ตอนที่ 754 ระหว่างฝึกฝน
ข้อมูลของซางเป่ยสร้างความตกตะลึงอย่างหนักให้กับมู่จือเสีย แต่สิ่งที่ยั่วโมโหมู่จือเสียอย่างแท้จริงก็คือเมื่อซางเป่ยกำลังพูดสายตาของเขาเหมือนกับคมมีดแทงใส่ขั้วหัวใจของมู่จือเสีย
ขณะนั้น มู่จือเสียเข้าใจทวีปแดนเถื่อนได้หมดสิ้นเชิง เขาจะเป็นเพียงคนนอกตลอดไป ไม่ว่าเขาจะให้อะไรคนแดนเถื่อนไม่ว่าจะให้ทรัพยากร อาหารเท่าไหนก็ตาม ตราบเท่าที่เขาพยายามก้าวก่ายกิจการภายในของทวีปแดนเถื่อน เขาจะได้รับการต่อต้านจากชาวทวีปแดนเถื่อนทั้งหมด แม้แต่เผ่าวารีดำที่อยู่ต่อหน้าเขาก็จะสู้กับเขาจนตายในเวลานั้น
พวกเขาเต็มใจจะติดตามเทพธิดาสงครามจากฝ่ายของพวกเขามากกว่าจะยอมรับทวีปหมิงกวง
ความจริงมู่จือเสียรู้จากส่วนลึกของใจเขาแล้ว แต่หลังจากผ่านไป 20 ปีเขารู้สึกถึงความสัมพันธ์บางอย่างในทวีปแดนเถื่อน เช่นว่าเป็นเรื่องยากที่จะห้ามความหวังและความฝันได้ แต่เมื่อเห็นสายตาของซางเป่ย เขาถูกปลุกให้ตื่นจากความคิดความปรารถนาอย่างสิ้นเชิง
สามารถมุ่งมั่นมาเป็นเวลา 20 ปีอย่างเงียบๆเขาไม่ใช่คนที่จะถูกทำให้หวั่นไหวได้ง่าย
เขาสังเกตซางเป่ยจ้องมองมีดหักในมือเขาเขาถอนหายใจเสียงดัง “ข่าวของเจ้าทำให้ข้าตกใจ”
ซางเป่ยมีท่าทีเข้าใจและเคลื่อนไหวเหมือนกันว่า“ใช่แล้ว ถ้าข้าได้ยินข่าวแบบนี้ ข้าเองก็คงไม่อยากเชื่อ”
“ใช่แล้วสามารถทำลายเผ่าวารีตะวันตกได้และแม้แต่ราชวงศ์ป่าทองที่แข็งแกร่งกว่าได้ พวกเขาแข็งแกร่งมากเกินไปแล้ว” มู่จื่อเสียส่ายหัวอย่างประหลาดใจ แต่จากนั้นเขาเปลี่ยนหัวข้อ “แล้วเผ่าใต้เล่าจะทำยังไงกับพันธมิตรระหว่างสองวีรบุรุษเหนือ?”
ซางเป่ยได้รับผลจากคำพูดเหล่านั้น และหน้าของเขาบิดเบี้ยวทันที
คำถามของมู่จือเสียไม่ใช่ว่าไม่มีเหตุผล เนื่องจากเป็นเวลานานแล้วที่แดนเถื่อนใต้และเหนือมีความแตกต่างกันมาก และมีความขัดแย้งกันระหว่างทั้งสองฝ่าย
“สองวีรบุรุษนักสู้เหนือในตอนนี้เป็นมือซ้ายมือขวาของนางไปแล้ว” สีหน้าของมู่จือเสียยังคงเฉยเมย “เราจะไม่พูดเรื่องที่เทพธิดาสงครามนี้เป็นเพียงหุ่นเชิดของพวกเขา แต่ถ้าแดนเถื่อนทั้งหมดรวมตัวกันได้อย่างนั้นแดนเถื่อนเหนือจะถูกควบคุมหรือว่าแดนเถื่อนใต้เล่า?”
หน้าของซางเปล่ายิ่งบิดเบี้ยวมากขึ้น
“ตอนนี้,ข้าบอกได้เลยว่าแม้ว่าพวกเจ้าจะไม่มีความเป็นอยู่ที่ดี แต่พวกเจ้ายังคงมีอิสระ” มู่จือเสียถอนหายใจ “อดีตที่ผ่านมาสองสามปีนี้ ข้าเห็นมาตลอดทวีปกวงหมิงและทวีปแดนเถื่อนมีผลประโยชน์ต่อกันมาถึง 20 ปี และปัจจุบันนี้เผ่าวารีดำก็มีความเป็นอยู่ดีกว่าเมื่อก่อนมาก ถ้าพวกเจ้าถูกผนวกรวมกันจริงๆ พวกเจ้าจะมีชีวิตดีกว่านี้หรือเปล่า?”
มู่จือเสียตบไหล่ของซางเป่ยและหัวเราะ แต่เขาไม่พูดอะไรอื่น
ซางเป่ยออกจากค่ายทวีปกวงหมิงในสภาพห่อเหี่ยว ตลอดรายทางทหารทุกคนที่คุ้นเคยกับซางเป่ยพยายามพูดกับเขา แต่เขาได้แต่ส่ายหัวไม่พูดอะไร
หลังจากซางเป่ยออกไปแล้วหน้าของมู่จือเสียสลดลง
การปรากฏขึ้นอย่างกะทันหันของเทพธิดาสงครามทำลายแผนการของเขา เขาคงได้แต่นั่งดูทวีปแดนเถื่อนถูกรวบรวมเป็นหนึ่งไม่ได้ เนื่องจากหมายความว่าแผนการของเขาทั้งหมดจะล้มเหลว และนั่นหมายความว่าทวีปกวงหมิงจะสูญเสียโอกาสได้ครอบครองทวีปแดนเถื่อน
สิ่งที่ทวีปกวงหมิงต้องการก็คือความปั่นป่วนและสู้รบกันในทวีปแดนเถื่อนอย่างต่อเนื่อง นั่นคือแผนการที่ทวีปกวงหมิงวางไว้เท่านั้น
ดวงตาของมู่จือเสียทอประกายที่น่ากลัว เขากล่าวทันที “ระดมหน่วยสอดแนมของเราทั้งหมด ข้าต้องการรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับสตรีนางนี้”
“ขอรับ” เสียงหนึ่งขานรับจากมุมหนึ่งทันทีและร่างนั้นก็หายไป
ซางเป่ยออกไปจากค่ายทหารของทวีปกวงหมิงไปแล้วและในหิมะท่าทางแตกตื่นของเขาหายไปกับหิมะความแตกตื่นในดวงตาของเขาหายไปไหนกันแน่?
เขารีบกลับไปที่เผ่าวารีดำและหาลูกชายของเขา เขาพูดอย่างนุ่มนวล “ให้ทุกคนเตรียมตัวไว้ ทิ้งทุกอย่างที่เจ้าไม่ต้องการไว้ เราจะออกเดินทางไปกับทุกคนในคืนนี้”
ลูกชายของเขาประหลาดใจ “พ่อ! เกิดอะไรขึ้น?”
“เราไม่มีเวลาคุยเรื่องนี้” ซางเป่ยกล่าวอย่างจริงจัง “ไปแจ้งทุกคนเดี๋ยวนี้!”
ในความมืด เผ่าวารีดำอยู่ในความสับสน ทุกคนไม่เป็นตัวของตัวเองเพราะความกลัว แต่ยังโชคดีที่ซางเป่ามีตำแหน่งที่มีอำนาจภายในเผ่า เป็นเพราะซางเป่ยยังคงแนะนำและยืนกรานจะทำการติดต่อกับทวีปกวงหมิง นั่นทำให้พวกเขาประสบความสำเร็จและได้รับที่ๆพวกเขาอยู่ในตอนนี้
เนื่องจากพวกเขามีคนไม่มากพวกเขาจึงเตรียมพร้อมเสร็จอย่างรวดเร็ว
“เราจะมุ่งขึ้นเหนือ”
ซางเป่ยส่งคำสั่งลงไป และไม่อธิบายเหตุผล ชนเผ่าที่เชื่อมั่นในตัวเขาทำตามเขา ในท่ามกลางความมืดปกคลุม ตาของซางเป่ยเป็นประกายเหมือนดวงดาวที่ปรารถนาแสงอาทิตย์อุทัย
***********************
เมืองจื่อจวน
“อีกครั้ง!” กู้เสวี่ยปาดเหงื่อที่หน้าผากนาง สีหน้าของนางมุ่งมั่น
ทุกคนรอบตัวนางกำลังยืนโงนเงน ทุกคนอยู่ในสภาพดูโทรม วิคเตอร์โอดครวญมากที่สุด เขาเป็นคนมีระเบียบวินัยน้อยและไม่เคร่งครัดทำให้เขารู้สึกไม่สามารถทนพ่ายแพ้ได้ โรแลนด์ซูก็อยู่ในสภาพย่ำแย่พอกัน นางมองดูกู้เสวี่ยด้วยความนับถือ พวกนางเป็นสตรีทั้งคู่ แต่กู้เสวี่ยโดดเด่นกว่านางมาก แม้คนมีสภาพร่างกายดีอย่างเบนสันก็ยังรู้สึกลำบากไปด้วย สวี่อันจงรู้สึกดีขึ้นบ้าง เขาเป็นพวกบ้าต่อสู้ พลังใจของเขาแข็งแกร่งมาก แม้ว่าเขาจะเหน็ดเหนื่อย แต่เขากัดฟันพยายาม
แดนบาปได้แยกตัวเองออกจากระบบกองทัพมานานเกินร้อยปีแล้ว และแปลกประหลาดกับแนวความคิดของกองทัพ
ความก้าวหน้าที่สุดมาจากคนที่ไม่มีใครคาดหวัง
สองคนเป็นฝาแฝดสองพี่น้องเสี่ยวหวีและเสี่ยวเย่ พวกนางเรียนรู้ได้รวดเร็วมาก และคอยขนาบข้างป้องกันหานปิงหนิง ทั้งสามคนก่อตั้งรูปกระบวนรุกรูปสามเหลี่ยม
คนอื่นๆ ที่มีความก้าวหน้ามากก็คือผิงเสี่ยวซาน ความก้าวหน้าของเขามาจากการใช้กฎอวกาศของเขาตัดกรวดเหล็กดำเป็นกิจวัตรอย่างต่อเนื่อง อาการบาดเจ็บของวิคเตอร์และเบนสันหายดีขึ้นมาก แก่นต้นกำเนิดชีวิตจำนวนมากช่วยทำให้พวกเขาฟื้นฟู และหลายคนก็ฝึกฝนประจำวันและมีความต้องการแก่นต้นกำเนิดชีวิตเช่นกัน ทุกวันๆ เขาจะทำงานจนเหนื่อยเป็นสุนัขหอบแดด แต่เป็นเพราะการฝึกฝนที่มีความรุนแรงและแม่นยำสูงกฎธรรมชาติของเขาจึงมีความก้าวหน้าอย่างน่าประหลาด
แม้ว่าเขายังไม่ถึงกับก้าวหน้าเข้าถึงการใช้กฎผิวเผิน แต่สายใยกฎของเขาใกล้จะสมบูรณ์เต็มที่
และเนี่ยชิวได้ให้ตำแหน่งแก่ผิงเสี่ยวซานในกระบวนพยุหะรบของเขาด้วย ทำให้ผิงเสี่ยวซานตื่นเต้นมาก และสิ่งที่ทำให้คนอื่นพากันงุนงงมากก็คือว่าพวกเขาไม่รู้ว่าเป็นเพราะเขาฝึกมาทางกฎอวกาศหรือเปล่า แต่ตำแหน่งของผิงเสี่ยวซานนั้นดีมากเหมือนกับว่าเขาไม่จำเป็นต้องเรียนรู้ใดๆ แต่เขาสามารถซึมซับเข้าในกระบวนศึกของเนี่ยชิวได้อย่างสมบูรณ์
“ทุกคนเราพักกันสักหน่อย อีกสี่ชั่วโมงเราจะฝึกกันต่อ”
กู้เสวี่ยยังคงเหลือพลัง แต่คนอื่นๆ ไม่เหลือพลังแล้ว การฝึกต่อไปจะพบว่าไร้จุดหมาย สภาพใจของเนี่ยชิวก็หมดพลังเหมือนกัน และจำเป็นต้องการเวลาพักฟื้น
เมื่อได้ยินเช่นนั้นทุกคนถอนหายใจโล่งอกและนอนลงกระจายทุกที่
เนี่ยชิวหลับตาพัก
เนี่ยชิวฟื้นฟูจนอยู่ในสภาพพร้อมที่สุดก่อนหมดเวลาพักสี่ชั่วโมง แม้ว่าเขาจะมองไม่เห็น แต่เขาสามารถรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงและความผันผวนในพยุหะรบของเขา ตอนนี้ทุกคนฟื้นฟูดีแล้ว แต่เขาไม่เร่งรัดให้พวกเขาเริ่มฝึกต่อ
เขากำลังรวบปลายที่หลวมของประสบการณ์จากการฝึกให้แน่นขึ้น
การปรับตัวของหน่วยสุญญตาเพื่อเป็นรูปกระบวนใหม่นั้นดีที่สุด เนื่องจากพวกเขาคุ้นเคยกับการฝึกประจำวันเช่นนั้น สำหรับพวกเขาก็แค่เป็นการเรียนรู้กลยุทธใหม่ สำหรับคนที่เหลืออย่างกู้เสวี่ย แม้ว่าพวกเขาจะทุ่มเทฝึกฝนอย่างหนัก แต่พวกเขาก็ยังต้องการเวลา
คำสั่งของอาโมรี่และหานปิงหนิงต่อหน่วยสุญญตายังเป็นรากฐานของรูปกระบวน ถ้ากู้เสวี่ยและคนอื่นปรับตัวเข้ากับขบวนรบได้ดี พวกเขาจะช่วยเพิ่มพลังของพยุหะได้เป็นอย่างมาก แต่พื้นฐานของพยุหะไม่ได้วนเวียนรอบพวกเขา ดังนั้นจึงไม่ได้ขึ้นอยู่กับพวกเขาทั้งหมด
ทันใดนั้นเนี่ยชิวสัมผัสได้ถึงระลอกคลื่นเลือนราง
เนี่ยชิวก้มหน้า ปล่อยให้ผมปรกหน้าป้องกันไม่ให้คนอื่นเห็นหน้าเขา ไม่มีใครเห็นหน้าเขาได้ แต่หน้าของเนี่ยชิวแฝงรังสีอำมหิต
ก่อนนี้ระลอกพลังมาจากเถี่ยเซียเป็นสัญญาณระบุว่ามีศัตรูบุกรุก
ความสามารถในการลาดตระเวนของเถี่ยเซียโดดเด่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสามารถในการสอดแนมของเขาแตกต่างจากพวกยามปกติ เขาไม่ได้พึ่งพาความผันผวนที่มาจากกฎธรรมชาติ แต่เป็นการเคลื่อนไหวในอากาศ เนี่ยชิวทำเส้นทางข้อมูลเป็นพิเศษที่ตรวจสอบไม่ได้เชื่อมโยงโดยตรงกับเถี่ยเซีย
‘ศัตรู’
คนบอดเนี่ยชิวแค่นเสียง ประสาทสัมผัสของเขาแหลมคมมาก แต่เขาไม่รู้สึกถึงผู้บุกรุก ก็หมายความว่าผู้บุกรุกนี้แข็งแกร่งทรงพลัง
ด้วยคนที่มีพลังขนาดนั้นคนที่น่าจะมาเมืองจื่อจวนน่าจะเป็นฉินเจิ้น
‘ต้องเป็นเขาแน่นอน!’
เนี่ยชิวยังคงไม่เคลื่อนไหว และไม่แจ้งพวกที่เหลือ
ฉินเจิ้นนั้นทรงพลังและแม้แต่ร่องรอยความเคลื่อนไหวเล็กน้อยก็ทำให้เขาสั่นสะท้านได้
ระลอกอีกสายหนึ่งมาอย่างเงียบ
เถี่ยเซียเข้าใจตำแหน่งที่จะแทรกซึมแล้ว แต่เพราะเขากังวลว่าผู้บุกรุกนี้อาจรู้สึกได้เขาจึงไม่กล้าจับตำแหน่งแน่นอน
เนี่ยชิวให้เถี่ยเซียยังคงประจำที่อยู่ สำหรับเขาการรู้ตำแหน่งของศัตรูก็เพียงพอแล้ว
เนี่ยชิวหัวเราะเบาๆ
เขาทำเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นและเงยหน้า “หมดเวลาพักแล้ว ทุกคนเราจะเริ่มฝึกยกต่อไป”
ทุกคนลุกขึ้นยืน การฝึกต้องใช้ความสามารถ 120% จากพวกเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับวิคเตอร์และคนอื่นพวกเขาไม่เคยผ่านการฝึกฝนเข้มข้นแบบนี้มาก่อน อย่างสวี่อันจง การฝึกของเขาเองก็ยังสูงกว่าสิ่งที่พวกเขาผ่านมา แต่เขาไม่จำเป็นต้องแยกสมาธิไปที่คนอื่น เขาไม่จำเป็นต้องกลัวว่าจะไม่เข้ากันกับเพื่อนร่วมกลุ่มจนทำให้การฝึกฝนสะดุด
พลังของพวกเขาแต่ละคนแข็งแกร่งมากกว่าสมาชิกหน่วยสุญญตา และการเคลื่อนไหวของกลยุทธก็ไม่มีปัญหาต่อพวกเขา แต่ปัญหาที่พวกเขามีก็คือจังหวะ พวกเขาจำเป็นต้องเข้ากับจังหวะของทุกคนอย่างสมบูรณ์แบบ และไม่ดึงทุกคนไปเข้ากับจังหวะของพวกเขาเอง
กู้เสวี่ย สวี่อันจง โรแลนด์ซู วิคเตอร์เบนสัน ทุกคนเผชิญหน้ากับความยากลำบากที่สุด
ทุกๆ บทฝึก พวกเขาทุ่มกำลังเต็มที่และไม่กล้าเสียสมาธิแม้แต่น้อย พวกเขาแข็งแกร่งกว่าคนที่เหลือมาก และสายตามองการณ์ไกลก็เด่นกว่ามาก ดังนั้นพวกเขาสามารถเห็นว่าเมื่อพวกวเขาหลอมรวมเข้ากับพยุหะได้ก็จะระเบิดพลังออกมาได้
พวกเขาสามารถยกระดับขึ้นเหนือคนอื่นได้ไม่ต้องคำนึงถึงความมุ่งมั่นหรือพรสวรรค์
การลงมือจริงจังทำให้พวกเขาก้าวหน้าได้เร็ว
“เราจะฝึกกลยุทธไตรหยินหยางแปรเปลี่ยนทุกคนพยายามให้ดีที่สุดตั้งแต่แรกเลย
เนี่ยชิวพูดอย่างใจเย็น
ทุกคนงงงวย พวกเขาเพิ่งฝึกหยินหยางหมุนวนซึ่งเป็นกลยุทธป้องกัน ทำไมจู่ๆพวกเขาต้องเปลี่ยนไปเป็นไตรหยินหยางแปรเปลี่ยน? มันเป็นกลยุทธรูปแบบรุกซึ่งพวกเขาใช้เวลาฝึกเมื่อวานนี้ตลอดทั้งวัน
พวกเขาคาดว่าเนี่ยชิวเกรงว่าพวกเขาจะลืม ดังนั้นจึงต้องการให้พวกเขาแสดงกลยุทธเก่าที่ฝึกไปแล้ว จึงไม่มีใครสงสัยอะไร
จากนั้นเนี่ยชิวกล่าว “ทุกคนฝึกกลยุทธนี้ไปเมื่อวานนี้ แต่ยังไม่ดีมากนักเมื่อวานนี้ ทุกคนยับยั้งการฝึกของวันนี้ไว้ก่อน พวกท่านทุกคนจะดำเนินการฝึกต่อไป เตรียมตัวให้ดี”
ทุกคนพยักหน้า พวกเขาเห็นว่ามีเหตุผล
ที่เรียกว่ายับยั้งการฝึกเป็นสำนวนที่พวกเขาใช้กันหมายความว่าพวกเขาฝึกยับยั้งไม่ใช้พลังเต็มที่ทั้งหมด สำหรับการดำเนินการฝึก ก็หมายความว่าพวกเขาจะต้องทุ่มเทพพลังเหมือนกับว่าพวกเขาโจมตีจริงๆ
ตามมาด้วยคำสั่งให้ตั้งกระบวน ทุกคนยืนประจำตำแหน่ง
ตาของเนี่ยชิวไม่สามารถเห็นอะไร และเขาจะยิ้มก็ไม่ใช่ จะไม่ยิ้มก็ไม่เชิง ชุดยาวโบกสะบัดโดยไม่มีลมและพยุหะหยินหยางเริ่มทำงานเงียบๆ
เขาเป็นเหมือนนักเปียนโนตาบอดแตะเส้นสีดำอย่างนุ่มนวล