ตอนที่แล้วตอนที่ 740 หมอกเสียงและเพลิงน้ำเงิน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 742 สหายเก่า

ตอนที่ 741 กลับเข้าเมืองจื่อจวน


“ปราสาทเขาสะท้อนยังปิดอยู่หรือ?”

น้ำเสียงของสวี่เย่เป็นหนึ่งในคนที่กังวล  ไม่ใช่แค่เพียงเขาเท่านั้น  หน้าของคนอื่นเต็มไปด้วยความกังวล  ผลที่ตามมาไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาคาดหวังไว้

บุกจู่โจมตระกูลฉินไม่ได้ใช้เวลาอะไรมากมาย ไม่มีฉินเจิ้นและมีแต่เพียงสองขุนพลจากสี่ขุนพลที่ยังรอดอยู่  และเมื่อไม่มีหน่วยพลธนูของเฉินจื่อเจิน  ตระกูลฉินก็อยู่ในสภาพอ่อนแอที่สุด ดังนั้นพวกเขาจะหยุดการโจมตีจากสี่ตระกูลได้อย่างไร?

ตระกูลฉินถูกพวกเขากำจัดไปแล้ว  พวกเขาได้รับนักโทษหน่วยสุญญตาและส่งคนไปยังปราสาทเขาสะท้อนทันทีเพื่อขอร้องให้กับบุรุษหน้ากากผีกลับมายังเมืองจื่อจวน  สมาชิกตระกูลฉินถูกขับไล่ทั้งหมด  และสี่ตระกูลจะอาศัยบุรุษหน้ากากผี  ก็หมายความว่าเมืองจื่อจวนเปลี่ยนเจ้าเมือง

แต่สิ่งที่พวกเขาคาดไม่ถึงก็คือปราสาทเขาสะท้อนปิดประตูเงียบ และแม้ว่าคนของพวกเขาจะตะโกนอยู่นอกปราสาทอยู่ครึ่งค่อนวัน  พวกเขาก็ไม่เปิดประตู  มีแต่หมิงจูตอบพวกเขาทันทีว่าท่านหน้ากากผีขังตัวฝึกฝีมือและพวกนางจะไม่เปิดปราสาทจนกว่าเขาจะออกมา

เมื่อบริวารพวกเขากลับไปรายงานทุกคนมองหน้ากันเอง ไม่รู้จะทำอะไรต่อ

สถานการณ์อ่อนไหวอย่างรวดเร็ว ฉินเจิ้นจะต้องกลับมายังเมืองจื่อจวนแน่นอน  และถ้าบุรุษหน้ากากผีกลับมาก่อน พวกเขาไม่จำเป็นต้องกังวลต่อความปลอดภัยของพวกเขา  ท่านหน้ากากผีสามารถฆ่าหลูเทียนเหวินก็หมายความว่าฉินเจิ้นไม่สามารถทำอะไรเขาได้

แต่ใครจะรู้กันว่าในช่วงเวลาวิกฤติอย่างนั้น  บุรุษหน้ากากผีจะปิดประตูฝึกฝีมือ!

ไม่มีการปกป้องของบุรุษหน้ากากผี พวกเขาไม่มีความมั่นใจว่าจะสู้กับฉินเจิ้นได้  ในอดีตพวกเขาไม่เคยพบกับการต่อสู้ของนักสู้ในทำเนียบนักสู้  แม้ว่าพวกเขารู้ว่าฉินเจิ้นจะแข็งแกร่งมากกว่าพวกเขามาก  แต่พวกเขาไม่เคยรู้สึกกดดัน

จนกระทั่งพวกเขาได้เห็นประจักษ์การต่อสู้ระหว่างหลูเทียนเหวินและบุรุษหน้ากากผี  ในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจว่าบุคคลในทำเนียบนักสู้นั้นแข็งแกร่งมากมายเพียงไหน  หลูเทียนเหวินอยู่อันดับที่ 39 ในทำเนียบยอดนักสู้ ฉินเจิ้นอันดับที่ 3 มีความแตกต่างกันเพียงสี่อันดับ มาตรฐานของพวกเขาไม่ต่างกันมาก

ถ้าฉินเจิ้นเร่งรีบกลับมา  สี่ตระกูลจะต้องฝืนสู้กับเขา  และสี่ตระกูลจะจบสิ้นเหมือนกับตระกูลฉิน  สมาชิกทุกคนจะถูกขับไล่หรือไม่ก็ถูกฆ่า  หรืออาจถูกกำจัดจนสิ้นซากก็ได้

ทุกคนหันไปมองดูวิคเตอร์

วิคเตอร์โบกมือพัลวัลด้วยท่าทีไร้เดียงสา  “แม้ว่าข้าจะเป็นคนออกความคิดนี้  แต่พวกเจ้าก็เห็นตกลงด้วยความยินดี  นอกจากนี้ ต่อให้เราล้มเหลว ตระกูลข้ายังจะได้รับการยกเว้นอีกหรือ?  ตระกูลข้ายังจะหนีพ้นเงื้อมมือเขาหรือ?”

โรแลนด์ซูเป็นคนแรกที่ยืนยันเข้าข้างวิคเตอร์ “ใช่แล้ว!  นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาปัดความรับผิดชอบ  ทุกคนเลือกที่จะทำเช่นนี้ด้วยความเต็มใจ ตอนนี้เราควรรวมตัวเหนียวแน่นเข้าไว้หาทางรอดจากเหตุการณ์นี้”

เบนสันพยักหน้าและตอบ  “เราเตรียมพร้อมไว้เป็นดีที่สุด”

ทุกคนสงบจิตใจได้และยังคงเงียบ  พวกเขารู้ว่า “การเตรียมพร้อม”ที่เบนสันพูดหมายถึงอะไร

ขณะนั้นเอง หน่วยสอดแนมวิ่งเข้ามารายงานด้วยสีหน้าตื่นเต้น  “มีคนมาจากปราสาทเขาสะท้อน!”

ทุกคนลุกขึ้นทันที ในที่สุดก็ยกภูเขาลงจากอกพวกเขาได้สักที  เวลานี้ทุกคนรู้สึกมีชีวิตชีวาอีกครั้ง ความรู้สึกว่ามียอดฝีมือผู้ทรงกำลังจากทำเนียบนักสู้ผู้ทรงอำนาจจะมาฆ่าพวกเขาเมื่อใดก็ได้เป็นแรงกดดันที่หนักหน่วง แรงกดดันที่มองไม่เห็นนั้นกดดันจนทุกคนหายใจไม่ออกทำให้พวกเขาไม่สามารถกินและพักได้เช่นกัน

หมิงจูมองดูประตูเมืองที่ซ่อมแซมใหม่และมีคนมาต้อนรับพวกเขาถึงข้างนอกก็รู้สึกตื้นตันมาก

วันที่ถังเทียนทำลายประตูเมืองด้วยหมัดเดียว  นางนำตระกูลของนางผ่านซากหักพังด้วยอารมณ์ที่หนักใจ วันนั้นนางเต็มไปด้วยความกลัวและอยู่ในสภาพสูญเสีย  อนาคตในสายตานางมืดมัวมาก  เวลานั้นพวกนางอพยพไปโดยไม่รู้ว่าจะได้เห็นแสงสว่างของวันใหม่หรือไม่

แต่ในอีกไม่กี่วันต่อมา พวกนางกลายเป็นผู้ชนะและได้รับการต้อนรับกลับสู่บ้านตระกูลเซวียของพวกนางอย่างยิ่งใหญ่

หมิงจูอดมองดูหน้าของท่านหน้ากากผีไม่ได้

เป็นเขาที่เปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่าง

เมื่อเห็นรอยยิ้มที่เปี่ยมด้วยการยกย่องให้เกียรติของสวี่เย่และพวกที่เหลือที่มีต่อพวกนาง  หมิงจูเต็มไปด้วยอารมณ์ซับซ้อน  นางไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันเช่นนี้  และนางเชื่อว่าพวกเขาก็คงไม่มี เบนสันไม่เคยคิดว่าหลังจากสู้กับท่านหน้ากากผีแล้ว  เขาจะยังยินดีต้อนรับการกลับมาของเขาถึงนอกเมือง เมื่อสวี่เย่และพวกที่เหลือพูดถึงท่านหน้ากากผีในอดีต พวกเขาไม่เคยคาดคิดว่าพวกเขาจะยอมเป็นบริวารของเขา

บุรุษผู้นี้แข็งแกร่งมีอำนาจมาก

ไม่เพียงแต่มีพลังอำนาจเท่านั้น  แม้แต่ความก้าวหน้าก็ไวมากด้วย  เพียงพริบตาเดียว  พวกเขาก็ถูกทิ้งห่างไกล

เมื่อจบการฝึกฝนของเขา  ถังเทียนตะลึงเมื่อเขาได้ยินคำรายงานของหมิงจู  และตื่นเต้นทันที เขากำลังคิดหาวิธีช่วยนักโทษหน่วยสุญญตาออกมาจากตระกูลฉิน แต่ไม่คาดเลยว่าสวี่เย่และพวกที่เหลือจะทำให้เขาเรียบร้อย

ไม่มีความยุ่งยากอีกต่อไป  ถังเทียนตัดสินใจกลับเมืองจื่อจวนทันที

เขาไม่สนใจว่าตระกูลต่างๆ จะคิดยังไง  แต่ตราบใดที่เขาสามารถช่วยพี่น้องของเขาได้ทั้งหมด  แม้ว่าพวกเขาต้องการใช้เขา  เขาก็ไม่สนใจ

ความเปลี่ยนแปลงในเมืองจื่อจวนสร้างความตกใจให้ทุกคนเช่นกัน  และคนแรกที่มีปฏิกิริยาแรกก็คือเนี่ยชิวในทันใดนั้นเขาเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นและประเมินสถานการณ์

แต่เมื่อพิจารณาถึงความปลอดภัย  หน่วยสุญญตาทั้งหมดถูกระดมพล

สมาชิกหน่วยสุญญตาทุกนมีพลังแข็งแกร่งขึ้นมาก

หานปิงหนิงจุดไฟต้นกำเนิดได้กลายเป็นสมาชิกของหน่วยสุญญตาที่ทำเช่นนั้นได้  และเป็นเพียงคนเดียวที่รู้แจ้งกฎธรรมชาติผิวเผิน  ในทั่วแดนบาป ยากที่จะหาคนที่ทำได้ทั้งสองอย่าง

พลังของอาโมรี่ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน เขาควบคุมเพลิงสุญญตาได้ทั้งหมดและปล่อยออกมาได้รอบตัวเขา แม้แต่รัศมีที่เปล่งออกมาจากเขาก็เปลี่ยนไป  จากตอนแรกที่เขาเป็นคนวู่วาม  ก็กลายเป็นคนที่สงวนท่าทีมากขึ้นและยังมีความอดทนของขุนพลผู้ยิ่งใหญ่

พยุหะหยินหยางของเนี่ยชิวก็บรรลุความสำเร็จเบื้องต้น  ร่างหยินหยางของเขามีรูปแบบของตัวอ่อนแล้ว  สำหรับสมาชิกหน่วยสุญญตาทุกคนมีพลังใจสูงส่งและห้าวหาญ

สวี่เย่และพวกที่เหลือซึ่งอยู่ที่ทางเข้ารอรับถังเทียนสั่นสะท้านกับภาพที่พวกเขาเข้ามาใกล้

พวกเขาไม่สามารถเข้าใจความลึกล้ำของบุรุษหน้ากากผี  แต่พวกเขาสามารถรู้สึกถึงความแตกต่างของคนที่เหลือ  เมื่อสวี่อันจงเห็นหานปิงหนิง  เขาแทบไม่เชื่อสายตา ตั้งแต่เมื่อใดกันที่มือกระบี่จุดเพลิงต้นกำเนิดได้? ‘มือกระบี่ผู้จุดไฟต้นกำเนิดได้  นะนะ นี่...’

ความเปลี่ยนแปลงของอาโมรี่ทำให้โรแลนด์ซูตกใจเช่นกัน นางประทับใจต่อเขามากที่สุดในบรรดานักโทษ เหตุผลที่ทำให้เขาเป็นหัวหน้ากลุ่มอย่างเห็นได้ชัด  เหตุผลอื่นก็คือเขาเป็นคนตรงไปตรงมา  เมื่อใดก็ตามที่สหายของเขาถูกรังแกเขาจะเป็นคนแรกที่วิ่งเข้ามา

แม้ว่าจะเป็นคนที่หุนหันพลันแล่น แต่ก็เป็นคนให้ความสำคัญกับสหายของเขาอย่างลึกซึ้ง  โรแลนด์ ซูชื่นชม

แต่หลังจากไม่ได้เห็นเขาสองสามวัน  อาโมรี่ดูเหมือนจะมีความเปลี่ยนแปลงแตกต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิง  เขามั่นคงและสงวนท่าที ไม่เปล่งประกายพลัง เห็นได้ชัดว่าเขาผ่านการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่และเพิ่มความแข็งแกร่ง

สวี่เย่และวิคเตอร์มองหน้ากันเอง  พวกเขาสามารถเห็นความตกใจในดวงตาของกันและกัน

กระบวนทัพและกลยุทธของทหารได้หายไปในแดนบาปนานแล้ว ปัจจุบันแดนบาปแปลกประหลาดกับสิ่งที่เรียกว่ากองทัพ แต่สวี่เย่และวิคเตอร์เป็นคนที่มาจากตระกูลที่เข้มแข็ง  และแม้ว่าพวกเขาจะไม่คุ้นเคยกับทหาร  พวกเขาก็ยังมีความรู้เช่นนั้น

คนเกิน 60คนมีราศีพลังรวมกันเป็นเนื้อเดียวกัน

จังหวะการหายใจของพวกเขาเข้ากันได้เป็นอย่างดี  และถ้าประมุขของแต่ละตระกูลมองเห็นพวกเขาใกล้ๆ อาจจะเข้าใจพวกเขาผิดว่าเป็นสัตว์ร้ายโบราณเดียวดายที่กำลังหายใจ

เมื่อใดกันที่รัศมีเช่นนั้นเคยปรากฏมีในแดนบาป?

“พวกเขาอยู่ที่ไหน?”  ถังเทียนหันหน้าไปถาม

สวี่เย่และพวกที่เหลือตื่นจากภวังค์ของพวกเขา  สวี่เย่กล่าวทันที  “นายท่าน, โปรดตามข้ามา”

เมื่อถังเทียนไปถึงค่ายซึ่งใช้กักนักโทษ  กลุ่มนักโทษจำนวนมากเงียบลงทันที  ก่อนที่จะเปล่งเสียงโห่ร้องสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งเมือง

อาโมรี่วิ่งเข้าไปหาพวกเขาด้วยความตื่นเต้นและเริ่มแตะพวกเขา แม้แต่นางงามน้ำแข็งอย่างหานปิงหนิงก็ยังตื่นเต้นไปด้วย  และยังมีอีกมากวิ่งเข้ามาและเริ่มช่วยกำจัดเข็มแสงออกจากร่างให้สหาย

มีนักโทษหลายคนมาจากระกูลฉิน  นอกจากเดิมที่มีอยู่ 227 คน ก็คือ ตระกูลโซเบ็ทมี 42 คน  ตระกูลหลูมีอีก 200 คนรวมทั้งสิ้น 469 คน

ตระกูลสวี่มีนักโทษ 92 คน รวมกับบริวารของถังเทียน 65 คน พวกเขามีรวม 626 คน

กำลังของบริวารของถังเทียนเพิ่มขึ้นทันที  จำนวนของพวกเขาเพิ่มขึ้นเป็นสิบเท่า  ความมั่นใจของเนี่ยชิวก็เพิ่มขึ้นเช่นกันสำหรับแม่ทัพทหารทุกคน คน 60 และ 600 ถือเป็นจำนวนที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง

ในสวรรค์วิถี กองทัพมาตรฐานธรรมดามีคน 2000 คน  ดังนั้น 600 คนอาจมองว่าเป็นกองทัพชั้นสาม แน่นอนว่าสำหรับกลุ่มดาวราชสีห์ กองทัพของพวกเขามีคนมากกว่า แต่ก็ยังอยู่ที่จำนวนเป็นพัน

ในที่สุดเนี่ยชิวก็มีความรู้สึกว่าเขาสามารถใช้ได้  ขนาดกำลังพล 600นายก็สามารถออกแบบกลยุทธรบได้ และพลังที่เขาระดมกำลังทหารก็ทำได้ยิ่งใหญ่กว่า

หลังจากก้าวหน้าในรูปแบบหยินหยางเมื่อไม่กี่วันมานี้เขาก็มีความก้าวหน้าครั้งใหม่

กลยุทธสงครามทั้งหมดมีหลักการเดียวกันและนั่นก็เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการใช้พลังมากขึ้น  สำหรับเนี่ยชิว  แม่ทัพทหารที่โดดเดน  เขามีความสำเร็จลึกซึ้งในเรื่องนี้  แม้ว่าการสร้างพลังของเขาจะเปลี่ยนแปลงไป  แต่หลักการกลยุทธไม่เคยเปลี่ยน

ไม่มีความลังเลใจอะไรทั้งนั้น  เขานำเสนอการฝึกฝนสองสามครั้ง

ก็เหมือนในอดีต  ไม่มีปัญหาอะไร  ข้อเสนอของเขาได้รับการยอมรับทั้งหมด

ทันใดนั้น อาโมรี่และหานปิงหนิงเดินลงไปในสนามและแบ่งกลุ่มใหญ่ออกเป็นสอง รับไปดูกลุ่มละคน พวกเขาไม่รู้สึกอายแม้แต่น้อย และไม่ยินดีจะปล่อยความรับผิดชอบให้กับคนอื่น  ทั้งสองคนสั่งสมาชิกให้ตรวจสอบกันและกัน  และจากนั้นจึงจัดระดับพวกเขา

สิบนาทีต่อมาทั้งสองจัดตั้งขบวนเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าเรียบร้อยทุกคน

สองนาทีต่อมาทั้งสองคนพาบริวารของตนไปเลือกค่ายที่พักของพวกเขาเอง

กระบวนการทั้งหมดเป็นไปอย่างราบรื่นมากไม่มีเสียง ไม่มีการพูดมาก ไม่มีผลักไสฉุดดึงกัน นอกจากเสียงของหานปิงหนิงและเสียงของอาโมรี่  ไม่มีใครในค่ายส่งเสียงเลย  พวกเขาก้มหน้าและตรวจสอบตนเอง และมีไม่กี่คนที่ยกมือขึ้นเพื่อรายงานอาการบาดเจ็บของตนเอง

นอกจากนั้น ยังไม่มีเสียงเฮฮา ถ้าพวกเขาไม่เห็นกับตาตนเอง ไม่มีใครคิดว่าจะมีคนถึง 600 คนอยู่ในค่าย

ปฏิกิริยาที่รวดเร็วและเด็ดขาดของพวกเขาควบคู่กับความเคลื่อนไหวที่เป็นธรรมชาติแต่เงียบของพวกเขาแสดงให้เห็นถึงวินัยและพลัง ทำให้สวี่เย่และพวกที่เหลือรู้สึกจุกในอก  พวกเขาไม่รู้ว่าทหารคืออะไร แต่ฉากภาพที่เงียบและมีวินัยต่อหน้าพวกนั้นสร้างความตกใจให้กับพวกเขามาก

เทียบกับนักรบฝีมือดีที่พวกเขาเคยพบเห็นมาก่อน  คนที่อยู่ต่อหน้าพวกเขาอ่อนแอกว่ามาก  แต่ถ้าพวกเขามายืนเข้าแถว  พวกเขาคงมีแต่ทะเลาะกันและกัน มองหาข้อบกพร่องกันเอง  และต่างจากกองทัพที่อยู่ต่อหน้าพวกเขา  ยอดฝีมือที่แข็งแกร่งกว่าจำเป็นต้องได้เหตุผลและผลตอบแทนทางการเงินเมื่อถูกผลักดันให้ทำบางอย่าง

แต่กองทัพที่อยู่ต่อหน้าพวกเขา ไม่ก่อเสียงเลย พวกเขาสงบและเงียบและเคลื่อนไหวอย่างตรงไปตรงมา

หานปิงหนิงและอาโมรี่พาคนของพวกเขาออกไปพวกเขาจำเป็นต้องเข้าใจทุกอย่างเท่าที่ทำได้ เมื่อเห็นสองกลุ่มออกไปอย่างเงียบๆ แล้วสวี่เย่และพวกที่เหลือได้แต่เงียบอย่างช่วยไม่ได้

‘บางทีคนกลุ่มนี้สามารถเปลี่ยนแปลงแดนบาปจริงๆได้’

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด