ตอนที่ 745 ธงกองทัพ
แดนบาปที่มีการขยายตัวในปัจจุบันนี้เป็นแนวแคบรูปจันทร์เสี้ยว ด้านหนึ่งของจันทร์เสี้ยวเป็นแนวเขาไม่มีที่สุด ขณะที่อีกด้านหนึ่งเป็นทะเลสีน้ำเงินไม่มีที่สุด
สิบเจ็ดเมืองในแดนบาปกระจัดกระจายอยู่ภายในนี้ สี่เมืองใหญ่ตั้งอยู่ใจกลางของส่วนจันทร์โค้งซึ่งเป็นแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์และมีทุ่งกว้างใหญ่ เนื่องจากพวกเขาเป็นพวกแรกที่บุกเบิกพื้นที่ใหม่ ที่ราบจะไม่มีสัตว์ร้ายซ่อนตัวอยู่ได้เป็นที่ปลอดภัยมาก
เมืองจื่อจวนตั้งอยู่ในส่วนปลายด้านตะวันออกของแนวจันทร์โค้ง อยู่ติดภูเขาและยังติดทะเลอีกด้วย ซึ่งความจริงต้องถือว่าเป็นที่อันตราย
เมืองที่ใกล้เมืองจื่อจวนมากที่สุดก็คือเมืองบูรพาอมตะและเมืองพายุ เมืองบูรพาอมตะจะตั้งอยู่ด้านตะวันตกของเมืองจื่อจวน ขณะที่เมืองพายุจะตั้งอยู่ทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองจื่อจวน
ถ้ามีคนเดินทางจากเมืองจื่อจวน พวกเขาต้องผ่านเมืองพายุก่อนเลียบไปตามชายฝั่งตามทิศตะวันตก การเปลี่ยนเส้นทางของสวี่เย่มุ่งสู่เมืองบูรพาอมตะเกิดขึ้นหลังจากไตร่ตรองแล้ว
“ผู้น้อยนี้ได้ไตร่ตรองมาสองวันแล้วมีความจำเป็นต้องเปลี่ยนแผนการครั้งก่อนของพวกเรา นายท่าน เนื่องจากเป็นทายาทสืบทอดวิชาของปรมาจารย์หลี่สถานะของท่านหน้ากากผีก็จะได้รับการปกป้อง นอกจากนี้ ท่านสามารถตรงไปหาตระกูลอื่นเพื่อขอกองทัพของท่านคืน”
คำพูดของสวี่เย่สร้างความประหลาดใจให้ถังเทียน เขาถาม “พวกเขาจะคืนให้ข้าหรือ?”
“ข้าเกรงว่าไม่” สวี่เย่หัวเราะ “แม้ว่าปรมาจารย์หลี่จะช่วยแดนบาปไว้ได้ในปีนั้น แต่นั่นเป็นประวัติศาสตร์ไปแล้ว คาดว่าไม่มีใครยินดีจะชดใช้หนี้บุญคุณแล้ว แต่ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะตั้งแต่ต้น เรามีเหตุผลจะทำเช่นนั้น ผู้สืบทอดของปรมาจารย์หลี่ออกเดินทางพบกับโชคร้าย บริวารของเขาถูกทุกคนแย่งชิงแบ่งแยก การต้องการพวกเขากลับคืนมาจากตระกูลทั้งหลายเป็นการดำเนินการตามปกติ”
“แต่จะต้องทำยังไง?” ถังเทียนไม่รู้อะไร
“นั่นเป็นก้าวแรก” สวี่เย่พูดอย่างร่าเริง หลังจากไตร่ตรองอย่างระมัดระวังสองวันแผนของเขานับได้ว่ามีประสิทธิภาพและน่าเชื่อถือได้ “เวลานี้ ทุกคนจะไม่สนใจนายท่าน แต่ไม่ว่ายังไง เราจะเริ่มสร้างศักดิ์ศรีของเรา”
“สร้างศักดิ์ศรีของเรา?” ถังเทียนตกใจ
“ถูกแล้วนายท่าน เมื่อเรียกตัวเองว่าเป็นผู้สืบทอดของปรมาจารย์หลี่ ทุกคนย่อมไม่เชื่อท่านเป็นธรรมดาดังนั้นเราจะทำอะไรได้? เราต้องทำให้ทุกคนเชื่อเรา เราจำเป็นต้องท้าทายยอดฝีมือที่มีชื่อเสียง ตราบใดที่นายท่านยังชนะ วิชาเทพอสูรหกมุทราของนายท่านจะมีชื่อเสียงมากยิ่งขึ้นและมุมมองของทุกคนที่มีต่อความต้องการของนายท่านจะเปลี่ยนไป นายท่านคือผู้สืบทอดของปรมาจารย์หลี่ นั่นคือชื่อที่โด่งดังคับฟ้า ในอนาคตท่านจะได้รับการยกย่องว่าเป็นวีรบุรุษ และสายตาหลายคู่จะจับตามองท่าน แม้ว่าพวกเขาไม่ต้องการจะอยู่ฝ่ายท่านก็ตาม พวกเขาก็จะไม่สร้างความยุ่งยากให้กับนักโทษ นายท่านแค่ต้องดำเนินการกับพวกเขาด้วยสิ่งที่สร้างผลประโยชน์ให้กับพวกเขา และท่านจะไถ่ถอนคืนผู้ใต้บังคับบัญชาของท่าน”
“เราสามารถทำเช่นนั้นได้!” ถังเทียนทำตาโต เขามีท่าทีประหลาดใจ คำพูดของสวี่เย่เปิดโลกทัศน์ใหม่ในใจของเขา
“สถานะของนายท่านเป็นที่เคารพนับถือและท่านยังยินดีจะเสี่ยงอันตรายเองเพื่อบริวารของท่าน ในฐานะจ้าวท่านจะได้รับการสนับสนุนจากคนอื่นแน่นอน แต่ก็จะมีคนไม่เห็นด้วยกับการกระทำของท่าน ท่านแค่ต้องส่งทหารของท่านออกไป ด้วยการกดดันนั้นพวกเขาจะส่งคืนบริวารของท่านให้แต่โดยดี”
หน้าที่ซีดของสวี่เย่มีสีแดงผิดปกติ ตาของเขาเป็นประกายเหมือนดวงดาวในท้องฟ้า
หลังจากไตร่ตรองอยู่หลายวัน เขาตระหนักได้ทันทีว่ามีโอกาสใหม่สำหรับแดนบาป ถ้าไม่ใช่เพราะผู้สืบทอดของปรมาจารย์หลี่ นายท่านและหน่วยสุญญตาอาจถูกมองว่าเป็นคนนอกสำหรับแดนบาปทั้งปวง และตระกูลส่วนใหญ่จะไม่มีทางเชื่อพวกเขา แต่เนื่องจากนายท่านเป็นผู้รับสืบทอดของปรมาจารย์หลี่สถานการณ์เปลี่ยนไปสิ้นเชิง ถังเทียนมีความเชื่อมโยงกับแดนบาปอย่างลึกซึ้ง และจะช่วยสลายความเป็นปรปักษ์จากตระกูลอื่นได้อย่างมาก
ประโยคทองที่ว่าผู้สืบทอดของปรมาจารย์หลี่เป็นหัวข้อที่หนักแน่นที่สุดและสำคัญมากกว่าหน่วยสุญญตาของถังเทียน สมาชิกหน่วยสุญญตายังเห็นความแข็งแกร่ง อีกอย่างหนึ่ง ตราบใดที่ถังเทียนได้รับหน่วยสุญญตาคืนมาจะไม่มีใครแข็งแกร่งมากกว่าเขา
และในเรื่องนั้นสวี่เย่เห็นความหวังสำหรับแดนบาป
‘นายท่านยังอายุเยาว์และมีพรสวรรค์ที่โดดเด่น และมีมรดกระดับสุดยอดหลูเทียนเหวินไม่ใช่ฉากสุดท้ายของนายท่านแน่นอน ผู้นำที่แข็งแกร่ง กองทัพที่ทรงพลัง ในแง่ของพลังและศักดิ์ศรี ใครจะหยุดนายท่านได้?’
สวี่เย่ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้น และเค้นสมองคิดมาตลอดสองวันเพื่อจัดทำแผนให้ถังเทียน
เขาควบคุมความตื่นเต้นในตัวและยังคงอยู่ในความสงบ “ตราบใดที่นายท่านสู้ชนะสักสองสามครั้งจะไม่มีใครในแดนบาปต่อต้านขัดขืนคำสั่งนายท่าน กองทัพของนายท่านจะกลับมาสู่ในเงื้อมมือของท่านโดยเร็ว”
ถังเทียนฟังจนกระทั่งตาของเขาเป็นประกายเจิดจ้า เขาได้ยินว่าแผนของสวี่เย่มีโอกาสสำเร็จได้สูง เทียบกับการต่อสู้ของตระกูลต่อตระกูล แผนของสวี่เย่หนักแน่นแข็งแกร่งกว่า
“เราจะทำตามที่ท่านพูด” ถังเทียนพูดโดยไม่ลังเล
สวี่เย่ลังเลเล็กน้อย จากนั้นมองดูถังเทียน “แต่แผนการนี้มีข้อบกพร่องอย่างหนึ่ง”
“ข้อบกพร่องอะไร?” ถังเทียนถามทันที
“นายท่านจะต้องแบบรับความเสี่ยงอย่างหนัก” สวี่เย่อธิบาย “เพราะทันทีที่สถานะของท่านผู้สืบทอดของปรมาจารย์หลี่ถูกเปิดเผยออกไป จะดึงดูดฝ่ายที่ริษยาเข้ามา พวกเขาจะคิดหาวิธีรับเอามรดกของปรมาจารย์หลี่แน่นอน นายท่านจะตกอยู่ในอันตรายอยู่เรื่อย และด้วยความเสี่ยงด้วยชื่อของท่านเอง มีโอกาสที่จะดึงดูดสุดยอดนักสู้เข้ามาหา ถ้าท่านต้องการยกระดับชื่อเสียงให้ท่าน ท่านแค่ประกาศความตายของหลูเทียนเหวินออกไป แต่เมื่อทำเช่นนั้นหลูเซิงเซียงจะต้องทำทุกอย่างเพื่อให้เขาฆ่าท่านได้แน่นอน ดังนั้นนายท่านในช่วงเวลานี้พลังของท่านจะต้องเพิ่มขึ้นแน่ แต่เนื่องจากท่านจำเป็นต้องการเวลาสำหรับขัดเกลาฝีมือ คงเป็นเรื่องดีกว่าที่ท่านจะหายอดฝีมือมาต่อสู้อุ่นเครื่อง เพื่อให้ท่านเพิ่มโอกาสเอาชนะหลูเซิงเซียง”
ในที่สุดสวี่เย่ก็เข้าใจว่าเนี่ยชิวรู้สึกยังไง ไม่ใช่เพราะว่าพวกเขาไม่ต้องการสร้างแผนการที่ปลอดภัยกว่า แต่นายท่านแข็งแกร่งเกินไป และในทุกอย่างที่พวกเขาสามารถคิดได้นายท่านจะกลายเป็นแกนกลางโดยอัตโนมัติ
แผนดังกล่าวมักจะมีสิ่งล่อใจที่มิอาจต้านทานได้ ถ้าเป็นในอดีต เขาคงไม่สร้างแผนนั้นแน่นอน เพราะในแผนการ จำเป็นต้องเดิมพันเข้าข้างนายท่านอย่างเดียว เดิมพันว่านายท่านสามารถแบกรับภาระเช่นนั้นได้ เดิมพันว่านายท่านจะแข็งแกร่งมากขึ้นผ่านการท้าทายนั้นได้
ระดับของหลูเทียนเหวินจะเป็นเพียงทำให้เรื่องผู้สืบทอดปรมาจารย์หลี่เป็นเรื่องตลก มีแต่ต้องได้รับระดับที่สูงขึ้นมีคนจับตาความคงอยู่มากขึ้น สามารถทำให้ทั่วแดนบาปตกอยู่ภายใต้เท้าของนายท่านได้
เขาไม่รู้ว่าเขาคิดถูกหรือไม่ แต่นี่เป็นแผนดีที่สุดเท่าที่เขาคิดได้
ถังเทียนแค่นเสียง “ดึงดูดความสนใจพวกเขาน่ะหรือ? ไม่สำคัญ ต่อให้พวกเขาไม่มาหาข้า ข้าก็ต้องไปหาพวกเขา! พวกเขาจะต้องถูกข้าเล่นงานจนต้องคุกเข่าต่อหน้าข้าเลยคอยดู”
ตั้งแต่เขาก้าวเท้าเข้าแดนบาป ถังเทียนมักจะมีความโกรธอยู่ในตัวเสมอ ‘บริวารของข้าเองถูกจับเป็นนักโทษ พวกเจ้าต้องการแค่ส่งพวกเขากลับคืนหรือ?ไร้เดียงสา! พวกเขาต้องทนทุกข์โดยไม่ได้อะไรงั้นหรือ?’ ถังเทียนวางแผนทวงคืนหนี้ขนานใหญ่
ขณะนั้นยานโดยสารลำหนึ่งมาปรากฏเบื้องหลังพวกเขาและสารถีส่งธงดำหมีโลหิตให้และหน้ากากผี
“ธงและหน้ากากผู้น้อยจัดส่งมาให้เป็นพิเศษ ครั้งนี้ความเคลื่อนไหวของนายท่านและจะต้องสร้างแรงกระทบได้” สวี่เย่กล่าว “ตั้งแต่เราตัดสินใจสร้างศักดิ์ศรีชื่อเสียงของเรา เราต้องทำให้ใหญ่โต มันต้องยิ่งใหญ่”
ถังเทียนมองดูธงดำหมีโลหิตถูกปักเอาไว้ หน้าของเขาเหยเกทันที ‘พวกเจ้าไม่รู้จักวาดขึ้นใหม่หรือไง?’
ธงดำหมีโลหิตถูกวาดขึ้นตามแบบที่ถังเทียนเคยทำในก่อนหน้านั้น แต่นี่มันเพิ่งถูกปักขึ้น และคันธงทำด้วยโลหะหน้ามั่นคง ดูสง่างามมากกว่า
“นายท่านท่านสามารถขังตัวฝึกฝนได้ในอีกสองสามวัน” สวี่เย่หัวเราะ “ข้าเกรงว่าเมื่อเราไปถึงเมืองบูรพาอมตะ ท่านจะต้องเผชิญกับการสู้รบต่อเนื่อง”
ถังเทียนหัวเราะ จิตวิญญาณนักสู้ของเขาเพิ่มขึ้น “ฮ่าฮ่า ไม่ต้องห่วงข้า!”
–––––––––
เมืองจื่อจวน
“เป็นฝีมือวาดของข้าที่วาดได้ดีนะ” อาโมรี่ดีใจ “ยังดีกว่าถังห้าวมากนัก”
ภาพวาดของเขาดูดีกว่าของถังเทียนจริงๆ อย่างน้อยก็ยังดูคล้ายหมี
หานปิงหนิงไม่สนใจเขาและวางภาพเลียนแบบของหมีโลหิตลง “เราจะเอาตามนี้”
อาโมรี่ไม่อาจทนได้ “อย่าบอกข้านะว่าเจ้าต้องการจะใช้เจ้ารูปหมีน่าเกลียดเป็นธงทหารหน่วยสุญญตาจริงๆ?”
กระบี่เล่มหนึ่งพาดคอเขาทันทีปลายแหลมกระบี่ทำให้ขนในตัวเขาลุกชัน หานปิงหนิงยืนอยู่ข้างเขาพูดเสียงเย็นชา “เจ้าว่ามันน่าเกลียดหรือ?”
หนังของอาโมรี่ชา เขาสามารถบอกได้ว่าหานปิงหนิงโกรธ!
‘แม่สาวน้ำแข็งนี่ทำอะไรก็ได้จริงๆ เมื่อนางโกรธ!’
อาโมรี่ชูมือทันที“เราว่าตามเจ้าก็แล้วกัน!”
หลังจากนั้นเขารู้สึกว่าเขาอ่อนแอเกินไป ดังนั้นเขาถาม “เจ้าจะไม่ถามความเห็นจากคนอื่นบ้างหรือ?”
หานปิงหนิงหันไปอีกด้าน และเนี่ยชิวดูเหมือนจะรู้ว่าหานปิงหนิงกำลังมองเขา เขาหัวเราะ “ข้าไม่คัดค้าน”
ความจริงเขาไม่มีความเห็นอะไร เขาไม่สนใจเรื่องเล็กน้อยแบบนั้นแม้แต่น้อย นอกจากนี้ ในกลุ่มดาวราชสีห์ ธงส่วนตัวของพระยาราชสีห์เต็มไปด้วยเกียรติยศและศักดิ์ศรี นอกจากนี้ธงน่าเกลียดก็คือสิ่งที่นายท่านทำด้วยตนเอง
ด้วยทักษะสิ่งทอของตระกูลเซวีย พวกนางปักธงหมีโลหิตได้อย่างรวดเร็ว
หานปิงหนิงมองดูธงดำหมีโลหิตและการสู้รบที่ถนนตะวันตกผุดขึ้นมาในใจนาง บุรุษสวมหน้ากากผีแบกธงพลางตะโกนก้อง “หานปิงหนิงแห่งหน่วยสุญญตาหมีใหญ่ ออกมารายงานตัว!”
ดูเหมือนจะเข้าหูของนาง
นางจดจำสภาพใจนางได้ชัด ถ้าไม่ใช่เพราะนางถูกดารินมัวร์บังคับและไม่ต้องการให้ดารินและพวกที่เหลือเห็นความอ่อนแอของนาง นางคงหลั่งน้ำตาไปแล้ว
ในการต่อสู้ครั้งที่สองนางติดตามอยู่ด้านหลังถังเทียน ด้านหลังธงและเห็นหมีโลหิตที่น่าเกลียดอยู่บนธงดำโบกสะบัดตามสายลม นางฝืนตัวเองรักษาธงเอาไว้และใช้มันเป็นธงทหารของหน่วยสุญญตา
ในช่วงเวลาที่ยากลำบากนั้นในห้วงเวลาอันตราย ในห้วงเวลาที่สิ้นหวัง เป็นร่างที่อยู่กับธง ความภูมิใจความหยิ่งในดวงตาของเขาสร้างความหวังให้นาง
เมื่อทุกคนรู้เรื่องที่ธงที่น่าเกลียดคือสิ่งที่นายท่านนำไปช่วยหานปิงหนิงเมื่อพวกเขาได้ยินเรื่องที่นายท่านเดินไปตามสนามรบด้วยตัวเอง เมื่อพวกเขาได้ยินว่าเขาเด็ดขาดและหยิ่งผยองเพียงไหนหน่วยสุญญตาทุกคนล้วนเลือดลมพลุกพล่านทันที
จนกระทั่งหานปิงหนิงพูดเรื่องนี้
“เราต้องใช้เวลาช่วงนี้แข็งแกร่งขึ้นให้ได้ เราไม่ควรปล่อยให้นายท่านช่วยเรา ในฐานะผู้ใต้บังคับบัญชาของนายท่าน นี่เป็นเรื่องน่าอาย! ช่วงเวลาที่เราต้องฝึกนี้ได้มาจากการที่นายท่านต้องไปเสี่ยงชีวิตเพื่อเรา นี่มันน่าอาย!”
หน่วยสุญญตาหมีใหญ่พากันเงียบ หน้าของทุกคนบัดเดี๋ยวเขียว เดี๋ยวแดง บุรุษชาวหมาป่าคอตั้งเส้นเลือดทุกคนกระตุก ‘ใช่แล้ว เราคือบริวารของนายท่าน เราต้องให้เขาช่วยเราจริงๆ เราทำให้เขาต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อกันเวลาไว้ให้เราได้ฝึกฝน’
‘นี่คือความอดสูครั้งใหญ่ที่สุด!’
ชาวดาวหมาป่าทุกคนยินดีตายเพื่อถังเทียน และความอัปยศดังกล่าวเชือดเฉือนหัวใจพวกเขาจนพวกเขารู้สึกหัวใจมีเลือดออก
ไม่จำเป็นต้องพูดกันครั้งที่สอง หน่วยสุญญตาฝึกฝนกันอย่างบ้าคลั่ง พวกเขาทุกคนทุ่มเทฝึกฝนตนเอง
เนี่ยชิวผู้เข้าใจถึงความเปลี่ยนแปลงได้ตระหนักว่าเขาจำเป็นต้องประเมินหน่วยสุญญตาใหม่
เมื่อฉากภาพเดียวกันนี้โรแลนด์ ซูและพวกที่เหลือถึงกับสูดหายใจหนาวเหน็บ ‘พวกเขาเป็นบริวารแบบไหนกัน!’
“ถ้าพวกท่านสามารถทำได้ ก็จงฝึกฝนให้ดีที่สุดที่พวกท่านทำได้” อาโมรี่พูดกับพวกเขาทันทีด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “เราจะต้องออกไปจากแดนบาปได้แน่นอน ยิ่งพวกท่านซึมซับจากเราได้มาก ประโยชน์มากจะเกิดกับพวกท่านในอนาคต”
ทุกคนมองหน้ากันเอง
“ข้าจะฝึกด้วย” กู้เสวี่ยเป็นคนแรกที่เดินออกมา นางสามารถรู้สึกได้ชัดถึงการสนับสนุนที่พวกเขามีต่อถังเทียน
เมื่อเห็นเช่นนั้นคนอื่นก็เดินออกมาเช่นกัน
เนี่ยชิวหัวเราะความมั่นใจของเขาเพิ่มขึ้น
สิ่งที่อาโมรี่ไม่รู้ก็คือเขาจะมีความยินดีไปอีกหลายปีที่พูดเช่นนั้นออกมา