ตอนที่ 740 หมอกเสียงและเพลิงน้ำเงิน
สายใยที่เป็นเหมือนเสียงกระซิบแผ่วเบาดังมาจากแสงสีน้ำเงินเจิดจ้าสีหน้าของถังเทียนดูฟุ้งซ่าน
แต่เขาตั้งหลักได้รวดเร็ว เขาข่มความตกใจและตระหนักได้ว่าเขาควบคุมร่างกายเขาไม่ได้ เลือดที่พล่านอยู่ในร่างกายของเขาปั่นป่วนอย่างรวดเร็ว และเต้นเป็นจังหวะแปลกๆ
แสงน้ำเงินฉายออกมาจากร่างของถังเทียนมองเห็นเส้นเลือดน้อยใหญ่ กล้ามเนื้อ กระดูกซึ่งกลายเป็นสภาพโปร่งแสง
เสียงกระซิบร้องเพลิงแผ่วจางลงและโลกรอบตัวถังเทียนเริ่มโยกโคลงไปตามจังหวะเพลง
ถังเทียนบังคับตนเองให้สงบแสงสีน้ำเงินเจิดจ้าในร่างของเขาอาจทำให้เขาไม่สามารถเห็นอะไรได้ เขาหลับตาและสงบจิตใจตนเองลง เสียงร้องเพลงหยุด แต่เดี๋ยวก็กลับมาอีก และในขณะนั้นปลายจมูกของถังเทียนมีเหงื่อหยด เพลงแปลกประหลาดมากเหมือนกับว่าส่งผลต่อสภาพใจของเขา ไม่ว่าถังเทียนจะระมัดระวังยังไง เขาก็ยังได้รับผล
ถังเทียนโกรธ เขาไม่สนใจเพลงซึ่งมันเริ่มดังขึ้นๆ จากที่เป็นเสียงกระซิบก็ดังชัดมากยิ่งขึ้น โลกของถังเทียนกำลังหมุนดูบิดเบี้ยวแปลกประหลาด ถังเทียนเป็นเหมือนนักล่าที่สุขุมเงียบ ไม่สนใจทุกอย่างรอบตัวเขา
หลังจากผ่านช่วงยากลำบากที่สุดไปแล้ว ในที่สุดถังเทียนก็รู้สึกได้ถึงสายใยกฎธรรมชาติ กฎธรรมชาตินี้เลือนรางและหลบเร้นมากซ่อนตัวอยู่ในแสงน้ำเงินและเสียงเพลง ถ้าไม่ใช่เพราะถังเทียนคุกคามมันเหมือนกับเป็นศัตรูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดและบังคับมัน เขาจะไม่มีทางรู้สึกถึงมันได้
กฎธรรมชาติ!
ถังเทียนถอนหายใจโล่งอก เมื่อเห็นว่ามันคือสิ่งที่เกี่ยวข้องกับกฎธรรมชาติ เขาสามารถทำอะไรบางอย่างเกี่ยวกับมันได้
ถังเทียนลุกขึ้นยืนและตั้งท่าปล่อยหมัด หน้าของเขาจริงจังมาก เขาค่อยๆ รั้งหมัดของเขากลับทำให้สายใยกฎธรรมชาติห่อหุ้มหมัดของเขา แต่สิ่งที่เขาคาดไม่ถึงก็คือสายใยกฎที่ซ่อนอยู่ในแสงน้ำเงินไม่ได้รับผลเลยแม้แต่น้อย!
หัวใจของถังเทียนตกวูบ หมัดเทพเจ้าของเขาสามารถดึงดูดสายใยกฎธรรมชาติรอบๆ ได้ แต่ไม่สามารถดึงสายใยกฎเฉพาะนี้ได้
‘มันคือกฎอะไรกันแน่’
ทันใดนั้นถังเทียนจำได้ว่าเมื่อเขาสู้กับหลูเทียนเหวินเงาร่างมารช่วยให้หมัดเทพเจ้าของเขาก้าวหน้าไม่แตกกระจาย
‘หรือว่าจะเป็น...’
ถังเทียนคิดอะไรบางอย่าง ไม่เพียงแต่เขาไม่หยุดหมัดเท่านั้น เขาเริ่มกระตุ้นพลังต้นกำเนิดในร่างของเขา
รัศมีแสงคลุมรอบหมัดขวาของถังเทียนสว่างเจิดจ้ามากยิ่งขึ้นกระแสพลังต้นกำเนิดยังคงหมดลงไปอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งพลังต้นกำเนิดหมดไม่เหลือ แต่ถังเทียนยังคงรั้งหมัดต่อไป
ปัง!
หัวใจถังเทียนสั่นสะท้าน เงาร่างเทพอสูรปรากฏอยู่เบื้องหลังเขา ครั้งนี้ร่างเทพอสูรชัดเจนมากกว่าแต่ก่อน มีสามเศียรหกกร นอกจากหน้าซึ่งยังไม่ชัดแขนทั้งหกชัดเจนมาก
ในที่สุดถังเทียนก็เห็นสายใยกฎชัดเจน
เป็นไฟน้ำเงินสว่างเจิดจ้าและเผาโชนอยู่ในร่างถังเทียนอยู่เงียบๆ ภายในเปลวสีน้ำเงินที่โปร่งแสงมีหมอกเลือนรางที่รวมกันและกระจายออก และนั่นคือที่มาของเสียงคราง แต่ในทันทีนั้น มันเงียบมาก และเผชิญหน้ากับร่างเงาเทพอสูรมันยังคงสั่นสะท้าน
ถังเทียนเข้าใจได้โดยทันทีว่ากฎธรรมชาติที่ประหลาดนั้นต้องการได้พลังต้นกำเนิดเพื่อทำงานไม่มีพลังต้นกำเนิด มันก็เหมือนกับหญ้าที่ไร้อันตรายซึ่งไม่มีประโยชน์เลยแม้แต่น้อย
สิ่งที่ถังเทียนสงสัยและไม่เข้าใจก็คือหมอกที่อยู่ภายในเปลวเพลิงน้ำเงินให้ความรู้สึกที่แปลกประหลาด เขาสามารถรู้สึกถึงรัศมีที่ออกมาจากหมอกคล้ายกับรูปเทพอสูร
แค่เพียงคิดร่างเทพอสูรก็ยื่นมือข้างหนึ่งไปที่เปลวเพลิงน้ำเงินทันทีแล้วถอนออกเหมือนเด็ดดอกไม้
เปลวเพลิงน้ำเงินเข้าไปในนิ้วของรูปเทพอสูรและเริ่มแยกกันทันที และในพริบตามือของร่างเทพอสูรก็มีวัตถุสองอย่างมือหนึ่งมีเพลิงน้ำเงินลุกโพลงช้าๆ ขณะที่มืออีกข้างหนึ่งมีสายใยหมอกที่เหมือนกับลูกธนูดิ้นอยู่ในฝ่ามือ
ถังเทียนตกใจและความรู้แจ้งที่อธิบายไม่ถูกผ่านเข้ามาในใจของเขา เปลวเพลิงประกอบด้วยวัตถุสองอย่างเปลวเพลิงน้ำเงินที่ถูกแยกออกมาจากหมอกมีรังสีที่คล้ายกับทะเลแสง ‘หรือว่านั่นคือสิ่งที่มาจากทะเลน้ำเงิน?’ ขณะที่หมอกซึ่งสร้างเสียงแปลกประหลาดและซับซ้อนสามารถบิดเบือนความรู้สึกได้
ร่างเงาเทพอสูรเงียบสงบอีกครั้งและไม่มีการขยับ
เมื่อปล่อยแสงรัศมีที่มือของเขาช้าๆถังเทียนยังคงร่างเงาเทพอสูรไว้อย่างระมัดระวัง แต่สิ่งที่ทำให้เขาโล่งใจมากขึ้นก็คือว่าครั้งนี้ ร่างเทพอสูรไม่ได้แตกสลายหายไป เพลิงน้ำเงินและหมอกเสียงสามารถสลายร่างเงาเทพอสูรได้ถ้ายังมีพลังต้นกำเนิดซึ่งเป็นการระบุว่านั่นเป็นสิ่งต้องห้าม
ถังเทียนได้ทำความเข้าใจร่างเทพอสูรจากวิชาดาบมารพิฆาต และถ้าถูกนำมาเปรียบเทียบ หมัดเทพเจ้าที่ไม่สมบูรณ์ของถังเทียนเป็นวิทยายุทธระดับสูงสุดที่ถังเทียนได้รับ จากนั้นร่างเงาเทพอสูรเป็นพลังสูงสุดอันดับสอง และด้วยศักยภาพมากมาย ถังเทียนสงสัยว่าเขาจะได้รับการรู้แจ้งท่ามารพิฆาตเดียวดาย พลังของมันอาจจะไม่ด้อยไปกว่าหมัดเทพเจ้าก็ได้
หมอกเสียงและเพลิงน้ำเงินสามารถขัดขวางและทำลายร่างเงาเทพอสูรไม่ให้รวมตัวกันได้ดังนั้นระดับของมันไม่ต่ำกว่าร่างเงาเทพอสูรเลย
วัตถุเหล่านี้มีความเชี่ยวชาญให้เกิดสภาพใจที่สับสน ด้วยพลังของเฉินจื่อเจิน ถ้าเขาได้รับผลจากมัน เขาเองคงพ่ายแพ้ต่อเสียงหมอกและเปลวเพลิงน้ำเงินแน่นอน
ถังเทียนส่ายศีรษะไม่ต้องการคิดอะไรให้มากไป โลกใหญ่โตกว้างขวาง และมีสิ่งแปลกประหลาดมากมายเป็นธรรมดาที่เขาย่อมไม่รู้ไปเสียทุกอย่าง
เขาเพ่งกลับไปที่ร่างเงาเทพอสูร ร่างเทพอสูรมีมือหนึ่งที่อยู่ในเปลวเพลิงสีน้ำเงิน จากนั้นถังเทียนคิด ‘หรือว่ามือทั้งสี่จะดึงดูดกฎธรรมชาติอื่นมาใช้ด้วย?’
‘น่าเสียดายที่ข้าไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมันเลย ข้าจะทำอะไรได้ ถ้าไม่อย่างนั้นข้าคงจะช่วยมันได้’
จากนั้นถังเทียนสังเกตว่าฝ่ามือของร่างเงาเทพอสูรทำท่าปางมือแตกต่างกัน
ถังเทียนรู้สึกว่าปางมือเหล่านั้นจะคุ้นเคยมาก เขาขมวดคิ้วและคิดไตร่ตรอง ‘ข้าเคยเห็นปางมืออย่างนั้นที่ไหนมาก่อนหรือเปล่า?’
ทันใดนั้นถังเทียนจำได้ เทวรูปห้ามุทรา!
ย้อนกลับไปที่ดาวไพรมายาถังเทียนได้รับเทวรูปตาสีแดงและรับการรู้แจ้งห้ามุทราคือ มุทราหัตถ์เด็ดบุปผากระบี่กำสรวล หมัดพิโรธ จิตไร้ลักษณ์และมุทราสราญรมย์ เทวรูปห้ามุทราคล้ายกับปางมือของร่างเทพอสูรที่อยู่ต่อหน้าของเขา
เขามองดูแต่ละปางมือและตระหนักได้ว่าท่าปางมือนั้นคล้ายกับเทวรูปห้ามุทรา แต่ก็มีความแตกต่างบางส่วนเช่นกัน และหลังจากเทียบดูแล้วถังเทียนเข้าใจว่าเทวรูปห้ามุทรามีแนวโน้มว่ามาจากร่างเงาเทพอสูรบางทีอาจเป็นหนึ่งในท่าที่สาบสูญจากการสืบทอด และอีกห้าท่าได้รับการตกทอดลงมา แต่ก็ยังมีความแตกต่งกันสองสามที่ดังนั้นจึงไม่สามารถอธิบายถึงความงดงามของท่าปางมือของเทพอสูรได้เต็มที่
หกปางมือเทพอสูรดูเหมือนสร้างขึ้นโดยสวรรค์มีความลึกซึ้งลึกลับและยากจะหยั่งถึงยิ่งนัก เขาให้ความสนใจและหมกมุ่นทันที
แม้ว่าร่างพลังกายเป็นศูนย์จะทำให้เขาเข้ากันได้กับกฎธรรมชาติ แต่การรู้แจ้งกฎธรรมชาติยังเป็นเรื่องยากสำหรับเขานอกจากสายใยกฎอวกาศที่เขาได้รับการรู้แจ้ง เขายังไม่เข้าใจกฎผิวเผินเลย
ศัตรูในอนาคตของเขามีแต่จะแข็งแกร่งมากขึ้นและการอาศัยสายใยกฎธรรมชาติเพื่อสู้เป็นเรื่องตลก นอกจากหมัดเทพเจ้าของเขา วิชาต่อสู้ที่เชี่ยวชาญอย่างอื่นของถังเทียนก็คือดาบมารพิฆาต
แม้ว่าท่าปางมือทั้งหกเดิมทีมาจากดาบมารพิฆาตก็ตาม แต่ก็ยังมีความแตกต่างกัน ดาบมารพิฆาตไม่อาจเทียบได้ในเรื่องพลัง แต่ก็มีรูปแบบที่ง่ายและอาศัยแรงเหวี่ยงที่หนักหน่วง หกมุทราของเทพอสูรมีรูปแบบนับไม่ถ้วน และอาจกล่าวได้ว่ามีจุดเด่นที่สมบูรณ์สำหรับปิดจุดอ่อนของวิชาดาบมารพิฆาต
ที่สำคัญยิ่งกว่าท่าหกมุทราของเทพอสูรถูกสร้างมาให้เหมาะกับการต่อสู้ระยะประชิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับถังเทียน
*********************
เนี่ยชิวเชิดหน้า ใจของเขาตกใจอย่างสิ้นเชิง
เขาเป็นคนที่อ่อนไหวต่อความเปลี่ยนแปลงในกลิ่นอายและความผันผวนพลัง ตอนนี้ห้องฝึกของถังเทียนเปล่งรังสีที่น่ากลัวมากมายซึ่งเมื่อตอนที่เขาสู้กับหลูเทียนเหวิน ตอนแรกเขาคิดว่าถังเทียนกำลังฝึกหมัดอีกครั้ง แต่เขาไม่คาดเลยว่าหลังจากชั่วหลายอึดใจต่อมา พลังมหาศาลพลันเปลี่ยนสภาพไปเป็นบางอย่างที่หยั่งไม่ถึงเหมือนกับทะเลหมอก
‘นั่น.....’
‘หรือว่านายท่านรู้แจ้งความรู้บางอย่างอีกแล้วอย่างนั้นหรือ?’
เนี่ยชิวฝืนหัวเราะ เมื่อเขาอยู่ในกลุ่มดาวราชสีห์ กลุ่มของพวกเขามีความเพลิดเพลินกับการค้นคว้าและเรียนรู้สิ่งที่มีอิทธิพลใหญ่ในสวรรค์วิถี และถังเทียนแห่งกลุ่มดาวหมีใหญ่กลายเป็นหัวข้อค้นคว้าเป็นธรรมดา หนุ่มชาวฟ้าหรืออาจจะเรียกได้ว่าบุรุษมหัศจรรย์เป็นเหมือนแมลงสาบฆ่าไม่ตายทุกๆ อันตรายที่เขาพบเจอไม่เพียงแต่กลับกลายจากร้ายเป็นดีเท่านั้น แต่เขาสามารถใช้มันเพื่อความก้าวหน้าอีกด้วย
ในที่สุดพวกเขาก็ได้ข้อสรุปสองข้อว่าถังเทียนเป็นคนที่มีแผนการมีความสามารถยืมพลังจากคนอื่นเอาชนะคนมากได้หรือว่านั่นคือพรสวรรค์โดดเด่นที่เขามี
เนี่ยชิวเอวก็มีพรสวรรค์ที่โดดเด่นและแม้ว่าเขาเกิดมาตาบอด เขาก็สามารถก้าวหน้าด้วยตนเองได้ ในบรรดาขุนพลผู้ห้าวหาญในกลุ่มดาวราชสีห์ และไม่มีข้อสงสัยอะไรกับพรสวรรค์ที่น่าประหลาดของเขา ตั้งแต่ยังอายุน้อยเขาผสมผสานกับอัจฉริยะคนอื่นและด้วยอัจฉริยะผู้มีพลังจำนวนมากอย่างน่าประหลาดใจรอบตัวเขา มีบางครั้งที่ทำให้เขารู้สึกท้อ
แต่เนี่ยชิวรู้สึกว่าไม่มีใครในพวกนั้นเทียบได้กับถังเทียน
ไม่ใช่เพราะเขาเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของถังเทียนที่เขาเห็นหัวหน้าของเขาในแสงน้ำหนักที่แตกต่างกัน ว่ากันอย่างไม่ลำเอียงถังเทียนไม่มีคุณสมบัติที่โดดเด่นใดๆ เขาดูธรรมดามากและไม่แตกต่างจากคนโดยทั่วไป นอกจากขยันจนถึงจุดที่ทุกคนต้องชื่นชมจุดนั้นเขามีข้อจำกัดอยู่เพียงแค่นั้น
แต่เมื่ออยู่ในสภาวะพร้อมสู้รบถังเทียนที่ธรรมดาดูเหมือนจะกลายเป็นอีกคนที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง สัญชาตญาณในการสู้รบของเขาเหนือใครๆอื่นมากมาย และความปรารถนาของเขาที่จะชนะให้ได้ไม่เหมือนกับคนอื่น ความมุ่งมั่นของเขาแข็งแกร่งยิ่งกว่าเหล็กกล้าและไม่ว่าฝ่ายตรงข้ามจะแข็งแกร่งเพียงไหน เขาจะไม่กลัวและไม่เคยถอย ความรู้แจ้งและความเข้าใจของเขาจากการสู้รบเกิดขึ้นได้ง่ายเหมือนกำลังกินข้าว
เนี่ยชิวค่อยๆ เข้าใจว่าความหมกมุ่นในการสู้รบของถังเทียนเป็นเรื่องที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน
ศักยภาพของเขาไร้ขีดจำกัดไม่ว่าอันตรายเพียงไหน ไม่ว่าศัตรูจะแข็งแกร่งเพียงใดตราบเท่าที่เขาสามารถขุดเอาศักยภาพภายในตัวเขาออกมาได้ เขาจะมีชีวิตได้อีกต่อไป
‘ติดตามหัวหน้าแบบนั้นได้ ก็ไม่ใช่เรื่องที่แย่เช่นกัน’
เนี่ยชิวฝืนหัวเราะอีกครั้ง อยู่ข้างถังเทียนทำให้เขาพบกับแรงกดดันมากมาย แม้ว่าถังเทียนจะไม่ได้กระตุ้นพวกเขาแม้แต่น้อย แต่ไม่มีใครยินยอมจะทอดระยะห่างเพราะระหว่างพวกเขาเองและคนอื่นๆ แม้ว่าจะเป็นหัวหน้าของพวกเขาเองก็ตาม
ถ้าพวกเขาต้องการตามให้ทันเขา พวกเขาต้องฝึกอย่างหนักและแรงกดดันก็มาจากพวกเขานั่นเอง เมื่อคิดย้อนไปตอนที่เขาอยู่กลุ่มดาวราชสีห์ ตอนนั้นเนี่ยชิวตระหนักได้ว่าเขาเกียจคร้านเพียงไหน
เขารู้สึกว่าโชคดี โชคดีที่เขาตัดสินใจเลือกทางนี้
ชีวิตข้างหน้าเขาตอนนี้จะเต็มไปด้วยอันตราย และเขาสามารถตายได้ทุกเมื่อ แต่ก็เป็นเรื่องที่น่าดีใจมาก นอกจากนี้ ถังเทียนไม่ใช่คนช่างระแวงหรือริษยาว่าเพราะสถานะของเขามาจากกลุ่มดาวราชสีห์ แต่กลับให้ความเชื่อถือซึ่งทั้งสองอย่างนี้เป็นสิ่งที่ขุนทัพทหารต้องการได้นั่นก็คือความยอมรับนับถือ
‘นี่นี่น่าจะเป็นเหตุผลให้เราทุกคนยินดีทุ่มเทสุดกำลัง’
เนี่ยชิวยังมีอารมณ์ตื้นตันใจ และเมื่อเขาเข้ามาใกล้ชิดเขาก็ตระหนักได้ว่าถังเทียนแตกต่างจากข่าวลือที่แพร่กระจายอยู่ภายนอกมาก และนั่นคือเหตุผลที่คนอ่อนน้อมถ่อมตัวนี้ได้รับความยอมรับจากทุกคนทำให้เขามีคุณค่ามาก
ทันใดนั้น เขารู้สึกบางอย่างและหันหน้าไปทางที่ซึ่งหานปิงหนิงขังตัวฝึกฝนอยู่