู้นำตระกูลสองสามคนและไม่ให้พวกเขาได้มีโอกาสพบ เขาพบกับพวกผู้นำตระกูลเหล่านั้นแยกกัน ทั้งขู่ทั้งหลอกล่อทำให้หัวหน้าตระกูลทั้งหลายเต็มไปด้วยความกลัว หลังจากนั้นเขาชี้ให้จุดอ่อนของกันและกัน ใครก็ตามที่กล้าโกหกจะต้องเจ็บตัว ดังนั้นตระกูลต่างๆ ในเมืองบูรพาตะวันออกจึงส่งมอบมือดีทั้งหมดออกมา
และเมื่อสวี่เย่ได้ยินว่าจงหลีไป๋บอกว่าเขาจะไม่หาเด็กและภรรยาของตระกูลฉี เขาแปลกใจ
เขาได้รับทุกข์ทรมานจากมือพวกเขาอยู่มาก และได้ยินวิธีที่ฉีเซี่ยงตงและเหอซินทรมานเขา เขาตกใจที่ได้ยินว่าเขาจะไม่ล้างแค้นกับเด็กและภรรยา แต่เพื่อการสร้างอำนาจ เขาจะไม่ลังเลที่จะล้างตระกูลทำให้แม่น้ำโลหิตไหลนอง
‘เขาคือลูกผู้ชายที่ทำอะไรก็ได้เพื่อชัยชนะ’
ผู้มีฝีมือดีต่างๆ ของเมืองบูรพาอมตะถูกควบคุมโดยจงหลีไป๋และก่อตั้งหน่วยชื่อว่าหน่วยบูรพาอมตะ หน่วยบูรพาอมตะอยู่ภายใต้กฎนักสู้ที่เด็ดขาด ความแตกต่างระหว่างตระกูลต่างๆในช่วงเวลาไม่กี่วัน บรรยากาศของหน่วยบูรพาอมตะก็แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง
สวี่เย่แนะนำวิธีการให้จงหลีไป๋มากกว่าเนี่ยชิว เนื่องจากเขาอำมหิตและเจ้าเล่ห์
“ข้าก็คิดยอย่างนั้นเหมือนกัน” สวี่เย่ยังคงพูดต่อ “พลังของนายท่าน คนอื่นๆ รู้จักมานานแล้วถ้าเราพูดว่าทุกคนปฏิบัติต่อนายท่านเหมือนเป็นเรื่องตลก ตอนนี้หลายคนเชื่อไปแล้วครึ่งหนึ่ง ข้าได้ยินว่าประมุขตระกูลฝูได้ยินชื่อของนายท่านในฐานะทายาทปรมาจารย์หลี่ และหาว่านายท่านเป็นนักต้มตุ๋น และกล่าวว่าเขาจะฆ่านายท่าน...”
“หรือว่าผู้สืบทอดของปรมาจารย์หลี่จะเป็นเรื่องจริง?”ถังเทียนชักจะอาย จึงพูดขึ้น ถังเทียนเองไม่รู้ว่าเขาเป็นผู้สืบทอดจริงๆ
เป็นเรื่องน่าอาย เขาไม่เคยพบกับเรื่องแบบนั้นมาก่อน
เมื่อเห็นท่าทีไร้เดียงสาของนายท่าน สวี่เย่จ้องมองดูเขา ‘นี่คือนายท่านผู้มีฝีมือฆ่าเฉียบขาดหรือนี่?’
จงหลีไป๋จ้องมองถังเทียนอย่างประหลาดใจ เขาติดตามถังเทียนมาในช่วงเวลาสั้นๆ และความเข้าใจของเขาที่มีต่อถังเทียนหยุดอยู่ที่กลุ่มดาวราชสีห์ได้ค้นคว้าเรื่องของเขา สำหรับสายตาขุนพลทหารของกลุ่มดาวราชสีห์ พญาหมีมีบุคลิกทะเยอทะยานและอำมหิตผู้วางแผนมองการณ์ไกล เมื่อพวกเขาได้ข้อสรุประบบการสู้รบของถังเทียน พวกเขาพบลักษณะเฉพาะของเขา
มหาอำนาจใดก็ตามที่ขัดแย้งกับถังเทียนมักจะส่งคนกลุ่มเล็กออกมาตรวจสอบเสมอ แต่ในที่สุดพวกเขามักจะเปิดเผยตัวเองอยู่เสมอ
พวกเขาอาจคิดว่าเป็นเรื่องเล็ก แต่ใครจะรู้กันว่านั่นเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามใหญ่ พวกเขาอาจคิดว่าเป็นแค่เดิมพันเล็กน้อย แต่ใครจะรู้ว่าในที่สุดแล้ว ถังเทียนจะใช้ทุกสิ่งทุกอย่างของพวกเขา
กลุ่มดาวหมาป่า กลุ่มดาวหมีใหญ่ กลุ่มดาวมังกร กลุ่มดาววาฬ...
กลุ่มดาวทั้งหมดนี้ตกอยู่ในเงื้อมมือเขาเป็นข้อพิสูจน์ในบทสรุปนี้
ถ้าคนน่ากลัวอย่างนั้นไม่ทะเยอทะยานและอำมหิต อย่างนั้นต้องทำยังไงถึงจะนับว่าทะเยอทะยานและอำมหิต?
แต่จงหลีไป๋ตระหนักได้โดยเร็วถึงสีหน้าของนายท่านว่าเป็นผู้ที่บ่งบอกถึงปัญหา
‘ใครก็ตามที่เห็นสีหน้าของเขาจะต้องคิดว่านายท่านบริสุทธิ์และไร้เดียงสา แต่พวกเขาไม่รู้ว่านายท่านประพฤติตัวเป็นหมูกินเสือ! ฉลาด, ฉลาดล้ำจริงๆ!’
สวี่เย่กระแอม “ไม่ว่านายท่านจะมีสถานจริงหรือปลอมก็ตาม หน่วยสุญญตาก็ยังคงอยู่ในเงื้อมมือพวกเขา”
หลังจากพบกับหานปิงหนิง อาโมรี่และเนี่ยชิว จากนั้นพบกับจงหลีไป๋ ทัศนคติที่สวี่เย่มีต่อหน่วยสุญญตาก็ไม่ดูเบาอีกต่อไป พลังของหน่วยสุญญตาแข็งแกร่งมากกว่าสิ่งที่เขาคิด
“นั่นก็จริง” ความอึดอัดของถังเทียนหายไป
“พวกเขาส่งข้อความและจดหมายให้นายท่าน” สวี่เย่ล้วงจดหมายออก และลังเลเล็กน้อยก่อนจะเสริม “เป็นเรื่องที่ไม่ดีเสียเลย”
ถังเทียนรับจดหมายและไม่เปิดดู เขาฉีกทิ้ง และหันไปมองจงหลีไป๋ “เจ้ารบได้ไหม?”
จงหลีไป๋ตาคมและเลิกคิ้วขั้น เขาขัดเคืองใจกับคำถามถังเทียน “นายท่านท่านสงสัยพลังของผู้น้อยอย่างนั้นหรือ?”
ถังเทียนอธิบายทันที “ข้าแค่กลัวว่าเจ้าจะยังไม่คุ้นกับแดนบาป เนี่ยชิวยังต้องใช้เวลาก่อนที่...”
จงหลีไป๋โกรธจากความจริงที่ว่าฉีเซี่ยงตงถูกเนี่ยชิวฆ่า เมื่อได้ยินถังเทียนเอ่ยชื่อเขา เหมือนกับว่าถังเทียนย้อนเกล็ดเขา “นายท่าน ท่านหมายความว่ายังไง? นายท่านคิดว่าข้าด้อยกว่าคนตาบอดนั่นหรือ?”
เมื่อเห็นเช่นนั้น ถังเทียนแนะนำทันที “อย่าเพิ่งวู่วามข้าไม่ได้หมายความอย่างนั้น แต่ว่า..”
“นายท่าน, ท่านไม่ต้องพูดต่อไปแล้ว! คอยดูฝีมือของหลีไป๋!” จงหลีไป๋โกรธหมุนตัวเดินออกมาโดยไม่พูดอะไรต่อ
ถังเทียนและสวี่เย่มองหน้ากันเอง ‘เป็นแบบนี้ได้ยังไง...’