ตอนที่ 54 ยาต้านเชื้อที่ไม่ได้ผล(อ่านฟรี04/02/2566)
ตอนที่ 54 ยาต้านเชื้อที่ไม่ได้ผล
ลุงภารโรงรู้สึกตกใจมากที่คนด้านนอกนั้นพังประตูเข้ามา แถมสายตาของคนเหล่านั้นมองมาที่ตนเองด้วยแววตาโกรธแค้น ทำให้ชายวัยกลางคนเข้าใจได้ทันทีว่าคนพวกนี้คิดอะไรอยู่
“เดี๋ยว ๆ ไม่ใช่อย่างที่คิดนะ!” ลุงภารโรงพยายามอธิบาย
แต่ไม่ทันแล้วผู้กองเชนพุ่งเข้ามาผลักลุงภารโรงจากตัวของเด็กสาว ก่อนจะเขาไปต่อยซ้ำสองสามหมัด จนปากของภารโรงแตกจมูกมีเลือดกำเดาไหลออกมา
“อย่า ๆ ผมยอมแล้ว ฟังผมก่อน” ลุงภารโรงพยายามยกมือขอร้อง
ขณะที่เด็กสาวเมื่อหลุดออกมาได้ เธอก็ใช้เท้าดันตัวเองถอยหนีจนแผ่นหลังนั้นไปชนเข้ากับกำแพงด้วยตื่นหวาดกลัว ที่ดวงตามีน้ำตาไหลออกมาและมือทั้งสองข้างก็พยายามยกมาป้องกันตัวเองไว้
“อย่า ๆ เข้ามา หนูไม่เป็นอะไร” เด็กสาวพยายามไล่เรนและพวกออกไป เมื่อเห็นว่าพวกเขานั้นเดินเข้ามาใกล้เธอ
“ผู้กองเชน ผมว่าหยุดชกเขาก่อน คุณลองดูนี่สิ” เรนหันไปห้ามและเรียกผู้กองเชนมาดู
ผู้กองเชนหยุดมือและปล่อยมือที่จับคอเสื้อของลุงภารโรง ก่อนจะหันไปมอง
“ดูที่แขนของเธอ เธอโดนกัดแล้วและเชื้อกำลังกระจาย” เรนกล่าวด้วยใบหน้าเคร่งขรึม
“ไม่ ๆ หนูไม่ได้โดนกัด” เด็กนักเรียนสาวพยายามปิดแขนของเธอ แต่รอยกัดนั้นชัดเจนจนยากจะปิดได้พ้น แถมมีเส้นสีดำเริ่มกระจายจากแผลแล้ว
“ผมบอกแล้วพวกคุณเข้าใจผิด เราต้องรีบจับเธอมันไว้ก่อนที่เธอจะทำร้ายพวกเรา” ภารโรงพูดด้วยน้ำเสียงอู้อี้ เพราะเขาเจ็บปาก
ผู้กองเชนปล่อยภารโรง ก่อนจะเดินมาข้าง ๆ เรน
ภารโรงที่โดนปล่อยตัว เขารีบไปคว้าเอาเชือกและพูดย้ำอีกครั้งว่า “เธอโดนกัด รีบมัดเธอก่อนเธอจะเสียสติ เหมือนเด็กคนอื่นเร็วเข้า” ภารโรงวัยกลางคนชี้ไปที่มุมหนึ่งของห้องสมุด ที่ตรงนั้นมีเด็กนักเรียนชายอยู่สองคน ทั้งสองนั้นอยู่สภาพผู้ติดเชื้อและพยายามดิ้นไปมาหวังจะให้หลุดออกจากเชือกที่มัดไว้
“พวกเขาเป็นผู้ติดเชื้อ คุณจะมัดพวกเขาไว้ทำไม” ไอราถาม
“พวกเขาป่วย พอรัฐบาลน่าจะมาช่วยพวกเรา ถ้ามียารักษาจะได้รักษาพวกเขาได้”
ภารโรงวัยกลางคนบอกความคิดของตนเอง ก่อนจะถือเชือกเดินเข้าไปหาเด็กสาว
“ไม่นะอย่ามัดหนู หนูต้องไปช่วยเพื่อนพวกเขาติดอยู่ที่อาคารเรียน ขอร้องปล่อยหนูไปเถอะ” เด็กสาวพยายามขอร้องทั้งน้ำตา แต่ว่าเส้นสีดำเริ่มกระจายไปทั่วร่างกายของเธอ ทำให้เธอนั้นเริ่มพูดไม่ชัด
เรนได้ยินก็ตกใจ เขารีบถามภารโรงคนนั้นในทันที
“เธอโดนกัดได้ยังไง”
“ผมไม่รู้ เธอพึ่งมาถึงที่นี่ก่อนหน้าคุณสักพัก น่าจะแอบเข้ามาทางประตูหลังตรงนั้นมันเก่ามีช่องให้มุดอยู่ เธออาจจะโดนกัดมาจากแถวนั้น เพราะมันมีพวกนี้อยู่แถวนั้นหลายตัว” ภารโรงพยายามเค้นข้อมูลที่รู้เพื่อบอกเรน
“นอกจากเธอมีเด็กคนอื่น ๆ ด้วยเหรอ” เรนหันไปถาม
“ใช่หนูมาจากที่นั่นพวกเราพยายามหนีออกมาเพราะได้ยินเสียงรถ แต่พอไปถึงก็มีแต่ผู้ติดเชื้อพวกเราจึงวิ่งย้อนกลับมา แต่หนูพลัดหลงกับเพื่อนและหนีมาที่นี่ คุณจะไม่ฆ่าหนูใช่ไหม หนูไม่อยากตาย” เด็กสาวเริ่มร้องไห้ออกมา
“ไม่หรอกเธอจะไม่เป็นอะไร” ไอราพูดกับเด็กสาวและหันไปถามเรน
“ฉันใช้มันได้ไหม”
“อืม” เรนพยักหน้าตอบ การช่วยชีวิตเด็กสาวสำคัญกว่าขาแค่เข็มเดียว
“มันอะไรคะ” เด็กนักเรียนสาวถามด้วยความระแวง
“วัคซีนรักษานะ” ไอราฉีดยาเข้าที่ต้นแขนเลื่อนลงมาประมาณ 3 นิ้ว ของเหลวค่อย ๆ ฉีดเข้าไป ทำให้ใบหน้าของเด็กสาวรู้สึกเจ็บจนเม้มริมฝีปากและหลับตา
ขณะนั้นเองผู้กองเชนก็มองไปที่เรนด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะถามว่า
“พวกนายมียารักษากันด้วยเหรอ”
“แค่ยาเสริมภูมิ ไม่ใช่ยารักษาร้อยเปอร์เซ็นต์” เรนตอบไปตามตรง ไม่ได้ปิดยังอะไร
“เอาละเรียบร้อยแล้ว” ไอรากล่าวพร้อมกับกดไปที่รอยฉีดยาเบา ๆ ขณะที่วางเข็มลง
“หนูไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหม” เด็กนักเรียนสาวจับแขนของไอราและถามด้วยความคาดหวัง เธอโตพอที่จะรู้ว่าถ้าโดนกัดจะต้องเป็นแบบพวกข้างนอก ตอนแรกก็สิ้นหวัง แต่พอเห็นสิ่งที่พี่สาวคนนี้บอกทำให้เธอรู้สึกมีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง
“อืม” ไอราพยักหน้าตอบเธอเบา ๆ
“หนูไม่เป็นอะไรใช่ไหม” เธอยังถามย้ำอีกครั้งด้วยความไม่ค่อยอยากจะเชื่อสักเท่าไหร่
“แน่นอน” ไอราตอบไป แต่แล้วเธอก็ต้องตกใจ เมื่อมือของเด็กสาวกำที่แขนของเธอแน่นมาก ๆ มันทำให้เธอนั้นเจ็บ แต่ที่มากกว่านั้นคือมือของเด็กสาวนั้นดูเหมือนว่ามีเส้นสีดำมากขึ้น
“นี่มัน” ไอรารีบสะบัดมือของเด็กสาวออกและลุกขึ้นถอยหนีทันที
คนอื่น ๆ ก็สังเกตถึงความผิดปกติ พวกเขาเห็นว่า ดวงตาของเด็กสาวเริ่มมีเลือดไหลออกมา จากนั้นก็ที่จมูกปาก หู ซึ่งเป็นอาการกลายร่างของผู้ติดเชื้อ
“อ้า! เธอกลายร่างแล้ว” ภารโรงวัยกลางคนถอยหนีด้วยอย่างตกใจ
เด็กสาวยกมือขึ้นมาสัมผัสที่แกล้มของเธอและมองดูเลือดในมือ ก่อนจะหันไปถามไอราด้วยแววตาสีแดงก่ำ “หนูจะไม่เป็นอะไรใช่ไหม”
“หนูจะไม่เป็นอะไรใช่ไหม ใช่ไหม ว๊ากกก!!!” เธอพูดย้ำ ๆ ก่อนจะยิ่งบ้าคลั่ง สุดท้ายก็คำรามพุ่งเข้าใส่ไอรา
ปัก!
เรนใช้ขวานสับไปกลางหัวเด็กสาว ทำให้เธอนั้นล้มลงไปกับพื้น เขาดึงขวานออกมาก่อนจะสับไปอีกครั้งหนึ่งด้วยแววตาเยือกเย็น
ไอรายืนตกตะลึงกับภาพตรงหน้า ก่อนจะมองดูเข็มที่พื้นและหันมาถามเรนด้วยแววตาไม่เข้าใจ
“ทำไมมันถึงไม่ได้ผลกัน”
“ผู้กองฝากคุณจัดการพวกตรงนั้นด้วย” เรนหันไปบอกกับผู้กองเชน ก่อนจะหันมาพูดกับไอราว่า “บางทีฝนที่ตกลงมาอาจจะทำให้พวกเชื้อแข็งแกร่งขึ้น ยาที่เป็นต้นแบบพวกนี้จึงไม่ได้ผลอีกแล้ว”
“บ้าจริง” ไอราอุทานและแววตาเศร้าขึ้นมาในทันที เมื่อมองไปที่ศพของเด็กสาว
“พวกคุณทำบ้าอะไร ฆ่าเธอทำไม เราควรจับเธอมัดไว้และรอการรักษา” ภารโรงวัยกลางถามด้วยท่าทีโวยวาย
ปัง! ๆ ๆ ๆ
แต่ตอนนั้นผู้กองเชนก็จัดการทุบหัวผู้ติดเชื้อเด็กมุมห้อง ให้ภารโรงหันไปมองด้วยความกลัว เขาเริ่มจะกลัวคนพวกนี้แล้ว
“ชื่ออะไรแล้วติดอยู่ที่นี่นานหรือยัง” ผู้กองเชนถือค้อนปอนด์เดินเข้าไปหาภารโรง ทำให้ภารโรงวัยกลางคนถอยหลังด้วยความกลัว
“ชื่อ...ฉันชื่อบุญ อยู่ที่นี่มาตั้งแต่วันแรกที่เกิดเรื่อง” ลุงบุญตอบผู้กองเชนด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก
“ลุงบุญ มันไม่มีใครมาช่วยหรือยารักษาทั้งนั้นแหละ สิ่งที่เกิดขึ้นกับพวกเขาคือความตาย พวกเขาตายไปแล้ว ดังนั้นถ้าลุงอยากช่วยพวกเขาจริง ๆ ก็ควรจะช่วยให้พวกเขาพ้นทุก” ผู้กองเชนกล่าว ก่อนจะโยนค้อนเปื้อนเลือดลงพื้น
ตุบ!
เสียงค้อนตกพื้นเป็นเหมือนการปลุกให้ลุงบุญตื่นขึ้นมาจากการหลอกตัวเองถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ใบหน้าของเขานั้นเศร้ามาก ๆ และเหมือนจะแก่ขึ้นไปอีกหลายปี
“ผู้กอง คุณลืมเก็บของ” ลีกล่าวกับผู้กองเชนและชี้ไปที่ของที่มาจากศพของผู้ติดเชื้อที่มัดไว้
ผู้กองเชนเดินไปเก็บของเหล่านั้นมา ก่อนจะบังเอิญเห็นหน้าต่างฝั่งตรงข้ามมีคนพยายามเรียกพวกเขาอยู่
“นั้นพวกเธอ” ผู้กองเชนรีบบอก
เรนได้ยินก็รีบวิ่งไปดูที่หน้าต่าง เขาเห็นว่าที่ชั้นสองนั้นหลินและรินดากำลังวิ่งหนีผู้ติดเชื้ออยู่ แถมพวกเธอยังมีเด็กสาวสองคนวิ่งมาด้วย
“หลิน!” เรนตะโกนเรียกหลินที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
เธอเหมือนจะได้ยิน แต่ว่าไม่มีเวลาหันมาสนใจเรนมากนัก เนื่องจากมีผู้ติดเชื้อวิ่งตามหลังมา หญิงสาวหันไปยิงปืนสังหรณ์พวกมัน
เรนเห็นดังนั้นก็เอารูนิกธนูออกมา ก่อนจะสังหารผู้ติดเชื้อเพื่อช่วยพวกเธอ
“เรนพวกเราติดกับออกไปไม่ได้” หลินตะโกนบอก เธอพยายามหาทางหนีออกไป แต่ด้านล่างนั้นกลับเต็มไปด้วยผู้ติดเชื้อ
“ไปที่ชั้นสามและหาที่ซ่อนก่อน เราจะไปช่วยคุณเดียวนี้” เรนตะโกนบอกไป
หลินพยักหน้าตกลง พวกเธอพาเด็กสาวหนีผู้ติดเชื้อขึ้นไปที่ชั้นสามทันที
“เอายังไงดี” ไอราถามขณะที่ถือปืนอยู่
“ไปที่ดาดฟ้ากัน” เรนกล่าว
...
พวกเขาขึ้นไปที่ดาดฟ้าภายใต้การนำของลุงบุญ ผู้ที่เป็นภารโรงของสถานที่แห่งนี้จนอีกไม่กี่ปีก็จะเกษียณแล้ว
“พวกเธอคิดจะทำอะไรกัน” ลุงบุญถามด้วยความสงสัย
“เราจะข้ามไปที่นั่น” เรนชี้ไปที่ดาดฟ้าของถึงฝั่งตรงข้าม ซึ่งมันอยู่ห่างไปเกือบ 10 เมตร
“ไหวเหรอ” ผู้กองเชนถึงกับถามด้วยความไม่อยากจะเชื่อสักเท่าไหร่
“ไอราเธออยู่ฝั่งนี้คอยช่วยพวกเรานะ” เรนส่งกล่องกระสุนปืนลูกซอง ซึ่งเป็นส่วนที่เขามีให้กับเธอไปใช้
“อืม” ไอราพยักหน้าและรับเอากล่องกระสุนมา
“เขาคิดจะทำอะไร” ลุงบุญถามด้วยความสงสัย
เรนเดินถอยหลังอย่างช้า ๆ ท่ามกลางสายตามึนงงของคนอื่น ๆ ก่อนที่เขาจะใช้สภาวะแรกจำลองพลังของหมีดำภูเขา ทำให้ร่างกายของเรนนั้นขยายขึ้นสองเท่าตัวและเต็มไปด้วยพละกำลัง
“ย้า!” เรนระเบิดพลังที่เท้าถีบตัววิ่งและกระโดดไปยังตึงฝั่งตรงข้ามท่ามกลางสายตาตื่นตะลึงของทุกคน โดยเฉพาะลุงบุญ ผู้ไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน
แต่ว่าระยะที่ห่างกันถึง 10 เมตรนั้นทำให้เรนกระโดดไม่ถึง
“ไม่นะ” ไอราร้องออกมาด้วยความตกใจ
เพล้ง!
เสียงกระจกแตกกระจายที่ชั้นสาม แม้เรนจะพลาดจากการกระโดดไปที่ดาดฟ้า แต่ว่าตัวเขาก็ยังลงไปที่ชั้นสามได้สำเร็จ
ไอราถอนหายใจอย่างโล่งอก
“ไอ้หมอนี่มัน!” ผู้กองเชนถึงกับพูดไม่ออกกับความบ้าของเรน
“เห็นใช่ไหม เมื่อกี้ตัวเขาใหญ่ขึ้น” ลุงบุญกำลังช็อกกับสิ่งที่เจอ
“มันเรื่องปกติมั้ง” ผู้กองเชนกล่าวด้วยรอยยิ้มเจื่อน ๆ เพราะครั้งแรกที่เห็นเขาก็มีสีหน้าไม่ต่างกัน
“เธอก็จะข้ามไปแบบเขาด้วยเหรอ” ลุงบุญถามผู้กองเชน
ผู้กองเชนเผยรอยยิ้มมุมปาก ก่อนจะถามว่า “ที่นี่มีบันไดยาว ๆ ไหม”