ตอนที่ 25 - เปิดร้านใหม่
2/3
ตอนที่ 25 - เปิดร้านใหม่
อย่างไรก็ตาม เมื่อมาถึงฝั่งของตัวเอง เจียงหลินกลับพบว่าเธอไม่สามารถนำกล่องเข้าไปในมิติส่วนตัวได้
ด้วยความสงสัย เธอลองผลักกล่องสองสามครั้ง แต่กลับพบว่ามันไม่เขยื้อนจึงก้าวถอยออกมา แล้ววิ่งเข้าเตะมัน
แต่กล่องก็ไม่ขยับอยู่ดี
โชคดีที่ก่อนหน้านี้ทุกคนได้เห็นพละกำลังของเจียงหลินมาแล้ว ดังนั้นเมื่อพบว่าการเตะอย่างแรงของเธอไม่ทำให้กล่องเคลื่อนไหว ทุกคนก็รู้ได้ทันทีว่าเรื่องนี้มีกลิ่นไม่ชอบมาพากล
ผู้นำฐานเอ่ยปากเป็นคนแรก “หานซู่ ช่วยตรวจสอบให้ทีว่ากล่องพวกนั้นถูกดัดแปลงอะไรรึเปล่า?”
เลขาหลินรับคำสั่ง นำกลุ่มผู้ใช้พลังลงไปตรวจสอบกล่องในสนามทดสอบ
หลังจากที่ผู้ใช้พลังทำลายกล่องเหล่านั้น ปูนหนาที่ถูกฉาบไว้เบื้องล่างก็ถูกเผยออกมา
ปรากฏว่ามีคนเข้ามาวุ่นวายกับการทดสอบพลังของเจียงหลินจริงๆ! เป็นอีกครั้งที่เกิดความโกลาหลขึ้นในกลุ่มคนดู
ก่อนหน้านี้หยางหนานรุ่ยกับธาตุทองได้ประกาศว่าเจียงหลินโกงการทดสอบผู้ใช้พลังต่อสาธารณชน แต่ภาพที่เห็น กลายเป็นว่าพวกเขาต่างหากที่โกง!
“นี่ใช่ไหมที่เขาเรียกร้องให้จับโจร แต่ดันเป็นโจรซะเอง?” บางคนเริ่มกระซิบกระซาบ
“ธาตุทองกับหยางหนานรุ่ยคิดว่าพวกเราโง่หรอ?” บางคนเริ่มไม่พอใจ
และบางคนตระหนักถึงความจริงจังของการทดสอบพลัง “ฉันว่าการทดสอบพลังคือเรื่องใหญ่ ทำไมถึงปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น!? ต้องทำโทษคนที่มีส่วนร่วมให้หนัก! ทำให้เป็นแบบอย่าง! จะต้องไม่มีใครได้รับผลกระทบจากคนใจบาปแบบนี้อีก!”
“เอาล่ะๆ” ผู้นำฐานปรบมือให้เงียบ แต่เวลานี้รอยยิ้มที่มักอยู่บนใบหน้าเขาได้หายไป
ปกติแล้วเขาไม่ค่อยโกรธ ทุกคนต่างรับรู้ถึงความร้ายแรงของปัญหานี้ “กล้าหลอกทุกคนที่มาดูการประลอง? นี่ยังเห็นว่าฐานมีความสำคัญอยู่ไหม! นำคนทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้จากสำนักงานทดสอบพลังมาให้ฉัน!”
ผู้นำฐานโกรธมาก เสียงเขาดั่งสายฟ้าฟาด!
ทุกคนในสำนักงานทดสอบผู้ใชพลังต่างหวาดกลัวตัวสั่น
ผู้นำฐานโกรธถึงขนาดนี้ เกรงว่าพวกเขาคงไม่รอดจากเรื่องนี้ไปได้ง่ายๆ
ผู้ตรวจการทดสอบพลังทั้งหมดที่เกี่ยวข้องถูกนำตัวมา รวมไปถึงผู้ตรวจการทดสอบระดับอาวุโสที่ธาตุทองเรียกว่าลุงสี่ก็เช่นกัน
เวลานี้ทั้งแผ่นหลังเขาเต็มไปด้วยเหงื่อเย็น แทบรักษาความสงบเอาไว้ไม่ได้
“จินสือ คุณรู้ดีว่าฉันคือผู้ใช้พลังจิต สภาพจิตใจของคุณในตอนนี้ ฉันรับรู้ได้ได้อย่างง่ายดาย” ผู้นำฐานกล่าว “นำเขาขึ้นมา!”
“ท่าน ... ท่านผู้นำฐาน ทั้งหมดเป็นเพราะจินจุน ... เขาเป็นคนบอกให้ทำแบบนี้ เขาเป็นถึงธาตุทอง ฉันขัดขืนไม่ได้จริงๆ!” จินสือร้องไห้อย่างขมขื่น ผลักไสความรับผิดชอบทั้งหมดออกจากตัว
“ฉันมองแต่ความจริงเท่านั้น!” มือของผู้นำฐานวางลงบนศีรษะของจินสือ
ครู่ต่อมา หลังจากดูความทรงจำของจินสือ ผู้นำฐานยิ้มและพูดว่า “คุณหลอกฉันไม่ได้หรอก”
สิ้นเสียง จินสือก็เริ่มมีเลือดไหลออกจากทวารทั้บเจ็ด ล้มลงกับพื้นและไม่ขยับเขยื้อนใดๆอีก
ผู้นำฐานยืนขึ้น ประกาศคำตัดสิน “นับจากนี้ไป ขอตัดสิทธิ์หยางหนานรุ่ยไม่ให้มีโอกาสขึ้นเป็นผู้ใช้พลังมิติอันดับหนึ่งอีกต่อไป และขอยกเลิกธาตุทองออกจากหนึ่งในห้าธาตุ ฉันจะติดต่อฐานทั้งหมดที่อยู่ในประเทศจีน แจ้งเรื่องให้พวกผู้บริหารระดับสูงของพวกเขาทราบ”
ท่ามกลางเสียงปรบมือของฝูงชนในสนามกีฬาผู้นำฐานยืนอยู่ตรงกลางแท่นและกล่าวว่า “พวกเราผู้ใช้พลังในวันสิ้นโลก คือผู้คอยแบกรับความหวังสุดท้ายของอารยธรรมมนุษย์ ดังนั้นควรเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว ช่วยกันต่อสู้กับซอมบี้ ปกป้องฐาน ปกป้องสหายร่วมชาตินับล้านที่ปราศจากพลัง!”
“แต่สิ่งที่พวกธาตุทองทำ พวกเขาเลือกทำร้ายเพื่อนร่วมชาติ ละเมิดกฏของทางฐาน และพวกเราจะไม่อนุญาตให้เกิดเรื่องแบบนี้!”
ด้วยคำประกาศของผู้นำฐาน ผู้ใช้พลังจากฐานอื่นที่บังเอิญอยู่ในฐานเมืองหลิน พวกเขามองไปยังผู้นำฐานด้วยความชื่นชม เกิดความนับถือจากใจ
ส่วนทางฝั่งประชาชนคนธรรมดา การต่อสู้ของเจียงหลินที่ใช้เพียงมือเปล่าก็สามารถเอาชนะผู้ใช้พลังได้นั้นประทับอยู่ในใจของพวกเขา มันช่วยให้เกิดความฮึกเหิมและฮึดสู้อย่างไม่เคยมีมาก่อน ส่งผลให้ชื่อของเจียงหลินในหมู่คนธรรมดา มันแทบจะกลายเป็นตำนาน
ตอนนี้เธอไม่ได้เป็นแค่ตัวแทนของผู้ใช้พลังมิติอันดับหนึ่งอีกต่อไป แต่ยังเป็นตัวแทนของความเป็นไปได้อันไร้ที่สิ้นสุด
เธอทำให้ทุกคนเกิดความคิดใหม่ นั่นคือแม้ไม่ใช่ผู้ใช้พลังประเภทโจมตี ก็สามารถเอาชนะได้ แม้ไม่ต้องใช้พลัง ก็สามารถสู้ได้!
บางคนถึงขั้นยกฉายาให้เธอว่าธาตุที่หก
ห้าธาตุแรกคือตัวแทนของความแข็งแกร่ง ส่วนธาตุที่หกเป็นตัวแทนของความหวัง
ความหวังที่จะทำลายความคิดเดิมๆแบบเดิมทิ้งไป!
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เจียงหลินไม่มีเวลามากพอที่จะเพลิดเพลินไปกับความรุ่งโรจน์ เพราะร้านเธอในห้างใกล้ตกแต่งใหม่เสร็จแล้ว และการตรวจสอบรอบสุดท้ายจะเริ่มในช่วงบ่าย
เนื่องจากมีคนจำนวนมากกำลังตามตัวเจียงหลิน ดังนั้นเธอจึงไปกล่าวอำลามู่เย่ชิง บอกว่ามีบางอย่างต้องทำช่วงนี้ ขอปิดร่วมรับภารกิจชั่วคราว
จากนั้น เจียงหลินก็กลับสู่โลกปัจจุบัน
หลังจากกลับสู่โลกปัจจุบัน เจียงหลินเปิดประตูร้านขายของชำเล็กๆที่เธออาศัยอยู่ อาบแสงตะวันในยุคที่เงียบสงบอีกครั้ง เธอยืดตัวสบายๆ ทอดถอนหายใจ “โลกที่สงบสุขและมั่นคงนี่เป็นอะไรที่ดีจริงๆ”
บ่ายวันนี้ ร้านค้าราคาสิบล้านหยวนของเธอจะเสร็จสิ้น เหลือแค่เซ็นรับรอบสุดท้าย
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เจียงหลินก็มีความสุขมาก วันนี้เธอจะกินอาหารที่อยากินเพื่อให้รางวัลตัวเอง หยิบมือถือขึ้นค้นหาร้านที่น่าสนใจ
เจียงหลินปัดกวาดร้านบริเวณชั้นหนึ่งเล็กน้อย ก่อนผลักเปิดประตูและมุ่งหน้าไปยังร้านอาหารที่ค้นจากในเน็ต
อย่างไรก็ตาม เมื่อมาถึงร้านอาหาร เจียงหลินก็ทำหน้าลำบากใจ
เธอลืมจองคิว!
สำหรับร้านอาหาร ช่วงเที่ยงคือเวลาที่หาที่นั่งในร้านอาหารได้ยากที่สุด
‘แต่คนเต็มแล้วไง? ในเมื่ออยากกินก็ต้องได้กิน! ... วันนี้หมี่เซี่ยน(ก๋วยเตี๋ยวยูนาน)ต้องตกถึงท้องฉัน!’
เธอไม่ได้กินหมี่เซี่ยนมานานแล้ว หลังจากหาที่นั่งได้ก็สั่งหมี่พิเศษเพิ่มน่องไก่ และเริ่มก้มหน้าก้มตากินมัน
แต่ในตอนนั้นเอง เธอก็ได้ยินเสียงๆหนึ่งดังขึ้นข้างๆ “ขอโทษค่ะ เก้าอี้ตรงข้ามคุณมีคนนั่งรึเปล่า? ฉันขอร่วมโต๊ะด้วยได้ไหม?”
“ได้สิ เอาเลย” เจียงหลินไม่เงยหน้าขึ้นมา พูดทั้งๆที่ยังเคี้ยว
การขอแบ่งโต๊ะ มีโอกาสเกิดขึ้นได้เสมอช่วงที่คนเยอะๆ แต่ครั้งนี้ ... ทำไมเสียงมันฟังดูคุ้นๆจัง?
เจียงหลินวางตะเกียบลงแล้วเงยหน้าขึ้น และเมื่อเห็นอีกฝ่าย เธอก็ยิ้มด้วยความประหลาดใจ “เป็นคุณนี่เอง! ผู้จัดการร้านทอง! คุณก็มากินที่นี่เหมือนกัน?”
ผู้จัดการร้านดูประหลาดใจที่เห็นเจียงหลินที่นี่ “คุณก็ทานอาหารที่นี่ด้วยเหรอ?”
“ใช่ นั่งลงก่อนๆ ถึงเราจะเคยเจอกันแล้ว แต่ยังไม่รู้จักกันเลย ฉันชื่อเจียงหลิน ยินดีที่ได้รู้จัก” เจียงหลินกล่าวด้วยรอยยิ้มกว้างหลังจากแทะขาไก่จนหมด “ว่าแต่ทำไมคุณผู้จัดการถึงไม่อยู่ที่ร้านล่ะ?”
“ฉันชื่อเฉินยี่ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน” เฉินยี่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่พอได้ยินคำถามในประโยคหลัง ดวงตาของเธอก็เริ่มหมองลง “นั่นเพราะฉันไม่ใช่ผู้จัดการร้านอีกต่อไปแล้ว”
“ได้ยังไงกัน?” ตอนนี้เป็นเจียงหลินที่ประหลาดใจแทน เธอรู้ดีว่าเฉินยี่เป็นผู้จัดการร้านที่ยอดเยี่ยมและหาได้ยาก หรือในร้านทองจะมีคนที่ดีกว่าเธอ? ถ้าจริง คนๆนั้นต้องเป็นมังกรซ่อนกับพยัคฆ์หมอบแน่ๆ