ตอนที่ 754 สาวมังกรกับดาบวิเศษติดปีก
เมื่อเย่ว์หยางฟื้นขึ้นจื้อจุนไม่อยู่ที่นั่นต่อไปแล้ว
แต่มารดาของอาหงที่ซ่อนตัวอยู่ใต้ฐานทางเดินของเทวรูปนั่งรอเขาอย่างสงบเสงี่ยม
เย่ว์หยางพบว่าชุดของเขาสลายเป็นผุยผงไปแล้วบนตัวเขามีผ้าคลุมเนื้อกำมะหยี่สีขาว เขาฟังเสียงอย่างระมัดระวัง ผ้าคลุมอ่อนนุ่มเหมือนกับมีกลิ่นสาวพรหมจรรย์ นี่คือชุดคลุมของจื้อจุนหรือ? นางไปไหนแล้ว
“ท่านช่วยมากับข้า!” มารดาอาหงลุกขึ้นยืนและขอร้องเย่ว์หยาง
จากนั้นหมุนตัวกลับไป
และเข้าไปในทางเดินที่ฐานนั้น
ร่างเย่ว์ชิวที่อยู่ภายในถูกแรงสั่นสะเทือนที่เกิดจากการต่อสู้บดกระแทกสลายเป็นผุยผงกองอยู่กับพื้น แต่วิญญาณยังคงรักษาปณิธานที่ทิ้งไว้ก่อนหน้านั้นคือแบกประตูทางเข้าไว้ตลอดแม้ด้านนอกจะอึกทึกตลอดเวลา ระหว่างที่เย่ว์หยางเปลี่ยนชุดมารดาของอาหงรวบรวมเถ้าอังคารของเย่ว์ชิวที่กระจายอยู่บนพื้นและเก็บใส่กล่องอัญมณีอย่างระมัดระวัง เมื่อเย่ว์หยางเข้ามานางยื่นกล่องเถ้าอังคารให้เย่ว์หยางอย่างไม่สู้เต็มใจนัก
นางคิดว่าเย่ว์หยางคือบุตรชายของเย่ว์ชิวอย่างน้อยก็ยังเป็นลูกชายที่ยังมีชีวิตอยู่ ควรให้เขาเก็บไว้ดูแลเถ้าอัฐิ
เย่ว์หยางลังเลเล็กน้อย
เขาส่ายศีรษะ “ให้ท่านดูแลเถอะ!”
มารดาอาหงมีสีหน้าดีใจและนางทำตัวราวกับดรุณีน้อยลอบเขินในใจ
นางก้มหน้าพยายามระงับความตื่นเต้น “ความจริงข้าไม่เคยพบหู่ถู (เย่ว์ชิว) มาก่อนแต่นับถือท่าทีองอาจของเขา ไม่ใช่อย่างที่คนนอกคิดอาหงอยู่กับท่านเป็นเรื่องที่ดีแล้ว นี่เป็นชะตากรรม ในใจของข้าไม่มีความห่วงกังวลอีกแล้ว ต่อไปข้าจะอยู่แต่ที่นี่อยู่กับท่านหู่ถูช่วยปกป้องรักษาที่นี่”
หลังจากพูดเสร็จนางมอบห่อของเล็กให้เย่ว์หยาง
นี่คือของที่เย่ว์ชิวทิ้งไว้ให้สหายที่น่าสงสาร
แน่นอนว่าเพราะจ้าวปีศาจโบราณทิ้งร่างและสถานะของสหายผู้น่าสงสารอย่างไม่ใยดี ของนี้จึงตกเป็นของเย่ว์หยางไปโดยปริยาย
ของในห่อเล็กมีไม่มากมีเพียงสามชิ้นเท่านั้น ชิ้นแรกคือกุญแจ และกุญแจนี้ไม่ใช่กุญแจธรรมดาแต่เป็นรูปแก้วผลึกรูปดอกไม้ ด้านหน้าแต่ละมุมมีอักษรรูนลับซ่อนอยู่ถึง 999รูปในแต่ละด้าน เย่ว์หยางไม่สามารถนับได้แต่ตัดสินได้ว่าอย่างมี 999 รูปลักษณ์เมื่อเย่ว์หยางบิดกุญดอกไม้แก้วผลึกและถ่ายปราณก่อกำเนิดผ่านนิ้วเข้าไปภายในอย่างนุ่มนวล กุญแจดอกไม้ผลึกฉายประกายวงเวทอักษรรูนภายในทันที และยิ่งกว่านั้นประกายอักษรรูนยังหมุนทำงานช้าๆต่อเนื่องผสานกันมีรูปแบบเกิดขึ้นใหม่แปรปลี่ยนไม่มีที่สิ้นสุด
น่าทึ่งและไม่รู้จบ
เมื่อเย่ว์หยางหยุดถ่ายพลังปราณแท้เข้าไปกุญแจลับกลับคืนสภาพเดิมช้าๆ
กุญแจดอกไม้แก้วผลึกนี้ควรจะเป็นกุญแจเข้าทางผ่านที่เย่ว์ชิวปกป้อง
เย่ว์หยางยอมรับไว้แต่ไม่กระตือรือร้นใช้งานเพื่อเข้าไปสำรวจเส้นทางที่เย่ว์ชิวปกป้อง แม้ว่าเขาจะมีเรื่องที่รู้สึกสงสัยแต่เขาไม่มีเวลาว่างสำรวจตรวจสอบ
ของชิ้นที่สองเป็นบันทึกเล่มหนามีบันทึกตั้งแต่เย่ว์ชิวทำสัญญากับคัมภีร์บันทึกชีวิตเย่ว์ชิวทุกอย่าง นี่ยังเป็นสมุดบันทึกชีวิตของเย่ว์ชิวการฝึกวิทยายุทธต่างๆ การเพิ่มความสามารถให้อสูรศึก ฯลฯ ความสำเร็จแม้ว่าจะไม่สามารถเทียบได้กับพี่สาวของแม่สี่ที่เขาได้รับตกทอดความรู้แต่ก็มีหลายเรื่องที่เป็นแรงบันดาลใจให้เย่ว์หยาง
สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเย่ว์หยางเปิดสำรวจดูและพบบันทึกเกี่ยวกับความลับของตระกูล
เย่ว์หยางรีบเปิดไปดูทันที
แน่นอนว่าเขาพบความลับของเย่ว์หวี่...
เมื่อเขาเห็นเช่นนั้นเขาแทบโห่ร้องทันที “โอว..คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นสาวน้อยนั่นโดยไม่คาดคิด”
หลังจากเห็นความลับนี้แล้วเย่ว์หยางอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ถ้าเขาบอกความจริงเย่ว์หวี่บางทีการฝึกฝนกับนางคงไม่มีอุปสรรคทางใจอีกต่อไป แต่หลังจากนั้นปัญหาที่จะตามมาก็คือถ้านางรู้ความจริงบางทีนางอาจจะเสียใจร้องไห้เกินกว่าจะรับความจริงได้
หลังจากคิดอยู่ชั่วขณะ เย่ว์หยางใช้วิธีถ่วงเวลาลากยาวไปเรื่อยๆ เรื่องนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง
บางทีวันข้างหน้าอาจมีวิธีคลี่คลายก็ได้
ก็เหมือนกับปัญหาสถานะตัวเขาเองที่เขาเคยกังวล
ตราบใดที่เขาตั้งใจแก้ปัญหาก็ไม่มีอะไรจะต้องกังวล
สมบัติชิ้นที่สามเป็นแหวนเก็บสมบัติสีทองมันวาว
เมื่อเย่ว์หยางยืนยันและรอทำสัญญากับแหวนอยู่นานโดยใช้พลังปณิธานทำสัญญาและเปิดดูก็พบว่าภายในนั้นมีสมบัติอาวุธของเย่ว์ชิวที่เขาใช้สร้างชื่ออยู่มาก ตราทหารรับจ้างของที่ผู้เฒ่าเย่ว์ไห่และจุนอู๋โหย่วมอบให้เป็นเกียรติ บันทึกหนังแกะที่ภายในบันทึกวิทยายุทธที่เขาบัญญัติขึ้น บันทึกที่เขียนถึงเย่ว์ไห่และจุนอู๋โหย่วเย่ว์หลิงและแม่สี่ และจดหมายประหลาดที่ไม่ใช่ของเย่ว์หยางแต่ส่งผ่านที่เขา หลังจากตรวจสอบอยู่นานเขาเห็นว่าจดหมายเขียนจ่าหน้าชื่อที่เขาไม่คุ้น
เย่ว์หยางประหลาดใจเล็กน้อยแต่เขารู้ตัวทันทีและเอาจดหมายส่งให้มารดาของอาหง
มารดาของอาหงประหลาดใจเล็กน้อย
แค่มองเพียงวูบแรกที่เห็นชื่อนางนางรีบเข้ามารับไว้
เมื่อนางเห็นข้อความสั่งเสียของเย่ว์ชิวที่เขียนถึงนางนางตื่นต้นจนทำอะไรไม่ถูก ค่อยๆ เปิดซองจดหมายด้วยมือที่สั่นเทา
เมื่อนางอ่านเนื้อความจดหมายน้ำตานางหยดรดกระดาษจดหมาย ทั้งวงหน้าของนางนองไปด้วยน้ำตา
มารดาของอาหงพยายามข่มกลั้นไม่ให้ตนเองสะอื้นไห้แต่ก็ยังมีเสียงสะอื้นดังออกมาจากลำคอนาง หลายปีผ่านมาแล้วที่นางรอจดหมายนี้ แต่จดหมายมาถึงช้าเหลือเกิน เมื่อนางเข้าใจความคิดเขาเขาก็กลายเป็นธุลีปลิวหายไปแล้วเหลือแต่เพียงวิญญาณที่เฝ้าปกป้องประตูศิลาตลอดไป....
เย่ว์หยางยืนอยู่เงียบๆรอให้นางสงบอารมณ์อย่างเงียบงัน
“ข้า.. ข้าไม่เป็นอะไรแล้ว” มารดาของอาหงเช็ดน้ำตานางฝืนยิ้มให้เย่ว์หยางทั้งน้ำตา “ข้ามีความสุขมากจริงๆ หู่ถูไม่ได้ลืมข้า ได้รับจดหมายของเขา ข้าไม่มีอะไรต้องเสียใจ ข้าจะอยู่ที่นี่ อยู่กับเขา ถ้าท่านมีเวลาว่าง อย่าลืมพาอาหงมาเยี่ยมข้าด้วย!”
“แน่นอน” เย่ว์หยางพยักหน้ารับปาก
“ปล่อยให้ข้าได้อยู่กับเขาที่นี่ตามลำพังได้ไหม? มีความในใจหลายอย่างที่ข้าอยากจะบอกกับเขา.....” มารดาของอาหงหลั่งน้ำตาขณะมองเย่ว์หยาง
“แล้วข้าจะพาอาหงมาเยี่ยมทีหลัง!” เย่ว์หยางเดินออกมาจากทางผ่าน ปล่อยมารดาของอาหงไว้ด้านหลัง เขาได้ยินเสียงร้องไห้คร่ำครวญที่ถูกข่มกลั้นไว้ เสียงร้องไห้เริ่มดังขึ้นๆและในที่สุดความข่มกลั้นก็พังทลาย นางร้องไห้อย่างใจสลาย
เย่ว์หยางมองขึ้นฟ้าและพยายามข่มใจทั้งที่ดวงตาร้อนผ่าว
เขาไม่ได้เบื่อหน่าย แต่ไม่เข้าใจ เขารอคอยตั้งหลายปีได้อย่างไรถึงยอมตอบสนองความรู้สึกในใจของมนุษย์ปุถุชน แต่เขารู้ดีว่ามนุษย์มีอารมณ์ซับซ้อนที่สุดในโลก
โศกเศร้า ดีใจ ขมขื่น สุขใจเป็นความรู้สึกที่สับสนปนกันไป
ความรู้สึกเช่นนั้นเกิดในหัวใจ เย่ว์หยางพยายามทุกวิถีทางที่เป็นไปได้ได้รับอนุญาตจากเสวี่ยอู๋เสีย ได้รับอนุญาตจากทุกคนสุดท้ายได้รับความเห็นชอบจากแม่สี่ เย่ว์หยางในช่วงสามปีมานี้ ผ่านโลกผ่านประสบการณ์ทางใจที่อธิบายไม่ได้และเขาจำได้ทุกครั้ง
ยังคงมีเสียงสะอื้นให้ได้ยิน
เมื่อได้ยินเสียงร้องไห้ของมารดาอาหง นี่ทำให้เย่ว์หยางตื้นตันใจ
เขาเลือกจะกลับไปในโลกคัมภีร์บินเข้าไปหานาง เขากอดแม่สี่ไว้แน่นเพื่อต้องการคำปลอบประโลมจากนาง
“เด็กโง่!” แม่สี่ทำให้เขากลัวในตอนแรก เมื่อเห็นว่าเป็นเขานางโอบกอดเขาไว้ทันทีและใช้มือลูบไล้ศีรษะเขาและลูบหลังเขาเบาๆพลางถอนหายใจ นางมีคำพูดคิดจะปลอบใจเต็มไปหมด แต่ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนได้แต่กอดเขาเป็นการบ่งบอกว่านางสนับสนุนเขา การโจมตีหอทงเทียนนี้ ไม่ได้มีความเป็นศัตรูในสายตาคนอื่น นางไม่สามารถเผชิญหน้ากับลูกผู้เก็บความรู้สึกทรมานไว้ในใจส่วนลึกที่สุดดีที่สุดที่นางทำได้ก็คือปลอบประโลมใจเขา
มีเสวี่ยอู๋เสียที่ทำได้
เขาผ่านการทดสอบในวิหารสิบสองนักษัตรได้รับการรับรองและแนะนำจากจื้อจุนและจักรพรรดินีราตรี เขาผ่านการทดสอบประตูเป็นตายได้สำเร็จ ตอนนี้เขาปลดเปลื้องปมที่อยู่ในใจของเขาได้แล้ว จิตใจของเขาควรจะเติบโตไม่มีตำหนิข้อบกพร่องต่อไป!
ความขัดแย้งและความลำบากในชีวิตคงจะมีมาในอนาคตแน่นอน
แต่ในช่วงเวลานี้เขาประสบความสำเร็จในการเดินทาง เขาจะไม่ทำอะไรโง่ๆ อีก และตอนนี้เขาสบายใจแล้ว
“ท่านพี่, ข้าจะดูแลเด็กคนนี้! ปิงเอ๋อและซวงเอ๋อเอง ข้าจะเลี้ยงดูแนะนำพวกเขาให้เติบใหญ่แข็งแรง” แม่สี่ลูบศีรษะเย่ว์หยางเบาๆนางพยักหน้าและยิ้มมุมปาก เหมือนกับว่านางเห็นพี่สาวพยักหน้าให้นางอยู่ในท้องฟ้า
“อ๊า...ข้าลืมไปเลย..”
เย่ว์หยางนึกถึงราชาเก้าแสงได้ขึ้นมาทันใดและผละออกจากอ้อมแขนของแม่สี่พูดด้วยความกังวล “ข้าลืมไป ราชาเผ่าเก้าแสงเขายังไม่ตาย ตั่วตั่ว อิคคาเจี้ยงอิงและปิงหยินยังคงสู้อยู่ แม่สี่! ท่านพักรออยู่ที่นี่ก่อน แล้วข้าจะรีบกลับมา!”
แม่สี่พอเห็นว่าเย่ว์หยางกลับมาเต้นแร้งเต้นกาได้และวิ่งแน่บออกไปนางส่ายศีรษะเล็กน้อย
ใบหน้านางมีรอยยิ้มที่อดทน “ยังคงทำตัวเป็นเด็กอย่างนี้ เมื่อไหร่ข้าจะโล่งใจได้เสียที!”
เดิมทีเย่ว์หยางตั้งใจจะเข้าไปในผนึกหลุมดำเพื่อพบกับนางพญาเฟ่ยเหวินหลีเพื่อพูดคุยถึงเรื่องจักรพรรดินีฟ้า
ถามนางถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีต
แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าราชาเก้าแสงยังไม่ถูกปราบ เขาเก็บพับแผนเอาไว้ชั่วคราว
เขาลาแม่สี่และออกมาจากโลกคัมภีร์และด้วยการนำทางของเสี่ยวเหวินหลีเขารู้สึกได้ถึงจุดที่มีการต่อสู้ เย่ว์หยางเทเลพอร์ตและรีบไปหาสตรีทั้งสี่ที่รุมล้อมราชาเก้าแสงอย่างรวดเร็ว ครั้งนี้ราชาเก้าแสงไม่มีอำนาจและศักดิ์ศรีอีกต่อไป อิคคาและตั่วตั่วยังมีฝีมือด้อยกว่าราชาเก้าแสง แต่เมื่อได้รับพลังจากยักษ์ทองพวกนางไล่ข่มไล่ต้อนพวกเขาอยู่พักหนึ่ง ราชาเก้าแสงถูกไล่ต้อนอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง จนกระทั่งแสงเพิ่มพลังหายไปยังไม่ต้องพูดถึงสาวมังกรเจี้ยงอิงผู้ทรงพลังและสาวกิเลนปิงหยิน
แม้ว่าแสงเพิ่มพลังของยักษ์ทองจะหายไปแต่พลังของสตรีทั้งสี่ก็ยังเหนือกว่าราชาเผ่าเก้าแสง
ที่สำคัญราชาเผ่าเก้าแสงไม่เพียงแต่บาดเจ็บหนักเท่านั้น แต่ไม่มีใจจะต่อสู้กับสตรีทั้งสี่ เขาอยากจะหลบหนีมากกว่า
“พลังเทพมังกร... มังกรตวัดหาง”
สาวมังกรไร้เขาเจี้ยงอิงต้องเหยียดมือออกอย่างน้อยหนึ่งครั้ง นางได้รับตกทอดพลังเทพมังกรแต่ยังหลอมรวมไม่สมบูรณ์จึงยังไม่สามารถรับมือได้อย่างคล่องแคล่ว อย่างไรก็ตามถ้านางโจมตีถูกราชาเก้าแสงสักครั้ง ราชาเก้าแสงจะเกิดสภาพมีรอยผื่นขึ้น เพราะนางยิงพลังเทพมังกรซึ่งเป็นสุดยอดพลังปราณราชันย์ที่ราชาเก้าแสงไม่อาจต้านทานได้ ราชาเก้าแสงเดิมทีต้องการบุกฝ่าออกไปทางด้านตั่วตั่ว แต่เขาคาดไม่ถึงเลยว่ากลับเปิดโอกาสดีให้กับเจี้ยงอิงได้โจมตี
ขาเรียวงามของนางตวัดหมุนราวกับกังหัน
หางยาวรูปมังกรกวาดผ่านหน้านางไปอย่างงดงามและฟาดใส่ราชาเก้าแสง
ลูกไฟสีดำพุ่งใส่ราชาเก้าแสง
ปัง ปัง ปัง!
ราชาเก้าแสงถูกระเบิดอีกครั้งและปลิวกระเด็นไปในอากาศ
ปิงหยินคอยทำหน้าที่ควบคุมและยิงพลังโจมตีเป็นครั้งคราวส่วนใหญ่จะให้อิคคาและตั่วตั่วได้ฝึกฝีมือเพิ่มเติม อย่างไรก็ตามราชาเก้าแสงต้องการหนีผ่านไปทางนางโดยไม่คิดอะไรทั้งสิ้น จากครั้งก่อนที่ขัดขวางจักรพรรดิชื่อตี้ล้มเหลว ปิงหยินและเย่ว์หยางคิดวิเคราะห์ซ้ำแล้วซ้ำอีก ในที่สุดปิงหยินค้นพบกระบวนท่าเท้ากิเลนจักรพรรดิ ท่าเท้ากิเลนจักรพรรดินี้ เว้นแต่นักสู้ผู้ที่แข็งแกร่งกว่าปิงหยินมากเท่านั้นเป้าหมายจะถูกตรึงวิญญาณมิให้หนีพ้นไปจากการร่วมผนึกพลังใช้ท่าก้าวย่างกิเลนจักรพรรดิ
การพรางตัวการหายตัวภายใต้การตรึงวิญญาณของปิงหยินไม่มีทางทำได้สำเร็จ
เย่ว์หยางเพียงแต่ใช้พลังกฎสวรรค์เล็กน้อยเท่านั้นผสานกับสนามพลังสร้างโลกถึงจะทำได้สำเร็จ มิฉะนั้นจะไม่มีทางหนีพ้นการติดตามของปิงหยินได้เลย
“ปล่อยข้าลงไป!”
ปิงหยินเหยียดมือออกและกดมือลง
ราชาเก้าแสงแม้ว่าจะเคลื่อนไหวได้แต่ไม่มีเวลาขยับร่าง ร่างของเขาร่วงลงหลังกระแทกพื้น
นี่คือการพลาดโอกาสหลบหนีครั้งที่ห้าสิบ..ในบรรดาสตรีทั้งสี่เขาเห็นว่าคนที่อ่อนแอที่สุดก็คือนางฟ้าศึกอิคคาและคนที่แข็งแกร่งที่สุดก็คือสาวกิเลนนางพญาดอกหนามมงกุฏทองและสาวมังกรไร้เขายังไม่สามารถเร่งเร้าแสดงพลังได้เต็มที่ ยังเป็นต่างคนต่างแสดงพลัง มิฉะนั้นเขาคงเจ็บปวดมากขึ้น
สิ่งที่ทำให้ราชาเก้าแสงปวดหัวที่สุดก็คือไม่ว่าจะเป็นสาวมังกรไร้เขา, นางพญาดอกหนามมงกุฏทองหรือนางฟ้าศึกก็ตาม
ทุกคนมีความก้าวหน้าในการต่อสู้
ทุกคนคุ้นเคยอย่างต่อเนื่อง ก้าวหน้าต่อเนื่อง
ความเร็วในการก้าวหน้าของกระบวนการดังกล่าวคาดได้ว่าใช้เวลาอีกไม่ถึงวันพวกนางคงล้อมฆ่าเขาได้
หรือว่าเขาจะต้องตายในบันไดสวรรค์จริงๆ? จื้อจุนและเย่ว์หยางดูเหมือนจะฆ่าจักรพรรดินีฟ้าและทั้งสองอาจตามข้าทันได้ทุกเมื่อ ไม่ว่าจะเป็นเย่ว์หยางหรือจื้อจุนก็สามารถฆ่าเขาได้
จนถึงขณะนี้ราชาเผ่าเก้าแสงเริ่มตื่นกลัว
“ระเบิดเก้าแสง!”
ภายใต้ความข่มกลั้นความเจ็บปวดทางบาดแผลของราชาเก้าแสงเขาสร้างบอลพลังงานขนาดต่างๆ กันถึงเก้าลูก บางลูกก็เหมือนดวงอาทิตย์ บางลูกก็เหมือนดวงจันทร์มีคุณสมบัติแตกต่างกันไป ราชาเก้าแสงนี้เมื่อใช้โจมตีใส่ศัตรูโดยตรงจะมีพลังระเบิดมากกว่าปกติเป็นร้อยเท่า ถ้าโจมตีใส่สาวกิเลนที่รับหน้าที่คอยดักจับโดยตรงความหวังที่จะหลบหนีของเขาก็จะสำเร็จ
ไปลงนรกเสียเถอะ!
เมื่อฝุ่นควันจางลงปรากฏร่างของราชาเก้าแสงถือลูกพลังงานแสงที่มีพลังน่าตื่นตะลึงเก้าลูกไว้ในมือของเขา
อย่างไรก็ตามขณะที่เขาจะโยนบอลแสงออกไป
เขาเห็นเงาร่างหนึ่ง
เงาร่างนี้ก่อนหน้าที่จะต่อสู้นั้นเป็นคนแปลกหน้าที่เขาไม่รู้จักแต่หลังจากต่อสู้ไปแล้วเขากลายเป็นฝันร้ายที่น่ากลัวที่สุดของราชาเก้าแสง
เขาคือเย่ว์หยาง!
เมื่อราชาเก้าแสงสร้างบอลแสงสำหรับโจมตีเก้าลูก เย่ว์หยางเรียกสองสาวมังกรอาวุธเทพร่างมนุษย์ที่เปลี่ยนเป็นดาบศักดิ์สิทธิ์ถือไว้ในมือ เขาชูดาบเทพนั้นเหนือศีรษะ สองสาวมังกรพี่น้องอยู่เหนือศีรษะของเย่ว์หยางร่างเปล่งประกายรัศมีเป็นหมื่นสาย ภายใต้สายตาที่เหลือเชื่อของราชาเก้าแสงร่างของพวกนางเปล่งแสงศักดิ์สิทธิ์กลายร่างเป็นดาบที่งดงามมิอาจบรรยายเป็นคำพูดได้ดาบศักดิ์สิทธิ์เป็นเงารูปนกเป็ดน้ำคู่สยายปีกงดงามค่อยๆลอยลงมาอยู่ในมือของเย่ว์หยางและเชื่อมกับชีพจรปราณพลังโคจรเต็มที่เปล่งรัศมีสว่างเจิดจ้าราวกับกลางวัน
เมื่อดาบอยู่ในมือเย่ว์หยาง
ความเคลื่อนไหวของเย่ว์หยางนี้ราวกับเทพเจ้า
ในโลกนี้ไม่มีใครจะต่อต้านปณิธานราชันย์ไร้เทียมทานของเขาอีกต่อไป
อันตราย!
ในหัวใจของราชาเก้าแสงมีเงาแห่งความตายครอบคลุมเหมือนที่เขาพบเจอมาก่อนหน้านี้
เนื่องจากก่อนหน้านี้จื้อจุนใช้อาวุธเทพร่างมนุษย์นางฟ้าปีกโลหิตตรึงวิญญาณของราชาเก้าแสง ทำให้เขากลัวจนอธิบายไม่ถูก เหมือนเมื่อเขามาพบเจอดาบที่มีปีกนี้อีกครั้งหนึ่ง.......