ตอนที่ 753 มู่จือเสีย
ฤดูหนาวในทวีปเหว่ยเย่กวน หิมะและพายุทำให้ท้องฟ้าและพื้นทั้งหมดเป็นสีขาวมองสุดหูสุดตายากที่จะจำแนกตำแหน่งได้
ทวีปเหว่ยเย่กวนเป็นที่รู้จักกันดีเป็นดินแดนหนาวเข้ากระดูก สายลมและหิมะมีพลังมาก นี่คือดินแดนที่ตั้งอยู่บนพรมแดนของทวีปแดนเถื่อน และเนื่องจากความหนาวจัดทวีปเหว่ยเย่กวนมีเพียงฤดูเดียว คนที่ปกป้องสถานที่นี้เป็นแม่ทัพอันดับแรกของห้าแม่ทัพพยัคฆ์หมิงกวงมู่จือเสีย
มู่จือเสียมักจะอยู่ป้องกันที่ทวีปเหว่ยเย่กวนและยากที่จะทิ้งไปเทียบกับความสำเร็จและผลงานทางทหารกับอีกสี่คน เขาไม่มีผลงานอะไรเขียนไว้ แต่สถานะของเขาในฐานะหนึ่งในห้าเสือแม่ทัพกวงหมิงเขาไม่หวั่นไหว
ร่างของเขาปลดปล่อยรัศมีที่ขาวบริสุทธิ์ ขณะที่เขาเดินเล่นรอบๆ อยู่ใต้หิมะและพายุที่รุนแรง
เขาสวมชุดเกราะธรรมดาซึ่งมีรอยแผลฟันอยู่หลายรอย เก่าอย่างเห็นได้ชัด แต่บอกได้ว่าได้รับการดูแลรักษาเป็นอย่างดี นอกจากมีแสงสีขาวบริสุทธิ์รายล้อมรอบเขาแล้ว มู่จือเสียไม่มีอะไรแตกต่างไปจากทหารทั่วไป หน้าของเขามีเกล็ดน้ำแข็งเกาะหนวดของเขาถูกแช่แข็ง เขามีผมขาวแซม สายตาของเขาดูลึกซึ้ง
องครักษ์ยังคงอยู่รายรอบเขาและมองดูรอบๆด้วยความระมัดระวัง
พวกเขาเดินเข้าไปในหุบเขาขนาดใหญ่และเดินลึกเข้าไปในที่นั้นมีลมพัดแรงขึ้นทุกขณะ
ปังปัง ปัง ม่านพลังแสงสร้างขึ้นรอบตัวร่างของทหาร ลมในหุบเขาก่อตัวเหมือนกับใบมีด ซึ่งมีรอยเส้นสายตลอดผนังของหุบเขาซึ่งถูกตัดโดยดาบสายลมในช่วงเวลาที่ผ่านมา
แต่ภายในหุบเขาไม่มีหิมะตก สายลมรุนแรงเกินไป และหิมะไม่สามารถตกผ่านเข้าไปได้
สายลมพัดรุนแรงขึ้นมีมีดสายลมหนาแน่นขึ้น มันยิงออกมาเหมือนนักสู้ที่ฝึกกฎสายลมผู้ทรงพลัง
ม่านแสงรอบตัวทหารมีประกายเป็นระยะและการก้าวไปข้างหน้าของพวกเขากลับกลายเป็นช้าลง แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เจ็บปวดที่สุด สิ่งที่เจ็บปวดที่สุดมาจากความเย็นยะเยือกที่แฝงอยู่ในสายลม หุบเขาลมยะเยือกคือสถานที่เป็นต้นกำเนิดของอากาศเย็นทั้งหมด อากาศเย็นมาจากทวีปเหว่ยเย่กวนทำให้ทั่วทวีปมีลมหนาวตลอดทั้งปี
ความเยือกเย็นเสียดกระดูกทำให้พลังในร่างกายของพวกเขาลดลงอย่างรวดเร็ว
เป้าหมายของมู่จือเสียก็คือประตูทางออกของลมขั้วโลกซึ่งอยู่ในพื้นที่ลึกที่สุดของหุบเขาลมยะเยือก
“พวกเจ้ารออยู่ที่นี่”
มู่จือเสียยังคงเดินต่อไปข้างในไม่มีความตั้งใจจะหันหลังกลับ ทหารข้างหลังได้แต่มองดูเจ้านายของพวกเขาที่เดินอย่างสบายๆ ตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความกังวล
มู่จือเสียเดินลึกเข้าไปอีกสิบนาที ก่อนจะเข้าไปถึงในตำแหน่งหนึ่งที่ซึ่งพลังสายลมรุนแรงมากและแม้แต่เขาก็ยังมีสีหน้าจริงจัง รัศมีรอบตัวเขาสว่างเจิดจ้า และความเร็วในการเดินขึ้นหน้าค่อยๆ ตกลง ทุกย่างก้าวของเขามั่นคงมาก ลมดาบที่รุนแรงเย็นจัด แต่แสงสีขาวยังคงสว่างขึ้นทำให้ความเร็วในการเหนื่อยล้าบนตัวมู่จือเสียเพิ่มขึ้นมาก
เขาเดินไปทีละก้าวเหมือนกับว่ามันไม่มีผลต่อเขา จนกระทั่งถึงช่องสายลม
ช่องลมยะเยือกขนาดมหึมาปรากฏอยู่ต่อหน้าเขา มันคือช่องลมยะเยือกที่มีความยาว 60กิโลเมตร เหมือนกับว่าเป็นทางเข้านรก เมื่ออยู่ต่อหน้า มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตเล็กน้อย ในจุดนี้พลังลมรุนแรงขึ้นถึงขีดสุด แต่ไม่มีเสียงเพราะในที่นี่ความเร็วของสายลมอยู่เหนือเสียง พายุและความเย็นไม่สิ้นสุดทะลักออกมาจากช่องลม ลมความเร็วสูงยิงออกมาเป็นเส้นแสงซึ่งทำให้ภาพของช่องลมดูบิดเบี้ยวมองดูเหมือนกับประตูดวงดาว
มู่จื่อเสียชักดาบกระบี่เหล็กที่เอวเขาซึ่งมีชั้นแสงหนาแน่นปกคลุม
ลมที่รุนแรงพัดกระหน่ำเป็นเส้นทางแสงสีขาว
‘แนวแสงสีขาวยาวถึง 1 กิโลเมตร
มู่จือเสียทำสถิติ เขาเก็บกระบี่ไว้ข้างหลังและจ้องมองช่องลมยะเยือกที่อยู่ต่อหน้าเขาเขาใช้เวลาที่นี่นับครั้งไม่ถ้วน แต่ทุกครั้งเขาได้แต่มองช่องลมที่ลึกไร้ที่สุด เขาหายใจและชื่นชมธรรมชาติของมันและพลังยิ่งใหญ่ของมัน
จากนั้นเขาหันหลังกลับ
นับตั้งแต่เขาได้รับมอบหมายให้เฝ้าทวีปเหว่ยเย่กวนและค้นพบความมีอยู่ของช่องลมใหญ่ เขาเองมาเยี่ยมเยือนที่นี่เดือนละครั้ง เขาจะใช้รังสีกระบี่ทดสอบความเร็วของลม และความคิดจะเกิดขึ้นกับเขา เป็นเวลา 20 ปีเต็ม ที่เขาบันทึกความผันผวนของความเร็วในช่องลม
หลังจากสังเกตมานานปี เขาตระหนักว่าความผันผวนของความเร็วลมจากช่องลมมีรูปแบบเฉพาะตัว
ช่องลมยะเยือกก็คือประตูดวงดาวขนาดใหญ่
และเขาก็คาดเดาได้ว่ามีอะไรอยู่ในอีกด้านหนึ่ง จากครั้งแรกที่เขาเห็นช่องลม เขามีความรู้สึกว่าประตูดวงดาวสามารถใช้ได้ แค่เพียงจากความรู้สึกนี้ เขาใช้เวลา 20ปีต่อเนื่องเพื่อบันทึกข้อสังเกต การสันนิษฐานของเขาก็ค่อยๆ แคบลง
แม่ทัพทหารผู้โดดเด่นไม่ธรรมดาเลย แต่สำหรับคนที่ใช้เวลา 20ปีอย่างมุ่งมั่นนั่นหาได้ยากมาก
นอกจากนี้เป็นเพราะทัศนคติที่ขยันขันแข็งของเขาทำให้เขาได้รับความเชื่อถือจากแม่ทัพและผู้บริหารระดับสูงของกวงหมิงทันที มีน้อยคนนักที่จะรู้ว่าสถานการณ์ของมู่จือเสียที่ทวีปเหว่ยเย่กวนมีภารกิจที่สำคัญอย่างหนึ่ง
ทวีปแดนเถื่อน!
ทวีปกวงหมิงจับตามองดูทวีปแดนเถื่อนมานานมากแล้ว เนื่องจากมันแตกต่างจากทวีปอื่นอย่างสิ้นเชิง พวกเขาต้องการทำความเข้าใจ แม้ว่าสภาพแวดล้อมความเป็นอยู่ของทวีปแดนเถื่อนจะอันตรายและโหดร้าย แต่ก็ไม่ใช่ที่แห้งแล้งไม่อุดมสมบูรณ์เหมือนที่คนอื่นกล่าว ทวีปแดนเถื่อนมีผลิตภัณฑ์เฉพาะแบบอย่างหนึ่งซึ่งสามารถทำให้ทวีปกวงหมิงแข็งแกร่งมากขึ้น ถ้าพวกเขาสามารถยึดทวีปแดนเถื่อนได้
แต่ทวีปกวงหมิงไม่ได้เคลื่อนไหวบุ่มบ่าม มีเหตุผลที่ทวีปแดนเถื่อนลึกลับสำหรับคนอื่นนั่นเป็นเพราะไม่เคยมีใครเข้าครอบครองทวีปแดนเถื่อนได้สำเร็จ ในประวัติศาสตร์วีรบุรุษผู้ทะเยอทะยานนับไม่ถ้วนพยายามปราบปรามทวีปแดนเถื่อนแล้ว แต่ไม่มีใครเคยทำได้สำเร็จ
แม้ว่าทวีปแดนเถื่อนจะถูกครอบครองโดยเผ่าพันธุ์ต่างๆที่สู้รบกันเองทุกวัน แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับผู้รุกรานจากข้างนอกพวกเขาจะชุมนุมกันและแสดงความยิ่งใหญ่ของพวกเขา
มู่จือเสียเคลื่อนกำลังพลเข้าสู่ทวีปเหว่ยเย่กวนก็เพื่อแก้ไขความสัมพันธ์ระหว่างคนภายนอกและทวีปแดนเถื่อน ทำธุรกิจการค้ากับพวกเขา แม้ว่าการค้าของทวีปกวงหมิงจะไม่รุ่งเรืองเท่ากับภูมิภาคใต้ก็ตาม แต่เทียบกับทวีปหัวโบราณอย่างแดนเถื่อน พวกเขาค่อนข้างรุ่งเรือง
ในการไล่ล่าใช้แผนยักยอกถาวรของทวีปกวงหมิง อิทธิพลของเขาที่มีต่อทวีปแดนเถื่อนจะค่อยมากขึ้นต่อเนื่อง อิทธิพลของมู่จือเสียต่อทวีปแดนเถื่อนลึกซึ้งอย่างต่อเนื่อง รายงานและข้อมูลหลั่งไหลเข้าสู่โต๊ะของมู่จือเสียอย่างต่อเนื่อง
ทวีปแดนเถื่อนลึกลับถูกมู่จือเสียอ่านทีละหน้าๆแสดงให้เห็นถึงความสับสนวุ่นวาย ความโหดร้ายและพลังของพวกเขาที่แท้จริง
ยี่สิบปีกับการยืนกรานเป็นพลังที่น่ากลัว
เขาไม่ใช่ผู้นำที่สติปัญญาไวที่สุด และไม่มีความคิดอัจฉริยะแน่นอน แต่เขามีความอดทนหนักแน่น กระทำการทีละก้าว
เมื่อกลับไปที่ค่ายของเขามู่จือเสียได้รับรายงานฉบับหนึ่ง ซางเป่ยแห่งเผ่าวารีดำกำลังรอท่านอยู่!”
เขาพยักหน้าและเดินไปที่ห้องโถงใหญ่ ในห้องโถงมีบุรุษร่างใหญ่เปลือยร่างท่อนบนกำลังกินอย่างมูมมาม
“นี่เจ้าอดอยากมากี่วันแน่?” มู่จือเสียหัวเราะ เขาไม่มีความหยิ่งแต่อย่างใดและเดินไปนั่งที่โต๊ะอีกฝั่งหนึ่งตามปกติ คว้ามีดบนโต๊ะและหั่นขาแพะเริ่มกินบ้าง
เผ่าวารีดำเป็นเผ่าเล็กๆที่อยู่ติดกับพวกเขา และเป็นเผ่าเก่าแก่ที่สุดที่เริ่มติดต่อการค้ากับทวีปเหว่ยเย่กวนง่ายที่สุด และทั้งสองคนคุ้นเคยกัน อิทธิพลของทวีปกวงหมิงกำลังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และเริ่มขยายเข้าไปในเผ่าใหญ่ แต่มู่จือเสียยังคงรักษาซางเป่ยไว้เหมือนเดิม และไม่ได้คุกคามทำร้ายเขาเพียงเพราะเผ่าวารีดำอ่อนแอ
“ตั้งสิบสองวันแล้ว” ซางเป่ยพูดทั้งที่อาหารยังอยู่ในปาก “ข้าเกือบกลับมาไม่ได้”
มู่จือเสียกินเนื้อแพะอย่างระมัดระวัง และหลังจากนั้นชั่วครู่ เขาถาม “ว่าไง? หรือว่าการเดินทางของเจ้าไม่ราบรื่น?”
หลังจากกินอาหารเสร็จ ซางเป่ยดื่มเหล้าต่อก่อนที่จะเงยหน้าอย่างอิ่มเอม เขาถอนหายใจกล่าว “เรากำลังอยู่ในช่วงสู้รบกันอยู่”
มู่จื่อเสียยิ้ม “สู้รบ? บอกข้าหน่อย มีที่ไหนที่ไม่สู้รบ? นอกจากนี้ทวีปแดนเถื่อน ก็สู้รบเป็นปกติไม่ใช่หรือ?”
คำพูดของมู่จือเสียไม่ได้พูดเกินจริง ทวีปแดนเถื่อนเป็นสถานที่วุ่นวายที่สุด และมีการสู้รบระหว่างเผ่าอยู่เสมอ เป็นเรื่องปกติมาก นั่นคือเหตุผลที่เส้นทางการค้าในทวีปแดนเถื่อนถูกทำลายหมดขบวนสินค้าในเส้นทางถูกจี้ชิงปล้นกันหมด และสินค้าทั้งหมดหายไป
แต่ผลกำไรที่สูงจะมาพร้อมกับความเสี่ยง คาราวานขบวนหนึ่งของทวีปกวงหมิงสามารถให้เสบียงกับเผ่าวารีดำได้ถึงหนึ่งเดือน
ซางเป่ยอยู่ในอาการมึนงง และหลังจากนั้นชั่วขณะ เขามีสีหน้าแปลกประหลาด
มู่จือเสียรู้สึกได้ทันที “ว่าไง?”
“เผ่าวารีตะวันตกถูกทำลาย ข้าเห็นมากับตาตนเอง” ซางเป่ยยังมึนงงอยู่ คำพูดของเขาเบามาก
“เผ่าวารีตะวันตก!” มู่จือเสียหยุดกิจกรรมทุกอย่างที่ทำอยู่ หน้าของเคร่งขรึมเผ่าวารีตะวันตกและเผ่าวารีดำทั้งสองเผ่ามีคำว่าวารีอยู่ในชื่อของพวกเขา แต่พลังของพวกเขาแตกต่างกันถึงสองระดับ เผ่าวารีตะวันตกเป็นหนึ่งในเผ่าใหญ่ในทวีปแดนเถื่อน พวกเขาแข็งแกร่งทรงพลังมาก และชี่ถูหัวหน้าเผ่าของพวกเขาเป็นคนทะเยอทะยาน
‘เผ่าวารีตะวันตกเป็นเผ่าที่มีศักยภาพที่จะตั้งราชอาณาจักรได้ แต่กลับถูกทำลายได้อย่างนั้นหรือ?’
ชางเป่ยไม่เป็นตัวของตัวเอง เขาพูดเหมือนกับว่าเขากำลังเล่าฝันร้าย “เป็นอาณาจักรภูผาเหล็กและอาณาจักรน้ำแข็งหิมะเหนือ พวกเขาก่อตั้งพันธมิตรเพื่อทำลายเผ่าวารีตะวันตก”
สีหน้าของมู่จือเสียยิ่งแปลกประหลาดมาก เขารู้มาว่ากษัตริย์ทั้งสองอาณาจักรเป็นอาณาจักรที่แข็งแกร่งที่สุดในส่วนเหนือของทวีปแดนเถื่อน มู่จือเสียรู้จักพลังของทุกคนเหมือนลายเส้นบนฝ่ามือและรู้ว่าพวกเขาเป็นศัตรูถาวรทั้งเกลียดโกรธแค้นมาหลายปีแล้ว ‘แล้วพวกเขาจัดตั้งความเป็นพันธมิตรได้ยังไง?’
ปฏิกิริยาแรกของเขาคือนั่นเป็นความคิดที่ไร้สาระ แต่เขารู้ว่าซางเป่ยเป็นคนจริงจังและจะไม่พูดโดยไม่คิด
“พวกเขาก่อตั้งเป็นพันธมิตรได้ยังไง?” น้ำเสียงของมู่จือเสียกลายเป็นจริงจัง
ซางเป่ยเรียกความรู้สึกกลับมาได้ในที่สุด การสู้รบสร้างความสั่นสะเทือนให้เขาอย่างมาก เผ่าวารีตะวันตกเหมือนกระแสเลือดประทับอยู่ในใจเขาอย่างลึกซึ้ง
เขาส่ายศีรษะ “ข้าไม่รู้ แต่ข้าได้ยินข่าวลือว่า พวกเขาพูดว่ามีสตรีนางหนึ่งเหมือนกับเทพสตรีเถี่ยจี๋กับอาซือหมิงปฏิญาณตัวเป็นบริวารนาง นางได้กองทัพใหญ่ตอนใต้ พวกเขาไร้เทียมทานไม่มีใครหยุดได้ พวกเขาบอกว่านางเหมือนเทพธิดาสงคราม ทุกๆ ศึกที่นางร่วมด้วยนางจะชนะและนางยังคงเดินหน้าต่อไป อาณาจักรป่าทองไม่ยินดีเข้าร่วมกับพวกเขา ดังนั้นจึงโค่นเอาชนะพวกเขา ศักดิ์ศรีของพวกเขาจึงพินาศ และพวกเขากลัวว่าพวกเขาจะขยับไปทางตะวันตก เมื่อข้ากลับมานี้ ข้าได้ยินว่าอาณาจักรป่าทองไม่มีอีกต่อไปแล้ว บริวารของเขาแปรพักตร์และนำหัวราชันย์ไปให้เทพธิดาศึก ผู้คนในอาณาจักรป่าทองถูกนางกลืนหมด”
“พวกเขาเคลื่อนขบวนลงใต้และไม่มีใครสามารถหยุดพวกเขาได้” ซางเป่ยเลียริมฝีปาก น้ำเสียงเขาตื่นเต้น “นางคือเทพธิดาสงคราม เทพธิดาที่แท้จริง ไม่ว่านางไปที่ใด ไม่มีใครหยุดนางได้ ผู้คนกล่าวว่า..”
เขากลืนน้ำลายและมองดูมู่จือเสีย มีแววคาดหวังปนกับความกลัวอยู่ในตาของเขาแสงที่ความมืดไม่สามารถหยุดได้
“ทวีปแดนเถื่อนจะถูกรวบรวมจะมีราชาจากภายในที่แท้จริงจากพวกเรา”
เป๊าะมีดในมือของมู่จือเสียถูกหัก