ตอนที่ 749 หุ่นเชิดมัจจุราช
หุ่นเชิดมัจจุราช
สวี่เย่ไม่อยากเชื่อสายตาของตัวเอง‘ตาแก่นั่นบ้าไปแล้ว? เหอซินบ้าไปแล้ว? ‘หุ่นเชิดมัจจุราชไม่ใช่สิ่งที่กฎผิวเผินสามารถกระตุ้นใช้ได้ การใช้งานหุ่นเชิดมัจจุราชต้องการเงื่อนไขที่รุนแรงมาก และจะต้องเป็นคนมีพลังระดับสูง
มันสิ้นเปลืองพลังในระดับที่แตกต่างจากด้ายมรณะและหุ่นเชิดมรณะ หุ่นเชิดมรณะจำเป็นต้องใช้ด้ายมรณะเมื่อพันเข้ากับข้อต่อของร่างกาย และผู้ใช้สามารถควบคุมหุ่นเชิดมรณะมาใช้งานได้อย่างอิสระ แต่หุ่นเชิดมัจจุราชเป็นการสร้างด้ายมรณะที่แตกต่างกันออกไป
ความจริงก็คือจ้าวหุ่นเชิดที่ควบคุมหุ่นเชิดมรณะเข้าต่อสู้โดยใช้ด้ายมรณะ สำหรับหุ่นเชิดมัจจุราชสามารถสู้ได้ด้วยตนเองรังสีมรณะที่ทรงพลังและหนาแน่นเปล่งออกมาจากร่างของหุ่นเชิดเปลี่ยนไปเป็นองค์ประกอบของมนุษย์ที่อยู่ภายในหุ่นเชิด
นอกเหนือจากความสามารถในการผลิตปราณมรณะมหาศาลจากการเผาผลาญผิวกฎธรรมชาติก็สามารถสร้างพื้นที่ระหว่างผิวกฎและกฎอวกาศ ทำให้ผู้ใช้ยืมพลังของกฎอวกาศได้
ถ้าจ้าวหุ่นเชิดรู้แจ้งกฎอวกาศ หุ่นเชิดมัจจุราชจะกลายรูปเป็นมัจจุราชเชิดที่ยิ่งใหญ่
(ในแดนบาปมีการใช้กฎธรรมชาติสี่ระดับคือสายใยกฎธรรมชาติเบื้องต้น ผิวกฎธรรมชาติ สนามพลังกฎธรรมชาติและพื้นที่กฎธรรมชาติสูงสุด)
พื้นที่กฎมรณะเรียกว่า‘นรก’ และมัจจุราชก็คือหนึ่งในผู้ที่มีพลังแข็งแกร่งที่สุดในนรก พลังของจ้าวหุ่นเชิดมรณะไม่เป็นที่น่าสงสัย แต่มีขอบเขตในการเรียนรู้ที่สูงลิ่วมีความต้องการที่สูงในการรู้แจ้งและปรับเปลี่ยน
ในประวัติศาสตร์ของแดนบาปไม่มีใครเคยรู้แจ้งพลังมัจจุราช แม้ว่าประวัติศาสตร์ของแดนบาปจะสั้นก็ตาม
ความสำเร็จของเหอซินในพลังหุ่นเชิดมรณะอาจกล่าวได้ว่าแข็งแกร่งที่สุดในบรรดานักสู้ผู้ฝึกในแนวทางเดียวกัน เพราะเพื่อจะหยุดบุรุษหน้ากากผี เขาเปล่งพลังผิวกฎธรรมชาติของตนโดยไม่เสียเวลาคิดและให้ตัวเองเรียกใช้วิชาหุ่นเชิดมัจจุราช ซึ่งเป็นรองแค่พลังมัจจุราชเท่านั้นมันทรงพลังมากและได้รับยกย่องว่าเป็นวิชาหุ่นเชิดที่ใกล้กับพลังมัจจุราชมากที่สุดแล้ว
เมื่อสวี่เย่เห็นหุ่นเชิดมัจจุราช เขาตะลึง ‘เหอซินมีความเกลียดต่อนายท่านหรือ?’
แต่เมื่อเขาพิจารณาดู เขาจึงเข้าใจ บ้านตระกูลฉี เหอซินเป็นส่วนหนึ่งของบ้านตระกูลฉี
สวี่เย่เป็นคนฉลาดและเชื่อมโยงจุดต่อได้ทันที
การสู้รบในตอนนี้ขึ้นถึงระดับสุดยอดแล้ว
ในที่สุดถังเทียนก็หยุด เงาร่างห้าร่างได้นำเงาร่างอีกนับไม่ถ้วนส่งเสียงหวีดหวิวและล้อมถังเทียนไว้ ความเคลื่อนไหวของพวกเขารวดเร็วมาก ไวกว่าหุ่นเชิดมรณะที่เพิ่มความแข็งแกร่งขึ้น สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือจิตสำนึกของพวกเขาถูกยกระดับขึ้น และเทียบกันแล้วหุ่นเชิดมรณะแต่ก่อนหน้านี้ดูเหมือนของเล่น
หุ่นเชิดมัจจุราชทั้งห้ารู้วิธีสร้างกระบวนรบดังนั้นจึงสร้างแรงกดดันมากมายกับถังเทียน
แต่ถังเทียนไม่กลัว เขาผนึกมือในปางมุทราหมัดพิโรธ และร่างของเขาที่กำลังร้อนขึ้นได้สร้างสมดุลที่ประหลาดให้ความรู้สึกที่เย็น โซ่เหล็กที่ถูกเขาดึงตึงให้ความรู้สึกกับเขาว่าไร้น้ำหนัก และเมื่อเขาดึงโซ่ ทำให้เกิดเสียงทุ้มดังขึ้นราวกับว่ามีสัตว์ร้ายโบราณร้องอยู่แต่ไกล ระลอกพลังนับไม่ถ้วนแผ่ออกไป
ซี่...
เงาร่างที่ลอบเข้ามาปลิวกระเด็นออกไปเพราะโซ่เหล็ก มันคือหุ่นเชิดมัจจุราชที่ตั้งใจจะลอบเข้ามาโจมตีถังเทียน เสียงกระดูกแตก เสียงถูกโซ่หวดดังนั้นไม่มีใครได้ยินเสียงครวญครางของมัน หุ่นมัจจุราชนี้บินออกไปเหมือนลูกบอล ร่างดำพุ่งเป็นประกายเหมือนกับธนูกระแทกลงที่ลานบ้านอยู่รุนแรง
ปัง!
บนลานกลายเป็นเศษเล็กเศษน้อย
แต่เนื่องจากความสับสนวุ่นวายมากมาย ประชาชนที่พบเห็นเหตุการณ์นี้ใกล้ๆ ได้หนีออกไปอยู่ห่างๆ
หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีหุ่นเชิดมัจจุราชร่างสีดำสนิทก็คลานออกมาจากหลุมราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับมัน มันพุ่งขึ้นไปในท้องฟ้าอีกครั้งเตรียมต่อสู้อีกครั้ง
หนึ่งในหุ่นเชิดมัจจุราชฉวยโอกาสเมื่อถังเทียนมัวแต่ยุ่งกับสหายทั้งสามของมัน และตะลุยผ่านโซ่ขัดขวางของถังเทียน และเข้ามาในพื้นที่ใกล้มันลอบเข้าหาถังเทียนอย่างเงียบกริบ
ทั้งสองฝ่ายเข้าใกล้กันอย่างรวดเร็วตาสีดำสนิทของมันกระพริบและร่างของมันหายไป ในวินาทีต่อมา มันปรากฏอยู่ด้านหลังของถังเทียน และสิ่งที่ไม่มีใครคาดก็คือเคล็ดการใช้กระพริบร่างผ่านของมันไม่ทำให้เกิดระลอกกระเพื่อมของกฎธรรมชาติเลย
แต่...
ฝ่ามือหนึ่งปรากฏบังสายตาโดยที่มันไม่รู้ตัว
ฝ่ามือตั้งท่าเป็นรูปมีดและฟันลงไม่มีรังสี และอากาศโดยรอบผันผวน
ข้าคือมารพิฆาต!
ดาบนี่ฟันใส่หน้าของหุ่นเชิดมัจจุราช คลื่นพลังทะลักออกทันที
ซี่....!
หัวของหุ่นเชิดมัจจุราชงอไปด้านหลังทันที ด้ายมรณะที่พันรอบศีรษะเขาแน่นถูกฟันขาดสะบั้นกระจัดกระจายเผยให้เห็นใบหน้าที่ซีดขาว
“อาเซียง! ไม่นะ!”
บางคนจากกลุ่มผู้คนกรีดร้องทันที สตรีคนหนึ่งเอามือปิดปากหน้าซีดเผือดและร่างนางเริ่มซวนเซ บุรุษคนนี้เป็นน้องชายของนางที่ถูกเปลี่ยนเป็นหุ่นเชิดมัจจุราช หน้าตาที่คุ้นเคยนั้นไม่มีสีเลือดเหลืออยู่เลยและเขาตายแล้ว
เสียงกรีดร้องดังระงมทั่วทั้งถนน
ฝูงชนตกอยู่ในความโกลาหลมีสองสามคนเข้ามาปลอบโยนนางด้วยสีหน้าโกรธแค้น
“จ้าวหุ่นมรณะ! หาตัวเขา! เขาต้องอยู่ใกล้ๆ นี่!”
“ใช่แล้ว เขาต้องอยู่ใกล้ๆ แน่นอน! เขาเป็นคนเปลี่ยนอาเซียง....”
เหอซินผู้ซ่อนตัวอยู่ในเงามืดมีเลือดออกจากจมูก,ปากและตา, เป็นภาพที่น่ากลัว ‘เจ้าพวกมดแมลงเหล่านี้ พวกมันนึกว่าจะหาข้าเจอ ประเมินตัวเองสูงเกินไปแล้ว’ ร่างที่น่ากลัววาบผ่านนัยน์ตาเขา
‘ต้องถือว่าเป็นเกียรติแล้วที่กลายเป็นหุ่นเชิดของข้า’
เขาหยีตาและรั้งรัศมีทั้งหมดกลับมาและเหมือนกับต้นไม้ตาย เขาพรางตัวเองไปรอบๆ หลายคนต้องตายไปเพราะหุ่นเชิดของเขา ตั้งแต่เขาได้รู้แจ้งวิชาเมล็ดหัวใจมรณะเขากลายเป็นคนใจกล้าบ้าบิ่น มนุษย์ธรรมดาทั้งหมดถูกเขาใช้ในเวลาและสถานที่ซึ่งเขาชอบ สำหรับเขาแล้ว ควรเป็นเรื่องภูมิใจที่สุดที่ได้เป็นหุ่นเชิดของเขา
หลายคนเดินผ่านเขาไป แต่ไม่มีใครรู้สึกถึงความคงอยู่ของเขา เขาฆ่าคนมามากมายและเขามีฝีมือมากแล้วเขาจะได้รับผลกระทบจากคนธรรมดารอบตัวเขาได้ยังไง?
แต่เขาสามารถรู้สึกได้ว่าสวี่เย่กำลังมองหาเขาอยู่
สำหรับเขาแล้วสวี่เย่ฉลาดแต่อ่อนแอเกินไป และเขาไม่ได้เป็นคนใจกว้างในวิธีที่เขาฝึกกฎเป็นและตาย ‘ดังนั้น..ฝึกไปเพื่ออะไร?’ ในฐานะมนุษย์ผู้ชุ่มไปด้วยเลือด เขารู้สึกรังเกียจต่อสวี่เย่ผู้มีความคิดโลกสวยเหมือนกับดอกไม้ที่รักษาไว้อย่างดีในเรือนกระจก
เขาเก็บรั้งกลิ่นอายตนเองได้สมบูรณ์แบบ
พลังของบุรุษหน้ากากผีเกินที่เขาคาดไปมาก และเขาชักเชื่อว่าบุรุษหน้ากากผีเป็นผู้สืบทอดของปรมาจารย์หลี่แล้ว เมื่อเขาปะทะฝีมือกับบุรุษหน้ากากผีเขาสามารถรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงเบื้องหลังหน้ากาก ก่อนนี้พลังของบุรุษหน้ากากผีก็น่าทึ่งอยู่แล้ว แต่ตอนนี้กลับแตกต่างออกไปอีกระดับหนึ่ง
‘ทุกอย่างเริ่มจากเมื่อหมัดของเขาเปลี่ยนไป เมื่อมีแสงสีแดงปรากฏ’
เหอซินระลึกทบทวนหมัดนั้นอย่างระมัดระวัง ทันใดนั้นหัวใจของเขาแทบกระดอน ในที่สุดเขาก็ตระหนักได้ หมัดของบุรุษหน้ากากผีเป็นแค่ภาพลวงตา หมัดไม่ใช่ของจริง
‘นั่นไม่ใช่หมัด แต่เป็นมุทรา!’
‘วิชาดรรชนีที่เขาใช้กับข่ายมรณะของข้าดูเหมือนเป็นท่าเด็ดดอกไม้นั่นเป็นปางมือมุทราแน่นอน’
‘หรือว่าเขา...จะเป็น...ผู้สืบทอดของปรมาจารย์หลี่จริงๆ....’
เหอซินถูกความตกใจครอบงำ เพราะถ้าเป็นเรื่องจริงก็จะเป็นเรื่องที่สร้างความตื่นตระหนกไปทั่วแดนบาป ‘ทุกคนรู้จักพลังของปรมาจารย์หลี่และบุญคุณที่มีต่อแดนบาป และเพราะผู้สืบทอดของเขาทรงพลังมากเช่นกัน ข้าเกรงว่า...’
เขาไม่กล้าคิดอะไรต่อไป
‘ข้าควรจะคิดถึงเรื่องนี้หลังจากข้าผ่านเรื่องนี้ไปได้’ ตาของเขากลายเป็นดุร้าย ‘ถ้าบุรุษหน้ากากผีเป็นผู้สืบทอดของปรมาจารย์หลี่จริง ข้าจะปล่อยให้เขามีชีวิตต่อไปไม่ได้ ถ้าเขายังมีชีวิต ตระกูลฉีจะถูกทำลายในคืนเดียว’
เหอซินภักดีต่อตระกูลฉีมาก และขณะนั้น เขาไม่คำนึงถึงชีวิตตนเองทันที
‘ไม่ว่าต้องทุ่มเทยังไงเราต้องฆ่าบุรุษหน้ากากผีให้ได้!’
เมื่อเห็นกฎผิวเผินของเขาเผาผลาญไป30% เหอซินมีความมั่นใจ ‘ด้วยชีวิตข้านี้ ข้าต้องฉุดลากบุรุษหน้ากากผีลงนรกไปกับข้าด้วย เขาอ่อนแออย่างเห็นได้ชัดเช่นกัน แสงสีแดงรอบตัวเขาสลัวลงมากแล้ว การต่อสู้ที่รุนแรงจะทำให้เขาเสียชีวิต
หุ่นเชิดมัจจุราชใช้อาเซียงเป็นสื่อกลางอีกครั้ง ด้ายมรณะพันร่างของเขาและรอบศีรษะเขา
ความเคลื่อนไหวของบุรุษหน้ากากผีช้า ความเหนื่อยล้าของเขาปรากฏชัดเจน
ขณะนั้นเองหุ่นเชิดมัจจุราชมาถึงที่ด้านหลังถังเทียนอีกครั้ง
เหตุการณ์เดียวกันเกิดขึ้นอีกครั้ง ‘ข้าคือมารพิฆาต’ นำมาใช้อีกครั้ง เนื่องจากถังเทียนเตรียมตัวไว้แล้ว
ซี่...
ด้ายมรณะปลิวกระจายไปทุกที่ และหน้าตาที่ขาวซีดเผยให้เห็นอีกครั้ง
กลุ่มคนร้องครวญครางออกมา บุรุษวัยกลางคนคนหนึ่งคุกเข่ากับพื้น ตลอดทั้งร่างของเขาสั่นอย่างรุนแรง เขาร้องเสียงดัง
เหอซินแค่นเสียง ถ้าการฟันครั้งแรกทำให้หน้าที่แท้จริงของหุ่นเชิดมัจจุราชถูกเผยเป็นเรื่องบังเอิญ อย่างนั้นนั่นก็ทำให้เขาเข้าใจว่าบุรุษหน้ากากผีพยายามทำอะไร ‘เจ้าต้องการใช้มดแมลงเหล่านี้มาต่อต้านข้าหรือ?’
‘ไร้เดียงสาจริง!’
เมื่อเข้าใจความคิดของบุรุษหน้ากากผีอย่างชัดเจน เหอซินยังคงควบคุมหุ่นเชิดมัจจุราชให้วิ่งเข้าหาถังเทียน
ปัง ปัง ปัง!
การโจมตีอย่างต่อเนื่องจากหุ่นเชิดมัจจุราชอื่นสามารถทำร้ายถังเทียนเพิ่ม
เสียงร้องที่บีบคั้นใจชอนไชเข้าไปในหัวใจของทุกคน
ผู้คนโกลาหลส่งเสียงดังขึ้นทุกที นักสู้ที่ชมดูในตอนแรกทุกคนมีความโกรธแค้นอยู่ในสีหน้า ใช้ชีวิตมนุษย์เป็นหุ่นเชิดเป็นเรื่องโหดร้ายเกินไป,อำมหิตเกินไปและนี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นต่อหน้าพวกเขาในเมืองบูรพาอมตะ
“เจ้าบัดซบนั่น! ถ้ามันจะเอาชีวิตข้าไป ข้าก็จะหาเจ้าคนชั่วนี้ให้เจอ!” บุรุษร่างใหญ่คำราม
“ตามหาตัวเขาเดี๋ยวนี้!”
“นี่มันโหดร้ายเกินไป!”
ความโกลาหลของผู้คนยิ่งดังมากขึ้นทุกคน ทุกคนมีศัตรูร่วมกัน
เมื่อเห็นเช่นนั้นสวี่เย่นัยน์ตาเป็นประกาย เขาตะโกนดังๆ ให้ทุกคนได้ยิน “ข้าก็ฝึกกฎเป็นตายมาเหมือนกันจะควบคุมหุ่นเชิดมัจจุราช เขาต้องอยู่ภายในระยะ300 เมตร”
“300 เมตร ทุกคนแยกย้าย อย่าให้เกิดฝุ่นคลุ้ง ขุดลงไปในพื้น 1 เมตร,ข้าไม่เชื่อว่าเราจะหาเขาไม่พบ” บุรุษร่างใหญ่คำราม
ขณะนั้นนักสู้ทุกคนแยกย้ายกันค้น พวกเขาเกลียดจ้าวหุ่นเชิดเข้ากระดูก
หน้าของเหอซินเปลี่ยนไปทันทีไม่ว่าเขาจะซ่อนตัวสมบูรณ์แบบเพียงใด ถ้าพวกเขาค้นหาทุกตารางนิ้วเขาคงไม่สามารถหลบหนีได้
ถ้าตำแหน่งของเขาถูกเปิดเผย เขาจะตกอยู่ในอันตราย
‘ไม่,ข้าจะไม่ยอมให้พวกเขาหาข้าเจอ!
ความกลัวอธิบายไม่ถูกเพิ่มขึ้นในใจเขา ‘เจ้าพวกมดแมลงพวกนี้บังอาจต่อต้านข้า ข้าจะฆ่าพวกเจ้าให้หมด! พวกเจ้าทุกคน!’
เหอซินเต็มไปด้วยรังสีฆ่าฟันปนกับความกลัว หนึ่งในหุ่นเชิดมัจจุราชถอยและวิ่งเข้าหาฝูงผู้คนทันที
‘ข้าแค่ใช้หุ่นเชิดตัวหนึ่งของข้าฆ่าทุกคนที่นี่ พวกเจ้าต้องการทำตัวเป็นวีรบุรุษใช่ไหม?’
หน้าของเหอซินน่ากลัวและแดง เขารู้จักด้านที่น่าเกลียดของนิสัยมนุษย์ ตราบใดที่คนตกอยู่ในอันตรายเขารู้สิ่งที่ทุกคนจะทำ
ควั่บ!
เสียงหวีดหวิวจนชากวาดผ่านหัวทุกคนไป
โซ่เหล็กเท่าแขนตกอยู่ในมือของหุ่นเชิดมัจจุราชที่วิ่งเข้าหาฝูงชน แต่ครั้งนี้มันไม่ถูกขว้างออกไป แต่กลับติดแน่นกับโซ่
ถังเทียนเคลื่อนมือนึกถึงหุ่นเชิดมัจจุราชที่ถอยหลังมาอยู่ด้านข้างเขา
เมื่อเห็นเช่นนั้นหน้าของเหอซินเปลี่ยน ‘แย่แล้ว!’
‘แต่เจ้าคิดหรือว่าเจ้าจะสามารถตรึงหุ่นเชิดมัจจุราชของข้าได้?’
หุ่นเชิดมัจจุราชอีกตัวตัวพุ่งเข้าหาถังเทียน ซู่ ซู่ ซู่ด้ายสีดำนับไม่ถ้วนยิงออกมาจากร่างพวกเขา พุ่งตรงใส่แขน ขาเอวและข่ายมรณะมัดตรึงตัวเขาไว้แน่น
‘ไปตายซะเถอะ!’
หุ่นเชิดมัจจุราชดึงโซ่ออกทำให้เห็นประกายแสงดำในดวงตาของมัน มันเงื้อมือแปรสภาพเป็นหมอกดำ ทันใดนั้นมันฟันใส่ถังเทียน
แขนหายไปและเปลี่ยนเป็นรูปเคียวสีดำ รังสีมรณะเยือกเย็นพุ่งตรงใส่คอถังเทียน
‘เคียวมัจจุราช!’
แสงนัยน์ตาที่หมองภายใต้หน้ากากผีพันเปล่งสีแดงสว่างทันที