ตอนที่แล้วตอนที่ 742 สหายเก่า
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 744 ผู้สืบทอดปรมาจารย์หลี่

ตอนที่ 743 นกหวาดเกาทัณฑ์


ฉินเจิ้นมองดูสายรุ้งในเมืองจื่อจวนจากที่ไกลหน้าของเขาเย็นชา ‘ใครจะรู้ว่าว่านางหลุดพ้นเป็นอิสระจากจาก‘เสน่ห์หยกลวงตา’ ของข้าได้’

‘นอกจากนี้ พลังของนางดูเหมือนจะบรรลุเข้าระดับใหม่...’

ฉินเจิ้นสงบใจลงและตระหนักได้ทันทีว่าเขาลืมทุกอย่างที่เกิดขึ้นในเมืองจื่อจวน ‘เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ถึงทำให้สวี่เย่และพวกกล้าบุกโจมตีตระกูลฉินของข้า?’

ฉินเจิ้นรู้จักคู่ต่อสู้ของเขาในเมืองดี เบนสันเป็นคนที่ดูหยาบกร้านแต่มีไหวพริบมาก  วิคเตอร์เป็นคนเอาแน่นอนไม่ได้  โรแลนด์ ซูเป็นคนจิตใจมั่นคงที่สุดและสวี่เย่ยอดเยี่ยมมากที่สุด  แต่ขณะเดียวกัน  เขารู้จุดอ่อนของพวกเขาทุกคน  ต่อให้เว่ยหานมู่เจ๋อและหน่วยพลธนูของฉินจื่อเจินถูกทำลาย เขารู้ว่าพวกเขาไม่กล้าทำอะไรตระกูลฉินอยู่ดี

ขณะที่เขาเข้าใจพวกเขา  พวกเขารู้จักตระกูลฉินดีเช่นกัน  พวกเขารู้ว่าตระกูลฉินมีฉินเจิ้นคอยค้ำยัน  ตราบใดที่ฉินเจิ้นไม่ตาย  พวกเขาไม่มีทางกล้าทำอะไรตระกูลฉินแน่

แม้ว่าสี่ตระกูลจะไม่พอใจต่อตระกูลฉินก็ตาม  แต่ฉินเจิ้นไม่เคยสนใจพวกเขา ไม่ว่ายังไงพวกเขาจะทำอะไรได้?

ในที่สุดพวกเขาก็กล้า

นั่นคือสิ่งที่ฉินเจิ้นไม่สามารถเข้าใจได้เว้นแต่พวกเขาไม่กลัวเขาล้างแค้น  ‘บางทีพวกเขาได้รับการสนับสนุนจากใครสักคนหรือว่าพวกเขารู้ว่าสถานการณ์ของพวกเขาไม่ค่อยดีเท่าใดนัก’  ฉินเจิ้นใช้เวลาคิดอยู่สองสามวันนี่เป็นเรื่องที่ค้างคาใจของเขามากที่สุด

สถานการณ์ของตัวเขาเองไม่มีอะไรเปลี่ยนไปมาก  เขารู้ความลึกซึ้งของตระกูลหลู  และไม่เคยท้าทายพวกเขา  จากนั้นฉินเจิ้นคิดเกี่ยวกับเรื่องตระกูลฉินและรู้ว่าพวกเขาไม่มีศัตรูมาก

‘เหลือความเป็นไปได้เพียงประการเดียว พวกเขาได้คนสนับสนุน’

คนแรกที่เข้ามาในความคิดของฉินเจิ้นก็คือบุรุษหน้ากากผี  แต่เขาสลัดความคิดนี้ออกไปอย่างรวดเร็ว  ‘บุรุษหน้ากากผียังแข็งแกร่งไม่พอ  เขาก็มีเพียงแค่นั้น  เขาสร้างความประหลาดใจให้กับทุกคนด้วยการฆ่าเว่ยหานมู่เจ๋อและหน่วยพลธนู แต่เขาก็ยังมีฝีมือห่างจากข้า’

ยอดฝีมือในทำเนียบนักสู้แดนบาป  คือสุดยอดนักสู้ของแดนบาป

‘บุรุษหน้ากากผียังห่างจากคนในทำเนียบนักสู้’

‘ทำให้สวี่เย่และพวกมีความมั่นใจขนาดนั้นต้องมั่นใจว่าเป็นยอดฝีมือจากทำเนียบสุดยอดนักสู้ และต้องมีลำดับที่สูงมากกว่าข้า และคนขี้ขลาดพวกนั้นจึงจะทำเรื่องเลวร้ายได้’

‘มันเป็นใครกันแน่?’

‘หลูเทียนเหวิน?’

หน้าของฉินเจิ้นคร่ำเคร่ง  ‘หรือว่าพวกเขาสมคบกับตระกูลหลู?’ จากนั้นฉินเจิ้นส่ายศีรษะอีก  ‘เมืองจื่อจวนไม่มีความหมายต่อตระกูลหลูเลย  พวกเขาไม่ใช่แม้แต่เพื่อนบ้านมีเมืองสายลมคั่นอยู่  นอกจากนี้ถ้าตระกูลหลูเป็นศัตรูที่แท้จริงของตระกูลฉิน พวกเขาคงไม่ปล่อยให้ข้ากลับ’

‘พลังของหลูเซิงเซียงน่ากลัวมาก’

‘งั้นจะเป็นใครไปได้?’

ฉินเจิ้นเค้นสมองคิดแต่ไม่สามารถคิดถึงใครได้  สวี่เย่และพวกที่เหลือพึ่งพิงใครอยู่ แต่เขารู้ชัดดีว่าสี่ตระกูลจะไม่วู่วามหาเรื่องตระกูลฉิน  หนึ่งในพวกเขาอาจเป็นไปได้  แต่สำหรับสี่ตระกูลรวมกำลัง  เขาไม่เชื่อว่าพวกเขาจะโง่กันขนาดนั้น

สายรุ้งเหนือเมืองจื่อจวนทำให้ฉินเจิ้นไม่แน่ใจมากขึ้น  หลังจากโกรธในตอนแรกแล้ว  ฉินเจิ้นเต็มไปด้วยความสงสัย  มือที่อยู่ในเงามืดทำให้เขาเกิดอาการเสียวสันหลัง

‘พวกเขาสะสมกำลังและรออยู่แน่นอนใครจะรู้  พวกเขาอาจเตรียมตัวลอบทำร้ายและรอข้าอยู่ก็ได้’

เมืองจื่อจวนในระยะไกลกลายเป็นเหมือนสัตว์ร้ายที่สามารถกลืนกินทุกคนได้อย่างง่ายดาย  และเต็มไปด้วยอันตราย  เขาเป็นเพียงคนเดียวที่เหลือในตระกูลฉิน  และสามารถทำอะไรลงไปโดยไม่ไตร่ตรองไม่ได้!

‘ข้าคือคนสำคัญที่สุดของตระกูลฉิน ตราบใดที่ข้ายังอยู่ ตระกูลฉินก็ยังคงอยู่’

ประกายตาดุร้ายฉายผ่านดวงตาของฉินเจิ้น  ทันใดนั้นเขาคิดเรื่องของหลูเทียนเหวิน  และรู้สึกว่าเป็นเรื่องแปลก  ‘เกิดเรื่องวุ่นวายใหญ่โตในเมืองจื่อจวน  แต่ทำไมหลูเทียนเหวินถึงไม่มีปฏิกิริยาอะไร?’

‘บุรุษหน้ากากผีอ่อนแอมากกว่าหลูเทียนเหวินแน่นอน  และต้องถูกฆ่าไปแล้ว’

เขาคิดดูแล้วและบินไปที่ปราสาทเขาสะท้อนอย่างเงียบงัน

เขาจำตำแหน่งปราสาทเขาสะท้อนได้อย่างเลือนราง  และตรงไปที่นั่นเพื่อตรวจสอบ  เมื่อเขามาถึงปราสาทเขาสะท้อน  ที่นั่นว่างเปล่า  แต่สายตาของเขาไม่ได้มองที่ปราสาทแต่มองดูพื้นที่ใกล้ๆ

‘ยอดภูเขาพังทลายหินแตกกระจาย มีหลุมใหญ่ที่เกิดจากแรงระเบิดทุกจุดแสดงว่ามีการต่อสู้ดุเดือดที่นี่’

‘หลูเทียนเหวินลงมือแล้ว’

เศษกฎธรรมชาติที่เหลืออยู่ในอากาศและปราสาทเขาสะท้อนที่ว่างเปล่านั่นคือเงื่อนไขที่สมบูรณ์แบบ ฉินเจิ้นเดาว่าหลูเทียนเหวินคงพาตระกูลเซวียจากไปแล้ว  เมื่อคิดว่าบุรุษหน้ากากผีถูกฆ่าไปแล้ว  แม้แต่ศพของเขาก็หาไม่เจอแต่ก็ถือว่าเป็นจุดจบที่สมเหตุสมผลที่สุด

‘ข้าไม่เห็นร่องรอยว่าหลูเทียนเหวินจะนำตระกูลเซวียจากไปเลย’

‘เป็นไปได้ไหมว่า... เป็นหลูเทียนเหวินจริงๆ ที่อยู่ในเมือง

ทันใดนั้นฉินเจิ้นรู้สึกว่าเป็นไปได้  ตระกูลหลูไม่เห็นเขาเป็นศัตรู  แต่หลูเทียนเหวินอาจแตกต่างอย่างสิ้นเชิง  หลูเทียนเหวินเป็นคนไร้เหตุผลเจ้าอารมณ์และอำมหิตมาก ชอบทำอะไรตามใจตนเอง  ‘ถ้าสวี่เย่ที่เป็นคนเจ้าเล่ห์อยู่กับฝ่ายของหลูเทียนเหวินคงเป็นเรื่องที่รับมือได้ยากแน่นอน

‘นักโทษหน่วยสุญญตาของตระกูลฉินข้า อาจทำให้ตระกูลหลูอิจฉา  หลูเซิงเซียนอาจไม่ทำ  แต่พวกเขามั่นใจหลูเทียนเหวินได้หรือ?

‘ถ้าหลูเทียนเหวินเป็นผู้ทำทุกอย่างจริงๆ ตระกูลหลูจะทำอะไรได้?’

‘พวกเขาจะไม่ตำหนิหลูเทียนเหวินแน่นอน และจะถือโอกาสกินรวบข้า’ ยิ่งฉินเจิ้นคิดมากเท่าใด ก็ยิ่งกลัวมากขึ้น  ‘ใช่แล้วหลูเทียนเหวินกำลังรอข้า รอให้ข้าเข้าไปติดกับ

ฉินเจิ้นเต็มไปด้วยอารมณ์เช่นนั้นจึงหนีไปเหมือนกับนกหวาดเกาทัณฑ์หายลับไปในยามราตรี

***************

หลูหลิงหนานออกไปจากโรงเตี๊ยมเงียบๆตั้งใจจะใช้ความมืดยามราตรีหนีออกไป

เมื่อสี่ตระกูลทำลายตระกูลฉิน  เขาก็ยืนอยู่ที่นั่นมองดูและยินดีกับความหายนะของคนอื่น ไม่ว่ายังไงก็ตามเมืองจื่อจวนไม่มีความเกี่ยวข้องกับตระกูลหลูอยู่แล้ว และหลูหลิงหนานต้องการมองดูพวกเขาฆ่ากันเอง  แต่เขายังประหลาดใจกับความกล้าของสี่ตระกูลฉินเจิ้นยังเป็นนักสู้ในสุดยอดทำเนียบนักสู้

และเมื่อสี่ตระกูลออกไปนอกเมืองเพื่อต้อนรับบุรุษหน้ากากผีและตระกูลเซวียกลับเข้าเมืองจื่อจวน หลูหลิงหนานรู้สึกได้เลือนรางว่ามีบางอย่างผิดปกติ  แต่เขาไม่คิดอะไรมากเกินไป ‘เจ้าต้องการอาศัยบุรุษหน้ากากผีฆ่าหลูเทียนเหวินงั้นหรือ?  ตลกเป็นบ้า!’  แต่เขาคิดว่าใครจะรู้ว่าหลูเทียนเหวินเพียงแต่วนเวียนอยู่โดยรอบ  ทุกคนมักจะปวดหัวเมื่อมาเจอกับอาของเขา แค่เพียงพลังของเขาก็โดดเด่นแล้วทุกคนได้แต่อดทนและยอมรับหลูเทียนเหวิน

แต่หลังจากการเปลี่ยนแปลงของฝ่ายสี่ตระกูล   ทำให้หลูหลิงหนานรู้สึกไม่สบายใจ ‘ไม่มีเหตุผลเสียเลยที่พวกเขาพึ่งพาบุรุษหน้ากากผีในตอนนี้ และไม่ใช่โอกาสที่ดีเลย’  ทันใดนั้นเขาคิดถึงเรื่องสี่ตระกูลใหญ่ล้างตระกูลฉิน และความสงสัยเขาก่อนนั้นว่าใครคือผู้อยู่เบื้องหลังสี่ตระกูล  หลังจากค่อยๆ คิดแล้ว  ก็ยิ่งเป็นเรื่องแปลกมากขึ้น  ‘ทำไมสี่ตระกูลถึงคิดว่าบุรุษหน้ากากผีสามารถเป็นผู้หนุนหลังพวกเขาได้?’

‘หรือว่าบุรุษหน้ากากผีสู้กับฉินเจิ้นมาแล้ว?’

‘เป็นไปไม่ได้!’

เขารีบเปลี่ยนความคิดอย่างรวดเร็ว  ‘ทำไมถึงเป็นไปไม่ได้เล่า? จะเป็นยังไงถ้าบุรุษหน้ากากผีแข็งแกร่งมากกว่าฉินเจิ้น?  จะเป็นยังไงถ้าเขามีพลังมากกว่าท่านอาเทียนเหวิน..’

ความคิดนั้นทำให้เขาสั่น

‘ถ้าเป็นเช่นนั้น  อย่างนั้นอาเทียนเหวิน เขา....’

‘ถ้าเป็นเช่นนั้น อย่างนั้นทุกอย่างสามารถอธิบายได้...’

การคาดเดาที่ไร้สาระนี้กัดกินจิตใจของหลูหลิงหนาน  ทำให้เขากลัวมากขึ้น

‘ข้ารอต่อไปไม่ได้อีกแล้ว  ข้าจำเป็นต้องกลับไปที่ตระกูล  ถ้าเป็นเรื่องผิดพลาดก็ดีไปแต่เรื่องใหญ่เช่นนั้น ไม่นานเลยจะเป็นความสูญเสียใหญ่ของเรา’

เขาแค่ลอบออกมาจากโรงเตี๊ยม  เมื่อมีร่างหนึ่งปรากฏอยู่ต่อหน้าเขา

หน้าของหลูหลิงหนานเปลี่ยน  เถี่ยเซีย!

*********************

“ตอนนี้เราต้องได้เวลาเพิ่มขึ้น”

เมื่อสวี่เย่และพวกที่เหลือปรากฏ  เนี่ยชิวกล่าวตามตรง

“ทหารที่เพิ่งได้รับอิสระจำเป็นต้องได้เวลาเรียนรู้แผ่นสุญญากาศและดาบมารพิฆาต  ต้องรู้แจ้งกฎธรรมชาติ  และต้องทำความคุ้นเคยกับรูปแบบรบของเขา  ทั้งหมดต้องการเวลา  ถ้าเราสามารถจบเรื่องทั้งหมดนี้ได้  เราจะมีพลังเพิ่มมากขึ้น”

“รู้แจ้งกฎธรรมชาติ?  ทั้งหมดนี่น่ะหรือ?  นั่นไม่จริงแล้ว”  สวี่เย่ไม่สามารถคัดค้านได้  แต่อดแทรกไม่ได้  คนอื่นมีสีหน้างงกันหมด

‘นี่พวกเขาพูดตลกอะไรกันนี่ แม้ว่าการรู้แจ้งเพื่อสร้างสายใยกฎธรรมชาติจะไม่ใช่เรื่องยาก  แต่พวกเขาจะเลือกเก็บกฎธรรมชาติในช่วงเวลาสั้นๆได้ยังไง?’ ถ้าไม่ใช่เพราะท่านหน้ากากผีเชื่อมั่นในเนี่ยชิว  พวกเขาคงสงสัยว่าคนตาบอดคงเป็นมือสมัครเล่น

“นั่นคือวิธีที่ง่ายที่สุดสำหรับพวกเขาทุกคนแล้ว”  น้ำเสียงของเนี่ยชิวยังคงสงบไม่มีแววโกรธ สายตาที่ทุกคนมองเขาทำให้เขาแจ้งให้พวกเขารู้เห็นหลักฐานมากขึ้น  “ก่อนนี้ ทหาร 65คนของเราได้รู้แจ้งและสร้างสายใยกฎธรรมชาติในเวลาที่น้อยกว่าสองวัน”

ทุกคนยังคงเงียบ  แต่หน้าของพวกเขายังมีแววเหลือเชื่อ  พวกเขาไม่มั่นใจ  แต่เมื่อเห็นว่าถังเทียนไม่ได้ปฏิเสธ  ทุกคนสงสัย ‘หรือว่าพวกเขาจะมีพรสวรรค์ระดับสูงจริงๆ ?’

“สร้างแผ่นสุญญากาศก็ค่อนข้างง่ายเช่นกัน แต่เมื่อพิจารณาว่าอาจต้องมีการสู้กันทางอากาศ  รูปแบบการสู้รบในอากาศยังยากกว่า  ดังนั้นเวลาฝึกจะต้องเพิ่ม”  น้ำเสียงของเนี่ยชิวยังงราบเรียบ “ท่าดาบแรกของดาบมารพิฆาตก็ยังจะรับมือได้ง่ายมาก  แม้ว่ากระบวนการฝึกจะเป็นแบบใหม่ แต่เนื่องจากเราผ่านการฝึกฝนฝึกซ้อมมาแล้วสำหรับพวกเขาก็จะใช้ออกได้ง่าย แต่การจะให้พวกเขาเชี่ยวชาญทั้งหมดจะต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง”

“เราต้องใช้เวลาเท่าใด?”  ถังเทียนถาม

“อย่างน้อยก็หนึ่งเดือน”  เนี่ยชิวตอบ

ทุกคนรู้สึกเหลือเชื่อ  มีเรื่องให้ต้องเรียนรู้มาก และแม้แต่พวกเขายังรู้สึกว่าไม่ง่ายจะทำให้สำเร็จ  แต่หนึ่งเดือนเรียนรู้ทั้งหมด?  นี่มันตลกจริงๆ!

“เราไม่มีเวลามากนัก”  วิคเตอร์กล่าว“ฉินเจิ้นคือคนที่มากไปด้วยความระแวง เมื่อไม่รู้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเมือง  เขาจะไม่ปรากฏตัวแน่นอน  แต่เขาจะยังซ่อนตัวอยู่ในเงามืดหรืออาจจะมีความคิดอื่นก็ได้  นอกจากนี้ยังมีตระกูลหลูความตายของหลูเทียนเหวินไม่อาจปกปิดได้นาน ข้าคิดว่าในอีกสิบวัน ถ้าตระกูลหลูไม่มีข้อมูลของหลูเทียนเหวิน พวกเขาอาจจะเริ่มสงสัย แม้ว่าเราจะพิจารณาเวลาช่วงนี้  ก็คงจะไม่เกินยี่สิบวัน”

ถังเทียนคิดอยู่ชั่วขณะก็ถามเนี่ยชิว  “ถ้าพวกเขามีเวลาหนึ่งเดือน  พวกเขาจะมีพลังมากเท่าใด?”

“พวกเขาสามารถสู้กับหลูเทียนเหวินได้ ”น้ำเสียงของเนี่ยชิวยังคงสงบไม่มีความหวั่นไหวใดๆราวกับว่าเรื่องทุกอย่างที่เขาพูดเป็นเรื่องปกติ

สวี่เย่และคนที่เหลือไม่เชื่อเขาอีกต่อไป

ถังเทียนถาม “ท่านมีความคิดยังไง?”

ข้อเสนอแนะหนึ่งดือนของเนี่ยชิวไม่ใช่คำนวณมาอย่างประมาทเลินเล่อ  แต่มีแนวโน้มว่าเปี่ยมไปด้วยแผนการ

“ด้วยความก้าวหน้าของแม่นางกู้เสวี่ย บวกกับหานปิงหนิงและอาโมรี่พวกเขาสามารถรวมอยู่ในขบวนศึกได้ นอกจากยอดฝีมือจากสี่ตระกูล  ถ้าเราป้องกันตำแหน่งของเราอย่างแข็งขัน  ต่อให้หลูเทียนเหวินมาอีกครั้ง  เราก็ไม่เสียเปรียบอีกต่อไป แม้ว่าเราจะไม่รู้ว่าฉินเจิ้นแข็งแกร่งหรืออ่อนแอกว่าหลูเทียนเหวิน  แต่ถ้าพวกเขามีมาตรฐานระดับเดียวกัน  เราไม่ควรจะมีปัญหาอะไรมาก”

เนี่ยชิวพูดตามตรง

ถังเทียนเข้าใจเขา  “อย่างนั้นเราจะถ่วงเวลาตระกูลหลูได้ยังไง?”

“ตอนแรกเควรโจมตีสร้างความสับสนในสถานการณ์เพิ่มเวลาให้ตระกูลหลูตั้งตัว”

เนี่ยชิวตอบอย่างใจเย็น

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด