ตอนที่ 20-43 มหาเทพพิโรธ
“เจ้า...เป็นเทพพารากอนหรือเปล่า?”
คำถามนี้เป็นสิ่งที่ไม่เพียงแต่คลีเมนไทน์เท่านั้นที่สงสัย แม้แต่เจ็ดพารากอนที่อยู่ห่างออกไปและกำลังบินมาสมทบก็ยังเต็มไปด้วยความตกใจและเหลือเชื่อ! ลินลี่ย์ แม้ไม่ได้แปลงร่างมังกรแต่ก็สามารถทำอันตรายคลีเมนไทน์ได้ทั้งที่มีสมบัติมหาเทพ
เขามีพลังแบบไหนกัน?
ช่องว่างระหว่างพลังมากกว่าถึงสิบเท่า! ทรงพลังมากกว่าพารากอนถึงสิบเท่า? นอกจากมหาเทพแล้ว ยังมีคนที่ทำอย่างนี้ได้อีกหรือ? นอกจากนี้นี่ยังเป็นช่วงที่เขาไม่ได้แปลงร่างมังกร ถ้าเขาแปลงร่างมังกรลินลี่ย์จะแข็งแกร่งขึ้นมากขนาดไหนเมื่อเทียบกับพารากอน? ความคงอยู่ของลินลี่ย์ไม่น่าเชื่อว่ามีอยู่จริงๆ
“พารากอน?” ลินลี่ย์เลิกคิ้ว
“เป็นไปได้หรือว่า...เจ้ายังบรรลุพลังอย่างอื่นได้? เป็นไปได้หรือว่าหลังจากเรากลายเป็นพารากอนเรายังสามารถบรรลุพลังระดับใหม่ได้อีก?” คลีเมนไทน์รีบถาม เครื่องรางจอมเทพไม่ได้เป็นที่ดึงดูดใจสำหรับเทพพารากอน หลังจากกลายเป็นเทพพารากอนแล้ว พวกเขาสูญเสียแรงบันดาลใจ เนื่องจากพวกเขาเชื่อว่าพวกเขาถึงระดับสุดยอดของการฝึกฝนแล้ว บางคนใช้ชีวิตอย่างสบาย บางคนก็อยู่อย่างสันโดษขณะที่พารากอนอื่นจะควบคุมในฝ่ายพวกตนเอง
แต่เมื่อเห็นลินลี่ย์ เทพพารากอนเหล่านี้พบว่ายังมีความเป็นไปได้ที่จะได้พลังเพิ่มขึ้นอีก!
ทันใดนั้นหัวใจของพวกเขาเริ่มมีไฟลุกโชนอีกครั้ง!
“ไม่,เป็นไปได้หรือว่าแค่เพราะข้ายังเป็นเทพพารากอนแล้วข้าจะไม่สามารถแข็งแกร่งกว่าท่านสิบเท่าหรือว่าร้อยเท่าได้?” ลินลี่ย์หัวเราะอย่างใจเย็น
“อือ..” คลีเมนไทน์ตะลึง “เจ้า..หรือว่าเป็นเพราะร่างกายของเจ้า?”
“ถูกแล้ว, ข้าเป็นพารากอน แต่ร่างของเขายังทรงพลังมากกว่าของท่าน! ร่างของข้าเทียบได้กับสมบัติมหาเทพ” ลินลี่ย์ยิ้ม แม้แต่ตอนนี้ลินลี่ย์ยังไม่พร้อมจะเปิดเผยความลับของเขาแก่คนทั่วไป
“ร่างกาย..นี้เทียบได้กับสมบัติมหาเทพอย่างนั้นหรือ? นั่น..เป็นไปได้อย่างไร?”
คลีเมนไทน์ตอนนี้เข้าใจได้หมด!
เทพพารากอนผู้ใช้พลังมหาเทพมีเหตุผลพอจะพูดได้ว่าเทียบเท่า แต่ร่างกายของลินลี่ย์เทียบได้กับสมบัติมหาเทพในแง่พลัง พลังร่างกายอย่างนั้นทำให้พลังโจมตีของลินลี่ย์เพิ่มขึ้นเป็นสิบเท่าหรือเกือบร้อยเท่ามากกว่าเทพพารากอนทั่วไป
“ทำไมจะเป็นไปไม่ได้เล่า? แฮมเมอร์ แม้ว่าเขาจะไม่ใช่เทพพารากอน แต่เขาก็มีพรสวรรค์ธรรมชาติเช่นกัน พลังโจมตีวัตถุของเขาเทียบได้กับเทพพารากอนแล้ว ท่านบอกข้าที ถ้าเขาเป็นเทพพารากอนและยังมีพลังปณิธานด้วย พลังโจมตีวัตถุของเขาจะเหนือกว่าท่านมากไหม?” ลินลี่ย์หัวเราะอย่างเยือกเย็น
เนื่องจากความทรงพลังของแฮมเมอร์มีก่อนที่จะเป็นเทพพารากอน ถ้าเขากลายเป็นเทพพารากอนแฮมเมอร์จะมีพลังเหนือพารากอนคนอื่นทันที
“ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้ว” คลีเมนไทน์ถอนหายใจยาว
“ลินลี่ย์! ตอนนี้เจ้าเป็นคนที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยมีมา นอกจากมหาเทพ” คลีเมนไทน์มองดูลินลี่ย์ด้วยสายตาซับซ้อน
คลีเมนไทน์เข้าใจสิ่งที่ลินลี่ย์กำลังพูด ไม่มีเทพพารากอนคนอื่นที่มีร่างกายเทียบได้กับสมบัติมหาเทพ
ต้องเข้าใจก่อนว่าในประวัติศาสตร์ทั้งหมดในพิภพจักรวาลทั้งสิ้น มีไม่ถึงสิบคนที่ร่างกายของพวกเขาเทียบได้กับสมบัติมหาเทพในแง่ของพลัง! แฮมเมอร์ก็อาจนับได้ว่าเป็นคนหนึ่ง ขณะที่เบรุตก็เป็นอีกคนหนึ่ง...ในจักรวาลทั้งสิ้นมีไม่ถึงสิบคน สำหรับหนึ่งในคนที่หาได้ยากนั้น ยังกลายเป็นพารากอนด้วย? อย่างนั้นจะเหมือนสิ่งใด
จำนวนของสิ่งมีชีวิตเผ่าพันธุ์ต่างๆที่คงอยู่ในพิภพโลกธาตุทั้งสิ้นและในประวัติศาสตร์มีจำนวนไม่อาจจะคิดจินตนาการได้ แต่ยังมีพารากอนเกิดขึ้นมาเพียงยี่สิบกว่าคน
โอกาสนับว่าต่ำมาก! อาจจะกล่าวได้ว่าโอกาสแทบเป็นศูนย์
มีสิ่งมีชีวิตอย่างแฮมเมอร์หรือเบรุตไม่ถึงสิบ สำหรับหนึ่งในพวกเขาที่กลายเป็นเทพพารากอนไม่ได้เป็นจริงเป็นจังมากนัก
ความจริงตามวิถีกฎธรรมชาติของจักรวาลนั้นดำเนินไปด้วยดี แต่สำหรับผู้ที่มีพรสวรรค์ธรรมชาติมากเกินไปก็คงเป็นเรื่องยากที่พวกเขาจะฝึกฝน อย่าว่าแต่เบรุตและแฮมเมอร์เลย ไม่มีลูกหลานของตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์เลยสักคนที่กลายเป็นเทพพารากอนได้
ฟ้ากำหนดไว้เพียงเท่านั้น!
ถ้าลินลี่ย์พัฒนาไปตามปกติ ไม่มีทางที่เขาจะกลายเป็นผู้ทรงพลังมากมายขนาดนี้ทั้งไม่สามารถจะได้รับร่างกายที่เทียบได้กับสมบัติมหาเทพ!
อย่างไรก็ตามแม้มีร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ถึงสี่ร่าง แต่วิญญาณของเขากลายสภาพได้สำเร็จ!
ร่างกายที่แข็งทนทานและทรงพลังของลินลี่ย์ไม่ได้ติดตัวเขามาแต่กำเนิด มันถูกสร้างเมื่อมีการหลอมรวมพลังเทพสี่สายธาตุ
ถึงแม้วิญญาณกลายสภาพสี่สายธาตุของเขาจะมีความสำเร็จ แต่ไม่ได้เป็นเครื่องประกันว่าจะมีเรื่องมหัศจรรย์เกิดขึ้น!
ลินลี่ย์หลอมรวมพลังเทพและพลังปณิธานทั้งสองซึ่งเหนือกว่าเทพชั้นสูงทุกคน นี่ทำให้สิ่งที่ลินลี่ย์ยังขาดในเคล็ดลึกลับ ช่วยให้เขาเทียบได้กับพารากอนคนหนึ่ง แต่ร่างของเขาแข็งแกร่งพอๆกับสมบัติมหาเทพ ทำให้เขาเหนือกว่าพารากอนคนอื่นๆมากมาย
“คลีเมนไทน์! ท่านถามข้อสงสัยของท่านไปแล้ว ตอนนี้มอบเพชรกระจับแดงให้ข้าได้แล้ว” ลินลี่ย์จ้องมองคลีเมนไทน์
“ข้าเองอยากเอาไปเสนอให้ประมุขมหาเทพ แต่ก็ช่างเถอะ” คลีเมนไทน์โบกมือและเพชรกระจับแดงปรากฏอยู่ในมือคลีเมนไทน์ถือเพชรกระจับแดงหัวเราะขณะที่เขามองดูลินลี่ย์ “เพชรกระจับแดงนี้มีพลังงานที่ไม่เหมือนใครซึ่งคอยหล่อเลี้ยงวิญญาณ อย่างไรก็ตาม สำหรับเราเหล่าพารากอนมันไม่มีประโยชน์”
คลีเมนไทน์โยนเพชรกระจับแดงให้ลินลี่ย์ตามปกติ
สมบัติก็มีระดับความแตกต่างในการส่งผลต่อระดับของบุคคลด้วย
ถ้ามนุษย์ธรรมดาถือเพชรกระจับแดง บางทีอาจทำให้วิญญาณของเขามีพลังมากพอๆกับวิญญาณของเซียน
ถ้าเป็นเทพแท้เขาจะรู้สึงถึงความเปลี่ยนแปลงในวิญญาณของเขาได้ หรือแม้แต่จะฆ่าเทพชั้นสูงธรรมดาก็ได้ แต่ถ้าเป็นเทพชั้นสูงถือเพชรนี้ วิญญาณก็จะไม่มีพลังเพิ่มขึ้นมากนัก
ความจริงก็เหมือนกับพลังงานที่ปล่อยออกมา ยิ่งคนผู้นั้นทรงพลังมาก ผลที่ได้ก็น้อยลง
ที่สำคัญเพชรกระจับแดงเป็นเพียงเครื่องรางไม่ใช่สมบัติจอมเทพ แม้ว่าจะให้ผลที่ไม่ธรรมดา แต่ก็ไม่ใช่สมบัติที่ไร้เทียมทาน
โบรดีเมื่อถือครองมันไว้ ก็สามารถฆ่าอสูรหกดาวได้
แต่โมลด์เมื่อถือครองมุกวิญญาณทั้งเก้าก็ยังแทบตายมาแล้วเมื่อเผชิญหน้ากับลินลี่ย์ที่ผสานพลังเทพสี่สายธาตุได้
สำหรับเขาการเพิ่มพลังถึงขีดจำกัดอยู่แล้ว
สำหรับพารากอนในแง่ของกายและวิญญาณทั้งสองหลังจากที่พวกเขาได้รับพลังปณิธานแล้ว พวกเขาก็ถึงขีดจำกัดในหมู่เทพ แม้ว่าพวกเขาจะถือเพชรกระจับแดงหรือมุกวิญญาณ อย่างมากก็มีพลังเพิ่มขึ้นสิบถึงยี่สิบเปอร์เซนต์ พลังที่เสริมเพิ่มขึ้นไปนั้นอาจจะเพิ่มเป็นสองเท่าหรือสามเท่า แต่สำหรับคนที่แข็งแกร่งกว่าสิบเท่า นั่นไม่มีประโยชน์
“ผลของการเปลี่ยนแปลงเท่าที่พารากอนกังวลนั้นมีเล็กน้อย” ลินลี่ย์ยื่นมือรับเพชรกระจับแดงที่ถูกโยนออกมานั้นกระแสพลังอบอุ่นเติมเต็มร่างและวิญญาณของลินลี่ย์ เป็นความรู้สึกคล้ายกับเมื่อตอนที่เขาได้รับมุกวิญญาณทั้งเก้า พลังบำรุงเลี้ยงอย่างนี้สำหรับผู้มีวิญญาณแข็งแกร่งอย่างลินลี่ย์ไม่มีผลอะไรแม้แต่น้อย
มองอย่างผิวเผินลินลี่ย์ดูสงบมาก แต่ในใจของเขา เขาตื่นเต้นมากจนตัวสั่น
“เพชรกระจับแดง นี่คือเพชรกระจับแดงจริงๆ!” ลินลี่ย์ลอบดีใจ “เครื่องรางทั้งสาม ในที่สุดข้าก็ได้มาทั้งหมด!”
ในใจของเขาลินลี่ย์ยังคงจำฉากภาพในวัยเยาว์ของเขาได้ชัดเจน วันนั้นมีแสงพร่าเลือนลอยออกมาจากแหวนมังกรขนดกลายสภาพเป็นรูปคนแก่เสื้อคลุมสีเหลืองอ่อนเคราขาวดูใจดี “หวัดดี เจ้าเด็กน้อย, ข้าชื่อเดลิน โคเวิร์ท เป็นเซียนจอมเวทแห่งจักรวรรดิพูเอนท์!”
นับจากวันนั้นเป็นต้นมาชะตาชีวิตของเขาก็เปลี่ยนไป
ลินลี่ย์ไม่เคยลืมว่าปู่เดลินเสียสละวิญญาณของเขาเพื่อใช้เวทต้องห้ามช่วยลินลี่ย์ นั่นเป็นเหตุการณ์ที่เจ็บปวดที่สุดในชีวิตที่ผ่านมาของลินลี่ย์
“ปู่เดลิน...อีกไม่นานข้าคงได้เห็นท่านอีกครั้ง” ลินลี่ย์พูดกับตนเองเงียบๆ
ลินลี่ย์ตื่นเต้นต้องการจะนำเครื่องรางทั้งสามอย่างมารวมกันให้กลายเป็นหนึ่งทันทีและใช้มงกุฏแห่งชีวิตอัญเชิญจอมเทพวิถีชีวิต แต่ลินลี่ย์ไม่ปล่อยให้ความดีใจครอบงำใจของเขา “นี่ยังไม่ใช่เวลาหลอมรวมเครื่องรางทั้งสาม ถ้าข้าอัญเชิญจอมเทพออกมาตอนนี้ มหาเทพจะต้องรู้ทันทีว่าข้ามีเครื่องรางทั้งสาม นั่นจะเป็นเหตุนำหายนะมาให้!”
ถ้าจอมเทพรู้ว่าลินลี่ย์ ที่เป็นเทพคนหนึ่งมีเครื่องรางทั้งสามแล้ว...ผลกระทบอะไรจะตามมา?
ลินลี่ย์ไม่กล้าแม้แต่จะคิดถึง
“แม้ว่ามหาเทพจะพบว่าข้ามีเครื่องรางจอมเทพชิ้นหนึ่ง เครื่องรางชิ้นเดียวคงไม่เพียงพอทำให้กลุ่มมหาเทพโมโหได้ แต่ถ้าพวกเขารู้ว่าข้ามีเครื่องรางครบทั้งสาม มหาเทพคงจะโกรธแค้นมาก เมื่อข้ากลับไปยังทวีปยูลาน ตอนนั้นข้าสามารถอัญเชิญจอมเทพได้ แม้ว่ามหาเทพจะเต็มไปด้วยความเกลียดอย่างแย่ข้าก็แค่รั้งอยู่ในทวีปยูลานไม่ออกมาอีกเลย” ลินลี่ย์ตัดสินใจแล้ว
ขณะนั้นเอง...
ในท้องฟ้าเหนือทะเลไร้ขอบเขตมีร่างหลายร่างบินเข้ามาหาด้วยความเร็วสูง
ลินลี่ย์ชำเลืองมองคลีเมนไทน์จากนั้นหันกลับไปดู เป็นพารากอนทั้งเจ็ดและบีบี
“ลินลี่ย์, ขอแสดงความยินดีด้วย” เสียงหัวเราะดังลั่น ผู้กล่าวคือดันนิงตัน
“กลายเป็นพารากอนเป็นเรื่องหนึ่ง แต่ร่างของเจ้าแข็งแกร่งมากจนเทียบได้กับสมบัติมหาเทพเชียวหรือ?” คำพูดของบุรุษที่สูงสี่เมตรผมสีฟ้าแฝงด้วยความรู้สึกอิจฉา เทพพารากอนทั้งเจ็ดและแม้แต่บีบีก็ยังได้ยินคำสนทนาระหว่างลินลี่ย์และคลีเมนไทน์
“ลินลี่ย์! เท่าที่ข้าจำได้ระหว่างสงครามมหาพิภพร่างของเจ้ายังไม่แข็งแกร่งเท่านี้ เดี๋ยวนี้เจ้าทำได้อย่างไร?” เทพพารากอนแห่งลมไบเออร์มองดูลินลี่ย์
“ทุกคนสามารถฝึกจนร่างกายระดับนั้นได้ไหม?” พารากอนทุกคนจ้องมองลินลี่ย์
ใครเล่าไม่ต้องการเสริมพลังร่างกายของพวกเขาเล่า?
มีสมบัติมหาเทพสำหรับป้องกันพลังโจมตีภายนอกเพียงแต่หมายความว่าผู้นั้นมีเกราะที่ทรงพลัง แต่มีร่างเหมือนกับสมบัติมหาเทพ? นั่นเป็นพลังที่สามารถพลิกแม่น้ำคว่ำทะเล พลังที่น่ากลัวขนาดฉีกสวรรค์ให้ขาดได้
“ข้าต้องมีประสบการณ์พบกับเรื่องมากมายจึงมาถึงระดับนี้ได้” ลินลี่ย์ไม่ให้คำตอบที่ชัดเจนนัก
เทพพารากอนอื่นมองหน้ากันเองไม่ต้องการถามอะไรอีกต่อไป
“ทุกท่านพวกท่านคงไม่ต้องสู้กันเพื่อชิงเพชรกระจับแดงนี้กับข้าแล้วใช่ไหม?” ลินลี่ย์พูดพร้อมกับยิ้ม
“สู้กับเจ้าน่ะหรือ? เราดูเหมือนคนที่ต้องการหาเรื่องตายหรือ?” เนเนซพารากอนแห่งสายฟ้ายังคงพูดเสียงเย็นชา แต่ในดวงตานางแฝงแววขำขัน “ข้าไม่มีสมบัติมหาเทพป้องกันการโจมตีภายนอก ต่างจากคลีเมนไทน์ เจ้าต้องแปลงร่างมังกรจึงจะฆ่าเขาได้ แต่กับข้าเจ้าไม่ต้องแปลงเป็นมังกรเลย”
“ช่างเถอะ หลังจากเห็นความเร็วของเจ้าลินลี่ย์และพลังโจมตีของเจ้าข้าก็เข้าใจได้ทันทีว่าข้าไม่มีโอกาสได้รับเพชรกระจับแดง” ดันนิงตันหัวเราะเช่นกัน
พารากอนกลุ่มนี้ยังยิ้มกันได้ทุกคน
พวกเขาเพียงแต่มาต่อสู้เพื่อชิงเพชรกระจับแดงตามคำขอของมหาเทพของพวกเขา ถ้าพวกเขาจะต้องสู้เพื่อแย่งชิงพวกเขาจะทุ่มสู้สุดกำลัง แต่เมื่อเห็นว่าไม่มีความหวัง พวกเขาก็ยอมแพ้ตามปกติ พวกเขาไม่ได้รู้สึกผิดหวังหรือขมขื่น ที่สำคัญเครื่องรางจอมเทพไม่มีประโยชน์ต่อพารากอนอย่างพวกเขามากนัก
“พี่ใหญ่, พี่ใหญ่!” บีบีรีบบินมาอยู่ข้างๆลินลี่ย์และหลิ่วตาให้ลินลี่ย์ “ทุกอย่างเสร็จหรือยัง?ตอนนี้เราไปได้กันหรือยัง?”
ลินลี่ย์หัวเราะทันที “แน่นอนว่าเราสามารถไปได้”
ลินลี่ย์กวาดสายตามองดูพารากอนทั้งแปดจากนั้นยิ้ม “ทุกท่าน, การต่อสู้ชิงเพชรกระจับแดงมาถึงที่สุดแล้วข้าไม่ต้องการรั้งอยู่พิภพโอคาลุนด์นานไปกว่านี้ ฉะนั้นบีบีกับข้าจะออกไปตอนนี้แล้ว”
ขณะนั้นเอง...
“เอ๊ะ?” ลินลี่ย์หันไปมอง
เหนือทะเลคลื่นพลังงานเริ่มก่อตัวเป็นรูป สีสันของโลกเริ่มเปลี่ยนไป และแสงเริ่มกลายเป็นวง ทันใดนั้นดูเหมือนว่าดวงอาทิตย์ในท้องฟ้าสูญเสียความแวววาวหลังจากนั้นพลังงานที่น่าสะพรึงกลัวเริ่มเปล่งแสงและรวมกลุ่มเป็นร่างหนึ่งช้าๆ...
รัศมีที่คุ้นเคยนั่น...
“ประมุขมหาเทพแห่งแสง!” ลินลี่ย์หรี่ตา
“ลินลี่ย์!” เสียงดังก้องกังวานเหมือนฟ้ากระหึ่มดังขึ้นขณะที่ร่างยักษ์สูงสิบเมตรปรากฏตัวขึ้น และลักษณะของมันคล้ายกับลักษณะของประมุขมหาเทพแห่งแสงเพียงแต่มีขนาดใหญ่กว่า
“ประมุขมหาเทพ” ลินลี่ย์แค่ยิ้มขณะมองดูประมุขมหาเทพแห่งแสง
“ขอโทษด้วยนะลินลี่ย์,ข้าได้แจ้งประมุขมหาเทพแห่งแสงว่าข้าได้เพชรกระจับแดงมาไว้ในครอบครองแล้ว หลังจากเกิดเรื่องนี้ข้าต้องแจ้งให้เขารู้เป็นอย่างน้อย” คลีเมนไทน์ส่งสำนึกเทพเชิงขอโทษ
“ข้าเข้าใจ”ลินลี่ย์เข้าใจเหตุผลที่คลีเมนไทน์ต้องทำเช่นนี้
ประมุขมหาเทพแห่งแสงลอยตัวลงมาจ้องมองลินลี่ย์อย่างเย็นชา สายของเขากวาดมองแปดพารากอนและบีบี
ประมุขมหาเทพแห่งแสงโกรธจัด เพราะคลีเมนไทน์ต้องการเตรียมพร้อมสำหรับเหตุการณ์ทั้งหมด ประมุขมหาเทพแห่งแสงถึงกับเดินทางเข้ามาในมิติปั่นป่วนด้วยตนเองจากพิภพแสงศักดิ์สิทธิ์ เขาเดินทางผ่านคลื่นมิติปั่นป่วนที่กว้างไกลและรีบเร่งตรงมาที่พิภพโอคาลุนด์
เพียงแต่แม้ว่าสี่พิภพชั้นสูงและเจ็ดโลกธาตุศักดิ์สิทธิ์จะอยู่ใกล้เคียงกันแต่พิภพโลกธาตุอื่นนับไม่ถ้วน แม้ว่าจะอยู่ใกล้กัน แต่ก็ยังเป็นพื้นที่ห่างไกล
สำหรับคนอย่างประมุขมหาเทพแห่งแสง เขาต้องเดินทางถึงหนึ่งในสิบระยะทางจากตรงนี้ใครคงคิดได้ว่าไกลเพียงไหน
ประมุขมหาเทพแห่งแสงเปี่ยมไปด้วยความหวังและตื่นเต้นมาก เขาไม่สนใจว่าจะต้องใช้ความพยายามและเรี่ยวแรงเพียงไหนเพื่อทำให้เขาไปถึงที่นั่น แต่ใครจะคิดกันเล่าว่าเมื่อมาได้ครึ่งทางเขาได้รับการบอกกล่าวว่าเกิดอะไรขึ้นเพชรกระจับแดงถูกลินลี่ย์ชิงไป!
ถ้าคลีเมนไทน์ไม่เคยได้รับมาก่อน นั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
แต่เพราะคลีเมนไทน์ได้รับไว้ก่อนไม่ใช่หรือ? ประมุขมหาเทพแห่งแสงถึงได้มีความสุขมาก เพราะเขาเริ่มมองว่าเพชรกระจับแดงตกเป็นของเขาแล้ว ตอนนี้พอเพชรถูกคนอื่นได้ไปย่อมทำให้เขาโกรธแน่นอน และเนื่องจากเขาเดินทางผ่านมิติปั่นป่วนระยะไกลขนาดนั้น เขาก็ยิ่งโกรธมากขึ้น
“ลินลี่ย์, เจ้า...” ประมุขมหาเทพแห่งแสงกำลังจะพูดบางอย่าง
“ท่านประมุขมหาเทพ” ลินลี่ย์ขัดจังหวะประมุขมหาเทพแห่งแสงและถามด้วยความสงสัย “ที่นี่คือพิภพโลกธาตุเป็นไปได้หรือว่าท่านตั้งใจจะขัดขวางข้าไว้ที่นี่ ด้วยร่างแยกพลังงานที่มีพลังงานน้อยนิดนี่น่ะหรือ?”