ตอนที่แล้วตอนที่ 745 ธงกองทัพ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 747 จ้าวหุ่นเชิดมรณะ

ตอนที่ 746 คนโฉดเหอซิน


“มีกี่ตระกูลที่ได้รับจดหมายนี้?”

ฉีเซี่ยงตงอยู่ในชุดยานอนอยู่บนเก้าอี้หวายมีผลไม้รสขมอยู่ในปาก....ผลไม้รสขมนี้ได้มาจากต้นไม้ชนิดหนึ่ง ผิวของมันหนาและนุ่ม  แต่รสชาติของมันขมจัดและน้ำคั้นสีดำเหมือนหมึก ดังนั้นจึงเรียกว่าผลขม  ฉีเซี่ยงตงเสพติดผลไม้รสขมเป็นที่รู้จักกันดีในเมืองบูรพาอมตะ

ผู้เฒ่าเหอยืนด้วยความเคารพอยู่ด้านข้าง  “สามตระกูล, ตระกูลของเรา ตระกูลหวีและตระกูลซ่ง ตระกูลของเรามีนักโทษ 66 คน ตระกูลหวี 32 และตระกูลซ่ง 23 คน”

เมืองบูรพาตะวันออกอยู่ติดภูเขาและไม่ได้ติดทะเล ดังนั้นจำนวนนักโทษที่พวกเขาได้รับจึงน้อยกว่าเมืองจื่อจวนมาก

ฉีเซี่ยงตงกัดผลขมน้ำสีดำย้อมฟันดำของเขา  แต่เขาไม่สนใจและถาม “และข่าวจากเมืองจื่อจวนเป็นยังไงบ้าง?”

“ตระกูลฉินถูกทำลายแล้ว”  ผู้เฒ่าเหอพูดยืนยัน  “สี่ตระกูลรวมกำลังกันกำจัดตระกูลฉิน”

มือของฉีเซี่ยงตงที่ถือผลขมจ่ออยู่ที่ปากหยุดทันที  เขามีท่าทีประหลาดใจ “ฉินเจิ้นอยู่ไหน?”

“ตอนนี้เขาอยู่ในเมืองม้าบิน”  ผู้เฒ่าเหอตอบ “กล่าวกันว่าเขาไปทำธุรกรรมกับตระกูลหลู ตระกูลหลูยกนักโทษสุญญตา 200 คนให้ฉินเจิ้น  และตระกูลฉินขายตระกูลเซวียให้ตระกูลหลู  เรื่องนี้สั่นสะเทือนไปทั่วเมืองจื่อจวน  ตระกูลเซวียไล่ซื้อความช่วยเหลือจากตระกูลต่างๆแต่ไม่มีตระกูลใดกล้าช่วยพวกเขา ฉินเจิ้นไปที่เมืองม้าบินเพื่อเยี่ยมเยือนหลูเซิงเซียง  แต่เขามักจะมีปฏิสัมพันธ์กับตระกูลอื่นต้องการจะซื้อเพื่อให้ได้นักโทษหน่วยสุญญตา และได้รับความเห็นด้วยอีกสองสามตระกูล ตระกูลหลูไม่คัดค้านเรื่องนั้น”

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า, ตอนนี้ฉินเจิ้นกำลังร้องไห้อยู่แน่นอน  เขาจะทนเรื่องแบนั้นได้ยังไง?” น้ำเสียงของฉีเซี่ยงตงยินดีกับหายนะของคนอื่น  “ไม่ว่ายังไง เขาควรจะทำลายสี่ตระกูล  สวี่เย่อาจจะแข็งแกร่ง  แต่เขายังอ่อนแอกว่าเมื่อเทียบกับฉินเจิ้น  นั่นไม่ถูกสิ ข้าเคยพบเจ้าเด็กสวี่เย่มาก่อน เขาดูเหมือนไม่ใช่คนโง่ ทำไมเขาจะต้องทำเรื่องโง่ๆ เช่นนั้น? เขาไม่กลัวฉินเจิ้นจะกลับมาฆ่าพวกเขาหรือ?”

“เราไม่รู้รายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องภายในมากนัก แต่หลายคนเห็นบุรุษหน้ากากผีและตระกูลเซวียกลับเข้าเมืองแล้ว  และสวี่เย่และคนสำคัญอื่นๆให้ความเคารพต่อพวกเขา” ผู้เฒ่าเหอกล่าว

“บุรุษหน้ากากผีนี้เป็นตัวอะไร หือ,ข้าสงสัยว่าพวกเขาจะทำอะไรได้” ฉีเซี่ยงตงพูดอ่อนใจ “มีแนวโน้มว่าเขาจะเป็นตัวโกงคนหนึ่ง ผู้สืบทอดของปรมาจารย์หลี่ เป็นไปได้ยังไงที่จะทำให้สวี่เย่กลัว? ไหนบอกว่าเขาเป็นคนฉลาดมากไม่ใช่หรือ?”

“ต่อให้ฉลาดมากก็อาจถูกหลอกได้”ผู้เฒ่าเหอหัวเราะ

“นั่นก็จริง ยิ่งคนเราฉลาดมาก ก็ยิ่งถูกหลอกได้ง่าย และไม่ได้หมายความว่าเมืองจื่อจวนจะตกเป็นของบุรุษหน้าผีใช่ไหม?”  ฉีเซี่ยงตงคิด

“ใช่แล้ว” ผู้เฒ่าเหอตอบด้วยความเคารพ “แต่มีข่าวลือ เมืองจื่อจวนมีสายรุ้งปกคลุมในวันนั้น และคงอยู่เป็นเวลานาน ทุกคนพูดกันว่าเป็นการตื่นขึ้นของนักสู้ผู้แข็งแกร่ง  ฉินเจิ้นออกจากเมืองม้าบินแล้ว แต่ในตอนนั้นเขาไม่เปิดเผยตนเอง  ฉินเจิ้นเป็นคนที่เต็มไปด้วยความสงสัย  หากสถานการณ์ไม่ชัดเจน  เขาจะไม่ลงมือแน่นอน และเป็นไปได้ว่าเขาอาจจะแฝงตัวสังเกตการณ์อยู่ในเงามืดก็ได้”

“เฒ่าเหอ!เจ้าคิดว่าสถานะของคนผู้นั้นในฐานะผู้สืบทอดของปรมาจารย์หลี่ จริงหรือหลอก?  ฉีเซี่ยงตงถามทันที

“ยากจะบอกได้” ผู้เฒ่าเหอคิดเล็กน้อย  “บุญคุณของปรมาจารย์หลี่ที่มีต่อตระกูลต่างๆในอดีตเป็นเหตุให้เกิดการหลอกลวงทุจริตอยู่ระยะหนึ่งพยายามใช้บุญคุณของเขาหาประโยชน์ให้พวกเขาเอง ก่อนนี้เราไม่เคยได้ยินความเกี่ยวข้องอะไรระหว่างบุรุษหน้ากากผีและปรมาจารย์หลี่รู้จักแต่เพียงหัวหน้าหน่วยสุญญตาหมีใหญ่ หลังจากสืบสวนดูแล้ว ข้ายังไม่ได้อะไร สำหรับผู้สืบทอดของผู้อาวุโสตระกูลหลี่ นั่นมันกะทันหันและแปลกเกินไป  ข้าว่าบุรุษผู้นี้รู้ว่าเป็นเรื่องยากที่จะได้รับบริวารเขาคืนก็เลยเอาหนังเสือมาใส่ขู่ขวัญคนอื่น”

“นักโทษเหล่านี้มีคุณภาพชั้นดีและมีความจงรักภักดีที่หาได้ยากกว่า” ฉีเซี่ยงตงพูดอย่างสบายใจ “แม้ว่าข้าจะไม่มีความสนใจในบุรุษหน้ากากผีนั่น  แต่นักโทษเป็นกลุ่มคนชั้นดี  ฉินเจิ้นใช้ความพยายามไปมากมายนัก  ข้าคิดว่าเมืองจื่อจวนมีนักโทษเหล่านั้นมากใช่ไหม?”

“เป็นจำนวนที่น่าประทับใจมาก  เนื่องจากเมืองจื่อจวนอยู่ใกล้ทะเล  พวกเขาจึงรับไปได้มากกว่า 400 คน  เพิ่มจากตระกูลหลูอีก 200 คน  พวกเขามีอยู่ที่จำนวน 600 คน” ผู้เฒ่าเหอดูเหมือนจะรู้ว่าประมุขตระกูลคิดอะไรอยู่  แต่เขาต้องยอมรับ  มันเป็นสิ่งที่ยากจะปฏิเสธได้จริงๆ

นักโทษหน่วยสุญญตาทุกคนมีคุณภาพที่โดดเด่น  ตราบใดที่พวกเขาได้รับการดูแลที่ดีรับความรู้ ความแข็งแกร่งของตระกูลฉีจะเพิ่มขึ้นมากอย่างแน่นอน  ฉินเจิ้นวางแผนได้ดี  แต่น่าเสียดายที่เขาอาจเอื้อมเกินไปและประเมินฝีมือการควบคุมเมืองจื่อจวนของตนเองสูงเกินไป  ดังนั้นจึงเกิดผลกระทบดังกล่าว

ถ้าเขาตั้งหลักในเมืองตนเองให้มั่นคงดีขึ้น  ตระกูลฉินจะมีสภาพแตกต่างออกไป

“ไปและสืบดูบุรุษหน้ากากผีในคืนนี้”  ฉีเซี่ยงตงกล่าว  “ใครจะรู้ เราอาจฮุบเมืองจื่อจวนทั้งหมดไปด้วยก็ได้”

“เฒ่าผู้นี้จะไปค้นหาเขาในคืนนี้”  เฒ่าเหอตอบ

ฉีเซี่ยงตงโบกมือ  และผู้เฒ่าเหอคำนับและถอยไป  บนเก้าอี้หวายฉีเซี่ยงตงหรี่ตาขณะที่เขาเริ่มหลับมีแววกระหยิ่มอยู่บนใบหน้าเขา เขาแตกต่างจากฉินเจิ้น ฉีเซี่ยงตงปกปิดพลังของเขาและรอคอยเวลาได้เป็นอย่างดี  เมืองบูรพาอมตะก็แค่เมืองเล็ก ตระกูลฉีเป็นแค่ตระกูลระดับกลาง ฉีเซี่ยงตงสู้บุกเบิกเส้นทางจนเป็นสุดยอดนักสู้ในทำเนียบนักสู้และมีอันดับรั้งท้ายฉินเจิ้นสองอันดับ คือที่ 48

แต่ใจของฉีเซี่ยงตงดูเหมือนไม่เคยเห็นฉินเจิ้นอยู่ในสายตาเขา

**************

ในโรงเตี๊ยม

“พวกเขาน่าจะได้รับจดหมายแล้วใช่ไหม”  ถังเทียนตื่นเต้นดีใจ

สวี่เย่ยิ้ม  “ใช่แล้วข้าเกรงว่าภูมิหลังของเราคงจะถูกตรวจสอบโดยตระกูลต่างๆ  เมืองบูรพาอมตะมีอยู่สามตระกูล  ตระกูลฉี ตระกูลหวีและตระกูลซ่ง  ที่แข็งแกร่งที่สุดจะเป็นตระกูลฉี  ฉีเซี่ยงตงจะทำตัวเป็นคนไม่โดดเด่น  เขาไม่ค่อยย่างเท้าออกจากเมืองบูรพาอมตะอันดับในทำเนียบนักสู้ของเขาคือ 48 ข้ามีความสงสัยว่าเขาต้องการให้คนอื่นประเมินเขาไว้ต่ำ”

“เมื่อไหร่เราจะได้สู้กับเขา?”  ถังเทียนถามอย่างดีใจ

เขารู้สึกว่าแม้ว่าความคิดของสวี่เย่จะดี  แต่ยังจะมีบางอย่างขาดหายไป  ความตรงไปตรงมาและความยินดีกับการเข่นฆ่าของพวกเขาเบิกทางไปถึงประตูบ้านศัตรู  น่าเสียดาย ถ้าเป็นกลุ่มดาวหมีใหญ่ พวกเขาคงจะใช้กองทัพที่ยิ่งใหญ่ของพวกเขาเพื่อกดดันและดูว่าใครจะกล้าไม่มอบนักโทษหน่วยสุญญตาให้เขา

“ข้าไม่คิดเลยว่าจะต้องมาเริ่มลงมือก่อน”  ตาของสวี่เย่เย็นชาทันที

ถังเทียนสะดุ้ง  แต่เขารู้ตัวได้ทันทีเป็นกลิ่นอายที่เลือนราง  ร่างเขากระพริบและมาปรากฏที่มุมห้องเหมือนภูตพราย มือดาบของเขาฟันใส่กำแพงตัดเข้าผนังเหมือนกับเต้าหู้

รังสีเย็นเสียดผิวปะทะกับมือดาบของถังเทียนปัง ผนังข้างหน้าถังเทียนระเบิดทันที เศษหินปลิวว่อน  ถ้าเป็นคนธรรมดาสัญชาตญาณแรกของพวกเขาคือจะดึงร่างถอยหลังและถอยออกไป  ขณะที่หินระเบิดพุ่งเหมือนลูกธนู และสายตาพวกเขาถูกฝุ่นบดบังไม่สามารถเห็นฝ่ายตรงข้าม  การถอยคือปกติความคิดของคนส่วนใหญ่

แต่ถังเทียนไม่เพียงแต่ไม่ถอย เขากลับก้มหน้าและบุกฝ่าฝุ่นขึ้นหน้าเหมือนกับวัวกระทิง

ร่างของเขาแข็งแกร่งมากและเป็นอาวุธที่ดีที่สุดของเขา

ภายในฝุ่นละอองพลังโจมตีเย็นยะเยือกพุ่งออกมาข้างหน้า

ถังเทียนไม่กลัว  เขาตวัดมือฟันขึ้นท่าพิฆาตสวรรค์กวาดพุ่งไปข้างหน้าเงียบๆ ปะทะเข้ากับพลังเย็น  พลังที่เฉียบขาดของพิฆาตสวรรค์ปะทุออกทันที

มือสังหารคาดไม่ถึงว่ามือดาบของถังเทียนจะมีพลังมากขนาดนั้นและหลบหนีการปะทะ

ร่างถังเทียนตามมาพร้อมดาบต้องการจะโจมตีตัดเขาให้ขาดเป็นสองท่อนอีกครั้ง

แต่ความรู้สึกอุดตันมาจากมือของเขาทำให้ร่างเขากลายเป็นเฉื่อยช้า จากนั้นเขาวิ่งออกมาจากกลุ่มฝุ่น และตระหนักว่าเขาตกเข้าไปในกับดักของศัตรู

ฝุ่นดำมีชั้นด้ายหนาแน่นขึงอยู่ด้านหน้าของเขาเหมือนกับใยแมงมุมม  ด้ายสีดำสนิทรวบรัดข้อมือของเขาเหมือนกับไม้เถา  และตรึงเขาไว้แน่น  ถังเทียนดึงและกระตุกดูแต่ก็ต้องตระหนักสว่าเขาไม่สามารถทำลายมันได้ ด้ายสีดำแข็งเหนียวมาก และดูเหมือนมันจะผูกด้วยลักษณะเฉพาะพิเศษเพื่อสลายพลังของถังเทียน

ในที่สุดสวี่เย่ก็เห็นทุกอย่างชัดเจน  หน้าของเขาเปลี่ยน  “ด้ายมรณะ!”

เขาเข้าใจทันทีว่าทำไมเขารู้สึกว่าคู่ต่อสู้ไวกว่าเจ้านาย  เป็นเพราะศัตรูฝึกมาทางกฎธรรมชาติเป็นตายรังสีกฎตายที่หนาแน่นทำให้เขารู้สึกได้ถึงศัตรู ด้ายมรณะคือวิชาที่มีชื่อเสียงที่สุดโดยใช้กฎเป็นและตาย  สร้างขึ้นมาจากรังสีกฎมรณะที่หนาแน่นมันสามารถกัดกร่อนพลังของคนได้โดยที่เขาไม่รู้ตัว

ด้ายมรณะ?

ถังเทียนได้ยินเสียงอุทานของสวี่เย่  แต่เขาไม่มีเวลาคิด  ข่ายที่อยู่ข้างหน้าเขาแปลกประหลาดมาก  พลังพิฆาตฟ้าแข็งแกร่งมาก  แต่เมื่อเขาฟันลงไปในข่ายสีดำ  มันถูกสลายหายไป  นอกจากนี้หมอกดำที่ปล่อยมาโดยด้ายดำยังเป็นเหมือนมีหนอนชอนไชเข้าในผิวของเขา

ข่ายใหญ่ปล่อยระลอกทันทันที ด้ายมรณะปั่นป่วนบิดเบี้ยวและกลายเป็นหน้าของบุรุษผู้น่ากลัว  หน้าของบุรุษผู้นั้นน่าเกลียดน่ากลัว  มันอ้าปากและปล่อยหมอกควันจำนวนมากซึ่งทำให้ดูเหมือนวิญญาณอาลัยนับไม่ถ้วน

“คนโฉดเหอซิน!  หุ่นเชิดมรณะ!”

หน้าของสวี่เย่น่าเกลียดทันที  รังสีมรณะหนาแน่นพุ่งไปข้างหน้าทันที  ทันทีที่หุ่นเชิดมรณะปรากฏ  ก็ควรเป็นการประกาศศักดิ์ฐานะของนักฆ่า  ‘นักเชิดหุ่นมรณะเหอซิน! คนโฉดชั้นหนึ่งจากเมื่อสิบปีที่แล้ว!’

เขามีชื่อเสียงอื้อฉาวมากจนแม้แต่เด็กทารกก็ยังหยุดร้องในเวลาราตรี

กฎเป็นและตายเป็นหนึ่งในสามกฎธรรมชาติใหญ่ และคนเป็นจำนวนมากที่ฝึกมาในกฎทั้งสามนี้จะมีน้อยมาก  เป็นตายยากคาดเดาได้  การเปลี่ยนแปลงของกฎเป็นตายยากจะเข้าใจ  และมีคนน้อยกว่าน้อยที่ฝึกฝนในกฎเป็นตาย  เพราะรังสีของกฎที่หนาแน่นจะกัดกินร่างของเขาโดยไม่รู้ตัว และต่อให้เป็นนักสู้ที่แข็งแกร่งฝึกฝนก็ไม่สามารถหลีกหนีกฎข้อนี้ได้ ดังนั้นนักสู้ส่วนใหญ่จะฝึกทั้งกฎเป็นและตายควบคู่กันและใช้กฎเป็นต่อต้านการกัดกร่อนของกฎตาย  เหมือนกับที่สวี่เย่ได้ฝึกผนึกเป็นตาย

แต่ถ้ามีคนพบกับนักสู้ผู้เชี่ยวชาญในกฎเป็นตาย  พวกเขาต้องระมัดระวัง เพราะศัตรูมักแสดงออกมาว่าพวกเขาแข็งแกร่งทรงพลัง  นอกจากนี้ ชื่อคนโฉดอย่างเหอซินอยู่ในระดับสุดยอดในวงการของคนที่ฝึกกฎเป็นตาย

ถ้าเป็นคนโฉดชั้นสอง  พวกเขาก็สูงกว่านักสู้มาตรฐานแล้ว แต่เป็นคนโฉดนักสู้ชั้นหนึ่งพวกเขาแข็งแกร่งทรงพลังทุกคนสามารถสู้กับนักสู้ในทำเนียบนักสู้ได้

สวี่เย่ไม่ลังเลและกระตุ้นพลังกฎเป็นในร่างของเขา  ฝ่ามือของเขาใสเหมือนแก้วผลึกและสัมผัสใส่ด้ายมรณะ ฝ่ามือใสประทับกดลงไปที่ด้ายมรณะ

ด้ายมรณะนับไม่ถ้วนปั่นป่วนเหมือนหนอนดำและกลืนฝ่ามือโปร่งใสอย่างดุเดือด

สีหน้าของสวี่เย่เปลี่ยน  กฎเป็นตายข่มกันและกัน แต่ฝ่ามือเป็นที่บริสุทธิ์ไม่สามารถทำอันตรายด้ายมรณะได้  รังสีมรณะหนาแน่นและดุร้ายเกินไป  และวิชาทั้งสองมีระดับแตกต่างกันเกินไป

ขณะนั้นใบหน้าลวงตาของมนุษย์เคลื่อนไหวทันที  และอ้าปากของมันกัดข้อมือของถังเทียน

ผมขนทั้งหมดของถังเทียนลุกชัน  ความรู้สึกถึงอันตรายรุนแรงผุดขึ้นในใจของเขาดาบมารพิฆาตไม่มีประโยชน์ใช้ต้านกฎเป็นตาย และฝ่ามือของเขาถูกตรึงหนาแน่นไม่สามารถเคลื่อนไหวได้สักนิ้ว

ในท่ามกลางความวิตกกังวลเขาไม่สนทุกอย่างใช้มือซ้ายตั้งท่ามุทราหัตถ์เด็ดบุปผา

รัศมีรอบตัวถังเทียนเปลี่ยนไปทันที

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด