ตอนที่ 744 ผู้สืบทอดปรมาจารย์หลี่
ยานโดยสารลำหนึ่งบินอยู่ในท้องฟ้า สารถีเป็นทหารผ่านศึกช่วยให้ยานโดยสารบินได้มั่นคง ด้วยสายใยกฎธรรมชาติธาตุลมก่อตัวเป็นลมนับไม่ถ้วนช่วยพยุงยานให้บินไปข้างหน้า กฎธาตุลมที่ปล่อยออกมาพบเห็นกันได้ทั่วไป และประโยชน์ของมันที่มากที่สุดก็คือใช้บิน สารถีที่เป็นนักสู้กฎธาตุลมหาได้มากโดยทั่วไป ทุกๆ บริษัทการค้าก็ต้องการสารถีเช่นนี้
สารถีคนนี้เป็นทหารผ่านศึกมีประสบการณ์มากกว่ายี่สิบปี เขามีพรสวรรค์จำกัด แต่มีการควบคุมกฎแห่งธาตุลมได้ดี ดังนั้นยานของเขาจึงไม่สั่นคลอนแม้แต่น้อย และถ้าไม่ใช่เพราะลมหวีดหวิวรุนแรง คงไม่มีผู้ใดรู้สึกว่ากำลังบินอยู่แน่
แต่ภายนอกของยานโดยสารนี้ถูกปลอมขึ้น แต่ภายในกลับตกแต่งหรูหราลำตัวของยานไม่ได้สร้างจากวัสดุธรรมดา เป็นวัสดุที่แข็งแกร่งทนทานและป้องกันเสียงสะท้อนได้ดี ไม่ต้องกังวลว่าสารถีจะได้ยินคำสนทนาภายใน
ถังเทียนสังเกตทุกอย่างด้วยความอยากรู้อยากเห็นชั่วขณะ ก่อนที่จะรั้งสายตากลับมา เขายังเปรียบเทียบความแตกต่าง ไม่ว่าจะเป็นสวรรค์วิถี ดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์หรือแดนบาป ระบบวิทยายุทธของพวกเขาจะมีความแตกต่างกัน แต่ปฏิสัมพันธ์ของพวกเขาที่มีต่ออาชีพต่างๆในกลุ่มพลเมืองที่ใช้ชีวิตตามปกติ นั่นคือสาเหตุที่วิทยายุทธไม่มีทางหายไปจากประวัติศาสตร์
สำหรับคนทั่วไปทุกคนการต่อสู้คือสิ่งที่พวกเขาไม่ต้องการ และมันคือชีวิตที่พวกเขาต้องดิ้นรนพยายามด้วย
ระหว่างเส้นทางสวี่เย่ยังคงสังเกตถังเทียนอย่างต่อเนื่อง เขาค่อนข้างไม่คุ้นเคยกับคำเรียกหาว่าท่านหน้ากากผี
สวี่เย่ไม่รู้ว่าทำไมถังเทียนจึงเห็นด้วยกับข้อเสนอแนะที่เป็นอันตรายของเนี่ยชิว เขารู้สึกว่าข้อเสนอแนะที่อันตรายแบบนั้นไม่ควรจะมาจากปากของบริวาร เรื่องอันตรายแบบนั้นควรมอบให้บริวารคนหนึ่ง ไม่ใช่ให้ผู้นำรับมาดำเนินการ
สิ่งที่เขาคาดไม่ถึงก็คือถังเทียนเห็นด้วยโดยไม่ลังเล และยิ่งกว่านั้นชื่อของเขายังถูกเสนอให้ดำเนินการตามแผน แน่นอนว่ามองอย่างผิวเผินดูเหมือนข้อเสนอเป็นข้อเสนอของเนี่ยชิว แต่ก็ไม่มีอะไรแตกต่างกันในการถูกเลือก ดังนั้นเขาจะปฏิเสธได้ยังไง?
ขณะที่นายท่านหันหน้ามาเขายังเห็นด้วยโดยไม่ลังเลเลย ตระกูลสวี่ในปัจจุบันถูกใช้ในฐานะเป็นพาหนะสงครามของเจ้านายไปแล้ว และถ้าพาหนะสงครามประสบผลสำเร็จ ตระกูลสวี่จะได้รับความดีความชอบ แต่ถ้านายท่านล้มเหลว อย่างนั้นตระกูลสวี่ก็คงไม่อาจหลีกหนีหายนะได้
ตามแผนของท่านเนี่ยชิว นายท่านต้องการได้คนที่คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมมาช่วยนำทางวิคเตอร์เป็นทางเลือกที่ดี แต่เขาถูกฉินเจิ้นทำร้ายบาดเจ็บยังไม่หาย ดังนั้นสวี่เย่จึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดคนต่อไป
สวี่เย่มองดูเนี่ยชิวด้วยความประหลาดใจ ‘คนตาบอดนี่ แม้ว่าเขาจะไม่เห็นอะไร แต่เขามีอำนาจไม่เบา’
“เราจะไปเริ่มกันตรงไหน?” ถังเทียนถามเฉื่อยชา
ก่อนจากมาเขาดูดซับแก่นต้นกำเนิดชีวิตคุณภาพดีไว้มาก แม้ว่าแก่นต้นกำเนิดชีวิตจะไม่สามารถเปลี่ยนเป็นพลังต้นกำเนิดได้ทันที แต่สามารถเสริมพลังกายเนื้อของเขาได้โดยตรง และช่วยเสริมพลังร่างกายให้สามารถผลิตพลังต้นกำเนิดได้อย่างต่อเนื่อง พลังต้นกำเนิดยังคงสะสมอยู่ในร่างเขาต่อเนื่อง แต่ไม่มีทางที่เขาจะระบายมันออกไป ดังนั้นคลื่นพลังที่ดูเหมือนต้องการจะรั่วไหลออกมาบังคับให้เขาต้องระมัดระวังการกระทำของตัวเองเป็นอย่างมาก ดูเหมือนกับราชสีห์ที่กินอย่างอิ่มหนำสำราญและเคลื่อนไหวตัวอย่างเกียจคร้าน
สวี่เย่เตรียมตัวสำหรับข้อสงสัย “ตระกูลหลูขายนักโทษหน่วยสุญญตาทั้งหมดให้ตระกูลฉิน ฉินเจิ้นตอนแรกอยู่ที่เมืองม้าบินก็ต้องการเพียงซื้อนักโทษหน่วยสุญญตา แต่ตระกูลหลูไม่ได้ห้ามเขา ซึ่งแสดงว่าพวกเขาไม่มีความทะเยอทะยานต่อนักโทษ แม้แต่ข้าก็ไม่รู้เหตุผล แต่เราสามารถลงมือในฐานะเป็นผู้ทรงอิทธิพลอำนาจอื่นได้”
“ผู้ทรงอิทธิพลอำนาจอื่น?” ถังเทียนถามด้วยความงงงวย
“ใช่แล้ว” สายตาของสวี่เย่เป็นประกายเจิดจ้า “ปัจจุบันนี้ข่าวว่าตระกูลฉินถูกทำลายกระจายไปในวงกว้าง ตระกูลหลูจะต้องรู้เรื่องอย่างแน่นอน แต่พวกเขาไม่คิดว่าเป็นเรา และสงสัยมือที่สาม เราแค่ต้องสวมรอยเป็นมือที่สามดำเนินการกับเมืองม้าบิน และกวาดซื้อนักโทษสุญญตา”
ถังเทียนเริ่มหลั่งเหงื่อเมื่อได้ยินเช่นนั้น
จากนั้นสวี่เย่พูดอธิบายต่อ “เราส่งข่าวออกไปว่าเป็นเพราะนักโทษหน่วยสุญญตา นั่นคือเหตุผลให้เราโจมตีตระกูลฉิน และเราก็บุกยึดเมืองจื่อจวนไว้แล้ว มีแนวโน้มว่าเมืองม้าบินจะรอรับข้อเสนอที่ดี เนื่องจากเหตุที่เราต้องการนักโทษเหล่านี้ เป็นเพราะเรากำลังสร้างเมือง”
“สร้างเมือง?” ถังเทียนยิ่งหลั่งเหงื่อเพิ่มขึ้น
“ถูกแล้ว” สวี่เย่ถอนหายใจ “เราได้พบบันทึกเมื่อตอนเราตรวจหาในตระกูลฉิน และตระหนักได้ว่าพวกเขามักจะมองหาอะไรบางอย่าง เมื่ออธิบายถึงตรงนี้ข้าจำเป็นต้องบอกท่านเกี่ยวกับทุกอย่างตั้งแต่เริ่มต้น ในปีนั้นที่ตระกูลต่างๆ ถูกเนรเทศมายังแดนบาป เป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก แต่ก็เป็นมรดกตกทอดมาจากพวกเขายาวนานทำให้พวกเขาเข้าถึงริมขอบของกฎธรรมชาติพวกแรกที่เปลี่ยนมรดกตกทอดของพวกเขาได้ก็คือห้าตระกูล ห้าตระกูลคือตระกูลที่มีประวัติศาสตร์เบื้องหลังพวกเขาวนานที่สุดเกินกว่าทุกตระกูลที่ถูกเนรเทศ แต่ละตระกูลสร้างเมืองตระกูลละเมือง และครอบครองที่ดินที่อุดมสมบูรณ์มากที่สุดซึ่งปัจจุบันนี้ก็คือสี่เมืองใหญ่ ตระกูลสุดท้ายมีเพียงคนเดียวขณะที่คนในตระกูลของเขาตายกันทั้งหมด ดังนั้นเขาจึงกลายเป็นเป้าหมายรับคัดเลือกของสี่ตระกูล ชื่อของเขาคือหลี่จื้อกง ไม่เพียงแต่เขารู้แจ้งกฎธรรมชาติได้เร็วที่สุดเท่านั้น แต่พลังของเขามีชื่อเสียงทั่วไปและยกย่องว่าเป็นอันดับหนึ่ง”
“ตระกูลฉินมักจะจับตามองดูตระกูลเซวียโดยหลักก็เพราะมุ่งหวังมรดกของหลี่จื้อกง ก่อนหน้านั้นหลี่จื้อกงอาศัยอยู่ในบ้านตระกูลเซวียในช่วงเวลาหนึ่ง เขาไม่มีทายาทและหายไปหลังจากนั้น” สวี่เย่กล่าว “แต่ตระกูลฉินไม่เคยหามรดกของเขาพบเจอดาบมารพิฆาตกลับปรากฏขึ้นมาโดยฝีมือพวกเขา แต่พวกเขาหาอะไรที่เกี่ยวกับหลี่จื้อกงไม่พบ ข้าสงสัยว่าตระกูลหลูก็พยายามหามรดกของหลี่จื้อกงเช่นเดียวกัน พวกเขาถึงได้ต้องการซื้อตระกูเซวีย”
ทันใดนั้นถังเทียนยิ่งตื่นเต้นกับเรื่องราวและถามต่อ “เกิดอะไรขึ้น, ต่อไปเป็นยังไง?”
“นายท่าน, ท่านสามารถปลอมตัวเองเป็นผู้สืบทอดของหลี่จื้อกงได้” ตาของสวี่เย่เป็นประกายแวววาว “นายท่านยังไม่รู้ แต่ในแดนบาป การสืบทอดและมรดกตกทอดหมายถึงตำแหน่งและทรัพยากร ฉินเจิ้นเป็นนักสู้ที่มีพรสวรรค์มากที่สุดในประวัติศาสตร์ตระกูลฉิน แต่ระดับของเขาในทำเนียบนักสู้อยู่ในอันดับแค่42 เมืองจื่อจวนใน 17 เมืองของแดนบาปมักจะอยู่ในระดับล่างๆตระกูลหลูก็จับตามองตระกูลเซวีย มีความเป็นไปได้ที่จะได้รับตกทอดมาจากหลี่จื้อกง เมืองม้าบินอยู่ใกล้สี่เมืองใหญ่ แต่สถานะและศักดิ์ศรียังอ่อนด้อยมากกว่าสี่เมืองใหญ่ หลูเซิงเซียงดูเหมือนเป็นคนธรรมดา แต่เขามีใจทะเยอทะยานมากและต้องการนำตระกูลหลูให้ยิ่งใหญ่บินสูง”
“ฟังดูนั่นน่าสนใจ” ถังเทียนรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจมากขึ้น ตามคาดมีผู้รู้อย่างสวี่เย่ เขาประหยัดเวลาไปได้มากถ้าเขาต้องหาข้อมูลด้วยตนเอง เขาคงไม่มีทางคิดได้อย่างนั้น
ใช่แล้ว สำหรับความเข้าใจของถังเทียน เข้าใจว่าเป็นเรื่องซับซ้อน ด้วยมาตรฐานของเขา เขาไม่รู้จักคิดแผนการที่ประณีตซับซ้อนและรู้แต่เพียงลุยเข้าหาตระกูลหลู เผาบ้าน ลอบเข้าไปเจอผู้อาวุโสที่สำคัญ
“ถ้าตระกูลหลูดำเนินการเพื่อมรดกวิชาของหลี่จื้อกงจริงๆ อย่างนั้นพวกเขาก็คงมีปฏิกิริยา” สวี่เย่กล่าว “เทียบกับนายท่าน, ผู้สืบทอดของหลี่จื้อกงสำคัญกว่าตระกูลเซวียที่ไม่เป็นที่รู้จักก็จะลดความสำคัญไปมาก เกี่ยวกับข่าวเรื่องหลูเทียนเหวินนั้น เราสามารถถ่วงเวลาพวกเขาได้ นอกจากนี้นายท่านสามารถใช้สถานะของผู้สืบทอดเพื่อหลอกล่อตระกูลหลูเพื่อซื้อหน่วยสุญญตาของท่าน”
“นั่นก็ดีเหมือนกัน!” ตาของถังเทียนเป็นประกาย แต่เขารู้สึกสงสัยทันที “แต่ข้าไม่รู้เรื่องวิชาตกทอดของหลี่จื้อกงว่าเป็นยังไงเลย แล้วข้าจะแสดงได้ยังไง?”
“ท่าปางมือของนายท่าน” สวี่เย่กล่าว “นายท่านไม่รู้ แต่ในอดีตหลี่จื้อกงอาศัยท่าปางมือที่ประหลาดและลึกล้ำกลายเป็นสุดยอดวิชา ผู้น้อยได้เห็นท่าปางมือเมื่อนายท่านใช้ช่วยคุณหนูกู้เสวี่ยข้าจึงมีความคิดเช่นนี้เกิดขึ้น”
หลังจากบรรลุระดับใหม่พลังของกู้เสวี่ยเพิ่มขึ้นหลายเท่า และในแดนบาปผู้มีพลังเป็นจ้าว แม้ว่าทุกคนจะเพ่งไปที่ตระกูลใหญ่ก็ตาม แต่เมื่อเผชิญหน้ากับพลัง ตระกูลก็ไม่มีอะไรนอกจากเมฆที่ผ่านเลยไป สวี่เย่มั่นใจจึงเรียกกู้เสวี่ยเป็นคุณหนู
จากนั้นถังเทียนตระหนักบางอย่างได้ เขาทำหน้าแปลกประหลาด “เดี๋ยวนะ เจ้าบอกว่าหลี่จื้อกงใช้ท่ามุทราในอดีตด้วยหรือ?”
“ใช่แล้ว” หน้าของสวี่เย่เต็มไปด้วยความเทิดทูนเมื่อเขาพูดถึงเรื่องหลี่จื้อกง “ปรมาจารย์หลี่เป็นคนที่บรรลุผลสำเร็จเป็นคนแรกในการรู้แจ้งกฎธรรมชาติ เวลานั้นตระกูลซึ่งเข้ามาแดนบาปเป็นเหมือนคนพิการ และหลายคนตายไปอย่างน่าอนาถ อาจกล่าวได้ว่าปรมาจารย์หลี่เห็นหลายตระกูลต้องหลั่งเลือดนองเมื่อเห็นว่าทุกคนกลายเป็นผู้ล่ากันเองทำให้เขาเศร้าใจ เขาเที่ยวไปตามยอดเขาตามลำพังและทำสมาธิถึงสามวันและในที่สุดก็ได้รู้แจ้งวิถีแห่งกฎธรรมชาติของแดนบาป ในวันหนึ่งเขาลงจากภูเขา และพาครอบครัวเข้าสู่หุบเขาและเขาเพียงคนเดียวคอยป้องกันทางเข้าไว้ และฆ่าพวกนักฆ่าจนหมด หลังจากนั้นเขาเดินกลับไปหาตระกูลต่างๆและถ่ายทอดวิถีแห่งกฎธรรมชาติ อาจกล่าวได้ว่าปรมาจารย์หลี่ไม่ได้ใช้อาวุธ ด้วยท่าปางมือของเขา เขาเผชิญหน้ากับศัตรู เมื่อเขาต่อสู้ บางคนเรียกเขาว่าผู้บ้าระห่ำ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นถังเทียนเกือบโพล่งชื่อหกมุทราเทพอสูร!
‘เป็นไปได้ไหมว่าภายในท่าดาบมารพิฆาตจะมีทักษะของหลี่จื้อกงแฝงเอาไว้? ทำไมฉินเจิ้นและพวกถึงไม่หาดู?’
สวี่เย่มองดูสีหน้าประหลาดของถังเทียน และอดถามไม่ได้ “นายท่าน?”
ถังเทียนลูบจมูกและพูดด้วยความละอาย “เทพอสูรหกมุทราของข้าเป็นการรู้แจ้งจากวิชาดาบมารพิฆาตของตระกูลเซวีย”
เหมือนกับว่าสวี่เย่ถูกโจมตีด้วยวิชาอย่างหนึ่งเขาตะลึงทันที หลังจากหายใจเข้าออกสิบครั้ง เขาหน้าแดงด้วยความตื่นเต้น ตาของเขามีร่องรอยสีแดงเหมือนกับคนดื่มเหล้าแล้วเริ่มเมา
“นายท่าน, ท่านต้องไม่พูดเรื่องนี้กับผู้ใดตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป! อย่าพูดเด็ดขาด!”
เสียงของสวี่เย่สั่นสะท้าน เนื่องจากเขาตื่นเต้นจนอธิบายไม่ถูก
‘มิน่าเล่านายท่านถึงได้ทรงพลังมากมายนัก! มิน่าเล่าเขาถึงเอาชนะหลูเทียนเหวินได้!’
ความสงสัยทั้งหมดของเขามารวมกันและสลายคลายไป เขาไม่รู้ว่าหน่วยสุญญตาหมีใหญ่มีพลังมากขนาดไหน แต่ชื่อผู้สืบทอดปรมาจารย์หลี่นั้นเป็นหลักใหญ่สำคัญ
สวี่เย่กล้ายืนยันว่าตราบใดที่สถานะนี้กระจายออกไปจะเกิดแรงกระตุ้นไปทั่วแดนบาป และคนนับไม่ถ้วนจะเริ่มแสดงตัว
เขาบังคับตนเองให้สงบใจเย็น ตอนแรกเขาวางแผนให้นายท่านปลอมตัวเป็นผู้สืบทอดปรมาจารย์หลี่ และเริ่มเตรียมแผนการไว้ในใจ แต่เมื่อได้รู้ว่าเจ้านายเป็นผู้รับสืบทอดขอปรมาจารย์หลี่จริงๆสถานการณ์ย่อมเปลี่ยนระดับคุณภาพไปด้วย
‘ไม่ว่านายท่านจะเรียนรู้ด้วยตนเองหรือคลี่คลายโดยคนอื่น แต่เขาก็ยังได้รับสืบทอดทุกอย่างมาจากปรมาจารย์หลี่อยู่ดี’
แม้ว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง แต่เขาเพียงแค่เปลี่ยนส่วนเล็กๆของแผนการทั้งหมด ในแผนตอนแรกของเขาก็แค่เพื่อให้แน่ใจว่าสถานะทายาทของนายท่านของปรมาจารย์หลี่เป็นเรื่องที่คลุมเครือจนถึงกับมีคนเปิดเผย แต่ตอนนี้เข้าต้องให้มั่นใจว่าสถานะของนายท่านรู้จักกันโดยทั่วไป
สวี่เย่สงบจิตใจและเริ่มคิดอย่างรวดเร็ว
‘พิสูจน์สถานะของนายท่านเป็นเรื่องที่ง่ายมาก ก็แค่แสดงวิชาเทพอสูรหกมุทราให้แดนบาปได้รับรู้’
‘เราจะแสดงออกได้ยังไง?’
‘ไปเยี่ยมตระกูลต่างๆ เพื่อท้าทายพวกเขา!’
‘เมื่อเอาชนะได้ ก็เพียงพอจะสร้างชื่อให้เทพอสูรหกมุทราประทับอยู่ในใจของทุกคน’
‘และจะเป็นยังไงถ้าเขาชนะต่อไปเรื่อยๆ?’
สวี่เย่ควบคุมความตื่นเต้นอย่างยากลำบาก เขาสูดหายใจลึก และตะโกนบอกสารถีด้านนอก “เปลี่ยนแผน, เราจะไปเมืองบูรพาอมตะ!”