ตอนที่ 742 ราชาเผ่าเก้าแสง ลำแสงอุทัย
บันไดสวรรค์ชั้นห้า หุบเขาแม่น้ำขาว แท่นบูชายัญ
การต่อสู้ระหว่างเย่ว์หยางกับจ้าวปีศาจโบราณยังคงดำเนินต่อไป ด้วยพลังแขนที่ทรงพลังของเด็กสาวยักษ์ นาวามรณะและกรงเล็บกระดูกมรณะของจ้าวปีศาจโบราณ ขณะที่ยักษ์ภูเขาสูงห้าร้อยเมตรไม่มีบทบาทอะไรมาก ยักษ์ภูเขาอสูรปราณฟ้าระดับห้ามีระดับพลังที่เหนือกว่าเด็กสาวยักษ์ แต่มันงุ่มง่ามเกินไป และเด็กสาวยักษ์เชี่ยวชาญในการต่อสู้มากกว่าและทรงพลังมากกว่าจึงเทียบกันไม่ได้
ปกติเพราะร่างกายที่ใหญ่โตของมันมีพลังป้องกันที่ไม่มีใครเทียบ ยักษ์ภูเขาแม้จะรู้สึกอับอายและล้มเหลว แต่ก็อยู่ในสภาพไม่ทันตั้งตัว
การต่อสู้ระหว่างยักษ์ทั้งสองทำให้โลกสั่นสะเทือน
ในที่พวกเขาต่อสู้ หินปลิวว่อน ทรายคละคลุ้ง
พื้นดินแตกแยก แผ่นดินพังทะลาย
ยักษ์ทั้งสองค่อยๆ ทำให้แท่นบูชายัญในหุบเขาแม่น้ำขาวมีพื้นที่กว้างขึ้นเพื่อจะได้แสดงฝีมือได้ถนัด
“เรือนจำแผดเผากำลังจะมาแล้ว” จ้าวปีศาจโบราณและอสูรพิทักษ์วิญญาณคบเพลิงหลอมรวมร่างกัน เรียกดาวตกจากท้องฟ้า บนพื้นมีภูเขาไฟระเบิด หินหลอมเหลวพุ่งขึ้นท้องฟ้า ทั่วทั้งหุบเขายกเว้นแท่นบูชายัญยังคงรักษาสภาพดั้งเดิมไว้ได้ สภาพแวดล้อมอื่นกลายเป็นหินเพลิงนรก
ในสภาพแวดล้อมหินเพลิงหลอมละลายนี้ จ้าวปีศาจโบราณจะได้รับแรงเสริม
อย่างน้อยพลังเพิ่มขึ้นหลายเท่า
คุกเพลิงนั้นเป็นพลังงานไม่มีที่สิ้นสุด รวมทั้งร่างของเขาด้วย
ถ้าไม่ทำลายคุกเพลิงนรก อย่างนั้นเขาจะอยู่ในสภาวะสูงสุดเสมอ
เยี่ยซิ่วและเป่ยไม่สามารถอยู่ภายในสนามพลังของจ้าวปีศาจโบราณได้ สภาพแวดล้อมในสนามพลังเกิดจากการหลอมรวมเข้ากับอสูรและพฤกษา ทำให้พวกเขาไม่สามารถทนอยู่ได้นาน แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้สึกว่าจ้าวปีศาจโบราณเป็นศัตรูก็ตาม แต่สัญชาตญาณที่รู้สึกถึงอันตราย และสิ่งอันตรายที่พวกเขารู้สึกเหมือนได้อยู่ที่ปล่องภูเขาไฟ
เย่เซียวและจื่อกวงมองหน้ากันเอง
เดิมทีพวกเขามีความมั่นใจในจ้าวปีศาจโบราณ แต่หลังจากเห็นการต่อสู้ที่เกิดขึ้นต่อหน้าพวกเขา พวกเขากลับรู้สึกไม่ค่อยมั่นใจ
แค่เพียงอาศัยจ้าวปีศาจโบราณที่ยังไม่คืนพลังอยู่ในสภาพที่ดีที่สุด การฆ่าเย่ว์หยางที่มีพลังไม่ธรรมดาคงเป็นเรื่องยาก พวกเขาเห็นว่าเย่ว์หยางยังคงยืดหยุ่นไม่มีทีท่าว่าจะพ่ายแพ้อยู่ในนรกหินเพลิงได้
“เยี่ยซิ่ว เป่ย, เราไม่ได้ขอให้พวกเจ้าเข้าร่วมสู้ในศึกครั้งนี้ พวกเจ้าทุกคนเป็นนักรบแดนสวรรค์ที่ทรงเกียรติ เราแตกต่างกัน” เย่เซียวเอ่ยปากทันที เยี่ยซิ่วและเป่ยแค่นเสียงอยู่ในท้องฟ้า “ฝ่าบาทคือผู้ที่เราติดตาม ใต้เท้า! เราไม่อาจยืนกอดอกดูเขาตามลำพังได้ ไม่ว่าคนอื่นจะพูดยังไงก็ตาม เราคงไม่มีอะไรต้องอาย... ถ้าเราถูกฆ่า..ช่วยแจ้งข่าวการตายของเราแก่สหายพันธมิตรในแดนสวรรค์ด้วย ข้าสัญญาจะร่วมมือกับพวกเขา แต่ตอนนี้คงไม่มีโอกาสเป็นไปได้ได้”
“สามารถทำงานร่วมกันได้ นับว่าเป็นความสำราญใจแล้ว ลาก่อน” จื่อกวงพยักหน้าเล็กน้อยและปลดชุดคลุมตัวเผยให้เห็นร่างที่งดงามราวภาพวาด
“....” เยี่ยซิ่วรู้ว่าเย่เซียวและจื่อกวงร่วมสู้กับจ้าวปีศาจโบราณรุมเล่นงานเย่ว์หยาง การกระทำเช่นนั้นสำหรับเย่ว์หยางไม่ใช่เรื่องใหญ่นัก
เพราะเมื่อเย่เซียวและจื่อกวงตัดสินใจรุมโจมตี
นั่นหมายถึงต้องเผชิญกับความโกรธของจื้อจุน
ทันทีที่นางโกรธและชักกระบี่มีโอกาสถึง 90% ที่เย่เซียวและจื่อกวงจะถูกฆ่า
เย่เซียวและจื่อกวงรู้ว่าพวกเขาไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แต่พวกเขาต้องการใช้ตนเองลากราชาเก้าแสงและจักรพรรดินีฟ้าที่เอาแต่ดูเฉยเข้ามาร่วมด้วย
จื้อจุนต้องลงมือแน่ ถ้าราชาเผ่าเก้าแสงเอาแต่กอดอกยืนดู อย่างนั้นจื้อจุนจะร่วมมือกับเย่ว์หยางเอาชนะจ้าวปีศาจโบราณ ราชาเผ่าเก้าแสงนี้ยังจะได้ไปสำรวจแดนล่มสลายแห่งทวยเทพหรือ? เย่เซียวและจื่อกวงเห็นเหตุตรงนี้ พวกเขาจะยอมเสียสละตนเอง พวกเขาจะต้องลากราชาเผ่าเก้าแสงเข้ามาร่วมสู้ด้วยให้เร็วเท่าที่เป็นไปได้ ถ้าราชาเผ่าเก้าแสงเข้าร่วมรบในสมรภูมิได้เร็ว อย่างนั้นก็มีโอกาสช่วยจ้าวปีศาจโบราณ
ไม่ว่าจะเป็นหรือตาย เรื่องนี้ไม่ได้อยู่ในแผนของเย่เซียวและจื่อกวงเลย
สำหรับจื้อจุน แม้แต่จ้าวปีศาจโบราณก็ไม่สามารถเอาชนะได้ พวกเขาเองก็ไม่ต้องการรู้ว่าพลังของนางจะน่ากลัวเพียงไหน!
“ข้าร่วมด้วย” เป่ยผู้วางตัวเงียบๆ ตามปกติ จู่ๆ ก็ตัดสินใจร่วมมือกับเย่เซียวและจื่อกวง
“ข้า...ข้า..ข้าก็ร่วมด้วย” เยี่ยซิ่วแม้จะลังเลเล็กน้อยแต่ก็พยักหน้าในที่สุด
“ขอบคุณ” เย่เซียวรู้ว่าเป็นเรื่องยากมาก
ที่สำคัญคือทุกคนมีเพียงชีวิตเดียว และในช่วงคับขันไม่อาจทิ้งสหายร่วมกลุ่มได้ถึงแม้จะไม่ได้รับการขอร้องก็ตาม
จื่อกวงเรียกบอลแสงสีม่วงซึ่งเป็นอสูรพิทักษ์ของเขานามว่า ‘วงเวียน’ เย่เซียวเรียกสัตว์ประหลาดที่มีร่างเป็นนก หน้าเหมือนคนมีเขาข้างเดียว สัตว์ประหลาดนี้คล้ายกับ ‘นกเค้าหน้าคน’ ของเผ่าภูตบูรพา แตกต่างเพียงเล็กน้อย ในอดีตจ้าวปีศาจโบราณเคยเสี่ยงใช้ทักษะแฝงเร้นของตนเองตกทอดพลังให้เย่เซียว ซึ่งเย่เซียวรับมอบพลังนั้นได้สำเร็จ ในอดีตเย่เซียวนอกจากเป็นบริวารที่มีความภักดีแล้วยังเป็นคนที่มีพลังอ่อนแอที่สุดในสี่จอมพลและแปดแม่ทัพภายใต้บัลลังก์จ้าวปีศาจโบราณ หลังจากพัฒนาฝีมือแล้ว เป็นนักสู้ที่มีร่างอมตะเปลี่ยนเส้นเอ็นผลัดกระดูก สี่จอมพลและแปดแม่ทัพของจ้าวปีศาจโบราณ ถ้าไม่ตายก็ถูกผนึกเอาไว้ มีเย่เซียวคนเดียวที่รอดอยู่ได้
หลังจากเวลาผ่านไปหลายพันปี หลังจากได้จื่อกวงผู้มีพรสวรรค์เข้ามาร่วมงาน เย่เซียวก็ยังเป็นบริวารที่ภักดีที่สุด และทรงอิทธิพลมากที่สุดของจ้าวปีศาจโบราณ
พลังของนกเค้าหน้าคน อสูรปราณฟ้าระดับสี่ เป็นเพียงนกค้าที่อ่อนแอตัวหนึ่ง
แต่ตอนนี้หลังจากวิวัฒนาการ กลับมีความสามารถพอจะท้าทายต่อสู้ได้
นอกจากการซ่อนตัวและลอบฟังเสียงซึ่งเป็นทักษะที่พิเศษสองอย่างแล้ว อสูรนกเค้าหน้าคนยังเป็นอสูรวิญญาณและเป็นอสูรพิทักษ์ของเย่เซียว มันยังมีทักษะพิเศษในการจับอสูรศึกที่อ่อนแอกว่าด้วยอุ้งเล็บของมัน เทียบเท่ากับอสูรกรงเล็บกระดูกมรณะ มันไม่สามารถต่อสู้ได้
ที่สำคัญที่สุด ความสามารถในการจับของนกเค้าหน้าคนมีความพิเศษ อสูรอื่นไม่ทันคาดคิดมันก็จับอยู่ได้แล้ว มันไม่เคยล้มเหลวเลย
เทียบการการจับยึดของอสูรกรงเล็บกระดูกมรณะแล้ว นกเค้าหน้าคนไม่เพียงแต่คร่ากุมศัตรูเท่านั้น แต่ยังคงเป็นการโจมตีในขณะเดียวกัน
ข้อแตกต่างเพียงอย่างเดียวก็คือ นกเค้าหน้าคนไม่มีขนาดที่ใหญ่พอจะจับสิ่งมีชีวิตขนาดอย่างปลาวาฬเกาะ, ยักษ์ภูเขาและไตตันโบราณได้
เป่ยเรียกเงาร่างหนึ่งออกมา
ก็เหมือนกับเขา
ทั้งความแข็งแรงทั้งพลังเหมือนกันทุกอย่าง
นี่คือความสามารถในการแยกร่างที่ทรงพลังที่สุด เพียงแต่ร่างคัดลอกนั้นสามารถอยู่ได้เพียงสิบนาที
เยี่ยซิ่วเรียกเพกาซัสปีกเงิน อสูรปราณฟ้าระดับสาม เพกาซัสปีกเงินนี้ไม่ใช่อสูรศึกประเภทสัตว์ร้าย เป็นอสูรชั้นพิเศษที่มีความยอดเยี่ยม มันสามารถแปลงเป็นเกราะเพกาซัสแสงสวมเข้ากับร่างของเยี่ยซิ่วได้อย่างสมบูรณ์ และด้านหลังจะมีปีกเงินสี่คู่กางออกช่วยให้เยี่ยซิ่วเพิ่มความเร็วได้สูงสุด เพราะเพกาซัสปีกเงินอสูรชั้นพิเศษนี่ เยี่ยซิ่วได้รับมาจากการสู้รบกับราชาอาเรียลในแดนสวรรค์
จักรพรรดิชื่อตี้จับมือสนมชื่อเฟยและใช้มือกวาดหินเพลิงที่ลอยอยู่ในอากาศออกไป
เขามองดูด้วยสายตาเย็นชา
สำหรับความคิดที่เย่เซียวและจื่อกวงต้องการดึงราชาเผ่าเก้าแสงเข้าไปร่วมรบด้วย เขาสนับสนุนด้วยอยู่แล้ว และชื่นชมในการเสียสละของทั้งสองคนนี้
แต่ในการสู้ครั้งนี้จะชนะใจตัวเองได้ไม่ใช่เรื่องที่ใช้ความพยายามน้อย ถ้าไม่ใช่เพราะพลังรบเป็นเรื่องที่สำคัญมาก จักรพรรดิชื่อตี้ย่อมต้องการจะออกไปจากหุบเขาแม่น้ำขาวอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นจ้าวปีศาจโบราณหรือเย่ว์หยางชนะ เขาเองจะเป็นอิสระ ไม่ถูกใครควบคุมอยู่แล้ว
สำหรับจักรพรรดิชื่อตี้ การต่อสู้ระหว่างจ้าวปีศาจโบราณและเย่ว์หยาง เขาหวังเป็นที่สุดว่าทั้งสองฝ่ายจะได้รับความเสียหายกันทั้งคู่
“จื้อจุนชาวมนุษย์, เชิญชี้แนะข้าด้วย” ราชาเผ่าเก้าแสงรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อยกับการกระทำของเย่เซียวและจื่อกวง เขาเข้าใจความคิดของเย่เซียวและจื่อกวงได้เป็นธรรมดา จ้าวปีศาจโบราณกำลังต่อสู้ และพันธมิตรของเขากลับกอดอกยืนมองเฉยๆ เพื่อความลับของสมบัติในแดนล่มสลายแห่งทวยเทพ เผ่าเก้าแสงเกือบทั้งหมดทุ่มเทสรรพกำลังเต็มที่ และชาวเผ่าเก้าแสงที่อยู่ห่างออกไปก็มีศิษย์ที่ตายไปด้วย ถ้าเขายังเอาแต่มองดูต่อไป เกรงว่าจะมีความสูญเสียมากขึ้น ดังนั้นเขาตัดสินใจที่จะลงมือด้วยตนเองเพื่อสรุปผลการต่อสู้ให้เร็ว
ว่ากันตามตรงแล้ว ราชาเผ่าเก้าแสงไม่ต้องการจะสู้กับเย่ว์หยางและจื้อจุน
ถ้าหาเขาได้พบกับเย่ว์หยางและจื้อจุนก่อนเป็นพันธมิตรกับจ้าวปีศาจโบราณ อย่างนั้นราชาเผ่าเก้าแสงคงยินดีจะร่วมมือกับเย่ว์หยางและจื้อ เมื่อได้ร่วมมือกับเย่ว์หยางซึ่งมีศักยภาพไม่สิ้นสุดนับเป็นตัวช่วยที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
น่าเสียดายที่ความเป็นจริงกับสิ่งที่คิดกลับตรงกันข้าม
บัดนี้เขาต้องสู้กับเย่ว์หยางและจื้อจุนในฐานะผู้รุกรานและพันธมิตรของจ้าวปีศาจโบราณ
เพื่อเข้าแดนล่มสลายแห่งทวยเทพ ไม่ว่าจะเป็นยังไงก็ต้องกำจัดผู้ขัดขวาง เผ่าเก้าแสงจะเป็นเผ่าแรกจะต้องมีความก้าวหน้าในแดนสวรรค์อีกครั้ง เขาต้องได้สมบัติลับในแดนล่มสลายแห่งทวยเทพ, พร้อมทั้งเลือดเทพ จิตวิญญาณนักรบและสมบัติโบราณ เผ่าเก้าแสงจะต้องเป็นเผ่าที่แข็งแกร่งยิ่งใหญ่ที่สุดในแดนสวรรค์ และมิใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ที่กลายเป็นที่เคารพนับถือแทนพวกตำหนักกลางแดนสวรรค์
“เย่ว์หยาง! ข้าให้เวลาเจ้าครึ่งชั่วโมงจบการต่อสู้ให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้!” จื้อจุนไม่สนใจราชาเผ่าเก้าแสง นางหันไปตะโกนบอกเย่ว์หยาง
“จื้อจุนชาวมนุษย์ ท่านสามารถบอกชื่อที่น่าจดจำให้แก่ข้าตงเย่าได้หรือไม่?” ราชาเผ่าเก้าแสงเห็นว่าจื้อจุนไม่สนใจเขาแล้วรู้สึกไม่พอใจ เขาเป็นราชาแห่งแดนสวรรค์ จื้อจุนชาวมนุษย์แห่งหอทงเทียนเป็นอะไร? แต่ไม่เป็นไร ปกติเขาเป็นคนถ่อมตัวอย่างผิวเผินเท่านั้น ในฐานะสุดยอดฝีมือชั้นสูง เขารู้ว่าเรื่องที่ไม่มีประโยชน์ที่สุดก็คือความโกรธ ความโกรธทำให้คนสูญเสียสำนึกได้ สำหรับคนทั่วไป ความโกรธไม่ได้สร้างความเสียหายที่ไม่จำเป็น แต่สำหรับผู้ปกครองสิ่งมีชีวิตเป็นล้านๆ และตระกูลทั้งหมดที่รักความก้าวหน้า ความโกรธไม่ใช่สิ่งที่จำเป็น บางทีอาจเป็นอันตรายต่อสถานการณ์โดยรวม
“นามนั้นเป็นสิ่งไม่สำคัญ” จื้อจุนยกมือช้าๆ และดวงดาวเรืองแสงหกดวงค่อยๆ ปรากฏ จุดแสงเริ่มควบแน่นกลายเป็นช่องว่างสีดำปรากฏอยู่ที่ฝ่ามือของนาง
แม้ว่าราชาเผ่าเก้าแสงจะเป็นราชาแห่งแดนสวรรค์ แต่ก็ยังดูแคลนคนนับหมื่นที่มองโลกด้วยความดูหมิ่น
เมื่อเขาเห็นจุดแสงจ้านั้น ก็อดตกใจไม่ได้
นี่เป็นสิ่งที่น่ากลัวจริงๆ
จักรพรรดินีฟ้าซึ่งล่องหนอยู่อย่างเงียบงันมาตลอดเมื่อเห็นดวงอาทิตย์สีดำนี้ เริ่มขยาดเพราะความกลัว
จุดแสงที่ควบแน่นในฝ่ามือขวาของจื้อจุนสามารถทำลายล้างสรรพสิ่ง ใต้เท้าของนางมีสิ่งที่คล้ายกับหลุมดำมองดูเหมือนกระจกเงา และมีความสามารถในการดูดกลืนสรรพสิ่ง ที่ด้านบนเป็นวงเวทอักขรรูนที่เลือนรางและเริ่มส่องแสงระยิบระยับ
เยี่ยซิ่วเมื่อเห็นภาพที่ปรากฏต่อหน้าจื้อจุน ถึงกับกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก
น่าเสียดายที่ราชาเผ่าเก้าแสงตัดสินใจสู้อย่างเป็นทางการ
มิฉะนั้นคนหลายกลุ่มคงได้ลงมือต่อสู้
และสุดท้ายก็ส่งไปตาย
แค่อาศัยเย่เซียว จื่อกวง เป่ยและตัวเขาต้องการจะสู้กับจื้อจุนน่ะหรือ? คาดได้ว่าจุดสว่างเจิดจ้าที่เห็นคงกินพวกเขาไม่พอ
“หนีไป, เร็วเข้า!” จ้าวปีศาจโบราณที่กำลังสู้กับเย่ว์หยางเห็นจื้อจุนกำลังจะใช้พลังทำลายล้าง จึงรีบเตือนบริวารของเขาให้หนีออกไปให้ห่างจากหุบเขาแม่ขาวทันที
“แสงตะวันฉาย” ร่างของราชาเผ่าเก้าแสงระเบิดพลังงานสว่างเจิดจ้ากว่าดวงอาทิตย์ พลังที่สามารถทำลายโลกและสวรรค์ได้ มือของเขาชูค้ำลูกกลมขนาดใหญ่ ไม่ว่าแสงรังสีสัมผัสที่ใด ถ้าเป็นผนังหินหรือภูเขา แม้แต่ยอดเขาก็ละลายทันที
เย่เซียว จื่อกวง เป่ยและเยี่ยซิ่วและคนอื่นต่างหวาดผวาหนีห่างออกไปหนึ่งกิโมเมตรไม่ปล่อยให้แสงอาทิตย์สัมผัสตนได้
ราชาเผ่าเก้าแสงค่อยๆ ผลักลูกกลมพลังงานที่เหมือนดวงอาทิตย์ไปทางจื้อจุน
ถ้าจื้อจุนรับไม่ได้ อย่างนั้นจะมีผลลัพธ์ประการเดียว
นั่นคือตาย
ราชาเก้าแสงซึ่งเป็นราชาแดนสวรรค์ไม่ต้องการใช้วิธีใดๆ เพื่อเผชิญหน้ากันโดยตรง แน่ว่ากลยุทธ์และแผนการที่อ่อนแอทั้งหมด ถ้าไม่สามารถต้านรับดวงอาทิตย์นี้ได้ อย่างนั้นการต่อสู้ครั้งนี้เป็นอันจบกัน