ตอนที่ 743 จื้อจุนผู้ควบคุมกฎพื้นที่
เย่เซียวและจื่อกวงพอเมื่อราชาเก้าแสงผลักดวงอาทิตย์ใส่จื้อจุน พวกเขาแสดงความกล้าหาญไม่คำนึงถึงความปลอดภัยตนเองสกัดทางถอยด้านหลังจื้อจุน
เหมือนกับแมงเม่าบินเข้ากองไฟ
พวกเขาบินลงมาจากท้องฟ้าอย่างรวดเร็วเพื่อสกัดทางหลบหนีและถ่วงเวลานางไว้เป็นการบังคับนางให้เผชิญหน้ากับดวงอาทิตย์พลังงานของราชาเก้าแสงซึ่งเทียบได้กับพลังของดวงอาทิตย์ ดวงอาทิตย์พลังงานนี้สามารถทำลายได้ทั้งสวรรค์และโลก และแทบจะไม่มีจุดอ่อนข้อบกพร่อง อาจยากจะพูดได้ว่าความเร็วในการโจมตีนั้นยังช้า แม้ว่าราชาเผ่าเก้าแสงจะกำหนดเป้าเอาไว้แล้วก็ตาม แต่นักสู้ระดับจื้อจุนก็น่าจะหนีได้สำเร็จ
ความคิดในปัจจุบันของเย่เซียวและจื่อกวงก็คือพวกเขาต้องการถ่วงเวลาและบังคับให้จื้อจุนต้านรับพลังทำลายล้างที่ราชาเก้าแสงปล่อยออกมาใช่หรือไม่
คำตอบก็คือใช่
เมื่อเห็นเย่เซียวและจื่อกวงเอาชีวิตเข้าแลก จ้าวปีศาจโบราณที่กำลังสู้กับเย่ว์หยางคำรามด้วยความเศร้า
นี่คือบริวารสองคนสุดท้ายที่จงรักภักดีที่สุดของเขาที่ยังเหลืออยู่ พวกเขาจะเสียสละชีวิตของตนเอง เมื่อเห็นความพลัดพรากตายจากทั้งที่ยังมีชีวิต และทั้งที่ตายไป แม้ว่าจ้าวปีศาจโบราณจะโหดเหี้ยมและไร้ความรู้สึก ก็ยังอดรู้สึกปวดหัวใจไม่ได้
“อย่าไปคิดถึงมัน!” สิ่งที่ทำให้จ้าวปีศาจโบราณเจ็บปวดมากขึ้นก็คือเขาไม่สามารถหยุดยั้งบริวารของเขาจากความตายได้ แต่เขายังจะต้องหยุดเย่ว์หยางเอาไว้ เย่ว์หยางยกวงจักรล้างโลกเตรียมจะเปิดทางช่วยจื้อจุน จ้าวปีศาจโบราณไม่ยอมปล่อยให้เย่ว์หยางทำเช่นนั้นแน่ เขาฝืนใช้กรงเล็บจับวงจักรล้างโลกและประสานงานกับกรงเล็บปีศาจอีกข้างหนึ่งให้ใช้กรงเล็บกระดูกมรณะเพื่อจับเย่ว์หยาง
สื่งที่น่ากลัวก็คือเพียงวินาทีเดียวก็ผลักดันให้เย่ว์หยางศัตรูที่ทรงพลังเปลี่ยนสถานการณ์การสู้รบทั้งหมดได้
เย่ว์หยางควบคุมหงส์เพลิงอมฤตให้ตรงเข้าจับจ้าวปีศาจโบราณ
เขาไม่ได้ฉวยโอกาสทำร้ายแขนของจ้าวปีศาจโบราณ แต่ดึงวงจักรล้างโลกโดยตรงและโจมตีใส่เย่เซียวและจื่อกวง
นกเค้าหน้าคนและอสูรวงเวียนสองอสูรจากทะยานลงมาจากอากาศและขัดขวางเย่ว์หยางไว้ พวกมันพุ่งเข้าหาวงจักรล้างโลกและหงส์เพลิงอมฤตอย่างไม่เกรงกับดักมรณะ หวังจะถ่วงเวลาให้เจ้านายของพวกมันสักวินาที
จ้าวปีศาจโบราณที่ด้านหลังเร่งรีบตามมาทันและเหยียดแขนโอบคว้าตัวเย่ว์หยาง
บึ้ม!
อิคคาปรากฏตัวที่ด้านหลังเย่ว์หยาง
ปืนของนางยิงใส่หน้าของจ้าวปีศาจโบราณเต็มที่ ในท้องฟ้านกเค้าหน้าคนหลบเฉียดหงส์เพลิงอมฤต เมื่อมันเตรียมจะใช้กรงเล็บจับเย่ว์หยาง อิคคาใช้ดาบนางฟ้าฟันแหวกอากาศมาแต่ไกล อสูรวงเวียนที่ไม่กลัวพลังโจมตีถูกวงจักรล้างโลกตัดร่างขาดครึ่งและตรงเข้าหานกเค้าหน้าคนเหยียดกรงเล็บเตรียมจะจับให้ได้ มันไม่เคยล้มเหลวมาก่อน
แสงหลากสีสันกระพริบวาบอยู่ในท้องฟ้า
กลีบบุปผานับไม่ถ้วนลอยพลิ้วอยู่ในอากาศ
กลิ่นหอมที่แทบละลายหัวใจยากจะกล่าวลอยอบอวลทั่วแท่นบูชายัญ ทำให้ทุกคนอดเคลิบเคลิ้มไม่ได้
ใจกลางรัศมีที่สดใสที่สุด กำเนิดดอกไม้ที่งดงามที่สุดในโลก มันดูเหมือนจะค่อยๆ เหี่ยวแห้ง แต่ขณะที่นกเค้าหน้าคนกางกรงเล็บอยู่เหนือศีรษะเย่ว์หยาง มีภาพสตรีที่งดงามปรากฏอยู่ในดอกไม้ตูม ดูจากเงาร่างที่เห็นเลือนรางเป็นลักษณะของหญิงงามล่มเมืองงดงามราวกับภาพวาดของจิตรกรเอก ผมของนางทิ้งตัวราวกับสายน้ำตกเป็นประกายสีรุ้ง หน้าผากของนางงดงาม นางสวมมงกุฎร้อยบุปผา ผิวของนางขาวราวกับหิมะนุ่มนวลกว่าดอกไม้
หลังมงกุฎร้อยบุปผามีมงกุฎเล็กๆ ที่บอกให้ทราบถึงสถานะของนาง
นางพญาดอกหนามมงกุฏทอง
ราชันย์ที่ทรงพลังที่สุดในอสูรพฤกษา เป็นอสูรสายพฤกษาเพียงหนึ่งเดียวในโลก
เมื่อขนตางอนยาวของนางสั่นกระพือเล็กน้อย นางค่อยๆ ลืมตาขึ้น ทั่วทั้งหุบเขาแม่น้ำขาวแม้ว่าจะกลายเป็นนรกหินเพลิงและชายขอบมีหินหลอมเหลว พื้นดินและผนังที่เผาไหม้เริ่มมีไม้ดอกนับไม่ถ้วนชอนไชงอกแตกกิ่งแตกใบและออกดอกบานสะพรั่งเหมือนเป็นการเฉลิมฉลองการกำเนิดของนางพญาอย่างเงียบสงบเปลี่ยนนรกหินเพลิงให้เป็นทุ่งทะเลดอกไม้
มือทั้งสองข้างขยับ
นี่คือการเติบโตอย่างเป็นทางการของนางพญาดอกหนามมงกุฎทองเลื่อนเป็นอสูรเทพตั่วตั่ว นางรับมือนกเค้าหน้าคนและอสูรวงเวียน เพียงนางชี้นิ้วเท่านั้นดอกไม้ทั้งหมดกลายสภาพเป็นเหมือนน้ำวนขยายออกไปหมื่นเมตร
จ้าวปีศาจโบราณเร่งความเร็วแซงขึ้น ตั่วตั่วเหยียดฝ่ามือดุจหยกของนาง
พลังเจตจำนงที่ทรงพลังไร้เทียมทานของอสูรเทพหยุดร่างของจ้าวปีศาจโบราณค้างอยู่ในกลางอากาศทำให้เขาไม่อาจไล่ตามเย่ว์หยางได้
“โซ่ชีวิต...” เมื่อเห็นเย่ว์หยางฝ่าวงล้อมที่หนาแน่นออกมาได้เตรียมโจมตีเย่เซียวและจื่อกวง จ้าวปีศาจโบราณยิงโซ่ชีวิตสีทองออกมาทันที โซ่ชีวิตสีทองระดับศักดิ์สิทธิ์พุ่งรวบรัดข้อเท้าเย่ว์หยาง เขาใช้กำลังดึงเย่ว์หยางกลับมา เพื่อคุ้มกันเย่เซียวและจื่อกวง เป่ยด้วยร่างแยกของเขา เขาเหวี่ยงวงจักรล้างโลกที่เย่ว์หยางยิงออกมา
ก่อนที่ร่างแยกจะหายไป เขารู้วิถีการเปลี่ยนมุมของวงจักรล้างโลก
วงจักรล้างโลกเฉียดหน้าจื่อกวง และตัดสิ่งที่ขวางหน้ามัน
ยอดเขาในหุบเขาแม่น้ำขาวสูงหนึ่งกิโลเมตรถูกวงจักรล้างโลกตัดขาดครึ่งหนึ่ง
ขณะนั้นเมื่อภูเขากำลังถล่ม เย่เซียวและจื่อกวงก็เริ่มโจมตีจื้อจุนแล้ว เป้าหมายของเขาไม่ใช่ทำร้ายจื้อจุน แต่ถ่วงเวลาให้ได้สักสองวินาที บังคับให้นางรับพลังโจมตีรูปดวงอาทิตย์ของราชาเผ่าเก้าแสง
“บังอาจ”
จุดสว่างเจิดจ้าในมือจื้อจุนไม่ได้ยิงใส่เย่เซียวหรือจื่อกวง นางสบถเบาๆ ที่ใต้เท้านางมีวงเวทอักษรรูนรูปล้อกระจกเงาแผ่ขยายออกไปอย่างแยบยลครอบคลุมพื้นที่ยืน วงล้อกระจกเทียบได้กับประตูภายใน และหยุดยั้งเย่เซียวและจื่อกวงไว้ในกลางอากาศพร้อมกัน และจื้อจุนเพียงแต่ชี้นิ้วทั้งสองคนตกเข้าไปในโลกภายในกระจกทันที
การปรากฏตัวเข้ามาช่วยของเย่เซียวและจื่อกวงไม่ถึงกับไร้ประโยชน์เสียทีเดียว
เมื่อทั้งสองคนสกัดขัดขวางได้อย่างนั้น พลังดวงอาทิตย์โจมตีของราชาเก้าแสงจึงทำงานได้เต็มที่
ดวงอาทิตย์พลังงานส่งผลตรงต่อวิญญาณและโจมตีใส่ศัตรูตามความต้องการของราชาเผ่าเก้าแสง จากเริ่มต้นช้าๆ ก็เริ่มเร่งความเร็วขึ้น และเร็วมากขึ้นในที่สุด
ด้วยพลังโจมตีที่มีอานุภาพถล่มฟ้าทลายโลก จื้อจุนยังคงไม่ปล่อยจุดแสงสว่างที่นางควบแน่นไว้ นางไม่ได้ถอนพลังกลับแต่ต้านรับดวงอาทิตย์พลังงานของราชาเผ่าเก้าแสง วงล้อรูปกระจกเงาหมุนอยู่ภายในร่างของนางและปกป้องคุ้มครองเจ้านายของมัน จ้าวปีศาจโบราณ จักรพรรดิชื่อตี้และราชาเก้าแสงเมื่อเห็นเช่นนี้ต่างพากันตกตะลึง ดวงอาทิตย์พลังงานนั้นเทียบได้กับดวงอาทิตย์จริงๆ พอสัมผัสวงล้อกระจกกลับไม่มีการระเบิดใหญ่แต่อย่างใด มันถูกวงล้อกระจกดูดกลืนเข้าไปอย่างน่าทึ่ง.. ราวกับถูกหมาป่าฟ้ากลืนกินดวงอาทิตย์และค่อยๆ หายเข้าไปในวงล้อกระจกซึ่งเล็กกว่าดวงอาทิตย์พลังงานนี้มาก ด้วยความเร็วที่มองเห็นด้วยตาเปล่า
บางทีวงล้อกระจกไม่สามารถรองรับสิ่งที่แตกต่างกันสองอย่างได้ หรือบางทีพลังงานอาจถึงขีดจำกัด
เย่เซียวและจื่อกวงที่ถูกกลืนหายเข้าไปก่อนหน้านั้น ตอนนี้ถูกโยนออกมาจากภายในโลกกระจก
จื่อกวงปรากฏตัวในท้องฟ้าสูงและร่วงตกลงมาอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้
ต่อให้กระดูกแข็งกว่ามนุษย์เป็นร้อยเท่าก็ต้องแตกหัก
ต่อให้เป็นบุรุษเหล็กก็ยังอดครวญครางไม่ได้ แต่จื่อกวงแตกต่างจากเย่เซียว เขาปรากฏตัวบนพื้นแต่กลับกัน เขากระเด็นขึ้นไปในอากาศคล้ายกับถูกบางอย่างฟาดทำร้ายและกระแทกกับผนังหินร่วงลงมาอย่างหมดสภาพ
“นี่คือโลกภายใน นางเชี่ยวชาญหลักการของโลกภายในแห่งประตูเป็นตายแน่นอน...” จ้าวปีศาจโบราณรู้ว่าจื้อจุนทรงพลังมาก แต่ไม่เคยคิดว่านางจะเชี่ยวชาญกฎภพภูมิด้วย ต่างจากพลังกฎสวรรค์ของเย่ว์หยางซึ่งได้รับการเสริมส่งจากอสูรศึก พลังกฎสวรรค์ของจื้อจุนคือการควบคุมภพภูมิ! ด้วยพลังวงล้อกระจกที่เป็นโลกภายใน นางในฐานะผู้ควบคุมโลกภายในจะมีการควบคุมกฎพื้นที่ซึ่งแม่นยำและลึกซึ้งมากกว่าเย่ว์หยางที่ควบคุมกฎสวรรค์ มิน่าเล่าแม้เผชิญกับดวงอาทิตย์พลังงานของราชาเผ่าเก้าแสง แม้แต่สีหน้าของนางก็ยังไม่เปลี่ยน
“โลกภายในของวงล้อกระจกหรือ? ข้าอยากรู้นักว่ามันสามารถกลืนกินดวงทิตย์พลังงานของข้าได้สักกี่ลูก!”
ราชาเผ่าเก้าแสงชักจะโกรธขึ้นมาบ้าง
ด้วยพลังของราชาแดนสวรรค์ ยังไม่อาจทำให้คู่ต่อสู้สนแต้มได้ แค่เพียงชี้นิ้วก็คลี่คลายปัญหาได้ ช่างน่าอับอายเสียจริง
พลังที่ยิ่งใหญ่ของจื้อจุนทำให้เขาเกิดความอำมหิต
ในแดนสวรรค์ นักสู้ที่เหนือกว่าระดับราชา มักจะมีคำกล่าวไว้ว่าคนที่สามารถควบคุมพลังได้สามอย่างคือมิติพื้นที่ กาลเวลาและโชคชะตานับเป็นศัตรูที่แข็งแกร่ง เป็นศัตรูที่รับมือได้ยากที่สุด เมื่อมีบางคนเชี่ยวชาญในทักษะนี้ ไม่ว่าจะแข็งแกร่งหรืออ่อนแอก็ตาม ต้องรีบกำจัด มิฉะนั้นจะสร้างความลำบากในอนาคต
พลังควบคุมภพภูมิ กาลเวลา และชะตาลิขิตทั้งสามนี้ ไม่ใช่เป็นพลังที่จะเข้าถึงได้ตามชอบใจ
นักรบปราณฟ้าที่ทรงพลังมาก สามารถจะเอาชนะศัตรูได้ สามารถทำลายสิ่งต่างๆ มากมายได้ แต่ไม่สามารถควบคุมภพภูมิ ไม่สามารถควบคุมกาลเวลา และยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะฝืนสู้กับชะตาลิขิต ความลึกลับของภพมิติ กาลเวลา และชะตาลิขิต ต่อให้เป็นเทพแดนสวรรค์ก็ยังไม่กล้าพูดว่าพวกเขาควบคุมสิ่งเหล่านี้ได้ อย่าว่าแต่เจ้าชีวิตเลย
ราชาเผ่าเก้าแสงมีความมั่นใจในขณะนั้น ประการแรกพลังของจื้อจุนยังด้อยอยู่ พลังกฎมิติที่นางใช้ยังอยู่ในระดับเริ่มต้น เป็นไปไม่ได้ที่จะถึงระดับสมบูรณ์แบบ ราชาเผ่าเก้าแสงมีความคิดว่าพลังงานสนับสนุนโลกภายในกับวงล้อกระจกเงาใช้ออกเต็มที่แล้ว จื้อจุนจะไม่สามารถใช้พลังกฎมิตินี้เพื่อป้องกันได้อีกต่อไป ประการที่สองเบื้องหลังของเขายังมีจักรพรรดินีฟ้าซึ่งมีศักดิ์เป็นบรรพบุรุษของเขา และนางคือสุดยอดนักสู้ ต่อให้เขาไม่สามารถจะเอาชนะได้ แต่จักรพรรดินีฟ้าจะกำจัดจื้อจุนชาวมนุษย์และเจ้าเด็กเย่ว์หยางได้อย่างไม่มีปัญหา นางไม่จำเป็นต้องกังวลถึงความถูกต้อง
“เก้าแสงสามผสาน น้ำ, โลหะ, อัคคี!”
ราชาเผ่าเก้าแสงชูมือขึ้นในท้องฟ้าสร้างลูกบอลพลังสามลูก สีน้ำเงินและสีทองตามลำดับ
ใต้เท้าของเขามีบอลพลังงานลูกที่สาม
เป็นสีมีลักษณะเหมือนไฟ
คล้ายกับบอลพลังงานก่อนนั้นแต่เล็กกว่าเล็กน้อย
บอลพลังงานสามสีแตกต่างกันลอยคว้างและหมุนรอบตัวราชาเก้าแสง เขาใช้เท้าเตะ บอลพลังงานพุ่งเข้าหาจื้อจุนราวกับดาวตก
แม้ว่าขนาดและปริมาตรของบอลพลังงานทั้งสามนี้จะเล็กกว่าพลังงานดวงอาทิตย์ก่อนนั้น แต่พลังของบอลทั้งสามตอนนี้ไม่ด้อยไปกว่าพลังดวงอาทิตย์ก่อนนั้น แม้จะเล็กกว่าก็ตาม บอลพลังธาตุน้ำสีน้ำเงินและบอลพลังธาตุโลหะสีเหลือง และที่เหลืออีกลูกยิงเข้าหาตรงกลางตัวจื้อจุน บอลพลังธาตุไฟเหมือนดวงอาทิตย์ขนาดเล็กตรงดิ่งเข้าหาจื้อจุน
วงล้อกระจกเงาหมุนอย่างรวดเร็ว
จื้อจุนดูเหมือนเตรียมดูดซับพลังโจมตีสามธาตุผสานของฝ่ายตรงข้ามด้วยวงล้อกระจกเงา
แต่ราชาเก้าแสงเทเลพอร์ตมาอยู่ด้านหลังจื้อจุนใช้ฝ่ามือทั้งสองกดใส่หลังจื้อจุน “ธาตุไม้ผสานธาตุดิน ทำลาย!”
ขณะที่พลังผสานธาตุไม้กับธาตุดินกำลังจะระเบิดใส่หลังจื้อจุนและผสาน พลังสามธาตุผสานธาตุน้ำทองไฟ จื้อจุนหายวับจากการตรึงวิญญาณของราชาเผ่าเก้าแสงทันที
“หืม..” ราชาเผ่าเก้าแสงพบว่าตนเองตกอยู่ในศูนย์กลางพลังโดยคู่ต่อสู้ไม่อยู่ และเขาจะต้านรับพลังระเบิดของห้าธาตุได้หรือไม่?
“คืนให้เจ้า!” ขณะที่ราชาเผ่าเก้าแสงเตรียมหายตัวออกมา จื้อจุนปล่อยจุดแสงสว่างเจิดจ้าที่นางประคองไว้ตลอดเวลา มันพุ่งออกไปและมีวงเวทอักษรรูนฉาย วงล้อกระจกเงาหยุดนิ่งและเปลี่ยนไปเป็นดวงอาทิตย์ขนาดใหญ่ทันที ลูกบอลพลังงานที่จื้อจุนปล่อยออกไประเบิดที่ด้านหลังราชาเผ่าเก้าแสงพร้อมกับพลังห้าธาตุผสานที่อยู่ข้างหน้า ราชาเผ่าเก้าตกตะลึงหน้าซีดเผือด