บทที่ 44 - เมืองหลงเฟย
5/7
บทที่ 44 - เมืองหลงเฟย
คิดได้แบบนี้ ถังซิงเยว่ยิ้มหวาน ผงกหัวแล้วพูดว่า “ตกลงตามนั้น หากในอนาคตข้าสนใจ จะมาขอสั่งซื้อกับเจ้าอีกครั้ง”
“ไม่ต้องมาหาข้า” หยางซือเล่ยชี้ทางไปเฉินซีที่นั่งข้างๆเขา เอ่ยอย่างเฉยเมยว่า “เหล่าเฉินคือตัวแทนข้า เจ้าต้องการอะไร ติดต่อผ่านเขาได้เลย”
ได้ยินแบบนั้น เฉินซียืดอกหลังตรง ราวกับว่าการได้เป็นตัวแทนของหยางซือเล่ย นับเป็นเกียรติอย่างยิ่งสำหรับเขา
เกิดประกายของความประหลาดใจในดวงตาของถังซิงเยว่ ตอนนี้เธอเพิ่งเข้าใจ ที่แท้เฉินซีก็เป็นตัวแทนของหยางซือเล่ยนี่เอง ไม่น่าแปลกใจทำไมเขาถึงยอมลดตัวมาเป็นคนขับรถม้า
หรือหากให้พูดชัดๆ คือยอมลดตัวมาเป็นแค่ผู้ติดตาม
แต่เห็นแก่สูตรซองปรุงรสเพียงอย่างเดียว ถึงกับสละตำแหน่งนักประเมินสมบัติของสภาหอการค้าจินไห่ นี่มันเกินไปหน่อยกระมัง?
ยิ่งถังซิงเยว่คิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไหร่เธอก็ยิ่งไม่เข้าใจมากขึ้นเท่านั้น แต่สิ่งที่เธอไม่รู้ คือส่วนแบ่งค่านายหน้าครั้งแรกของเฉินซี มันเท่ากับเงินเดือนครึ่งปีของหอการค้าจินไห่!
เม็ดเงินระหว่างทั้งสอง ต่างกันเท่าไหร่ก็ลองจินตนาการดู!
ระหว่างสนทนา ในที่สุดฟ้าก็เริ่มสว่าง แดดจากดวงอาทิตย์ค่อยๆสาดส่อง ทะเลหมอกในหุบเขาเริ่มจางลง
ด้วยประการฉะนี้ พวกหยางซือเล่ยจึงเริ่มเดินทางต่อ มุ่งหน้าไปเรื่อยๆจนกระทั่งถึงช่วงค่ำของวัน เค้าโครงเมืองใหญ่ก็ปรากฏแก่สายตาของทุกคน
มองไปยังกำแพงเมืองอันโอ่อ่าที่ตั้งตระหง่าน ความตกใจปรากฏขึ้นในดวงตาของหยางซือเล่ย ที่นี่สินะเมืองหลงเฟย!
ฝูงชนจอแจ คึกคักมาก นี่ทำให้ประตูเมืองที่กว้างขาวงดูแออัดไปถนัดตา รถม้าของพวกหยางซือเล่ยต้องใช้เวลาต่อแถวซักพักเลยกว่าจะเข้าเมืองได้สำเร็จ
เมื่อเข้ามา ตึกรามขนาดใหญ่มากมายและร้านค้าตามท้องถนนอีกนับไม่ถ้วนก็ปรากฏสู่สายตา
มองจากความเจริญรุ่งเรือง และกระแสผู้คนที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา ที่นี่ไม่ต่างจากประเทศเล็กๆประเทศหนึ่ง เทียบกับเมืองชิงหยางแล้วใหญ่กว่าไม่รู้กี่เท่า
เจ้าของร่างเดิมมาจากตระกูลหยางในเมืองหลงเฟย ดังนั้นจึงไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับที่นี่
มีตระกูลขุนนางและตระกูลที่ร่ำรวยมากมายทั้งเล็กใหญ่มารวมตัวกันที่เมืองนี้ แต่ในบรรดากลุ่มผู้มีอำนาจมากมาย มีอยู่สามกองกำลังที่ทรงพลังที่สุด
นั่นคือตระกูลหยาง ตระกูลลั่ว และตระกูลหลี่
ในงานแข่งขันล่าสัตว์ประจำปีของเมืองหลงเฟยทุกๆ 10 ปี มากกว่าครึ่งหนึ่งของทรัพยากรถูกแบ่งโดยกองกำลังทั้งสามนี้
เนื่องจากสมาคมการค้าว่านจิงมีสาขาที่ค่อนข้างใหญ่ในเมืองหลงเฟย ถังซิงเยว่ไม่จำเป็นต้องพักที่โรงเตี๊ยม
หลังจากเข้าเมือง เธอก็ขอแยกทางกับพวกหยางซือเล่ย
“นายน้อยหยาง ข้าเคยมาที่เมืองหลงเฟยแห่งนี้แล้วครั้งหนึ่ง ข้ารู้จักโรงเตี๊ยมที่มีคุณภาพค่อนข้างดี”
บนถนน เฉินซีแนะนำ “ทำไมเราไม่ไปพักผ่อนกันที่นั่นล่ะขอรับ?”
“ไม่จำเป็น”
หยางซือเล่ยคิดถึงภารกิจของระบบ เขาส่ายหัว มุมปากยกโค้งขึ้นด้วยท่าทีสนอกสนใจ “ในเมื่อพวกเรามาที่นี่แล้ว ข้าจะไม่ไปรายงานตัวต่อตระกูลหยางได้อย่างไร ไปบอกพวกเขาหน่อยว่าหยางซือเล่ยกลับมาแล้ว”
ได้ยินคำนี้ เฉินซีชะงักงัน ใช้สายตาประหลาดใจมองหยางซือเล่ย เกิดความรู้สึกบางอย่างที่อธิบายไม่ถูก
ดูเหมือนเจ้านายตนต้องการกลับมาพร้อมประกาศศักดาอันยิ่งใหญ่!
“ตกลงตามนั้น ไปกันเถิด” เฉินซีโบกแส้ทันทีด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม
“หลีกไป! หลีกไปให้พ้นทาง!!”
แต่ขณะนั้นเอง เสียงตะโกนดังขึ้น
ผู้คนบนท้องถนนตกใจ รีบแยกออกเป็นสองฝั่งมองไปราวกับเรือที่แล่นผ่านน้ำ
ทันทีหลังจากนั้น ม้าสีดำที่ลากรถอันวิจิตรงดงามได้วิ่งอย่างบ้าคลั่งเข้ามายังถนนสายนี้
เนื่องจากเฉินซีไม่ใช่คนขับรถม้ามืออาชีพ ด้วยสถานการณ์กระทันหัน จึงสายเกินกว่าจะหลบเลี่ยง
โครม!
เสียงปะทะดังขึ้น ทั้งสองคันชนกันอย่างจัง
แม้ว่าม้าของหยางซือเล่ยจะอ้วนและแข็งแรง แต่ภายใต้ผลกระทบนี้ มันล้มลงและร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด รถม้าเกิดการสั่นอย่างรุนแรง ใช้เวลาพักหนึ่งเลยกว่าจะสงบลงและทรงตัวได้