ตอนที่ 752 ความก้าวหน้าทางจิต
ขณะนี้ เวลาดูเหมือนจะหยุดนิ่ง
รังสีดาบรูปกากบาทแดงและรังสีมีดดำปะทะกันกลางอากาศ
รัศมีแสงที่มิอาจพรรณนาได้สาดส่องกระจายทันที แสงสีแดงและดำปกคลุมทั่วท้องฟ้าปะทะกันอย่างรุนแรง มีความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด ทั่วทั้งท้องฟ้าและพื้นดินแบ่งแยกเป็นสีแดงและดำและในศูนย์กลางดูเหมือนมีผนังแสงเปราะบางแต่ยากจะทำลายได้
ปังปัง ปัง
เหมือนกับพายุสองลูกที่หยุดไม่ได้ที่ปะทะชนกันเองความรุนแรงของการปะทะชนทำให้อากาศปั่นป่วน เสียงแหลมหวีดหวิวที่ดังออกมาจากการปะทะ ทำให้ทุกคนหูอื้อไปชั่วขณะ และทำให้ทั่วทั้งเมืองบูรพาอมตะตกอยู่ในศูนย์กลางความตายของพายุที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์
เร็วเท่าที่ทุกคนสามารถเห็นได้ ทุกสิ่งทุกอย่างสั่นสะเทือนคลื่นอากาศดูบิดเบี้ยวผิดเพี้ยน
หินนับไม่ถ้วนลอยอยู่ในอากาศ และขณะเดียวกัน ชาวเมืองที่กำลังบินอยู่ในเมืองบูรพาอมตะอยู่ในอาการตกใจกันหมด หน้าของทุกคนไร้สีเลือด พวกเขาตระหนักได้ว่าพวกเขาไม่สามารถควบคุมร่างกายตนเองได้ สายกฎธรรมชาติของพวกเขาไม่ตอบสนองการกระตุ้นเรียกของพวกเขา พวกเขาเป็นเหมือนแกะที่รอถูกเชือดโดยไม่มีความสามารถต่อต้านใดๆ ได้เลย
มียอดฝีมือสองสามคนผู้ฝึกผิวกฎธรรมชาติ แต่ก็มีแค่สองสามคน พลังที่ฉายแสดงออกในผิวกฎธรรมชาติของพวกเขาถูกข่มลดลงเหลือเพียงหนึ่งในสิบจากระดับพลังปกติ
มองจากมุมมองด้านบน เมืองบูรพาอมตะดูเหมือนแตกแยกออกเป็นสองด้าน ด้านหนึ่งมีรัศมีสีแดง ขณะที่อีกด้านหนึ่งเป็นสีดำ แต่ละพื้นที่ที่รัศมีแสงครอบงำนั้นอากาศจะปั่นป่วนและกระแสพลังจะคลุ้มคลั่งรุนแรง
ถังเทียนยังคงอยู่ในท่าที่เขาปล่อยท่าดาบเสียสละพิฆาต ร่างของเขาย่อต่ำขณะที่เขายืดตัวมองดูเหมือนเสือดาว มันเต็มไปด้วยความก้าวร้าวพร้อมจะกระโจนใส่ได้ทุกเมื่อ มือของเขายังคงไขว้เป็นรูปกากบาทอยู่หน้าเขา และหน้ากากผีที่ปิดหน้าปกคลุมได้ด้วยรอยร้าวและรอยเปื้อนเลือดเกิดเป็นรอยร้าวรูปใยแมงมุมสีแดง ดวงตาที่อยู่เบื้องหลังหน้ากากมีสีแดงที่จางลง และกลายเป็นความมุ่งมั่นที่เยือกเย็นเหมือนแต่ก่อน
เขาไม่ขยับไหวติงเหมือนรูปปั้นพื้นที่รอบตัวเขาสั่นสะเทือนต่อเนื่อง พลังความวุ่นวายยังคงปั่นป่วนไม่ปกติ และแม้แต่ลมรุนแรงก็ไม่สามารถขยับร่างเขาได้
ด้านหน้าเขาด้านหลังกำแพงแสงระหว่างรัศมีแดงกับรัศมีขาว แขนที่ถือเคียวมัจจุราชยังคงนิ่ง
กระแสพลังสีดำยังคงทะลักไปข้างหน้า ขณะที่รูปลวงตายืนอยู่กับที่เงียบๆ
ทั้งสองฝ่ายยังคงยืนนิ่ง แต่ไม่มีใครตั้งใจจะยอมถอยแม้แต่น้อย
ทันใดนั้นร่างลวงตาในกระแสพลังสีดำเคลื่อนไหวเล็กน้อย เคียวและแขนมัจจุราชยกขึ้นและเล็งมาที่ถังเทียนเตรียมจะตัดลงที่คอ
ตาของถังเทียนกระตุกใบหน้าที่อยู่หลังหน้ากากของเขายิ้ม และมือที่ไขว้ตัดกันข้างหน้าสร้างเป็นรูปหมัดทันที เขายืดนิ้วหัวแม่มือออกและชี้ลงข้างล่าง
‘หืม! เจ้าทำอะไรข้าไม่ได้ และยังกล้าทำเป็นผยองกับข้าอีกหรือ?’
‘คอยดูเถอะเจอกันอีกที ข้าจะซัดเจ้าให้ร้องไห้ไปเลย!”
ถังเทียนคิดอย่างก้าวร้าว เขาลืมสนิทเลยว่าภาพลวงตาที่อยู่ต่อหน้าเขาคือมัจจุราช แน่นอนต่อให้เขารู้ เขาก็ยังไม่สนใจ เขายังจะเล่นงานมัจจุราชอยู่ดี
ร่างสีดำดูเหมือนจะผงะเพราะการกระทำของถังเทียน ร่างของมันดูเซื่องซึม
วืดดด ร่างดำเป็นเหมือนละอองหมอกบินขึ้นไปในท้องฟ้าและหายไปในกลุ่มเมฆดำ
แขนสลายและเคียวปล่อยสายใยเป็นควันสีดำและด้วยความเร็วที่มองเห็นด้วยตาเปล่า มันค่อยๆ จางหายไปในหมอกดำ
‘งี่เง่า!”
ถังเทียนยังชี้หัวแม่มือลง ถ้าไม่ใช่เพราะหน้ากาก ทุกคนจะเห็นได้เห็นใบหน้าที่ไม่พอใจและยั่วโมโหของเขา ‘ข้าสามารถแพ้ให้คนได้ แต่ไม่ใช่แพ้วิชา ไม่ใช่ๆๆ เอาใหม่ ข้าไม่แพ้ใคร แล้ววิชาของข้าจะแพ้ได้ยังไง!’
เมื่อร่องรอยสุดท้ายของควันดำหายไปแล้ว แสงปั่นป่วนสีดำก็หายไปโดยไม่เหลือร่องรอยทันที ท้องฟ้าที่เต็มเสียงแว่วกรีดร้องหวีดหวิว อากาศปั่นป่วนหายไปหมด
ราวกับว่ามีปฏิกิริยาสนองตอบแสงสีแดงของถังเทียนก็หายไปทันทีเช่นกัน
หินทุกก้อนที่กำลังลอยอยู่ในอากาศคนทุกคนที่กำลังลอยอยู่ในอากาศ ร่วงลงมาเหมือนกับซาลาเปาหล่นเสียงอุทานดังมาจากทุกที่ พวกเขาทุกคนสูญเสียการควบคุมและอยู่ในสภาพแตกตื่น พวกเขายังซึมซับฉากภาพที่น่ากลัว และคาดไม่ถึงเลยว่าอันตรายนั้นจู่ๆก็หายไปไม่มีคำเตือน เหมือนกับว่าทุกอย่างที่พวกเขาเห็นนั้นเป็นภาพลวงตา
ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเขายังอยู่ในอากาศ พวกเขาคงคิดว่าเป็นภาพลวงตาทั้งหมดแน่
แต่เมื่อพวกเขาเห็นพื้นข้างล่างใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว พวกเขารีบหายมึนงงและตั้งหลักตัวเองทันที ปัง ปัง ปัง หลายคนร่วงลงมาในท่าทางแปลกประหลาด
เพียงแต่เมื่อเท้าพวกเขาสัมผัสพื้นก็ทำให้พวกเขาตื่นขึ้นจากภวังค์ แต่ความกลัวและตกใจยังคงปรากฏอยู่ในใบหน้าของพวกเขา
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นจะตราตรึงพวกเขาไปตลอดชีวิต
ร่างของถังเทียนซวนเซปัง เขานั่งลงก้นกระแทก พอเขาพ้นจากสภาพตื่นเต้นสิ่งที่ยังคงเหลือก็คือความรู้สึกกำจัดภาระของการสู้รบทั้งหมด พอสภาพใจที่เครียดของเขาผ่อนคลาย ความเหนื่อยล้าก็ท่วมทับเข้ามาในร่างของเขา
แฮก แฮก แฮก
เหงื่อหลั่งออกมาจากทั่วร่างของเขา ในพริบตาเดียวเหงื่อไหลเป็นสายหยดลงบนพื้น
ถังเทียนจ้องมองพื้นอย่างงุนงง ใจของเขาว่างเปล่าสิ้นเชิง
เขานั่งอยู่หน้าเขาชมวิวอย่างมึนงง เขาชมวิวซึ่งมีสีดำมีรอยแผลเต็มไปหมด เหมือนกับนักรบยักษ์ที่ปกป้องคุ้มกันอยู่ข้างถังเทียน
ไม่มีใครกล้าเข้ามาใกล้
ทุกคนมองดูบุรุษธรรมดาที่นั่งหอบหายใจอยู่ด้านข้างเขาชมวิวอย่างมึนงง ไม่มีอะไรเกี่ยวกับเขาเขาไม่ได้ห้าวหาญและตั้งตรงเหมือนหอก เขาก็แค่นั่งอยู่กับที่โดยไม่ได้แบกถืออะไร ไม่มีบรรยากาศอะไรรอบตัวเขา เขายันมือกับพื้นเหงื่อไหลย้อยลงคางและหยดลงพื้น ดูเหมือนอยู่ในสภาพลำบาก
แต่กลุ่มผู้คนอยู่ในความเงียบ ไม่มีใครกล้าพูด
พวกเขาทุกคนได้ยินเสียงหอบหายใจหนักจากที่ไกลและไม่มีใครพูดอะไร
ความเงียบเกิดขึ้นเพราะตกตะลึงกับการต่อสู้ที่แทบทำให้หัวใจหยุดเต้น
ตาของทุกคนมองดูบุรุษหน้ากากผีด้วยความนับถือ
ทันใดนั้นมีเสียงฝีเท้าเร่งรีบดังขึ้นทำลายความเงียบ
ชายชราคนหนึ่งนำคนกลุ่มหนึ่งเข้ามา และชายชรานั้นรีบแสดงตัวหน้าของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ ดูเหมือนเขาจะแสดงความสุภาพ เขาก้าวมาข้างหน้าและคุกเข่าลง
“ตระกูลหวีต้องขออภัยไว้ในที่นี่เราขอให้นายท่านอย่าถือโทษเราเลย!”
เสียงของเขาสั่นหน้าของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ ร่างของเขาสั่นรุนแรง
เขาไม่มีเวลาสวมเสื้อผ้าให้กับนักโทษสุญญตา เขาเพียงแต่กลัวว่าจะสายเกินไป กลัวว่าบุรุษหน้ากากผีจะโกรธและทำลายตระกูลหวี เมื่อเขาเพิ่งได้รับการขอร้องจากบุรุษหน้ากากผีขอบริวารเขาคืน เขาหัวเราะเย้ยหยัน ‘ผู้สืบทอดปรมาจารย์หลี่เหรอ? ฮะฮะ ก็แค่ไอ้บ้าอีกคนที่ใช้ชื่อฉวยโอกาส! คืนบริวารของเจ้าน่ะหรือ? นี่กำลังพูดตลกอะไรกันนักโทษสุญญตาแต่ละคนนี้มีค่ามาก เจ้าคิดว่าเราจะคืนให้เพราะเจ้าร้องขอหรือ?’
แต่ตอนนี้เขารู้สึกว่าเขาตาบอดและสายตาสั้นไม่มองการณ์ไกล การสู้รบที่น่าสะพรึงกลัวทำให้เขาขวัญกระเจิง
เขาพานักโทษหน่วยสุญญตาออกมาทันทีและไม่กล้าชักช้า เขารีบทำอย่างเต็มที่
“ตระกูลซ่งอยู่นี่แล้วขอคืนสมาชิกหน่วยสุญญตา 23คน หวังว่านายท่านจะไม่ถือโทษเรา”
เสียงฝีเท้าอีกชุดหนึ่งดังขึ้นอีก
สมาชิกหน่วยสุญญตาทุกคนมีตัวเปื้อนฝุ่นมอมแมมจ้องมองร่างที่คุ้นเคยซึ่งกำลังนั่งอยู่ด้วยสายตาว่างเปล่า แม้ว่าเจ้านายพวกเขาจะสวมหน้ากากไว้ แต่ใครเล่าที่จำเขาไม่ได้
หลังจากสิ้นหวังทุกข์ทนอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากอยู่หลายวันครั้งนี้เมื่อพวกเขาเห็นบุรุษที่กำลังนั่งหอบหายใจอยู่กับพื้นหลั่งเหงื่อทั่วตัว เขาที่อยู่ในสภาพลำบากหน้ากากที่มีรอยร้าวเต็มไปด้วยเส้นสายสีเลือด ตาของพวกเขาอยู่ในความงุนงง เพราะสูญเสียพลัง
บุรุษเหล็กแข็งแกร่งผู้ดื้อด้านทั้ง55 คนรู้สึกน้ำตาคลอเบ้า
มีแต่ราชาแห่งกลุ่มดาวหมีใหญ่ มีแต่ราชาของชาวหมาป่าที่มาช่วยพวกเขาเท่านั้น
พวกเขาทุกคนยืนตรงเหมือนคนปกติ เสื้อผ้าของทุกคนฉีกขาด พวกเขามีเนื้อตัวสกปรกและผมกระเซิงหน้าของพวกเขาสับสน แต่พวกเขาก็ยังยืนตรงทุกคนมีน้ำตาคลอเบ้า หัวใจพวกเขารู้สึกตื่นเต้นมาก
พวกเขาทุกคนเชื่อมั่นในเขา เขาใช้การกระทำเพื่อรับความภักดีของพวกเขา และไม่เคยรานความเชื่อของพวกเขา
เฮ้ออออ!
หลังจากหายใจลึกยาวแล้ว ถังเทียนก็สงบใจตัวเองได้ และในที่สุดก็รู้สึกเหมือนกับว่าเขากลับมาสู่โลกแห่งชีวิตร่างของเขาที่เจ็บปวดเมื่อยล้ามีกำลังคืนกลับมาบ้าง เขาฝืนตัวเองลุกขึ้นยืน
ตาของเขามองไปที่สมาชิกหน่วยสุญญตาที่ยืนห่างออกไป พวกเขายืนตรงอยู่ตรงหน้าเขาใบหน้าของทุกคนที่คุ้นเคย และวิธีที่พยายามระงับความตื่นเต้น บุรุษหนุ่มมีสุขและฉีกยิ้มจนมุมปากแทบถึงหู
ทำได้ดี,ถังเทียน!
“ตอนนี้เหลือที่อยู่กับตระกูลฉี”
ถังเทียนพึมพำกับตนเองและฝืนหัวเราะในใจ เขาไม่เคยคิดว่าฉีเซี่ยงตงจะไม่ยอมส่งมอบนักโทษมาให้ และประหลาดใจที่พบกับคนเจ้าเล่ห์แบบนั้น
แต่หลังจากสู้กันจนถึงจุดนี้แล้ว ถังเทียนไม่ลังเลใจอีกต่อไป หลังจากปะทะฝีมือกับเคียวมัจจุราชแล้ว เขารู้สึกเหนื่อยล้าเต็มทีแต่สภาพใจของเขากลับไม่เหนื่อยเลย แต่รู้สึกตื่นเต้นเร้าใจ
เขารู้สึกได้ว่าแม้พลังของเคียวมัจจุราชจะไม่สมบูรณ์ แต่ก็เป็นพลังอีกรูปแบบหนึ่ง เป็นบางอย่างที่เขาไม่เคยคิดมาในอดีต และข้าสามารถสู้กับมันได้เสมอระดับเดียวกับมัน นั่นคือสิ่งที่เขาไม่กล้าจินตนาการมาก่อนในอดีต
‘หรือว่าเราก้าวหน้าแข็งแกร่งโดยไม่รู้ตัว?’
ถังเทียนมีความรู้สึกเหลือเชื่อ แต่สิ่งที่เพิ่มขึ้นมากแน่นอนก็คือความมั่นใจตัวเองอย่างมาก
และหลังจากช่วยสมาชิกหน่วยสุญญตา55 คน เขาเต็มไปด้วยความดีใจ เขามั่นใจมากยิ่งขึ้น เชื่อมั่นตัวเองมากขึ้นหลังจากผ่านศึกที่ยากลำบากอย่างโชกโชน สภาพจิตใจของเขาเปลี่ยนแปลงไปอย่างเงียบงัน
ยิ่งการสู้รบรุนแรงมากขึ้นก็ยิ่งง่ายที่จะให้ประสบการณ์เพิ่มพูนมากขึ้น และประสบการณ์เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายจะกระตุ้นศักยภาพให้เติบโต และเมื่อคนผู้นั้นเติบโตผ่านการประสบการณ์และปรับเปลี่ยน สภาพใจของบุคคลนั้นจะแข็งแกร่งมากขึ้น
และหลังจากถึงระดับพลังมาตรฐานแล้ว การสร้างความเข้มแข็งให้จิตใจจะกลายเป็นเรื่องสำคัญมากยิ่งขึ้น
เมื่อนักสู้ผู้แข็งแกร่งหลายคนมีความแข็งแกร่งในระดับหนึ่งซึ่งพวกเขาจะพบว่ายากจะก้าวหน้าได้ มักจะเป็นเพราะไม่สามารถบรรลุความก้าวหน้าของสภาพจิตใจของพวกเขาภายนอกกายมีกฎธรรมชาติ ขณะที่สิ่งที่อยู่ภายในกายคือสภาพอารมณ์ทั้งเจ็ดและความปรารถนาทั้งหก ถ้าคนเต็มไปด้วยกลัว หวาดหวั่นก็จะไม่สามารถเข้าใจรูปแบบพลังที่ยิ่งใหญ่ได้ และด้วยความจริงและสภาพจิตใจที่ทรงพลังก็จะทำให้เขาสามารถเข้าใจพลังที่ยิ่งใหญ่ได้ และเข้ากับพลังนั้นได้
ถังเทียนมีความก้าวหน้าทางใจรู้สึกว่าร่างกายของเขาเจ็บปวด แต่จิตสำนึกของเขาอยู่ในสภาพสูงสุด
ร่างของเขาฟื้นตัวได้รวดเร็ว พลังที่เหือดแห้งในตอนแรงเริ่มเต็มเปี่ยมอีกครั้งพลังของสายใยกฎเพิ่มมากขึ้นจากส่วนลึกในกล้ามเนื้อและเลือด โดยเฉพาะอย่างยิ่งแก่นพลังต้นกำเนิดมหาศาลที่เขาซึมซับไว้ในร่างกายส่วนที่ยังไม่ซึมซับก็เข้าไปในกล้ามเนื้อและเลือดของเขาทำให้ตื่นตัว เขาไม่คิดว่าผ่านการต่อสู้นั้น เขาจะมีความก้าวหน้าทางสภาพจิตใจ และเรียกแก่นพลังต้นกำเนิดได้
เขาสูดหายใจลึกและเตรียมฉุดลากเขาชมวิว
“นายท่าน โปรดให้เราร่วมด้วย!” สมาชิกหน่วยสุญญตาตะโกนดังลั่น
นักโทษหน่วยสุญญตา55 คนลุกขึ้น พวกเขาเป็นคนแข็งแรงและเริ่มเคลื่อนเขาชมวิว
เสียงสะเทือนดังใกล้เข้ามาอีก เขาชมวิวสั่นสะเทือนและเริ่มเคลื่อนไหว
เมื่อเห็นธงดำหมีโลหิตปักอยู่บนเขาขาด ถังเทียนอดดีใจไม่ได้ ชี้ไปตำแหน่งที่บ้านตระกูลฉี “ไปเถิด! เราจะไปที่นั่น!”
ครืนนครืนนน เหมือนกับสายน้ำหลากที่หยุดไม่ได้