ตอนที่ 744 สิบวินาทีฆ่าหนึ่งคน?
ในความรู้สึกของเย่ว์หยางพลังระเบิดหกแสงทั้งหมดแทบจะเท่ากับระเบิดปรมาณู
ฟ้าถล่มแผ่นดินทลาย
ความรู้สึกถึงพลังทำลายล้างเต็มอยู่ในใจของผู้อยู่ในเหตุการณ์ พวกเขาตกตะลึงกันทุกคน
“หลบ” เย่ว์หยางมีปฏิกิริยาเป็นคนแรกเขาโอบตั่วตั่วไว้ในวงแขนปกป้องนางด้วยปีกเพลิงอมฤต และห่างออกไปครึ่งทางเขาฉุดมืออิคคาไปหลบอยู่ด้านหลังจ้าวปีศาจโบราณ ความจริงในแง่พลังป้องกันอสูรสาวทั้งสองไม่ได้อ่อนแอกว่าเขา แต่จิตสำนึกทำให้เย่ว์หยางมีปฏิกิริยาเช่นนั้นทำให้เขารู้สึกว่าจะต้องปกป้องพวกนาง
“ซวยบัดซบจริงๆ!” จ้าวปีศาจโบราณเองก็ต้องการช่วยเย่เซียวและจื่อกวงบริวารของเขาเอง เย่ว์หยางใช้โซ่ชีวิตฉุดดึงเขาและเสี่ยวเหวินหลียังใช้ทักษะแฝงเร้นพันธนาการตรึงจ้าวปีศาจโบราณไว้ในกลางอากาศ
เมื่อจ้าวปีศาจโบราณทำลายพันธนาการเป็นอิสระ ลูกบอลพลังงานทั้งหกก็เกิดระเบิดขึ้นแล้ว
คลื่นแรงระเบิดที่น่ากลัวแผ่ขยายออกไปอย่างน่ากลัว
ภายในรัศมีระเบิดขนาดใหญ่ ทุกอย่างพังพินาศ เยี่ยสิ่วและเป่ยหวาดผวา คนหนึ่งไปทางทิศตะวันออก และอีกคนหนึ่งเผ่นไปทางทิศตะวันออกอย่างจนใจ แต่จำต้องหนีอย่างหวาดผวา แต่ความเร็วในการหนีของพวกเขาช้ากว่าแรงระเบิด ร่างของพวกเขาไหม้เกรียมหล่นกระแทกภูเขาห่างออกไปหมื่นเมตร เย่เซียวและจื่อกวงไม่มีเวลาพอจะหนี จ้าวปีศาจโบราณได้แต่มองอย่างช่วยอะไรไม่ได้ มารดาของอาหงไม่สามารถต้านทานแรงระเบิดได้แน่นอน แต่นางกดปุ่มกลไกปิดประตูที่ฐานแท่นบูชายัญโดยไม่รู้ตัว
แท่นบูชายัญและรูปสลักหักพังเทพสตรีตกอยู่ภายในรัศมีระเบิดเป็นสิ่งเดียวที่ยังเหลืออยู่
จักรพรรดินีฟ้าที่อยู่ในสภาพล่องหนกางโล่พลังป้องกันไว้ได้
โล่พลังงานจะมีอักษรรูนธาตุทองและอสูรพิทักษ์ปกป้องตัวหนึ่ง ด้วยพลังตาทิพย์ของเย่ว์หยางไม่สามารถมองผ่านได้
ไม่ทราบว่าผ่านไปนานเท่าใด
หลังจากระเบิดครั้งใหญ่ทำลายภูเขาในหุบเขาทั้งหมด ในที่สุดทัศนวิสัยก็ค่อยๆ ชัดขึ้น
ยอดเขาภูเขาและหุบเขาหายไป เห็นแต่ช่องว่างเว้าแหว่งขนาดใหญ่ เหมือนโดนสุนัขยักษ์กัดจนแหว่ง กรวดและหินจำนวนมากถูกแรงระเบิดกวาดลอยขึ้นไปในท้องฟ้า และครั้งนี้เกิดรอยแยกลึกลงไปและพื้นลึกลงไปเป็นอุโมงค์ลึกหลายร้อยเมตรเหมือนสัตว์ร้ายขนาดยักษ์อ้าปากรออยู่
มีอย่างเดียวที่ยังเหลืออยู่ก็คือแท่นบูชายัญ
ที่ฐานด้านล่างแท่นบูชายัญยังมีเสาค้ำอยู่ข้างล่าง เพียงแต่เพราะสุดยอดผนึกนั้นไม่ได้ป้องกันพื้นที่โดยรอบเผื่อไว้ จึงกลายเป็นเหมือนเสาหินกลมค้ำไว้โดยมีเหวลึกอยู่รอบๆ แท่นบูชายัญ เมื่อเย่ว์หยางประคองตั่วตั่วและอิคคาลงบนพื้นแท่นบูชายัญอย่างนุ่มนวล และพบว่าแท่นบูชายัญไม่ได้รับความเสียหายแม้เท่าเส้นผม เพียงแต่ระเบิดทำให้เกิดพลังแผดเผาโดยรอบ จึงทำให้เกิดเปลวไฟใหญ่เหมือนกับหม้อต้มน้ำร้อน
ภายใต้เสาค้ำแท่นบูชายัญ จ้าวปีศาจโบราณช่วยเย่เซียวให้หลีกหนีจากการระเบิดครั้งใหญ่
ครั้งนี้จื่อกวงตลอดทั้งตัวไหม้ดำ
เขาหมดสติและยังไม่ฟื้น
ในท้องฟ้าสูงมีร่างหนึ่งที่หมดสติกำลังร่วงอย่างเร่งร้อน
จ้าวปีศาจโบราณรีบคว้าตัวเขาไว้ เป็นเย่เซียวนั่นเอง
เมื่อครู่ก่อนนั้นถ้าไม่ใช่เพราะเย่เซียวผลักจื่อกวง ดังนั้นจึงเป็นเขาที่เสี่ยงเข้ารับพลังระเบิดแทน เขาทำให้จื่อกวงมีโอกาสรอด และเพราะหลบหลีกแรงระเบิดใหญ่บินขึ้นไปในอากาศ.. แม้ว่าเขาจะไม่ตาย แต่เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสเกือบตาย
เยี่ยสิ่วซึ่งเป็นคนแรกที่หนี เขาถูกแรงระเบิดกระเด็นไปกองรวมกับกองกรวดหิน หน้าตาเขามอมแมมไม่เหลือเค้าความหล่ออีกต่อไป
ถ้าไม่ใช่เพราะระยะทางที่เขาหนีไปได้ไกลจนสุดขอบเขตแรงระเบิดใหญ่ และด้วยพลังในปัจจุบันของเขา คงจะไม่รอดจากแรงระเบิดครั้งใหญ่เป็นแน่ อาเป่ยยังดีกว่าเยี่ยสิ่ว แต่ไม่มากเท่าใดนัก หลังจากจื้อจุนและราชาเก้าแสงสู้กัน พวกเขารู้สึกเหมือนว่าตัวเองไร้พลังอำนาจ แม้จะได้ชื่อว่าเป็นนักสู้ปราณฟ้า แต่เมื่อเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่า พวกเขาก็แค่ใหญ่กว่ามดเท่านั้น นักสู้ปราณฟ้าระดับราชา มีพลังที่น่ากลัวมาก ระเบิดพลังธาตุหกแสงยังร้ายกาจขนาดนั้น แล้วจะน่ากลัวขนาดไหนถ้าผสานกับพลังเก้าแสง?
เย่ว์หยางมองดูรอบๆ เขาไม่ใส่ใจถึงความเป็นความตายของเย่เซียว จื่อกวงและคนอื่นมากนัก
มีเพียงคนเดียวที่เขาห่วง
นั่นคือจื้อจุน!
แม้ว่าคนที่ถูกกระสุนระเบิดพลังธาตุทั้งหกก็คือราชาเก้าแสง แต่จื้อจุนก็ยังอยู่ในใจกลางจุดระเบิดด้วยเช่นกัน เกิดอะไรขึ้นกับนาง? นางหลบได้อย่างปลอดภัยหรือได้รับบาดเจ็บ?
ยังคงไม่เห็นจื้อจุน แต่ราชาเก้าแสงเริ่มปรากฏตัว
ลึกลงไปในอุโมงค์ใต้แท่นบูชายัญ ร่างของราชาเผ่าเก้าแสงแม้ว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บเพียงผิวเผินหลั่งโลหิต แต่ร่างเปลือยท่อนบนไม่ได้รับความเสียหายเท่าใดนัก ไม่มีรอยไหม้แม้แต่ปลายเส้นผม ใบหน้าของเขาไม่มีแววโกรธและหยิ่งยโส มีแต่จุดสีดำเล็กน้อยซึ่งเป็นข้อพิสูจน์ว่าจุดที่เขาอยู่เป็นใจกลางพื้นที่ระเบิดครั้งใหญ่
ระเบิดรุนแรงขนาดนั้น ไม่เพียงแต่เขาไม่ตาย แต่ไม่ได้รับบาดเจ็บอีกด้วยหรือ?
เจ้าผู้นี้เป็นคนหรือเปล่า?
เย่ว์หยางเห็นว่ามีมุกร่วงหล่นออกมา
เดิมทีเขาคิดว่าเขายังสามารถทำให้ราชาเก้าแสงบาดเจ็บที่แขนหรือทำร้ายซี่โครงหรือโจมตีเขาจนเหลือแต่เถ้าถ่าน... คาดไม่ถึงเลยว่าคนผู้นี้ยังรอดชีวิตอยู่ได้ ถ้าไม่ใช่เพราะร่างกายได้รับบาดเจ็บจากแรงระเบิดหกธาตุ เย่ว์หยางคิดว่าเขาคงจะหลบได้ในช่วงสุดท้าย
ทนต่อระเบิดพลังธาตุทั้งหกได้ โดยที่ร่างกายไม่ได้รับความเสียหาย นับว่าไม่เลว
คนผู้นี้ไม่ธรรมดาจริงๆ
เย่ว์หยางรู้สึกจนใจ
แน่นอนว่าเย่ว์หยางไม่รู้ว่าราชาเก้าแสงและราชาใจสิงห์ทั้งสองเป็นนักสู้แดนสวรรค์ระดับราชา แต่พวกเขามีพลังเหนือกว่านักสู้ระดับราชาโดยทั่วไปมาก และใกล้จะเป็นนักสู้ระดับจักรพรรดิเต็มที ไม่ต้องพูดถึงราชาใจสิงห์ ราชาเก้าแสงรู้จักหอทงเทียนและแดนล่มสลายแห่งทวยเทพดีว่าทุกคนมิอาจได้มา แต่เขาก็ยังกล้าโน้มน้าวเผ่าตระกูลจนได้ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความทะเยอทะยานของเขา
ในแดนสวรรค์ ความทะเยอทะยานเป็นการแสดงความแข็งแกร่งโดยตรง
ราชาเก้าแสงมีความทะเยอทะยานต้องการสมบัติในแดนล่มสลายแห่งทวยเทพ เพื่อแสดงให้เห็นว่าเขามีพลังน่ากลัวเพียงไหน
“เห็นข้าปลอดภัยดีเจ้าคงผิดหวังมากสินะ?” ราชาเก้าแสงมองดูเย่ว์หยางพลางส่ายศีรษะถอนหายใจ จากนั้นเขาพูดอย่างจริงจัง “ความจริงข้ายังบาดเจ็บอยู่ พลังทำลายล้างของการผสานพลังหกแบบนี่ไม่ดีเลยจริงๆ”
“เฮ้, เจ้าจะเอาแต่อวดอ้างตนเอง และชื่นชมตัวเองเท่านั้นเองหรือ?” เย่ว์หยางไม่สามารถทนได้ คนผู้นี้ใช้พลังหกสายผสานโจมตี แต่เขายังกล้าชื่นชมตัวเองโดยตรงด้วยหรือ
“พลังระเบิดหกแสงอย่างนี้ ข้ายังยังสามารถใช้โจมตีได้อย่างน้อยอีกห้าสิบครั้ง แล้วเจ้าล่ะ ยังจะสามารถหลบได้อีกกี่ครั้ง?” ราชาเก้าแสงพยายามโน้มน้าวให้อีกฝ่ายยอมแพ้ ในใจของเขาถือว่าเย่ว์หยางเป็นอัจฉริยะคนหนึ่ง ถ้าเขายินดีร่วมมือ อย่างนั้นแดนล่มสลายแห่งทวยเทพก็เข้าได้สะดวก เย่ว์หยางจะได้รับการส่งเสริมให้มีความเชี่ยวชาญในกฎมิติภพภูมิเหมือนอย่างจื้อจุน นอกจากนี้ถ้าทั้งสองเข้าร่วมสำรวจแดนล่มสลายแห่งทวยเทพย่อมเหมือนกับพยัคฆ์ติดปีกอย่างไม่ต้องสงสัย
“ข้าอาจจะหลบไม่ทันก็ได้” เย่ว์หยางเลิกคิ้วช้าๆ ในนัยน์ตาเขามีรอยยิ้มเย้ยหยัน “แต่ไม่ลองดูแล้วใครจะรู้?”
“เจ้าจะสู้จนถึงที่สุดสินะ?” ราชาเก้าแสงรู้ว่าการเอาแต่โจมตีอย่างเดียวไม่มีผลลงเอยที่ดี
“ข้าแค่บอกว่าไม่แน่” เย่ว์หยางทำตัวเป็นเด็กดีทันที และหันไปด้านข้างแสดงความเคารพ “ข้าเชื่อฟังอาจารย์อยู่แล้ว อาจารย์บอกให้ไปทางตะวันออก รับรองว่าข้าไม่กล้าไปทางตะวันตก!”
“ระเบิดพลังหกสาย, ก็แค่นั้นเอง” จื้อจุนปรากฏตัวอยู่ใกล้เย่ว์หยาง มือของนางประคองดวงสว่างเล็กๆ เหมือนดวงอาทิตย์สองลูก
ดวงสว่างสองลูกนี้ถูกควบกลั่นเป็นเวลานานแล้ว ดูเหมือนไม่ต่างจากครั้งก่อน
แต่ภายในดวงสว่างนี้มีการเปลี่ยนแปลงที่พลิกฟ้าคว่ำดิน
ดวงพลังงานสว่างที่เพิ่งสร้างขึ้นก่อนนั้นไม่มีแก่นแกน แต่ตอนนี้ดวงสว่างทั้งสองมีแกนพลังงาน ผิวของมันมีคุณสมบัติคล้ายหลุมดำซึ่งดูดกลืนสรรพสิ่งได้ ที่สำคัญที่สุดแกนทั้งสองนี้ถูกควบคุมโดยจื้อจุน
พร้อมใช้งาน
ดวงพลังงานทั้งสองจะยังไม่หายไปเหมือนกับดวงพลังก่อนนี้ เมื่อมันดูดกลืนพลังงานอย่างเพียงพอ
ดวงพลังงานในปัจจุบันนี้เว้นแต่เป็นความต้องการของจื้อจุน มันจึงจะหายไป แต่มันจะไม่หายไปและสามารถทำลายศัตรูได้
เย่ว์หยางมองดูดวงพลังงานทั้งสอง ใจของเขาสั่นสะท้าน ทันใดนั้นเขามีความรู้สึกเข้าใจอย่างชัดเจน ดวงพลังงานทั้งสองนี้ ถ้าถูกขยายออกไปพันเท่า หมื่นเท่า แสนเท่า ล้านเท่าและขยายขนาดจนเท่ามิติหลุมดำของนางพญาเฟ่ยเหวินหลี ก็จะเป็นผนึกเทพที่ใช้ผนึกนักสู้โบราณไม่ใช่หรือ?
ผนึกหลุมดำนี้สร้างได้อย่างไร?
เย่ว์หยางไม่สามารถค้นหาคำตอบนี้ได้
แต่บัดนี้ ในที่สุดเขาก็พบคำตอบ
ผนึกหลุมดำของแท้นี้ใช้กฎภพภูมิมิติและเจตจำนงสุดยอดฝีมือไร้เทียมทาน... สิ่งที่จื้อจุนเชี่ยวชาญในตอนนี้ก็คือต้นแบบของมิติหลุมดำนี้ แม้ว่ายังจะห่างไกลจากผนึกหลุมดำ แต่นางก็เข้าใจหลักการนั้น สิ่งที่ยังด้อยอยู่ก็คือการเสริมพลังงานและเจตจำนง ถ้าหากมีเวลานางอาจสำเร็จวิชานี้ได้เหมือนสุดยอดนักสู้โบราณ สามารถกักสิ่งมีชีวิตเข้าไปในมิติหลุมดำได้โดยตรงแทนที่จะใช้สิ่งนี้ฆ่า.. นั่นคือทักษะฝีมือที่น่ากลัวที่สามารถกักขังวิญญาณได้
ถ้าจื้อจุนมีฝีมือแบบนี้ อย่าว่าแต่จ้าวปีศาจโบราณเลย จักรพรรดิชื่อตี้และราชาเผ่าเก้าแสง ต่อให้เป็นจักรพรรดินีฟ้าที่อยู่อย่างเงียบงันก็ไม่สามารถหลบหนีจากผนึกได้
การพิชิตนางพญาเฟ่ยเหวินหลีผู้กวาดล้างแดนสวรรค์ได้ ทำให้นางถูกกักอยู่ในมิติหลุมดำและไม่สามารถออกมาได้!
“ขอเวลาข้าสักสิบวินาที” จื้อจุนไม่ได้ยิงดวงพลังงานที่น่ากลัวทั้งสอง แต่ยังคงประคองกลั่นพลังอย่างต่อเนื่อง นางส่งสัญญาณให้เย่ว์หยางบังนางเอาไว้ นางฟ้าโลหิตหกปีกที่บินอยู่รอบๆ นางเริ่มเปลี่ยนแปลงไปเป็นอาวุธเทพร่างมนุษย์
“ได้เลย!” เทียบกับเทพธิดาศึกสองพี่น้องอาเหยาอาหยูของเย่ว์หยางแล้ว นางฟ้าโลหิตหกปีกยังมีศักยภาพและพลังต่อเนื่องที่ด้อยกว่า แต่ภาพพจน์และความเชี่ยวชาญยังเหนือกว่าห่างไกล อาเหยาและอาหยูในตอนนี้ไม่สามารถแปลงร่างเป็นอาวุธเทพร่างมนุษย์อย่างนางฟ้าโลหิตหกปีกได้ แต่กลับเพิ่มพลังให้กับจื้อจุนได้อย่างมากมายมหาศาล
กระบี่ในมือของจื้อจุนเปลี่ยนแปลงอย่างสง่างาม
ความสง่างามของนางโดดเด่นมิอาจดูแคลนได้ นางมีปณิธานราชันย์ที่ไร้เทียมทานและเพิ่มขยายขึ้นจนตอนนี้ไม่เป็นรองราชาเก้าแสงแต่อย่างใด
ลำแสงสีแดงฉายออกจากมือของอาวุธเทพร่างมนุษย์ไกลถึงเก้าไมล์
จื้อจุนเรียกคัมภีร์เพชรที่ใกล้จะยกระดับเป็นคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์เต็มทีออกมา มือซ้ายของนางวางอยู่บนผิวคัมภีร์เหมือนกับไม่ตั้งใจ แต่พื้นที่ทั้งหมดเปลี่ยนไปทันที นรกหินเพลิงของจ้าวปีศาจโบราณที่พังเสียหายด้วยพลังระเบิดหกแสงพังทลาย ยกเว้นแต่แท่นบูชายัญพื้นที่ที่เหลือถูกพลังระเบิดหกแสงทำลาย เนื่องจากราชาเก้าแสงมีเจตนาจะครอบครองพื้นที่นี้ แม้แต่จักรพรรดิชื่อตี้และจักรพรรดินีฟ้าก็ยังลอบสังเกตการณ์ แต่จื้อจุนพลิกสถานการณ์อย่างนี้ ด้วยพลังปณิธานและสนามพลังทั่วพื้นที่ถูกสลายออกไป
แต่เป็นพลังปณิธานของจื้อที่ทำให้ทุกคนเสียวสันหลังแทน
นี่คือพลังปณิธานของยอดฝีมือในยอดฝีมือ และพลังปณิธานนั้นตรึงร่างราชาเก้าแสงไว้ แม้ว่าจื้อจุนจะยังไม่ได้ยิงพลังออกมาก็ตาม แต่เย่ว์หยางรู้สึกว่าไม่ว่าราชาเก้าแสงจะหนีไปที่ใดในโลก ไม่ว่าเขาจะเร็วเพียงไหน เขาไม่มีทางหลบหนีพ้นจื้อจุนได้
“หือ?” ราชาเก้าแสงหน้าถอดสีทันที
เขายังคงรู้สึกได้ถึงสภาวะวิกฤติได้
กระบี่ของฝ่ายตรงข้ามมิอาจหลีกเลี่ยงได้?
อะไรกัน ไม่สามารถหลีกหนีได้หรือนี่? พลังพิฆาตของสนามพลังและปณิธานขนาดนี้ เมื่อเผชิญกับกระบี่นี้ ผลที่ตามมาช่างน่ากลัวจริงๆ..
จักรพรรดินีฟ้าซึ่งเงียบมาได้ชั่วขณะจู่ๆ ก็หยุดเอาแต่ดูและพูดขึ้นเป็นครั้งแรก “เด็กน้อยทั้งสองน่าสนใจมากจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นแม่สาวผู้ทรงพลัง หรือเจ้าเด็กน้อยที่ยังเก็บซ่อนพลังยังไม่ได้ทุ่มออกใช้เต็มที่ หอทงเทียนนับเป็นสถานที่ดีงามอย่างแท้จริง คนยุคหลังที่มีพรสวรรค์ปรากฏตัวออกมาเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องได้เรื่อยๆ ตงเย่า! เจ้าคงไม่ถือสานะถ้าคนแก่จะเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย?”
“ตงเย่าได้รับความเอ็นดูจากบรรพชน ข้ามิกล้า” ราชาเก้าแสงมีความสุข เขาคิดว่าเมื่อบรรพชนเข้ามาแทรกแซง เย่ว์หยางและจื้อจุนถึงจะไม่ตายหรือกลัว เมื่อพวกเขาเอาชนะทั้งสองได้ พวกเขาจะได้รับกุญแจเข้าแดนล่มสลายแห่งทวยเทพ สำหรับจ้าวปีศาจโบราณถ้าสำรวจแดนล่มสลายแห่งทวยเทพได้สำเร็จ อย่างนั้นไม่จำเป็นต้องคงความเป็นพันธมิตรอีกต่อไป สมบัติโบราณของแดนล่มสลายแห่งทวยเทพควรใช้ประโยชน์กับนักรบเผ่าเก้าแสง และจะต้องไม่ถูกมอบให้ศัตรูแข็งแกร่งแน่นอน
“เจ้าถ่วงเวลานางสิบวินาทีให้ได้” จื้อจุนดูเหมือนคาดไว้แล้วว่าจักรพรรดินีฟ้าจะต้องเข้ามาแทรกแซง นางย้ำกับเย่ว์หยาง
เย่ว์หยางกลืนน้ำลายเอื๊อก
ต้านทานให้ได้สิบวินาที แม้ว่าจักรพรรดินีฟ้าจะทรงพลังมากกว่าที่คิดเอาไว้ แต่เย่ว์หยางก็มีความมั่นใจแน่นอน
อย่างไรก็ตามเมื่อได้ยินราชาเก้าแสงและจ้าวปีศาจโบราณพูดไว้ก่อนนั้น ใบหน้าของเขาแสดงความไม่มั่นใจ เย่ว์หยางจะสามารถขัดขวางจักรพรรดินีฟ้าได้สักสิบวินาทีหรือไม่? สิบวินาทีสำหรับการต้านยอดฝีมือระดับจักรพรรดินีฟ้าหรือ? แน่นอนว่าสามารถทำลายหุบเขาแม่น้ำขาวได้หลายครั้งเลยทีเดียว! แม้ว่าเย่ว์หยางจะขัดขวางจักรพรรดินีฟ้าไว้ได้สิบวินาที แต่จะมีประโยชน์อะไร? จื้อจุนมั่นใจว่าจะสามารถฆ่าราชาเก้าแสงในสิบวินาทีอย่างนั้นหรือ?
ในเวลาเดียวกัน แม้ว่าจะไม่มีจ้าวปีศาจโบราณและจักรพรรดิชื่อตี้ที่คอยหันเหความสนใจ แค่เพียงความแข็งแกร่งของราชาเก้าแสง นักสู้ระดับราชาในแดนสวรรค์อย่างเดียว สิบวินาทีใครจะขัดขวางเขาได้
สามจอมภพแดนสวรรค์, ยอดฝีมือจากตำหนักกลางแดนสวรรค์ยังไม่กล้าพูดเช่นนี้
อย่างไรก็ตามความมั่นใจตัวเองของจื้อจุน ไม่อาจจะเอามาตั้งข้อสงสัยและปฏิเสธได้
“10, 9, 8...” ตอนนี้จักรพรรดิชื่อตี้เข้าไปซ่อนตัวอยู่ในโลกคัมภีร์อย่างมีความสุข เขาจงใจสร้างความปั่นป่วน ไม่ว่าจื้อจุนจะฆ่าราชาเก้าแสงได้สำเร็จหรือล้มเหลวก็ตาม เมื่อเย่ว์หยางขัดขวางจักรพรรดินีฟ้าและพ่ายแพ้เจ็บตัวจากการรบ ต่อให้จ้าวปีศาจโบราณบาดเจ็บทรุดกับพื้น นี่จะเป็นผลเก็บเกี่ยวที่ยิ่งใหญ่สำหรับเขา
“ฆ่าได้!” จื้อจุนยกอาวุธเทพร่างมนุษย์ ลูกศิษย์นางเป็นคนตัดสินใจทุกอย่าง
ท่าทีเช่นนี้ไม่มีใครสงสัยนางอีก
ราชาเก้าแสงสีหน้าเปลี่ยน เมื่อครู่นี้เขายังจะหัวเราะได้อยู่ แต่คิ้วลึกของเขาพลันเหยียดตรง เขาเกร็งหมัดรอดูว่าศัตรูจะบุกหรือหลบ!!