ตอนที่แล้วตอนที่ 743 นกหวาดเกาทัณฑ์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 745 ธงกองทัพ

ตอนที่ 744 ผู้สืบทอดปรมาจารย์หลี่


ยานโดยสารลำหนึ่งบินอยู่ในท้องฟ้า สารถีเป็นทหารผ่านศึกช่วยให้ยานโดยสารบินได้มั่นคง ด้วยสายใยกฎธรรมชาติธาตุลมก่อตัวเป็นลมนับไม่ถ้วนช่วยพยุงยานให้บินไปข้างหน้า  กฎธาตุลมที่ปล่อยออกมาพบเห็นกันได้ทั่วไป  และประโยชน์ของมันที่มากที่สุดก็คือใช้บิน สารถีที่เป็นนักสู้กฎธาตุลมหาได้มากโดยทั่วไป  ทุกๆ บริษัทการค้าก็ต้องการสารถีเช่นนี้

สารถีคนนี้เป็นทหารผ่านศึกมีประสบการณ์มากกว่ายี่สิบปี  เขามีพรสวรรค์จำกัด  แต่มีการควบคุมกฎแห่งธาตุลมได้ดี  ดังนั้นยานของเขาจึงไม่สั่นคลอนแม้แต่น้อย  และถ้าไม่ใช่เพราะลมหวีดหวิวรุนแรง  คงไม่มีผู้ใดรู้สึกว่ากำลังบินอยู่แน่

แต่ภายนอกของยานโดยสารนี้ถูกปลอมขึ้น แต่ภายในกลับตกแต่งหรูหราลำตัวของยานไม่ได้สร้างจากวัสดุธรรมดา เป็นวัสดุที่แข็งแกร่งทนทานและป้องกันเสียงสะท้อนได้ดี ไม่ต้องกังวลว่าสารถีจะได้ยินคำสนทนาภายใน

ถังเทียนสังเกตทุกอย่างด้วยความอยากรู้อยากเห็นชั่วขณะ  ก่อนที่จะรั้งสายตากลับมา  เขายังเปรียบเทียบความแตกต่าง  ไม่ว่าจะเป็นสวรรค์วิถี ดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์หรือแดนบาป  ระบบวิทยายุทธของพวกเขาจะมีความแตกต่างกัน  แต่ปฏิสัมพันธ์ของพวกเขาที่มีต่ออาชีพต่างๆในกลุ่มพลเมืองที่ใช้ชีวิตตามปกติ นั่นคือสาเหตุที่วิทยายุทธไม่มีทางหายไปจากประวัติศาสตร์

สำหรับคนทั่วไปทุกคนการต่อสู้คือสิ่งที่พวกเขาไม่ต้องการ และมันคือชีวิตที่พวกเขาต้องดิ้นรนพยายามด้วย

ระหว่างเส้นทางสวี่เย่ยังคงสังเกตถังเทียนอย่างต่อเนื่อง เขาค่อนข้างไม่คุ้นเคยกับคำเรียกหาว่าท่านหน้ากากผี

สวี่เย่ไม่รู้ว่าทำไมถังเทียนจึงเห็นด้วยกับข้อเสนอแนะที่เป็นอันตรายของเนี่ยชิว เขารู้สึกว่าข้อเสนอแนะที่อันตรายแบบนั้นไม่ควรจะมาจากปากของบริวาร เรื่องอันตรายแบบนั้นควรมอบให้บริวารคนหนึ่ง  ไม่ใช่ให้ผู้นำรับมาดำเนินการ

สิ่งที่เขาคาดไม่ถึงก็คือถังเทียนเห็นด้วยโดยไม่ลังเล และยิ่งกว่านั้นชื่อของเขายังถูกเสนอให้ดำเนินการตามแผน แน่นอนว่ามองอย่างผิวเผินดูเหมือนข้อเสนอเป็นข้อเสนอของเนี่ยชิว  แต่ก็ไม่มีอะไรแตกต่างกันในการถูกเลือก  ดังนั้นเขาจะปฏิเสธได้ยังไง?

ขณะที่นายท่านหันหน้ามาเขายังเห็นด้วยโดยไม่ลังเลเลย ตระกูลสวี่ในปัจจุบันถูกใช้ในฐานะเป็นพาหนะสงครามของเจ้านายไปแล้ว  และถ้าพาหนะสงครามประสบผลสำเร็จ  ตระกูลสวี่จะได้รับความดีความชอบ  แต่ถ้านายท่านล้มเหลว  อย่างนั้นตระกูลสวี่ก็คงไม่อาจหลีกหนีหายนะได้

ตามแผนของท่านเนี่ยชิว นายท่านต้องการได้คนที่คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมมาช่วยนำทางวิคเตอร์เป็นทางเลือกที่ดี แต่เขาถูกฉินเจิ้นทำร้ายบาดเจ็บยังไม่หาย ดังนั้นสวี่เย่จึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดคนต่อไป

สวี่เย่มองดูเนี่ยชิวด้วยความประหลาดใจ  ‘คนตาบอดนี่  แม้ว่าเขาจะไม่เห็นอะไร  แต่เขามีอำนาจไม่เบา’

“เราจะไปเริ่มกันตรงไหน?”  ถังเทียนถามเฉื่อยชา

ก่อนจากมาเขาดูดซับแก่นต้นกำเนิดชีวิตคุณภาพดีไว้มาก แม้ว่าแก่นต้นกำเนิดชีวิตจะไม่สามารถเปลี่ยนเป็นพลังต้นกำเนิดได้ทันที แต่สามารถเสริมพลังกายเนื้อของเขาได้โดยตรง และช่วยเสริมพลังร่างกายให้สามารถผลิตพลังต้นกำเนิดได้อย่างต่อเนื่อง พลังต้นกำเนิดยังคงสะสมอยู่ในร่างเขาต่อเนื่อง  แต่ไม่มีทางที่เขาจะระบายมันออกไป  ดังนั้นคลื่นพลังที่ดูเหมือนต้องการจะรั่วไหลออกมาบังคับให้เขาต้องระมัดระวังการกระทำของตัวเองเป็นอย่างมาก ดูเหมือนกับราชสีห์ที่กินอย่างอิ่มหนำสำราญและเคลื่อนไหวตัวอย่างเกียจคร้าน

สวี่เย่เตรียมตัวสำหรับข้อสงสัย “ตระกูลหลูขายนักโทษหน่วยสุญญตาทั้งหมดให้ตระกูลฉิน ฉินเจิ้นตอนแรกอยู่ที่เมืองม้าบินก็ต้องการเพียงซื้อนักโทษหน่วยสุญญตา  แต่ตระกูลหลูไม่ได้ห้ามเขา ซึ่งแสดงว่าพวกเขาไม่มีความทะเยอทะยานต่อนักโทษ  แม้แต่ข้าก็ไม่รู้เหตุผล แต่เราสามารถลงมือในฐานะเป็นผู้ทรงอิทธิพลอำนาจอื่นได้”

“ผู้ทรงอิทธิพลอำนาจอื่น?”  ถังเทียนถามด้วยความงงงวย

“ใช่แล้ว”  สายตาของสวี่เย่เป็นประกายเจิดจ้า “ปัจจุบันนี้ข่าวว่าตระกูลฉินถูกทำลายกระจายไปในวงกว้าง  ตระกูลหลูจะต้องรู้เรื่องอย่างแน่นอน  แต่พวกเขาไม่คิดว่าเป็นเรา  และสงสัยมือที่สาม  เราแค่ต้องสวมรอยเป็นมือที่สามดำเนินการกับเมืองม้าบิน  และกวาดซื้อนักโทษสุญญตา”

ถังเทียนเริ่มหลั่งเหงื่อเมื่อได้ยินเช่นนั้น

จากนั้นสวี่เย่พูดอธิบายต่อ “เราส่งข่าวออกไปว่าเป็นเพราะนักโทษหน่วยสุญญตา  นั่นคือเหตุผลให้เราโจมตีตระกูลฉิน  และเราก็บุกยึดเมืองจื่อจวนไว้แล้ว มีแนวโน้มว่าเมืองม้าบินจะรอรับข้อเสนอที่ดี  เนื่องจากเหตุที่เราต้องการนักโทษเหล่านี้  เป็นเพราะเรากำลังสร้างเมือง”

“สร้างเมือง?”  ถังเทียนยิ่งหลั่งเหงื่อเพิ่มขึ้น

“ถูกแล้ว”  สวี่เย่ถอนหายใจ  “เราได้พบบันทึกเมื่อตอนเราตรวจหาในตระกูลฉิน  และตระหนักได้ว่าพวกเขามักจะมองหาอะไรบางอย่าง เมื่ออธิบายถึงตรงนี้ข้าจำเป็นต้องบอกท่านเกี่ยวกับทุกอย่างตั้งแต่เริ่มต้น  ในปีนั้นที่ตระกูลต่างๆ ถูกเนรเทศมายังแดนบาป  เป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก  แต่ก็เป็นมรดกตกทอดมาจากพวกเขายาวนานทำให้พวกเขาเข้าถึงริมขอบของกฎธรรมชาติพวกแรกที่เปลี่ยนมรดกตกทอดของพวกเขาได้ก็คือห้าตระกูล ห้าตระกูลคือตระกูลที่มีประวัติศาสตร์เบื้องหลังพวกเขาวนานที่สุดเกินกว่าทุกตระกูลที่ถูกเนรเทศ  แต่ละตระกูลสร้างเมืองตระกูลละเมือง  และครอบครองที่ดินที่อุดมสมบูรณ์มากที่สุดซึ่งปัจจุบันนี้ก็คือสี่เมืองใหญ่ ตระกูลสุดท้ายมีเพียงคนเดียวขณะที่คนในตระกูลของเขาตายกันทั้งหมด ดังนั้นเขาจึงกลายเป็นเป้าหมายรับคัดเลือกของสี่ตระกูล  ชื่อของเขาคือหลี่จื้อกง  ไม่เพียงแต่เขารู้แจ้งกฎธรรมชาติได้เร็วที่สุดเท่านั้น  แต่พลังของเขามีชื่อเสียงทั่วไปและยกย่องว่าเป็นอันดับหนึ่ง”

“ตระกูลฉินมักจะจับตามองดูตระกูลเซวียโดยหลักก็เพราะมุ่งหวังมรดกของหลี่จื้อกง ก่อนหน้านั้นหลี่จื้อกงอาศัยอยู่ในบ้านตระกูลเซวียในช่วงเวลาหนึ่ง  เขาไม่มีทายาทและหายไปหลังจากนั้น”  สวี่เย่กล่าว “แต่ตระกูลฉินไม่เคยหามรดกของเขาพบเจอดาบมารพิฆาตกลับปรากฏขึ้นมาโดยฝีมือพวกเขา แต่พวกเขาหาอะไรที่เกี่ยวกับหลี่จื้อกงไม่พบ ข้าสงสัยว่าตระกูลหลูก็พยายามหามรดกของหลี่จื้อกงเช่นเดียวกัน  พวกเขาถึงได้ต้องการซื้อตระกูเซวีย”

ทันใดนั้นถังเทียนยิ่งตื่นเต้นกับเรื่องราวและถามต่อ  “เกิดอะไรขึ้น,  ต่อไปเป็นยังไง?”

“นายท่าน,  ท่านสามารถปลอมตัวเองเป็นผู้สืบทอดของหลี่จื้อกงได้”  ตาของสวี่เย่เป็นประกายแวววาว  “นายท่านยังไม่รู้  แต่ในแดนบาป การสืบทอดและมรดกตกทอดหมายถึงตำแหน่งและทรัพยากร ฉินเจิ้นเป็นนักสู้ที่มีพรสวรรค์มากที่สุดในประวัติศาสตร์ตระกูลฉิน  แต่ระดับของเขาในทำเนียบนักสู้อยู่ในอันดับแค่42 เมืองจื่อจวนใน 17 เมืองของแดนบาปมักจะอยู่ในระดับล่างๆตระกูลหลูก็จับตามองตระกูลเซวีย มีความเป็นไปได้ที่จะได้รับตกทอดมาจากหลี่จื้อกง  เมืองม้าบินอยู่ใกล้สี่เมืองใหญ่ แต่สถานะและศักดิ์ศรียังอ่อนด้อยมากกว่าสี่เมืองใหญ่  หลูเซิงเซียงดูเหมือนเป็นคนธรรมดา  แต่เขามีใจทะเยอทะยานมากและต้องการนำตระกูลหลูให้ยิ่งใหญ่บินสูง”

“ฟังดูนั่นน่าสนใจ” ถังเทียนรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจมากขึ้น  ตามคาดมีผู้รู้อย่างสวี่เย่  เขาประหยัดเวลาไปได้มากถ้าเขาต้องหาข้อมูลด้วยตนเอง เขาคงไม่มีทางคิดได้อย่างนั้น

ใช่แล้ว สำหรับความเข้าใจของถังเทียน เข้าใจว่าเป็นเรื่องซับซ้อน  ด้วยมาตรฐานของเขา  เขาไม่รู้จักคิดแผนการที่ประณีตซับซ้อนและรู้แต่เพียงลุยเข้าหาตระกูลหลู เผาบ้าน ลอบเข้าไปเจอผู้อาวุโสที่สำคัญ

“ถ้าตระกูลหลูดำเนินการเพื่อมรดกวิชาของหลี่จื้อกงจริงๆ  อย่างนั้นพวกเขาก็คงมีปฏิกิริยา”  สวี่เย่กล่าว “เทียบกับนายท่าน, ผู้สืบทอดของหลี่จื้อกงสำคัญกว่าตระกูลเซวียที่ไม่เป็นที่รู้จักก็จะลดความสำคัญไปมาก เกี่ยวกับข่าวเรื่องหลูเทียนเหวินนั้น เราสามารถถ่วงเวลาพวกเขาได้  นอกจากนี้นายท่านสามารถใช้สถานะของผู้สืบทอดเพื่อหลอกล่อตระกูลหลูเพื่อซื้อหน่วยสุญญตาของท่าน”

“นั่นก็ดีเหมือนกัน!”  ตาของถังเทียนเป็นประกาย  แต่เขารู้สึกสงสัยทันที  “แต่ข้าไม่รู้เรื่องวิชาตกทอดของหลี่จื้อกงว่าเป็นยังไงเลย  แล้วข้าจะแสดงได้ยังไง?”

“ท่าปางมือของนายท่าน”  สวี่เย่กล่าว “นายท่านไม่รู้ แต่ในอดีตหลี่จื้อกงอาศัยท่าปางมือที่ประหลาดและลึกล้ำกลายเป็นสุดยอดวิชา  ผู้น้อยได้เห็นท่าปางมือเมื่อนายท่านใช้ช่วยคุณหนูกู้เสวี่ยข้าจึงมีความคิดเช่นนี้เกิดขึ้น”

หลังจากบรรลุระดับใหม่พลังของกู้เสวี่ยเพิ่มขึ้นหลายเท่า และในแดนบาปผู้มีพลังเป็นจ้าว แม้ว่าทุกคนจะเพ่งไปที่ตระกูลใหญ่ก็ตาม แต่เมื่อเผชิญหน้ากับพลัง ตระกูลก็ไม่มีอะไรนอกจากเมฆที่ผ่านเลยไป สวี่เย่มั่นใจจึงเรียกกู้เสวี่ยเป็นคุณหนู

จากนั้นถังเทียนตระหนักบางอย่างได้  เขาทำหน้าแปลกประหลาด  “เดี๋ยวนะ เจ้าบอกว่าหลี่จื้อกงใช้ท่ามุทราในอดีตด้วยหรือ?”

“ใช่แล้ว”  หน้าของสวี่เย่เต็มไปด้วยความเทิดทูนเมื่อเขาพูดถึงเรื่องหลี่จื้อกง  “ปรมาจารย์หลี่เป็นคนที่บรรลุผลสำเร็จเป็นคนแรกในการรู้แจ้งกฎธรรมชาติ เวลานั้นตระกูลซึ่งเข้ามาแดนบาปเป็นเหมือนคนพิการ  และหลายคนตายไปอย่างน่าอนาถ  อาจกล่าวได้ว่าปรมาจารย์หลี่เห็นหลายตระกูลต้องหลั่งเลือดนองเมื่อเห็นว่าทุกคนกลายเป็นผู้ล่ากันเองทำให้เขาเศร้าใจ เขาเที่ยวไปตามยอดเขาตามลำพังและทำสมาธิถึงสามวันและในที่สุดก็ได้รู้แจ้งวิถีแห่งกฎธรรมชาติของแดนบาป  ในวันหนึ่งเขาลงจากภูเขา  และพาครอบครัวเข้าสู่หุบเขาและเขาเพียงคนเดียวคอยป้องกันทางเข้าไว้ และฆ่าพวกนักฆ่าจนหมด  หลังจากนั้นเขาเดินกลับไปหาตระกูลต่างๆและถ่ายทอดวิถีแห่งกฎธรรมชาติ อาจกล่าวได้ว่าปรมาจารย์หลี่ไม่ได้ใช้อาวุธ  ด้วยท่าปางมือของเขา  เขาเผชิญหน้ากับศัตรู  เมื่อเขาต่อสู้  บางคนเรียกเขาว่าผู้บ้าระห่ำ”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นถังเทียนเกือบโพล่งชื่อหกมุทราเทพอสูร!

‘เป็นไปได้ไหมว่าภายในท่าดาบมารพิฆาตจะมีทักษะของหลี่จื้อกงแฝงเอาไว้?  ทำไมฉินเจิ้นและพวกถึงไม่หาดู?’

สวี่เย่มองดูสีหน้าประหลาดของถังเทียน  และอดถามไม่ได้  “นายท่าน?”

ถังเทียนลูบจมูกและพูดด้วยความละอาย “เทพอสูรหกมุทราของข้าเป็นการรู้แจ้งจากวิชาดาบมารพิฆาตของตระกูลเซวีย”

เหมือนกับว่าสวี่เย่ถูกโจมตีด้วยวิชาอย่างหนึ่งเขาตะลึงทันที หลังจากหายใจเข้าออกสิบครั้ง เขาหน้าแดงด้วยความตื่นเต้น  ตาของเขามีร่องรอยสีแดงเหมือนกับคนดื่มเหล้าแล้วเริ่มเมา

“นายท่าน, ท่านต้องไม่พูดเรื่องนี้กับผู้ใดตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป!  อย่าพูดเด็ดขาด!”

เสียงของสวี่เย่สั่นสะท้าน  เนื่องจากเขาตื่นเต้นจนอธิบายไม่ถูก

‘มิน่าเล่านายท่านถึงได้ทรงพลังมากมายนัก!  มิน่าเล่าเขาถึงเอาชนะหลูเทียนเหวินได้!’

ความสงสัยทั้งหมดของเขามารวมกันและสลายคลายไป  เขาไม่รู้ว่าหน่วยสุญญตาหมีใหญ่มีพลังมากขนาดไหน  แต่ชื่อผู้สืบทอดปรมาจารย์หลี่นั้นเป็นหลักใหญ่สำคัญ

สวี่เย่กล้ายืนยันว่าตราบใดที่สถานะนี้กระจายออกไปจะเกิดแรงกระตุ้นไปทั่วแดนบาป และคนนับไม่ถ้วนจะเริ่มแสดงตัว

เขาบังคับตนเองให้สงบใจเย็น  ตอนแรกเขาวางแผนให้นายท่านปลอมตัวเป็นผู้สืบทอดปรมาจารย์หลี่  และเริ่มเตรียมแผนการไว้ในใจ  แต่เมื่อได้รู้ว่าเจ้านายเป็นผู้รับสืบทอดขอปรมาจารย์หลี่จริงๆสถานการณ์ย่อมเปลี่ยนระดับคุณภาพไปด้วย

‘ไม่ว่านายท่านจะเรียนรู้ด้วยตนเองหรือคลี่คลายโดยคนอื่น แต่เขาก็ยังได้รับสืบทอดทุกอย่างมาจากปรมาจารย์หลี่อยู่ดี’

แม้ว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง  แต่เขาเพียงแค่เปลี่ยนส่วนเล็กๆของแผนการทั้งหมด  ในแผนตอนแรกของเขาก็แค่เพื่อให้แน่ใจว่าสถานะทายาทของนายท่านของปรมาจารย์หลี่เป็นเรื่องที่คลุมเครือจนถึงกับมีคนเปิดเผย  แต่ตอนนี้เข้าต้องให้มั่นใจว่าสถานะของนายท่านรู้จักกันโดยทั่วไป

สวี่เย่สงบจิตใจและเริ่มคิดอย่างรวดเร็ว

‘พิสูจน์สถานะของนายท่านเป็นเรื่องที่ง่ายมาก ก็แค่แสดงวิชาเทพอสูรหกมุทราให้แดนบาปได้รับรู้’

‘เราจะแสดงออกได้ยังไง?’

‘ไปเยี่ยมตระกูลต่างๆ เพื่อท้าทายพวกเขา!’

‘เมื่อเอาชนะได้ ก็เพียงพอจะสร้างชื่อให้เทพอสูรหกมุทราประทับอยู่ในใจของทุกคน’

‘และจะเป็นยังไงถ้าเขาชนะต่อไปเรื่อยๆ?’

สวี่เย่ควบคุมความตื่นเต้นอย่างยากลำบาก  เขาสูดหายใจลึก และตะโกนบอกสารถีด้านนอก  “เปลี่ยนแผน, เราจะไปเมืองบูรพาอมตะ!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด