ตอนที่ 750 เคียวมัจจุราช
ด้ายมรณะดำตรึงถังเทียนไว้อย่างแน่นหนา เขารู้สึกได้ถึงพลังที่ปล่อยออกมาจากสายข่าย และผิวชาเพราะความรู้สึกกัดกร่อนรู้สึกเหมือนมีหนอนชอนไชเข้าร่างกาย
ภายใต้แรงกดดันรุนแรงของข่ายมรณะ ถังเทียนรู้สึกเหมือนกับว่ากระดูกของเขากำลังจะแตกออก
รังสีมรณะที่อยู่ต่อหน้าเขาหนาแน่นจนกลายเป็นรูปเคียวยมทูตปล่อยความรู้สึกถึงความตายที่กัดกร่อนเยือกเย็นราวกับเคียวมัจจุราชที่ถูกใช้โดยมัจจุราชเพื่อใช้คร่าชีวิต พลังของหุ่นเชิดมัจจุราชยังมิอาจเทียบกับมัจจุราชได้ สำหรับเขาแล้วการใช้วิชานั้นออกมาเขาต้องเสียแขนไปหนึ่งข้าง
ด้วยการทำลายแขนรังสีของหุ่นเชิดมัจจุราชครอบคลุมร่างของมันอย่างรวดเร็วและรัศมีตกลงเหมือนมีหมอกคลุม
‘สละชีวิตโจมตีหรือ?’
สภาพจิตใจที่เยือกเย็นดุจน้ำแข็งของถังเทียนไม่ตกใจแม้แต่น้อย ตาของเขาเหมือนกับเหล็กหลอมที่กำลังเดือด
เวลาดูเหมือนจะหยุดฝูงชนไว้ได้
แสงคลื่นแดงกำลังปะทุออกมาจากร่างของเทพอสูร เหมือนกับภาพเทพอสูรมีเพลิงลุกไหม้ในตัวเอง กล้ามและเลือดเนื้อในร่างของถังเทียนเผาผลาญอยู่เงียบงัน แสงแดงเหมือนกับเตาหลอมเหล็กและร่างของเขาเป็นเหมือนกับหล่อขึ้นด้วยเหล็กอย่างดียังคงเผาผลาญปรับเปลี่ยนรูปต่อเนื่อง
ความเปลี่ยนแปลงแปลกประหลาดในตัวถังเทียนเกิดขึ้นไวมาก
รังสีมรณะที่แทรกซึมอยู่ในร่างของถังเทียนถูกทำลายเมื่อสำผัสแสงสีแดง
พลังที่ไม่อาจอธิบายได้ก่อตัวอยู่ภายในร่างของเขาอย่างเงียบงัน พลังต้นกำเนิดก่อตัวเมื่อพลังร่างกายจุดประกาย และความแข็งแกร่งของถังเทียนมาจากระหว่างกล้ามและเลือดเนื้อชั้นแล้วชั้นเล่าทับซ้อนกันและถึงแม้ว่าพลังนั้นก็เคลื่อนที่ด้วยความเร็วเหมือนสายฟ้าแต่ก็ยังต้องการเวลาก่อตัว
แต่มันคือความแตกต่างตอนนี้ ถังเทียนรู้สึกว่าภายในร่างของเขาเหมือนมีมหาสมุทรกว้างใหญ่ที่ก่อคลื่นเมื่อใดก็ได้ที่เขาต้องการ และเขาได้ยินเสียงพลังที่ขอบเขตปั่นป่วนอยู่ในมหาสมุทรที่กว้างใหญ่
เหมือนกับมหาสมุทรที่ปั่นป่วน,ไม่สิ, เหมือนกับทะเลคลั่ง ไร้ขอบเขตและคลื่นเล็กๆที่เคลื่อนไหวก็ทำให้เกิดคลื่นสึนามิได้
‘นี่คือแก่นแท้ของมุทราหมัดพิโรธสินะ?’
สภาพจิตใจที่เย็นยะเยือกของถังเทียนเปลี่ยนไปในที่สุด ทันใดนั้นสายพลังที่อธิบายไม่ถูกทะลักขึ้นมาในใจเขา ‘เทพอสูรหกมุทราไม่ใช่วิทยายุทธใช้ต่อสู้แต่เป็นวิธีปรับเปลี่ยนสภาพร่างกาย?’
ความคิดนี้วาบผ่านเข้ามาในใจเขา แต่นี่ไม่ใช่เวลามาไตร่ตรองถึงมัน
โดยไม่ต้องทำอะไรมหาสมุทรพลังงานที่ทรงพลังในร่างของเขาส่งเสียงครืนครันทันที ตาของถังเทียนเป็นประกายสีแดงเจิดจ้า แขนของเขาหยุดเคลื่อนไหว แขนทั้งสองของเขาหยุดเคลื่อนไหว เอวของเขาปลดปล่อยพลังงานมหาศาลขณะที่เขาหมุนตัว
ด้ายมรณะมีความเหนียวทนทานมากและมีพลังที่แข็งแกร่งผ่านไปตามด้ายมรณะทำให้ร่างของหุ่นเชิดมัจจุราชเสียสมดุลทันที
พวกเขารู้สึกเหมือนกับว่าร่างของพวกเขาเบาลอยละล่องในท้องฟ้าและดึงด้ายมรณะแน่นโดยไม่รู้ตัว
หุ่นเชิดมัจจุราชทั้งสี่หมุนคว้างในอากาศเพราะฝีมือถังเทียน
ปัง!
หนึ่งในหุ่นเชิดมัจจุราชที่กำลังลอยอยู่หมุนลอยในช่วงเวลาสั้นๆก็ปะทะกับเคียวมัจจุราช
ฉัวะ..
หุ่นเชิดมัจจุราชที่แข็งแกร่งและทนทานขาดเป็นสองท่อนอย่างง่ายดาย ไม่มีเลือดไหลออกมาเคียวสีดำดูเหมือนจะกินเป็นอาหารและมีสีดำเข้มข้นขึ้นและยังคงบินเข้าหาถังเทียนต่อ
หัวใจของถังเทียนสั่นสะท้าน เขาไม่หยุดหมุนตัว และเขาเริ่มเขย่งเท้า
ปัง!
พื้นใต้เท้าของเขาถล่ม ถังเทียนที่ยังหมุนตัวเหมือนกับว่ากำลังเล่นสเก็ทน้ำแข็งเลื่อนไปด้านข้างสองสามเมตร
ฉัวะ!
หุ่นเชิดมัจจุราชอีกตัวหนึ่งถูกเคียวมัจจุราชตัดขาดง่ายดายเหมือนกระดาษร่างแยกเป็นสองส่วน เคียวมัจจุราชยังคงกลืนกินรังสีมรณะและมีสีดำหนาแน่นมากขึ้น มีสีดำแปลกประหลาดเกิดขึ้นสะท้อนประกายของโลหะ
มันบินโค้งอย่างแปลกประหลาดในอากาศส่งเสียงหวีดหวิวพุ่งเข้าหาถังเทียนอย่างต่อเนื่อง
ถังเทียนคาดไม่ถึงเลยว่าเคียวจะน่าอัศจรรย์ถึงเพียงนี้
เขาไม่คิดอะไรต่อ จิกปลายเท้าอีกครั้งและไถลเลื่อนตัวออกไป
ในกึ่งกลางทางอากาศมือของเขาพุ่งออกไปทันทีฝ่ามือของเขาเคลื่อนไหวเหมือนสายฟ้าขณะที่เขาจับคว้าคอของหุ่นเชิดมัจจุราชได้สองคน กร๊อบ คอของพวกเขาหักทันที แต่หุ่นเชิดมัจจุราชเหมือนกับแมงสาบแม้ว่าคอจะถูกหักแต่พวกเขายังคงเคลื่อนไหวโจมตีเขาอยู่
ความรู้สึกถึงอันตรายท่วมทับในใจของถังเทียน
เขาไม่คิดอะไรก่อนและคว้าฝ่ามือพวกมันและเหวี่ยงออกไปไกล
ปังปัง!
ทั้งสองร่างระเบิดกลายเป็นหมอกดำในท้องฟ้า หมอกทั้งสองกลุ่มนั้นแปลกประหลาดไม่สลายไปและบิดตัวไปมาเหมือนสิ่งมีชีวิต มันประหลาดและดูน่ากลัวมาก
ฟิ้ว...เคียวมัจจุราชเหมือนกับฉลามที่ได้กลิ่นคาวเลือด มันกวาดผ่านหมอกทั้งสองกลุ่มหมอกทั้งสองกลุ่มหายไปทันทีไม่เหลือร่องรอย เคียวสีดำหยุดและลอยอยู่ในอากาศอย่างเงียบงัน รูปของมันเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงขนาดตัวคมเคียวแสดงให้เห็นใบหน้าหลายหน้าที่สยดสยองบิดเบี้ยว เพื่อป้องหมายตั้งแต่น้อยสุดจนถึงใหญ่ที่สุด คมเคียวยิ่งเพิ่มความน่ากลัว มันมีแถวฟันที่มีเลือดหยาดหยด ตัวแผ่นเคียวเองดูไม่เข้ากับรูปลักษณ์ของมันเลย ตัวใบมีดไม่เข้ากันกับรูปลักษณ์เลยแม้แต่น้อยด้ามจับยาวมากเป็นเศษ ทำให้คนสงสัยว่ามันอาจหักได้เมื่อเผชิญกับพลังรุนแรง
เหอซินอยู่ในเงามืดทัศนวิสัยที่ปรากฏต่อเขาเป็นสีแดง ตาของเขามีสายเลือดหลั่งออกสองสายนอกจากนี้เลือดยังไหลจากจมูกและปากของเขา
แต่หน้าของเขามีรอยยิ้มแปลกประหลาด
เคียวมัจจุราช!
‘ใครจะรู้กันว่าเข้าจะสามารถใช้วิชานี้ก่อนตายได้
เหอซินฝืนหัวเราะ มาถึงจุดนี้แล้วเขาไม่มีโอกาสรอดชีวิตได้แล้ว แต่สภาพใจของเขาใกล้จะวิปลาสเต็มที สีหน้าของเขาคล้ายคนบ้า รังสีมรณะของหุ่นเชิดมัจจุราชและการระเบิดพลังสี่ในห้าของผิวกฎธรรมชาติทำให้เขาเผยวิชานี้ได้ เป็นวิชาที่ดีที่สุดสำหรับนักสู้ผู้ฝึกฝนมาทางสายกฎตาย และเป็นหนึ่งในวิชาสังหารที่แข็งแกร่งที่สุดในระบบกฎธรรมชาติตาย
‘งดงามนัก’
‘อย่างน้อย ข้าก็ตายอย่างพึงพอใจ, เจ้าพวกมดแมลงเอ๋ย...’
‘ตายด้วยวิชานี้ ควรดีใจซะ’
‘ข้าโชคดีนัก ที่สามารถตายด้วยวิชานี้’
‘ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า......’
เขาหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง เขาไม่ปกปิดตัวเองอีกต่อไป ตลอดทั้งชีวิตของเขา เขาทำงานหนัก เขาอยู่ในเงามืด ทั้งชีวิตของเขามองดูชีวิตคนอื่นเหมือนกับผักปลา ขณะนี้เขาก้าวออกมาในที่สุดเขาก้าวออกมาในสถานที่ที่เขาไม่เคยคิดว่าจะก้าวออกไปได้
สิ่งมีชีวิตทั้งหมดจะต้องตาย ทั้งหมดเป็นแค่มดแมลงในสายตาของเขา เขาเองก็ไม่ยกเว้น เขาเป็นเพียงจุดเล็กๆ ในโลกนี้ ความมืดมิดในใจของเขามักเป็นส่วนหนึ่งของเขาและเป็นเหตุผลให้เขามีชีวิต
‘จงเผาผลาญร่างข้า ส่งข้าคืนกลับธุลี’
ทั่วร่างของเขายังคงหลั่งเลือดต่อไป ทันใดนั้น หยดเลือดทั้งหมดติดประกายเปลวเพลิงดำ หน้าที่บ้าคลั่งของเขากลับคืนสู่ความสงบ ตอนนี้เขามองดูสงบมาก
เขาต้องการยอมรับความตาย ปลายทางสุดท้ายที่ยิ่งใหญ่และอมตะที่สุดของโลก
เพลิงดำล้อมร่างกายเขาไว้
เรื่องนี้เกิดขึ้นรวดเร็วมาก ขณะที่ทุกคนได้ยินเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งพวกเขายังไม่ทันได้ตั้งหลักได้ทันก่อนที่เหอซินจะถูกเพลิงดำคลุมทั้งตัว ร่างของเหอซินสลายอยู่ในเปลวไฟ แต่หน้าของเขายังคงมีรอยยิ้มที่สงบตลอดเวลา
ฉากภาพแปลกประหลาดทำให้ทุกคนขนลุก
เพลิงดำเผาผลาญเงียบๆ อยู่ในอากาศและกระพือวูบวาบเหมือนกับมีชีวิต ทันใดนั้นมันเปลี่ยนเป็นเพลิงลุกโหมเข้าไปในเคียวมัจจุราช
เคียวยังคงไม่เคลื่อนไหว
ขณะนั้นมือที่เกิดจากความเร็วที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็นขณะที่พลังถึงจุดสูงสุดก็หยุดลง
ในอากาศมือนี้จับเคียวมัจจุราชไว้
แขนนี้ไม่ใหญ่ล่ำสันแต่กลับดูผอมแห้งมาก ผิวซีดขาวนิ้วเรียวยาวจับอยู่ที่ด้ามเคียว
ซี่...!
อากาศรอบด้านพลันเย็นยะเยือกทันที ทุกคนในที่นั้นหน้าซีดขาว
มือข้างเดียวที่จับเคียวอยู่นั้นดูเหมือนกับแขนกับเคียวถูกตัดออกมาจากร่างกาย และมีเลือดไหลออกไม่หยุด ตัวใบมีดของเคียวมีดวงหน้าวิญญาณที่ดูเหมือนแค้นเคืองพยาบาทร่ำไห้คร่ำครวญไม่ว่าใครจะพยายามอุดหูก็ไม่สามารถป้องกันมิให้ได้ยินเสียงได้ ฟันเลื่อยที่ขอบคมของเคียวเคลื่อนไหวช้าๆ เหมือนสัตว์ป่ากระหายเลือด
สีหน้าของถังเทียนเปลี่ยนไปในที่สุด
เขารู้สึกได้ว่าเมื่อแขนที่ขาดรับรังสีมรณะที่ปล่อยออกมาจากเคียวก็จะหายไปทันที
ถ้าเขาไม่จับตาดูแขนและเคียวให้ดี เขาคิดว่ามันคงไม่มีอยู่เป็นแน่
ภาพเทพอสูรในใจของเขาที่มักเฉยเมยพลันรู้สึกถึงพลังคุกคาม
ในที่ห่างไกล ฉีเซี่ยงตงมองดูอยู่เงียบๆ เขากัดกินผลขมที่มีน้ำรสขมจัดเบาๆ
‘ลุงเหอ...’
เขายังคงเงียบ เขาสามารถเคลื่อนไหวได้ แต่เขาไม่ทำ ‘ลุงเหอกลายเป็นศัตรูกับส่วนรวมไปแล้ว ทั่วทั้งเมืองบูรพาอมตะต้องการให้เขาตาย ถ้าข้าออกไป ตระกูลฉีทั้งหมดจะถูกมองเป็นศัตรูไปด้วย
เขายอมให้เป็นเช่นนั้นไม่ได้
เขามองดูขณะที่ลุงเหอเผาผลาญกฎธรรมชาติผิวเผินของเขา ขณะที่เห็นลุงเหอเผาผลาญตนเองและมองดูแขนมัจจุราช
เขารู้ว่าแขนมัจจุราชคืออะไร เมื่อเหอซินเผาตัวเอง ในที่สุดเขามองเห็นร่างที่อยู่เบื้องหลังนรก แม้ว่าจะเป็นแค่แขนข้างเดียว แม้จะไม่สมบูรณ์ แต่ก็เป็นแขนมัจจุราชที่เป็นตัวแทนพลังระดับสูง
‘บุรุษหน้ากากผีต้องตายแน่นอน’
เขาไม่มีความเกลียดคนมากนัก และไม่รู้สึกเกลียดคนที่กำลังจะตาย
แต่...
เขาระลึกถึงภาพในอดีตที่ผ่านเข้ามา ตั้งแต่เขาเป็นเด็กหัดเดิน ร้องไห้โยเยและร้องหาลุงเหอตอนที่เขายังเด็ก มักจะเห็นบุรุษผู้นี้กอดเขาหัวเราะอยู่เสมอ
เมื่อเขาอายุ 12 ปี ลุงเหอจากไป
20 ปีต่อมาลุงเหอผู้ฆ่าคนมานับไม่ถ้วนได้ฉายาคนโฉดกลับมาด้วย พร้อมกับมุมมองที่เห็นชีวิตคนอื่นเป็นผักปลา นำเอาวิญญาณแค้นกลับมาด้วย เขามักซ่อนสถานะตนเองและกลายเป็นลุงเหอที่มีรอยยิ้มอีกครั้ง
‘เขาเป็นปีศาจ ขณะที่ข้าเป็นเทพบุตร’
‘ข้าไม่สามารถเคลื่อนไหวได้...’
ฉีเซี่ยงตงมองดูในอากาศน้ำตาไหลอาบแก้มผสมกับน้ำของผลขม
หลังจากนั้นชั่วขณะ เขาปาดน้ำตาออกและไม่สนใจรอยเปื้อนของน้ำผลขม ตาของเขาดูน่ากลัวและไร้อารมณ์คืนสู่สภาพเฉยชาอีกครั้ง เขามองดูบุรุษหน้ากากผีสำหรับตัวเขา บุรุษหน้ากากผีเป็นคนตายแล้ว
‘ข้าจะไม่ปล่อยให้ลุงเหอต้องเสียสละเปล่าแน่’
‘เมืองจื่อจวน!’
ก่อนที่คนอื่นจะสามารถทำอะไรได้ เขาต้องการถล่มเมืองจื่อจวน
‘มีแต่ยึดเมืองจื่อจวนและชิงนักโทษหน่วยสุญญตาทั้งหมดตระกูลฉีจะแข็งแกร่งมากขึ้น’ เมืองจื่อจวนไม่มีบุรุษหน้ากากผีอยู่ปกป้อง สำหรับเขาแล้วเป็นเหมือนสาวงามที่ไม่มีองครักษ์คุ้มกัน เป็นเนื้อที่น่าหลงใหลมีเสน่ห์
ดวงตาของเขาเป็นประกายเจิดจ้า