ตอนที่ 741 การต่อสู้ไม่เกี่ยวกับธรรมะหรืออธรรมทั้งนั้น
บันไดสวรรค์ชั้นห้า หุบเขาแม่น้ำขาว
นอกจากมีการต่อสู้ระหว่างเย่ว์หยางและจ้าวปีศาจโบราณที่แท่นบูชายัญแล้ว ยังมีการต่อสู้ที่หุบเขาชั้นนอก จักรพรรดินีราตรีกับผู้เฒ่าซื่อไห่และพวกกำลังเข้าถึงการต่อสู้ระดับที่ดุเดือดร้อนแรง
ในสนามพลังดาราราย เกิดกลุ่มดาวนักษัตรสิบสองราศี แต่ละกลุ่มดาวล้วนมีพลังที่สูงส่งไม่มีใครเทียบและเปลี่ยนแปลงไปตามคู่ต่อสู้แต่ละคน แต่เมื่อจักรพรรดินีราตรีใช้โจมตีก็สูญหายไปเหมือนควัน อย่างไรก็ตามผู้เฒ่าซื่อไห่ที่เป็นคู่ต่อสู้มีพลังปราณฟ้าระดับหก ทั้งยังมีพลังปณิธานราชันย์ไม่สามารถเอาชนะได้ เขาถูกบังคับให้ต้องรับมือกับจักรพรรดินีราตรี การต่อสู้ที่เด็ดขาดของทั้งคู่ยังไม่ปรากฏผลแพ้ชนะ
คาดว่าการต่อสู้ดุเดือดนี้จะต้องใช้เวลาอย่างน้อยหลายชั่วโมง!
เทียบกับสองคนนี้แล้ว องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเสวี่ยอู๋เสียพวกนางสามารถพิชิตคู่ต่อสู้ได้แล้ว
นางเซียนหงส์ฟ้าบาดเจ็บอย่างหนักร่างร่วงลงกับพื้นแต่นางพญาซัคคิวบัสอสูรพิทักษ์ของนางรับร่างนางไว้ได้ คู่ต่อสู้ของนางเริ่มแรกเป็นนักสู้ปราณฟ้าระดับสี่ของเผ่าเก้าแสงสองคน ยังไม่ทันแจ้งชื่อจบพวกเขาก็เหลือแต่เถ้าถ่านล่องลอยหายไปภายใต้พลังกฎฟ้าของนาง และเกราะป้องกันร่างไม่สามารถต้านนางเซียนหงส์ฟ้าได้ พลังกฎฟ้าของนางแทบจะใกล้เคียงกับพลังกฎสวรรค์ ถ้าไม่ใช่เพราะก่อนหน้านั้นนางเซียนหงส์ฟ้าได้ฆ่าบุตรของผู้เฒ่าซื่อไห่และได้บาดเจ็บมากอยู่แล้ว อีกทั้งโลงศพประหลาดของสัปเหร่อโยวจินที่ลอบทำร้ายนาง อย่างนั้นนางคงฆ่าศัตรูแข็งแกร่งทั้งสองได้โดยไม่ได้รับผลสะท้อนทางใจจนบาดเจ็บสาหัสและหมดสติเป็นแน่
นางเคลื่อนไหวคราวเดียวฆ่ายอดฝีมือปราณฟ้าระดับสี่เผ่าเก้าแสงทันทีสองคน ทำร้ายโยวจินบาดเจ็บสาหัส และอีกสามคนบาดเจ็บเล็กน้อย นอกจากนี้ยังขัดขวางต้านรับซื่อเยี่ยลูกชายของผู้เฒ่าซื่อไห่ไว้ได้
นี่คือผลงานต่อสู้ของนางเซียนหงส์ฟ้า!
เพราะพลังกฎฟ้าของนางสามารถสังหารได้ทันที แม้แต่คนตัวโตอย่างหลี่ผานและสัปเหร่อโยวจินที่มุ่งมั่นเอาแต่โจมตี แต่เพิกเฉยต่อพลังโจมตีวิญญาณ นับว่าเป็นอุบัติเหตุที่ไม่ธรรมดา หากเปลี่ยนสลับคู่ต่อสู้ ผู้ที่โจมตีนางเซียนหงส์ฟ้าไม่ใช่โยวจินแต่เป็นหลี่ผาน เชื่อได้ว่าเขาจะเป็นนักสู้เผ่าเก้าแสงคนที่สามที่ตายแน่นอน
“ร้ายกาจมาก ข้ายอมรับว่าข้าดูถูกสตรีเหล่านี้เกินไป” หลี่ผานทิ้งความหยิ่งยโสที่เคยมีก่อนหน้านั้นหมด
“ฮึ่ม..” สัปเหร่อโยวจินหน้าบึ้งเหมือนจมอยู่ในน้ำ
เมื่อครู่นี้ ถ้าไม่ใช่เพื่อช่วยสหายทันทีแล้ว อย่างนั้นโลงศพประหลาดที่แข็งแกร่ง จะใช้ปราบนางพญาซัคคิวบัสได้แน่นอน
คนที่ทำให้เขากังวลใจมากที่สุดไม่ใช่นางเซียนหงส์ฟ้าที่หมดสติและไม่สามารถต่อสู้ได้อีกต่อไป ไม่ใช่องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนผู้ใช้ดาบเทพจักรพรรดิอวี้ แต่เป็นเสวี่ยอู๋เสียผู้ถือคัมภีร์แห่งสัจจะและมีสีหน้าไม่แสดงอารมณ์แต่อย่างใด
ตามข้อมูลที่รวบรวมมาโดย จ้าวปีศาจโบราณ จักรพรรดิชื่อตี้ สื่อจินโหวและคนอื่นๆ โยวจินรู้ว่าสตรีนางนี้ชื่อว่าเสวี่ยอู๋เสีย นางคือผู้ช่วยที่สำคัญที่สุดของคุณชายสามตระกูลเย่ว์ มีสติปัญญาและพลังวิญญาณไม่มีใครเทียบ เขารู้ว่านางร้ายกาจ แต่หลังจากสู้แล้วโยวจินรู้ว่าข้อมูลที่ได้รับมาก่อนนั้นยังประเมินเสวี่ยอู๋เสียต่ำเกินไป.. ถ้าไม่ใช่เพราะเสวี่ยอู๋เสียนี้ยังอายุเยาว์มาก นางอาจเป็นสู้ระดับเดียวกับจักรพรรดินีราตรี หรืออาจสูงกว่าก็ได้ ที่ยืนอยู่ข้างๆ เสวี่ยอู๋เสียก็คือสาวร่างยักษ์นักสู้ปราณฟ้าระดับห้า ถ้าสัปเหร่อโยวจินเลือกได้ เขายินยอมสู้กับสาวยักษ์สองคนดีกว่าเป็นคู่ต่อสู้ของเสวี่ยอู๋เสียผู้นี้
เพราะเข้าใจนางอย่างไขว้เขว สหายนักสู้ปราณฟ้าระดับสี่สองคนของเขาคือหลี่เช่อและหลี่ซุ่น จึงไม่มีโอกาสหนีและถูกนางเซียนหงส์ฟ้าฆ่าตายทันที
แม้ว่าคนที่โจมตีและกำจัดก็คือนางเซียนหงส์ฟ้าใช้พลังกฎฟ้าสร้างหายนะได้ แต่เสวี่ยอู๋เสียรับหน้าที่เบี่ยงเบนความสนใจ
“ฆ่านาง!”
ในเหล่านักสู้เผ่าเก้าแสง ก็มีคนที่มองเห็นปัญหานี้เช่นกัน
บุรุษร่างใหญ่หลี่ผานและญาติของเขา หลี่ฉางซึ่งมีพลังปราณฟ้าระดับสามวิ่งเข้าจู่โจมเสวี่ยอู๋เสีย
โยวจินจะตะโกนให้หยุด แต่ลำคอของเขาได้รับบาดแผลบาดเจ็บอย่างหนักทำให้เลือดและทรายอุดเสียงของเขา นอกจากนี้หลี่ผานและหลี่ฉางปล่อยให้ความเกลียดชังอยู่เหนือเหตุผล
“ไสหัวไป!” สาวร่างยักษ์ลี่เยี่ยนเข้ามาขวางหน้าเสวี่ยอู๋เสียและปลดปล่อยพลังมังกรพลางเตะใส่หลี่ผานร่างยักษ์ด้วยความโกรธ แต่หลี่ฉางนักสู้ปราณฟ้าระดับสามเผชิญพบกับอาหมัน อาหมันใช้โซ่ล่ามเทพตวัดและลากหลี่ฉางลงมาจากอากาศฟาดลงบนพื้น จากนั้นยกหินขนาดเท่าเนินเขาทุ่มใส่ศีรษะฝ่ายตรงข้าม
“โฮ่ง!” ฮุยไท่หลางสู้กับนักสู้ปราณฟ้าระดับสอง มันแยกร่างเป็นซ้ายหนึ่ง ขวาหนึ่งและเปิดฉากต่อสู้ทำให้คู่ต่อสู้ยากจำแนกได้ว่าร่างใดจริง ร่างใดปลอม
ภูตเพลิงฟ้าเรียกนางพญาผึ้งไฟและมันออกไข่เตรียมสร้างผึ้งทหารไฟ
นางกับตั๊กแตนมัจจุราชจะร่วมมือกันมองหาโอกาส
แม้ว่าทั้งสองจะไม่ส่งผลต่อการต่อสู้ของนักรบปราณฟ้า แต่ก็ยังนับว่าช่วยเบี่ยงเบนส่งผลกระทบในการต่อสู้ได้
ถ้าอสูรฝ่ายศัตรูบาดเจ็บหนัก ถึงตอนนั้นโอกาสของพวกเขาทั้งสองจึงค่อยมาถึง หรือเสวี่ยอู๋เสียใช้ผนึกเทพจักรพรรดิอวี้ในมือนางโจมตีหรือกำจัดนักสู้ปราณฟ้าหรืออสูรของพวกเขา ภูตเพลิงฟ้ากับตั๊กแตนมัจจุราชจะโจมตีซ้ำทันที .... เมื่ออยู่ข้างๆ ท่านหญิงเสวี่ยอู๋เสีย ทั้งสองจะแสดงพลังจุดแข็งของพวกเขาได้เต็มที่ มีสำนึกของสนามพลังศักดิ์สิทธิ์ช่วยปกป้อง แม้ว่าพวกเขาจะไม่ใช่อสูรศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่อสูรเทพ แต่ก็แสดงพลังอย่างเห็นได้ชัด
ไม่เพียงแต่พวกเขาเท่านั้น แม้แต่หนูเบญจธาตุค้นสมบัติ ก็ยังลอยตัวช้าๆ อยู่ใต้เท้าเสวี่ยอู๋เสีย
ในฝ่ายเผ่าเก้าแสงมีนักสู้อยู่สองคนที่ชำนาญในการวางกลยุทธ์และกับดักคอยใช้เวทอักษรรูนสนับสนุน ความคงอยู่ของพวกเขาเสวี่ยอู๋เสียมองว่านั่นคือคู่ต่อสู้ และนางทุ่มพลังโจมตีเต็มที่
หนูทอง(หนึ่งในหนูเบญจธาตุ)ค้นสมบัติผสานกับคัมภีร์สัจจธรรมของเสวี่ยอู๋เสียทำให้พลังการมองของนางแทบใกล้เคียงจักษุญาณทิพย์ของเย่ว์หยาง
“ทานตะวันอมฤต!” เจ้าเมืองโล่วฮัวยืนอยู่ด้านขวามือของเสวี่ยอู๋เสียเรียกทานตะวันอมฤตอสูรปราณฟ้าระดับห้า และทันทีที่มันออกมาก็ทำให้อสูรฝ่ายศัตรูทั้งหมดเป็นเหมือนกับคนตาบอด ทักษะพิเศษของมันคือทำให้ฝ่ายศัตรูตาบอดถูกนำมาใช้ หลังจากนั้นหลี่ผานปิดตาแล้วเผ่นหนีออกไปไกล เขาไม่กลัวพลังโจมตีหยาบ แต่กลัวพลังโจมตีทางวิญญาณจากการถูกจำกัดความสามารถในการมองเห็นนี้ เมื่อความสามารถพิเศษที่สองของทานตะวันอมฤตถูกดึงออกมาใช้อีก ท้องฟ้าทั้งหมดปรากฏเหมือนกับดวงอาทิตย์อยู่ในทิศตะวันตกใกล้อัสดงค์ แสงยามสนธยาทำให้จิตใจมนุษย์อึดอัดและเบื่อหน่าย สำหรับอสูรของฝ่ายตรงข้ามรู้สึกสงบและทอนความคิดจะต่อสู้ ทานตะวันอมฤตทำให้พวกมันหนังตาหนัก
“เก้าแสงบูรพา คนนับหมื่นสรรเสริญ สู้อย่างหาญกล้า เพื่อเกียรติยศเผ่าพันธุ์ของเรา”
มีนักสู้เผ่าเก้าแสงที่แต่งตัวเหมือนพ่อมดกำลังโบกไม้กายสิทธิ์และร้องเพลงออกศึกของเผ่าเก้าแสง
ที่สำคัญร่างกายนักรบเผ่าเก้าแสงตอนนี้กำลังสั่นสะท้าน ความโหดเหี้ยมเดิมในจิตใจถูกกวาดหายออกไป อาการตาบอดบรรเทาลงมาก
หลี่ผานคำรามและปล่อยหมัดเพลิงอย่างรุนแรงหลายสิบหมัด
ธรรมดาว่าเพลงนักรบของพ่อมดไม่ได้แก้ปัญหาแบบครอบจักรวาล
ตัวอย่างเช่นหลี่ฉางที่ตกไปอยู่ในเงื้อมมือของอาหมันก็หมดหวังจะกอบกู้สถานการณ์ อาหมันใช้โซ่ล่ามเทพรัดคอ แขน เข่าของเขาจนกระทั่งตาย ถ้าหากมีแต่เฉพาะแค่นาง หลี่ฉางก็คงต้านทานได้ระยะหนึ่ง แต่ฮุยไท่หลางเจ้าเล่ห์ผละออกจากนักสู้ปราณฟ้าสองคนที่มันสู้ และใช้เขี้ยวสุนัขป่าอันแหลมคมของมันกัดจุดยุทธศาสตร์ด้านล่างของหลี่ฉาง
หลี่ฉางเจ็บปวดแสนสาหัส แล้วเขาจะดิ้นรนต่อสู้โต้ตอบได้อย่างไร
มันกัดไม่ยอมปล่อย
ฮุยไท่หลางฉลาดเจ้าเล่ห์รู้ดีว่าที่ใดเป็นจุดอ่อนของคน.. ตราบใดที่โจมตีจุดอ่อนของคนผู้นั้น ตราบนั้นมันจะบรรลุผลเป็นสองเท่าโดยใช้ความพยายามเพียงครึ่งเดียว นั่นเป็นกลยุทธ์ที่เย่ว์หยางพร่ำสอนมันไว้เสมอ
ดาบเทาเถี้ยแปลงร่างเป็นปีศาจเทาเถี้ย แม้ไม่มีปัญญาเท่าฮุยไท่หลาง แต่มันรู้จักการประสานงานต่อสู้
มันกัดขาขวาของหลี่ฉางแน่นและกรงเล็บคู่ของมันกดอยู่ที่ขาซ้ายที่ยังดิ้นได้อีกข้างหนึ่งไว้ช่วยให้ฮุยไท่หลางโจมตีจุดยุทธศาสตร์ล่างได้เต็มที่ แมงป่องดาวโผล่ออกมาจากใต้ดินหลังจากกบดานนิ่งเงียบใช้เหล็กไนแทงใส่สันหลัง น้องชายของโยวจินชื่อโยวโยวซึ่งเป็นนักรบปราณฟ้าระดับสามพุ่งเข้ามาราวกับสายฟ้าต้องการจะช่วยหลี่ฉางสหายสนิทของเขา
“ระวัง” โยวจินโกรธจัดจนแทบกระอักโลหิต ถึงเวลานี้เจ้าเด็กนี่ไม่เพียงแต่ประมาทศัตรู แต่ยังบุกลึกเข้าไปในสนามพลังของเสวี่ยอู๋เสียอย่างไม่ลืมหูลืมตา?
“ขอส่งเจ้าสู่สุคติ!” ด้วยการเสริมพลังมังกรฟ้า องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนใช้ดาบเทพบีบรุกคู่ต่อสู้ข้างหน้าให้ออกไป พร้อมกับชูดาบเทพจักรพรรดิอวี้สูง
“หา..!” โยวโยวแห่งเผ่าเก้าแสงตกใจร้องเมื่อพบว่าคมของดาบเทพจักรพรรดิอวี้ปรากฏอยู่ข้างหน้าเขาแล้ว
“ถอยออกมา..เร็วเข้า...” สัปเหร่อโยวจินไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของตนเอง จับโยวโยวใส่ในโลงพิศวงและส่งออกมาจากสนามพลังศักดิ์สิทธิ์ เขาใช้ร่างจำลองหลอกล่อให้องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนฆ่า และตัวเองหนีออกมาได้อย่างทุลักทุเล แต่ถึงแม้จะใช้ร่างจำลองรับมือองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน แต่หลังของเขาก็เกิดบาดแผลลึกจนเห็นกระดูก เขาไม่ได้มีร่างสูงใหญ่เหมือนหลี่ผานซึ่งมีพลังป้องกันทางกายสูงสุด นอกจากนี้กระบี่เทพยังเสริมด้วยพลังมังกรฟ้าศักดิ์สิทธิ์ ร่างมนุษย์ธรรมดาไม่สามารถต้านทานได้
โยวโยวเพิ่งโดดออกมาจากโลงพิศวง ตกใจเมื่อเห็นโยวจินบาดเจ็บสาหัสและได้ยินสหายร้องตะโกน “หลบก่อน..”
แสงรังสีที่น่าสะพรึงกลัวเผาผลาญสรรพสิ่งปรากฏที่ด้านหลังของเขา นั่นคือทานตะวันอมฤต อสูรปราณฟ้าระดับห้า
ทานตะวันอมฤตต่างจากต้นทานตะวันแดนสวรรค์ธรรมดาตรงที่มันเป็นนักฆ่าที่น่ากลัว
ทานตะวันอมฤตบดทับร่างของโยวโยวโดยตรง
ทานตะวันอมฤตแข็งแกร่งมากกว่าเขาที่เป็นแค่นักสู้ปราณฟ้าระดับสาม มันตัดร่างเขาขาดเป็นสองท่อน... เจ้าเมืองโล่วฮัวเพ่งไปที่หลี่ผานที่มีร่างกายแข็งแกร่งที่สุดเมื่อทานตะวันอมฤตพุ่งใส่ หลี่ผานไม่สามารถหลีกเลี่ยงการต่อสู้ได้ เขาร่วงลงกับพื้นปล่อยให้ทานตะวันอมฤตตัดร่างเขา
“ไม่..”
โยวจินตะโกนอย่างเศร้าเสียใจ สายเลือดตระกูลโยวในเผ่าเก้าแสงโยวโยวเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพซึ่งโดดเด่นขึ้นมา
คาดไม่ถึงเลยว่าเขาสามารถอยู่รอดปลอดภัยในแดนสวรรค์ตะวันตกได้ แต่พอมายังหอทงเทียนดินแดนระดับที่ต่ำกว่า กลับพลาดท่าเสียที
หลี่ผานก็ประสบชะตากรรมที่น่าเศร้าเหมือนกัน
หลังจากหลี่เช่อหลี่ซุ่นสองนักสู้ถูกฆ่าตายทันที หลี่ฉางนักสู้ตระกูลหลี่คนที่สามก็ยังตายตามไปด้วยจากการร่วมมือของเหล่าอสูรศึกอย่างอาหมันและฮุยไท่หลาง ร่างของหลีฉางค่อยๆ กลายสภาพเป็นทอง อาหมันบิดศีรษะของเขาโดยตรง ฮุยไท่หลางและดาบปีศาจเทาเถี้ยฉีกร่างท่อนล่างของเขาและกลืนลงท้อง
แม้ว่านักรบเผ่าเก้าแสงจะโกรธ พวกเขาร่วมมือกันฆ่าขุนพลดอกหนามที่ขัดขวางพวกเขาอยู่ แต่ไม่สามารถช่วยชีวิตคนของเผ่าเขาได้
ติดหนี้ต้องชดใช้เงินทอง หนี้ชีวิตต้องชดใช้ด้วยชีวิต
ปีศาจดอกหนามคลุ้มคลั่งและปีศาจดอกหนามหมอกควันอสูรอัญเชิญของฝ่ายตรงข้ามอยู่ในกลุ่มของอสูรพิทักษ์ ตายแล้วก็ยังคืนชีพได้... แต่คนของเผ่าเขาเป็นไปไม่ได้ที่จะฟื้นคืนชีพได้อีก เพราะถึงแม้จะมีผลึกสวรรค์ชุบชีวิต แต่ศพกลับไม่สมบูรณ์ โยวโยวถูกทานตะวันอมฤตบดจนร่างขาดสองท่อน ไม่เพียงแต่ร่างมนุษย์ของเขาเท่านั้น แต่แม้แต่วิญญาณของเขาก็ยังถูกเพลิงอมฤตเผาผลาญ ขณะที่ร่างของหลี่ฉางกลายเป็นอาหารของอสูรฝ่ายตรงข้ามไปแล้ว อีกทั้งวิญญาณของพวกเขายังถูกเสวี่ยอู๋เสียขังไว้ในสนามพลังศักดิ์สิทธิ์และในคัมภีร์สัจจะ
“พวกเจ้ามายังหอทงเทียน ไม่ได้มาอย่างมิตร ดังนั้นพวกเจ้าจึงต้องชดใช้ให้กับความโลภของตนเอง” เสวี่ยอู๋เสียมองโยวจินอย่างไร้ความเมตตา ความจริงนางต้องการฆ่าเขามากที่สุด เพียงแต่ยังหาโอกาสไม่ได้
“บางทีเราอาจดำเนินการผิดพลาด แต่ในเมื่อมีความเป็นอริกันและต่อสู้ตัดสินเด็ดขาด เราไม่ต้องการซ่อนความอยากได้ และไม่ต้องการโต้เถียง คนเรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้ย่อมมีความปรารถนาที่แตกต่างกัน เมื่อเจ็บปวด เราจะร้องครวญคราง เมื่อมีความสุขเราจะหัวเราะดีใจกันอย่างเต็มที่ เห็นของดี เราก็อยากได้ เมื่อพบสมบัติ เราก็ต้องการครอบครองไว้ในเงื้อมมือ ความปรารถนาเหล่านี้เราไม่ควบคุมมันไว้ ต่อให้เราสามารถควบคุมได้ก็ตามเถอะ ไม่ใช่แค่นั้น นี่ไม่เกี่ยวกับความชั่วร้าย เราแค่ยืนอยู่กันคนละฝ่าย และเป็นฝ่ายที่ตรงข้ามกัน...” โยวจินถอนหายใจด้วยความเศร้าใจ หลังจากญาติผู้น้องในเผ่าของเขาตายไป เขาตอบเสวี่ยอู๋เสียอย่างเคร่งขรึมจริงจังพร้อมกับตะโกนเรียกคนในเผ่า “พี่น้อง! เราอาจจะตายก็ได้ แต่ความภูมิใจในเผ่าเก้าแสงจะต้องไม่ตกต่ำในเงื้อมมือเรา เราจะไม่ออมรั้งยั้งฝีมือไว้ สงครามไม่เกี่ยวกับความยุติธรรมหรือความชั่ว เราแค่ต้องสู้กับศัตรูของเรา!”