ตอนที่ 746 คนโฉดเหอซิน
“มีกี่ตระกูลที่ได้รับจดหมายนี้?”
ฉีเซี่ยงตงอยู่ในชุดยานอนอยู่บนเก้าอี้หวายมีผลไม้รสขมอยู่ในปาก....ผลไม้รสขมนี้ได้มาจากต้นไม้ชนิดหนึ่ง ผิวของมันหนาและนุ่ม แต่รสชาติของมันขมจัดและน้ำคั้นสีดำเหมือนหมึก ดังนั้นจึงเรียกว่าผลขม ฉีเซี่ยงตงเสพติดผลไม้รสขมเป็นที่รู้จักกันดีในเมืองบูรพาอมตะ
ผู้เฒ่าเหอยืนด้วยความเคารพอยู่ด้านข้าง “สามตระกูล, ตระกูลของเรา ตระกูลหวีและตระกูลซ่ง ตระกูลของเรามีนักโทษ 66 คน ตระกูลหวี 32 และตระกูลซ่ง 23 คน”
เมืองบูรพาตะวันออกอยู่ติดภูเขาและไม่ได้ติดทะเล ดังนั้นจำนวนนักโทษที่พวกเขาได้รับจึงน้อยกว่าเมืองจื่อจวนมาก
ฉีเซี่ยงตงกัดผลขมน้ำสีดำย้อมฟันดำของเขา แต่เขาไม่สนใจและถาม “และข่าวจากเมืองจื่อจวนเป็นยังไงบ้าง?”
“ตระกูลฉินถูกทำลายแล้ว” ผู้เฒ่าเหอพูดยืนยัน “สี่ตระกูลรวมกำลังกันกำจัดตระกูลฉิน”
มือของฉีเซี่ยงตงที่ถือผลขมจ่ออยู่ที่ปากหยุดทันที เขามีท่าทีประหลาดใจ “ฉินเจิ้นอยู่ไหน?”
“ตอนนี้เขาอยู่ในเมืองม้าบิน” ผู้เฒ่าเหอตอบ “กล่าวกันว่าเขาไปทำธุรกรรมกับตระกูลหลู ตระกูลหลูยกนักโทษสุญญตา 200 คนให้ฉินเจิ้น และตระกูลฉินขายตระกูลเซวียให้ตระกูลหลู เรื่องนี้สั่นสะเทือนไปทั่วเมืองจื่อจวน ตระกูลเซวียไล่ซื้อความช่วยเหลือจากตระกูลต่างๆแต่ไม่มีตระกูลใดกล้าช่วยพวกเขา ฉินเจิ้นไปที่เมืองม้าบินเพื่อเยี่ยมเยือนหลูเซิงเซียง แต่เขามักจะมีปฏิสัมพันธ์กับตระกูลอื่นต้องการจะซื้อเพื่อให้ได้นักโทษหน่วยสุญญตา และได้รับความเห็นด้วยอีกสองสามตระกูล ตระกูลหลูไม่คัดค้านเรื่องนั้น”
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า, ตอนนี้ฉินเจิ้นกำลังร้องไห้อยู่แน่นอน เขาจะทนเรื่องแบนั้นได้ยังไง?” น้ำเสียงของฉีเซี่ยงตงยินดีกับหายนะของคนอื่น “ไม่ว่ายังไง เขาควรจะทำลายสี่ตระกูล สวี่เย่อาจจะแข็งแกร่ง แต่เขายังอ่อนแอกว่าเมื่อเทียบกับฉินเจิ้น นั่นไม่ถูกสิ ข้าเคยพบเจ้าเด็กสวี่เย่มาก่อน เขาดูเหมือนไม่ใช่คนโง่ ทำไมเขาจะต้องทำเรื่องโง่ๆ เช่นนั้น? เขาไม่กลัวฉินเจิ้นจะกลับมาฆ่าพวกเขาหรือ?”
“เราไม่รู้รายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องภายในมากนัก แต่หลายคนเห็นบุรุษหน้ากากผีและตระกูลเซวียกลับเข้าเมืองแล้ว และสวี่เย่และคนสำคัญอื่นๆให้ความเคารพต่อพวกเขา” ผู้เฒ่าเหอกล่าว
“บุรุษหน้ากากผีนี้เป็นตัวอะไร หือ,ข้าสงสัยว่าพวกเขาจะทำอะไรได้” ฉีเซี่ยงตงพูดอ่อนใจ “มีแนวโน้มว่าเขาจะเป็นตัวโกงคนหนึ่ง ผู้สืบทอดของปรมาจารย์หลี่ เป็นไปได้ยังไงที่จะทำให้สวี่เย่กลัว? ไหนบอกว่าเขาเป็นคนฉลาดมากไม่ใช่หรือ?”
“ต่อให้ฉลาดมากก็อาจถูกหลอกได้”ผู้เฒ่าเหอหัวเราะ
“นั่นก็จริง ยิ่งคนเราฉลาดมาก ก็ยิ่งถูกหลอกได้ง่าย และไม่ได้หมายความว่าเมืองจื่อจวนจะตกเป็นของบุรุษหน้าผีใช่ไหม?” ฉีเซี่ยงตงคิด
“ใช่แล้ว” ผู้เฒ่าเหอตอบด้วยความเคารพ “แต่มีข่าวลือ เมืองจื่อจวนมีสายรุ้งปกคลุมในวันนั้น และคงอยู่เป็นเวลานาน ทุกคนพูดกันว่าเป็นการตื่นขึ้นของนักสู้ผู้แข็งแกร่ง ฉินเจิ้นออกจากเมืองม้าบินแล้ว แต่ในตอนนั้นเขาไม่เปิดเผยตนเอง ฉินเจิ้นเป็นคนที่เต็มไปด้วยความสงสัย หากสถานการณ์ไม่ชัดเจน เขาจะไม่ลงมือแน่นอน และเป็นไปได้ว่าเขาอาจจะแฝงตัวสังเกตการณ์อยู่ในเงามืดก็ได้”
“เฒ่าเหอ!เจ้าคิดว่าสถานะของคนผู้นั้นในฐานะผู้สืบทอดของปรมาจารย์หลี่ จริงหรือหลอก? ฉีเซี่ยงตงถามทันที
“ยากจะบอกได้” ผู้เฒ่าเหอคิดเล็กน้อย “บุญคุณของปรมาจารย์หลี่ที่มีต่อตระกูลต่างๆในอดีตเป็นเหตุให้เกิดการหลอกลวงทุจริตอยู่ระยะหนึ่งพยายามใช้บุญคุณของเขาหาประโยชน์ให้พวกเขาเอง ก่อนนี้เราไม่เคยได้ยินความเกี่ยวข้องอะไรระหว่างบุรุษหน้ากากผีและปรมาจารย์หลี่รู้จักแต่เพียงหัวหน้าหน่วยสุญญตาหมีใหญ่ หลังจากสืบสวนดูแล้ว ข้ายังไม่ได้อะไร สำหรับผู้สืบทอดของผู้อาวุโสตระกูลหลี่ นั่นมันกะทันหันและแปลกเกินไป ข้าว่าบุรุษผู้นี้รู้ว่าเป็นเรื่องยากที่จะได้รับบริวารเขาคืนก็เลยเอาหนังเสือมาใส่ขู่ขวัญคนอื่น”
“นักโทษเหล่านี้มีคุณภาพชั้นดีและมีความจงรักภักดีที่หาได้ยากกว่า” ฉีเซี่ยงตงพูดอย่างสบายใจ “แม้ว่าข้าจะไม่มีความสนใจในบุรุษหน้ากากผีนั่น แต่นักโทษเป็นกลุ่มคนชั้นดี ฉินเจิ้นใช้ความพยายามไปมากมายนัก ข้าคิดว่าเมืองจื่อจวนมีนักโทษเหล่านั้นมากใช่ไหม?”
“เป็นจำนวนที่น่าประทับใจมาก เนื่องจากเมืองจื่อจวนอยู่ใกล้ทะเล พวกเขาจึงรับไปได้มากกว่า 400 คน เพิ่มจากตระกูลหลูอีก 200 คน พวกเขามีอยู่ที่จำนวน 600 คน” ผู้เฒ่าเหอดูเหมือนจะรู้ว่าประมุขตระกูลคิดอะไรอยู่ แต่เขาต้องยอมรับ มันเป็นสิ่งที่ยากจะปฏิเสธได้จริงๆ
นักโทษหน่วยสุญญตาทุกคนมีคุณภาพที่โดดเด่น ตราบใดที่พวกเขาได้รับการดูแลที่ดีรับความรู้ ความแข็งแกร่งของตระกูลฉีจะเพิ่มขึ้นมากอย่างแน่นอน ฉินเจิ้นวางแผนได้ดี แต่น่าเสียดายที่เขาอาจเอื้อมเกินไปและประเมินฝีมือการควบคุมเมืองจื่อจวนของตนเองสูงเกินไป ดังนั้นจึงเกิดผลกระทบดังกล่าว
ถ้าเขาตั้งหลักในเมืองตนเองให้มั่นคงดีขึ้น ตระกูลฉินจะมีสภาพแตกต่างออกไป
“ไปและสืบดูบุรุษหน้ากากผีในคืนนี้” ฉีเซี่ยงตงกล่าว “ใครจะรู้ เราอาจฮุบเมืองจื่อจวนทั้งหมดไปด้วยก็ได้”
“เฒ่าผู้นี้จะไปค้นหาเขาในคืนนี้” เฒ่าเหอตอบ
ฉีเซี่ยงตงโบกมือ และผู้เฒ่าเหอคำนับและถอยไป บนเก้าอี้หวายฉีเซี่ยงตงหรี่ตาขณะที่เขาเริ่มหลับมีแววกระหยิ่มอยู่บนใบหน้าเขา เขาแตกต่างจากฉินเจิ้น ฉีเซี่ยงตงปกปิดพลังของเขาและรอคอยเวลาได้เป็นอย่างดี เมืองบูรพาอมตะก็แค่เมืองเล็ก ตระกูลฉีเป็นแค่ตระกูลระดับกลาง ฉีเซี่ยงตงสู้บุกเบิกเส้นทางจนเป็นสุดยอดนักสู้ในทำเนียบนักสู้และมีอันดับรั้งท้ายฉินเจิ้นสองอันดับ คือที่ 48
แต่ใจของฉีเซี่ยงตงดูเหมือนไม่เคยเห็นฉินเจิ้นอยู่ในสายตาเขา
**************
ในโรงเตี๊ยม
“พวกเขาน่าจะได้รับจดหมายแล้วใช่ไหม” ถังเทียนตื่นเต้นดีใจ
สวี่เย่ยิ้ม “ใช่แล้วข้าเกรงว่าภูมิหลังของเราคงจะถูกตรวจสอบโดยตระกูลต่างๆ เมืองบูรพาอมตะมีอยู่สามตระกูล ตระกูลฉี ตระกูลหวีและตระกูลซ่ง ที่แข็งแกร่งที่สุดจะเป็นตระกูลฉี ฉีเซี่ยงตงจะทำตัวเป็นคนไม่โดดเด่น เขาไม่ค่อยย่างเท้าออกจากเมืองบูรพาอมตะอันดับในทำเนียบนักสู้ของเขาคือ 48 ข้ามีความสงสัยว่าเขาต้องการให้คนอื่นประเมินเขาไว้ต่ำ”
“เมื่อไหร่เราจะได้สู้กับเขา?” ถังเทียนถามอย่างดีใจ
เขารู้สึกว่าแม้ว่าความคิดของสวี่เย่จะดี แต่ยังจะมีบางอย่างขาดหายไป ความตรงไปตรงมาและความยินดีกับการเข่นฆ่าของพวกเขาเบิกทางไปถึงประตูบ้านศัตรู น่าเสียดาย ถ้าเป็นกลุ่มดาวหมีใหญ่ พวกเขาคงจะใช้กองทัพที่ยิ่งใหญ่ของพวกเขาเพื่อกดดันและดูว่าใครจะกล้าไม่มอบนักโทษหน่วยสุญญตาให้เขา
“ข้าไม่คิดเลยว่าจะต้องมาเริ่มลงมือก่อน” ตาของสวี่เย่เย็นชาทันที
ถังเทียนสะดุ้ง แต่เขารู้ตัวได้ทันทีเป็นกลิ่นอายที่เลือนราง ร่างเขากระพริบและมาปรากฏที่มุมห้องเหมือนภูตพราย มือดาบของเขาฟันใส่กำแพงตัดเข้าผนังเหมือนกับเต้าหู้
รังสีเย็นเสียดผิวปะทะกับมือดาบของถังเทียนปัง ผนังข้างหน้าถังเทียนระเบิดทันที เศษหินปลิวว่อน ถ้าเป็นคนธรรมดาสัญชาตญาณแรกของพวกเขาคือจะดึงร่างถอยหลังและถอยออกไป ขณะที่หินระเบิดพุ่งเหมือนลูกธนู และสายตาพวกเขาถูกฝุ่นบดบังไม่สามารถเห็นฝ่ายตรงข้าม การถอยคือปกติความคิดของคนส่วนใหญ่
แต่ถังเทียนไม่เพียงแต่ไม่ถอย เขากลับก้มหน้าและบุกฝ่าฝุ่นขึ้นหน้าเหมือนกับวัวกระทิง
ร่างของเขาแข็งแกร่งมากและเป็นอาวุธที่ดีที่สุดของเขา
ภายในฝุ่นละอองพลังโจมตีเย็นยะเยือกพุ่งออกมาข้างหน้า
ถังเทียนไม่กลัว เขาตวัดมือฟันขึ้นท่าพิฆาตสวรรค์กวาดพุ่งไปข้างหน้าเงียบๆ ปะทะเข้ากับพลังเย็น พลังที่เฉียบขาดของพิฆาตสวรรค์ปะทุออกทันที
มือสังหารคาดไม่ถึงว่ามือดาบของถังเทียนจะมีพลังมากขนาดนั้นและหลบหนีการปะทะ
ร่างถังเทียนตามมาพร้อมดาบต้องการจะโจมตีตัดเขาให้ขาดเป็นสองท่อนอีกครั้ง
แต่ความรู้สึกอุดตันมาจากมือของเขาทำให้ร่างเขากลายเป็นเฉื่อยช้า จากนั้นเขาวิ่งออกมาจากกลุ่มฝุ่น และตระหนักว่าเขาตกเข้าไปในกับดักของศัตรู
ฝุ่นดำมีชั้นด้ายหนาแน่นขึงอยู่ด้านหน้าของเขาเหมือนกับใยแมงมุมม ด้ายสีดำสนิทรวบรัดข้อมือของเขาเหมือนกับไม้เถา และตรึงเขาไว้แน่น ถังเทียนดึงและกระตุกดูแต่ก็ต้องตระหนักสว่าเขาไม่สามารถทำลายมันได้ ด้ายสีดำแข็งเหนียวมาก และดูเหมือนมันจะผูกด้วยลักษณะเฉพาะพิเศษเพื่อสลายพลังของถังเทียน
ในที่สุดสวี่เย่ก็เห็นทุกอย่างชัดเจน หน้าของเขาเปลี่ยน “ด้ายมรณะ!”
เขาเข้าใจทันทีว่าทำไมเขารู้สึกว่าคู่ต่อสู้ไวกว่าเจ้านาย เป็นเพราะศัตรูฝึกมาทางกฎธรรมชาติเป็นตายรังสีกฎตายที่หนาแน่นทำให้เขารู้สึกได้ถึงศัตรู ด้ายมรณะคือวิชาที่มีชื่อเสียงที่สุดโดยใช้กฎเป็นและตาย สร้างขึ้นมาจากรังสีกฎมรณะที่หนาแน่นมันสามารถกัดกร่อนพลังของคนได้โดยที่เขาไม่รู้ตัว
ด้ายมรณะ?
ถังเทียนได้ยินเสียงอุทานของสวี่เย่ แต่เขาไม่มีเวลาคิด ข่ายที่อยู่ข้างหน้าเขาแปลกประหลาดมาก พลังพิฆาตฟ้าแข็งแกร่งมาก แต่เมื่อเขาฟันลงไปในข่ายสีดำ มันถูกสลายหายไป นอกจากนี้หมอกดำที่ปล่อยมาโดยด้ายดำยังเป็นเหมือนมีหนอนชอนไชเข้าในผิวของเขา
ข่ายใหญ่ปล่อยระลอกทันทันที ด้ายมรณะปั่นป่วนบิดเบี้ยวและกลายเป็นหน้าของบุรุษผู้น่ากลัว หน้าของบุรุษผู้นั้นน่าเกลียดน่ากลัว มันอ้าปากและปล่อยหมอกควันจำนวนมากซึ่งทำให้ดูเหมือนวิญญาณอาลัยนับไม่ถ้วน
“คนโฉดเหอซิน! หุ่นเชิดมรณะ!”
หน้าของสวี่เย่น่าเกลียดทันที รังสีมรณะหนาแน่นพุ่งไปข้างหน้าทันที ทันทีที่หุ่นเชิดมรณะปรากฏ ก็ควรเป็นการประกาศศักดิ์ฐานะของนักฆ่า ‘นักเชิดหุ่นมรณะเหอซิน! คนโฉดชั้นหนึ่งจากเมื่อสิบปีที่แล้ว!’
เขามีชื่อเสียงอื้อฉาวมากจนแม้แต่เด็กทารกก็ยังหยุดร้องในเวลาราตรี
กฎเป็นและตายเป็นหนึ่งในสามกฎธรรมชาติใหญ่ และคนเป็นจำนวนมากที่ฝึกมาในกฎทั้งสามนี้จะมีน้อยมาก เป็นตายยากคาดเดาได้ การเปลี่ยนแปลงของกฎเป็นตายยากจะเข้าใจ และมีคนน้อยกว่าน้อยที่ฝึกฝนในกฎเป็นตาย เพราะรังสีของกฎที่หนาแน่นจะกัดกินร่างของเขาโดยไม่รู้ตัว และต่อให้เป็นนักสู้ที่แข็งแกร่งฝึกฝนก็ไม่สามารถหลีกหนีกฎข้อนี้ได้ ดังนั้นนักสู้ส่วนใหญ่จะฝึกทั้งกฎเป็นและตายควบคู่กันและใช้กฎเป็นต่อต้านการกัดกร่อนของกฎตาย เหมือนกับที่สวี่เย่ได้ฝึกผนึกเป็นตาย
แต่ถ้ามีคนพบกับนักสู้ผู้เชี่ยวชาญในกฎเป็นตาย พวกเขาต้องระมัดระวัง เพราะศัตรูมักแสดงออกมาว่าพวกเขาแข็งแกร่งทรงพลัง นอกจากนี้ ชื่อคนโฉดอย่างเหอซินอยู่ในระดับสุดยอดในวงการของคนที่ฝึกกฎเป็นตาย
ถ้าเป็นคนโฉดชั้นสอง พวกเขาก็สูงกว่านักสู้มาตรฐานแล้ว แต่เป็นคนโฉดนักสู้ชั้นหนึ่งพวกเขาแข็งแกร่งทรงพลังทุกคนสามารถสู้กับนักสู้ในทำเนียบนักสู้ได้
สวี่เย่ไม่ลังเลและกระตุ้นพลังกฎเป็นในร่างของเขา ฝ่ามือของเขาใสเหมือนแก้วผลึกและสัมผัสใส่ด้ายมรณะ ฝ่ามือใสประทับกดลงไปที่ด้ายมรณะ
ด้ายมรณะนับไม่ถ้วนปั่นป่วนเหมือนหนอนดำและกลืนฝ่ามือโปร่งใสอย่างดุเดือด
สีหน้าของสวี่เย่เปลี่ยน กฎเป็นตายข่มกันและกัน แต่ฝ่ามือเป็นที่บริสุทธิ์ไม่สามารถทำอันตรายด้ายมรณะได้ รังสีมรณะหนาแน่นและดุร้ายเกินไป และวิชาทั้งสองมีระดับแตกต่างกันเกินไป
ขณะนั้นใบหน้าลวงตาของมนุษย์เคลื่อนไหวทันที และอ้าปากของมันกัดข้อมือของถังเทียน
ผมขนทั้งหมดของถังเทียนลุกชัน ความรู้สึกถึงอันตรายรุนแรงผุดขึ้นในใจของเขาดาบมารพิฆาตไม่มีประโยชน์ใช้ต้านกฎเป็นตาย และฝ่ามือของเขาถูกตรึงหนาแน่นไม่สามารถเคลื่อนไหวได้สักนิ้ว
ในท่ามกลางความวิตกกังวลเขาไม่สนทุกอย่างใช้มือซ้ายตั้งท่ามุทราหัตถ์เด็ดบุปผา
รัศมีรอบตัวถังเทียนเปลี่ยนไปทันที