ตอนที่แล้วตอนที่ 736 สู้กับเจ้านาน ข้าจะติดเชื้อโง่ไปด้วยหรือไม่?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 738 เด็กอ่อนหัด! ข้าไม่เล่นกับเจ้า

ตอนที่ 737 ตัวต่อตัว สู้จนเฮือกสุดท้าย


บึ้ม!

ซุ่นเทียนจำไม่ได้แล้วว่าซัดเจ้าอ้วนไห่ลงไปนอนกับพื้นกี่ครั้ง 100 ครั้ง? 200 ครั้ง?

เขาทุบตีเจ้าอ้วนไห่จนกระทั่งบอบช้ำไปทั้งตัว  แต่ทุกครั้งที่ล้มเจ้าสัตว์ประหลาดลงไปนอนกับพื้นได้ เจ้าอ้วนก็จะลุกขึ้นมายืนได้อีกครั้ง  แม้หลังแปลงร่างเป็นเบเฮมอธและได้รับบาดเจ็บหนักจนเลือดกระเซ็นเต็มหน้า  แต่ตาสีแดงของเจ้าอ้วนไห่ก็ยังฉายประกายเต็มไปด้วยวิญญาณนักสู้  นี่ทำให้ซุ่นเทียนชักกังวลขึ้นมาเล็กน้อย และชักจะกลัวขึ้นมาบ้าง  แม้ว่าเขาจะทุบตีเจ้าสัตว์ประหลาดนี้เป็นร้อยครั้ง  แต่เขายังไม่สามารถทำลายเจตจำนงนักสู้ของเจ้าอ้วนไห่ลงได้

“ถ้าเจ้าคิดจะพึ่งพาอาศัยร่างของสัตว์ประหลาดนี้เพื่อจะเอาชนะให้ได้  เป็นไปไม่ได้ที่เจ้าจะเอาชนะข้าได้!”  ซุ่นเทียนแค่นเสียงเยาะเย้ย  เขาโกรธแค้นขณะที่รู้ว่าเจ้าอ้วนไห่ไม่สามารถเชื่อมช่องว่างระหว่างพลังพวกเขา แม้จะแปลงร่างเป็นสัตว์ประหลาดร่างกำยำก็ตาม

ซุ่นเทียนเหนือกว่าเจ้าอ้วนไห่ ไม่เพียงแต่พลังเท่านั้น  แต่ยังเหนือกว่าทุกอย่างทุกทาง รวมทั้งฝีมือต่อสู้ ประสบการณ์สู้  ระดับพลัง สมบัติและอสูรศักดิ์

ถ้าเจ้าอ้วนไห่รอดตายในวันนี้ได้  เขาคงต้องล้างมือจากตำแหน่งเขาแน่  ที่สำคัญ เขาได้เปรียบในการต่อสู้ครั้งนี้มาก  ถ้าเขาไม่สามารถฆ่าเจ้าอ้วนไห่ได้ภายใต้เงื่อนไขอย่างนี้แล้ว  เป็นไปได้ยังไงที่เขาจะไปท้าทายเย่ว์หยางผู้มีแต่จะแข็งแกร่งขึ้นทุกวันๆ?  เพื่อจะทวงคืนสถานะที่โดดเด่นและความรู้สึกที่เหนือกว่าในฐานะคนรุ่นบรรพบุรุษของเขา  หลังจากคิดอย่างหนักแล้ว เขาตัดสินใจเข้าร่วมในศึกนี้  ในความเป็นจริงไม่สำคัญว่าใครจะเป็นผู้ชนะในที่สุด ไม่ว่าจะเป็นจ้าวปีศาจโบราณหรือเย่ว์หยาง  เพราะการตัดสินครั้งสุดท้ายว่าใครจะเป็นผู้ครองหอทงเทียนไม่อยู่ในมือของเขาอีกต่อไป

ในฐานะนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับสูงคนหนึ่ง  ซุ่นเทียนไม่ยินดีให้คนรุ่นหลังเอาชนะผ่านเขาไปได้  เขาจะฉวยโอกาสนี้พิสูจน์คุณค่าตนเองในฐานะนักรบ

“หมัดฮิปโปดาวตก!”  คำตอบของเจ้าอ้วนไห่ จะเป็นคำตอบเดิมๆ เสมอ

ในการเผชิญกับซุ่นเทียน เขาต้องใช้วิชาต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา เนื่องจากวิชาอื่นถูกขัดขวางป้องกันได้ง่าย  เขารู้ว่าเขาไม่สามารถปล่อยพลังได้เต็มที่ในทักษะวิชาอื่น  บางครั้งวิชาเหล่านั้นก็เป็นเหตุให้เขาเจ็บหนัก

เขาไม่เคยคาดหวังเลยว่าจะเอาชนะซุ่นเทียนได้

ระหว่างสู้กับซุ่นเทียนเขาแค่ต้องการโจมตีใส่เป้าหมายของเขาเท่านั้น อย่างน้อยครั้งหนึ่งก็ยังดี เพียงต่อยให้ได้หมัดเดียวใส่ร่างซุ่นเทียนก็นับเป็นชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเขา  ถ้าเขาสามารถโจมตีถูกซุ่นเทียนได้สักครั้ง เขาก็คงไม่เสียหน้า  ถ้าเขาสามารถโจมตีซุ่นเทียนได้สักวินาทีเดียว ก็คงเท่ากับความเจ็บปวดทั้งหมดที่เขาได้รับมาอย่างหนักนั้น ก็น่าสนใจเลยทีเดียว

แน่นอนว่าซุ่นเทียนเป็นคนฉลาด ดังนั้นเขาเข้าใจความคิดที่ไร้สาระของเจ้าอ้วนไห่ได้ นอกจากนี้เขายังเป็นคนที่มีนิสัยระมัดระวังตัวดีอยู่แล้ว ดังนั้นทุกครั้งที่เขาโจมตีเจ้าอ้วนไห่ เขาจะใช้พลังเพียงส่วนน้อยโจมตีเจ้าอ้วนไห่ในร่างสัตว์ประหลาดแต่ไกล ด้วยเหตุนี้แม้ร่างกายของเจ้าอ้วนไห่จะใหญ่โต แต่ก็ยังไม่แข็งแกร่งพอจะสู้ได้ทัดเทียมกับซุ่นเทียน เป็นการต่อสู้ที่ไม่ทัดเทียม แต่กลับมีลักษณะยันกันอย่างแปลกประหลาด และดำเนินต่อไปโดยไม่มีทีท่าว่าจะสิ้นสุด

บึ้ม!

เจ้าอ้วนไห่ถูกทุบลงไปกับพื้นอีกครั้ง!  แต่นาทีต่อมา เขาตะเกียกตะกายลุกขึ้นมายืนอีกครั้ง  ท่าทางของเขาดูทุลักทุเลเป็นอย่างมาก หน้าของเขาเต็มไปด้วยโลหิตและสิ่งสกปรก  แต่เขาก็ยังแสดงความมุ่งมั่นไม่ยอมแพ้  ตั้งใจจะสู้จนถึงที่สุด

“วันนี้ข้าจะฆ่าเจ้าให้ได้”  ซุ่นเทียนซึ่งได้เปรียบอย่างชัดเจนร้องตวาดขึ้น  เขาไม่พอใจ ในสายตาของเขานี่เป็นหนึ่งในความล้มเหลวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เขาไม่สามารถขู่ขวัญเจ้าอ้วนไห่ได้  แม้ว่าร่างกายของเขาจะอยู่ในสภาพดีที่สุดพร้อมกับการต่อสู้ แต่ความเหนื่อยล้า ความอ่อนเพลียทำให้จิตใจของเขาขุ่นมัว และความมั่นใจของเขาลดลงเรื่อยๆ  นี่ข้าแก่เกินไปสำหรับการต่อสู้นี้หรือนี่? ข้ายังไม่สามารถเอาชนะเจ้าอ้วนไห่ที่เป็นเหมือนมดแมลงนี้ได้ยังไง? ข้าเป็นนักรบระดับสูงจริงๆ หรือเปล่า?  แน่นอนว่าความคิดในเชิงลบแค่ผ่านเข้ามาในใจของเขาเพียงชั่วครู่ หลังจากนั้นเขาฟื้นความมั่นใจตนเองและคำราม “บางทีก่อนนั้นข้าอาจจะดูถูกเจ้าเกินไปก็ได้  แต่บัดนี้ข้ารู้แล้วว่าเจ้ามีศักยภาพพอจะเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับสูงได้ อย่างไรก็ตามเจ้าก็ควรรอหาประสบการณ์อีกหลายปี แล้วจึงค่อยมาท้าทายข้า  ความห่างชั้นระหว่างฝีมือของเราเจ้ามิอาจลบล้างได้  ตอนนี้ข้าจะฆ่าเจ้าด้วยพลังโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของข้า  แม้แต่เย่ว์หยางก็ไม่มีโอกาสได้เห็น  ด้วยวิธีนี้เจ้าจะได้ตายอย่างยิ่งใหญ่และมีเกียรติ”

“หมัดฮิปโปดาวตก!” คำตอบของเจ้าอ้วนไห่ยังคงเหมือนเดิม

ครั้งหนึ่งเย่ว์หยางเคยพูดหยอกล้อว่าตราบใดที่ผู้ฝึกสามารถหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับหมัดได้    อย่างนั้นเขาจะสามารถใช้พลังได้เพิ่มมากกว่าเดิมถึงร้อยเท่า

ครั้งนั้นทุกคนสงสัยและถามว่าจะทำแบบนั้นได้ยังไง?  เย่ว์หยางทำหน้าเครียดเล็กน้อย จากนั้นทำสมาธิอยู่นานกว่าจะตอบได้  “ให้ลืมเรื่องการผสานหมัดซะ เมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูของเจ้า ให้ปล่อยหมัดออกไปด้วยความมั่นใจไม่คลอนแคลนว่าเจ้าสามารถล้มศัตรูได้ด้วยหมัดนี้เพียงหมัดเดียว นั่นคือหลักการที่แท้จริงที่ทำให้เจ้าเข้าถึงระดับนี้ได้”

เจ้าอ้วนไห่ยังไม่ถึงระดับที่เย่ว์หยางพูดถึง  แม้แต่เสวี่ยทันหลางบุรุษผู้มีความฉลาดสามารถเป็นพิเศษ ก็ยังไม่สามารถทำเช่นนั้นได้  แล้วเขาจะทำได้อย่างไร?

อย่างก็ตาม วันนี้ระหว่างการต่อสู้ถึงขนาดที่เขาถูกกำหนดว่าต้องตาย เจ้าอ้วนไห่เริ่มเข้าใจคำพูดของเย่ว์หยางในวิถีที่แตกต่าง

แม้ว่าพลังโจมตีของเขายังไม่ถึงในระดับสุดท้าย  แต่เจ้าอ้วนไห่ลืมตนเองและลืมหมัดของเขา เขาปล่อยหมัดออกไปโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย

ความรู้สึกถึงอันตรายฉับพลันกระทบสำนึกซุ่นเทียนซึ่งเตรียมจะใช้พลังโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาเพื่อฆ่าเจ้าอ้วนไห่  เขามองดูดวงตาสัตว์ประหลาดของเจ้าอ้วนไห่เห็นว่าไม่มีความกระหายเลือดหรือเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง กลับมีแต่ความสงบเยือกเย็น  ตาของเขาเปล่งประกายสีส้มและแรงกระตุ้นของเขาไม่ได้ลดลง แต่กลับเพิ่มขึ้นสูงมากกว่าระดับที่เคยมีมาก่อน

เพราะเหตุผลบางอย่าง ซุ่นเทียนรู้สึกความหนาวเหน็บแล่นไปตามไขสันหลัง

นี่มัน...

หรือว่าข้าจะพ่ายแพ้เจ้าอ้วนโง่นี่?

เป็นครั้งแรกที่ความคิดแปลกประหลาดหยั่งรากลงในใจของเขาและงอกงามเหมือนวัชพืช

เมืองซือว่าง

คิ้วขององค์ชายดำขมวดจนแทบติดกัน

ตามแผนการของพวกเขาซุ่นเทียนควรจะมาถึงที่นี่ภายในครึ่งชั่วโมงหลังจากเริ่มสู้กับเจ้าอ้วนไห่  หรือว่าซุ่นเทียนไม่สามารถเอาชนะเจ้าอ้วนไห่ในเวลาขนาดนั้น? หรือว่าซุ่นเทียนเผชิญกับศัตรูที่แข็งแกร่งมากกว่า?

หากซุ่นเทียนเผชิญหน้ากับศัตรูแข็งแกร่งจนเป็นเหตุให้เขาล่าช้า อย่างนั้นสถานการณ์ก็คงไม่เลวร้ายเท่าใด สิ่งที่องค์ชายดำกลัวก็คือกับดัก  หากปรากฏว่าเย่ว์หยางที่มีทั้งความฉลาดและความแข็งแกร่ง ได้เตรียมกับดักไว้ตั้งแต่ก่อนการต่อสู้จะเริ่มขึ้น พวกเขาอาจตกอยู่ในภาวะคับขันได้  หากปราศจากความช่วยเหลือของเย่ว์หยาง  เจ้าอ้วนไห่จะไม่มีทางกล้าลุกขึ้นเดินจากแถวหลังมาอยู่แนวหน้า  ถ้าเจ้าอ้วนไห่ทำตัวแปลกๆ ในเวลานั้นผลที่ตามมาจะทำให้เขาสับสนจริงๆ  เย่คงรั้งอยู่เพื่อขัดขวางพวกเขา และห่างออกไปหลายกิโลเมตรองค์ชายเทียนหลัวกำลังต่อสู้กับประมุขนิกายพันปีศาจ  ทั้งหมดนี้เป็นไปตามแผนการของเย่ว์หยางไม่ใช่หรือ?

“หือ?”  องค์ชายดำประหลาดใจ  เย่คงแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจที่แน่วแน่ แม้ว่าเขาจะถูกเล่นงานจนร่วงเป็นร้อยครั้งก็ตาม แต่เขาก็ยังตะเกียกตะกายลุกขึ้นยืน

“เพลิงภูตผีของเจ้าไม่มีอะไรเลย!”  เย่คงตะโกนขณะที่เขาฉีกเนื้อที่ถูกไฟเพลิงสีเขียวเผา หน้าของเขาซีดขาวเพราะความเจ็บปวดแสนสาหัส

เย่คงเสริมพลังตนเองด้วยจ้าวคิงคองปีศาจ  จากนั้นเรียกด้วงจอมพลังและมังกรแผ่นดินไหวน้อยออกมา  แต่เขายังไม่สามารถต้านรับพลังโจมตีที่หนักหน่วงของขององค์ชายดำได้  ถ้าไม่ใช่เพราะทักษะแฝงเร้นยืนหยัดและอสูรพิทักษ์ประเภทวิญญาณ ‘อดทน’ ของเขา ด้วยอาการอย่างนั้นแม้จะเจ็บปวดเป็นสองเท่าของอสูรพิทักษ์ของเขา แต่ก็ยังสามารถสู้ต่อไปได้ตราบเท่าที่เย่คงยังยืนหยัดสู้

องค์ชายดำเห็นเย่คงยืนหยัดได้อีกครั้ง!  คิ้วของเขาขมวดเป็นร่องลึก ดูเหมือนว่าเขาเลือกคู่ต่อสู้ผิดคน

ถ้าข้าสู้กับเจ้าอ้วนไห่ที่มีการกระทำบุ่มบ่าม การต่อสู้คงจบไปแล้ว  ยังคงง่ายกว่าถ้าได้สู้กับองค์ชายเทียนหลัวหรือเสวี่ยทันหลาง  แต่เขากลับเลือกสู้กับเย่คงผู้มีทักษะแฝงเร้นยืนหยัดและอสูรพิทักษ์วิญญาณของเขา วิญญาณอดทน

ขณะที่เขาคิดหาวิธีฆ่าเย่คงให้ได้อย่างเด็ดขาด ประมุขนิกายพันปีศาจปรากฏอยู่ข้างหน้เขา  เขาตะโกนมาตลอดทางตั้งแต่ท้ายหุบเขา  “เปลี่ยนคู่ต่อสู้กับข้า!”

“อะไรนะ?” องค์ชายดำตกใจ เป็นไปได้หรือว่าประมุขนิกายพันปีศาจไม่สามารถเอาชนะองค์ชายเทียนหลัวด้วยตนเองได้?  แม้ว่าองค์ชายเทียนหลัวจะเป็นผู้แข็งแกร่งเป็นอันดับสองในกลุ่มของเย่ว์หยาง และเป็นเจ้าของอสูรศึกระดับปราณฟ้า  แต่เขาเพิ่งจะรู้วิธีหลอมรวมกับมัน  ดังนั้นการหลอมรวมจะคงอยู่ในช่วงเวลาสั้นๆ  นอกจากนี้ พลังของเขาก็ยังห่างจากระดับนักรบปราณฟ้า ด้วยความได้เปรียบในเรื่องพลัง  ประมุขนิกายพันปีศาจน่าจะเอาชนะเขาได้ง่ายๆ ไปแล้ว

“เขามีสมบัติลับทำให้คำนวณการเคลื่อนไหวของข้าได้  และเขาสวมเกราะอักษรรูนโลหิตพิเศษซึ่งต่อต้านพลังโจมตีของข้าได้”  ถ้าเขารู้ว่าจัดการกับองค์ชายเทียนหลัวยากแค่ไหน เขาคงไม่ทำอย่างนี้  เพราะทำให้เขารู้สึกอับอายเป็นอย่างมาก

“ไม่มีปัญหา”  องค์ชายดำตอบ  ตอนนี้เขาต้องการเปลี่ยนคู่ต่อสู้อยู่พอดี  แต่เขารู้ว่าถ้าการต่อสู้ครั้งนี้ไม่สำคัญอย่างยิ่ง  เขาคงไม่มีทางเห็นด้วยที่จะทำเช่นนั้น มีแต่จะแค่นเสียงเยาะเย้ยกับความล้มเหลวของประมุขนิกายพันปีศาจ

อย่างไรก็ตามในตอนนี้เป็นสถานการณ์วิกฤติ ถ้าพวกเขาไม่ร่วมมือกันทำงาน  กระแสของการต่อสู้จะถูกศัตรูเปลี่ยนและย้อนกลับมาเล่นงานพวกเขาในไม่ช้า  เขารู้ว่าเย่ว์หยางสามารถพลิกสถานการณ์ได้ ทั้งที่เมื่อกลุ่มของเขาคิดว่าชัยชนะอยู่ในกำมือพวกเขาแล้วแท้ๆ ครั้งแล้วครั้งเล่า นอกจากนี้เย่ว์หยางไม่เคยแพ้  ดังนั้นเขารีบออกจากค่ายทหารเมืองซือว่างลงไปที่ก้นเหวสิ้นหวัง

องค์ชายเทียนหลัวที่เริ่มจะอยู่ในสภาพทุลักทุเลทีละนิดและถือโอกาสฟื้นฟูสภาพตัวเองจากการต่อสู้  โชคดีที่ประมุขนิกายพันปีศาจไม่ได้ฆ่าเขาหรืออสูรศึกปราณฟ้าระดับสองปีศาจปีกเพลิงฟ้า  แต่เขาก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน

ช่วงระหว่างเวลาที่ประมุขนิกายพันปีศาจสลับตำแหน่งกับองค์ชายดำ เขารีบฟื้นฟูตัวเองจากการต่อสู้  เขากลืนยาเม็ดพลังยุทธคุณภาพสูงสุดเพื่อเพิ่มพลังชั่วคราว  บางทีอาจจะไม่เพียงพอเต็มที่ แต่เขารู้ว่าเขาเป็นคนเดียวในกลุ่มที่ไม่อาจแพ้ได้  ถ้าเขาถูกฆ่าก็จะส่งผลต่อสถานการณ์โดยรวม และจะกลายเป็นหายนะแน่นอน  ในทางตรงกันข้ามถ้าเขาชนะ เขาจะสามารถนำคนอื่นให้ช่วยกันต้านทานได้

“เอาเลย!  มาดูกันว่าไฟของเราคนไหนจะแข็งแกร่งที่สุด ไฟเขียวภูตพรายของเจ้า หรือไฟดาวตกสวรรค์ของข้า  ในอนาค จะมีเพียงนักรบระดับสูงในหอทงเทียนที่มีคำว่าองค์ชายนำหน้าเหลือเพียงคนเดียวเท่านั้น เจ้า..องค์ชายดำ หรือว่าข้า องค์ชายเทียนหลัว!”

“ข้ารู้ว่าเจ้ามีอสูรศึกระดับปราณฟ้า  แต่เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าเพียงแค่นั้นจะสามารถต่อกรกับข้าได้?”  องค์ชายดำแค่นเสียงเยาะเย้ย  “พลังของอสูรปราณฟ้าของเจ้ายังไม่เทียบเท่ากับพลังของเจ้าเอง!”

*** ***

หุบเหวสิ้นหวัง ทะเลสาบน้ำดำ

เสวี่ยทันหลางและสื่อจินโหวยังคงเผชิญหน้ากัน  ทั้งสองคนยังคงมองหาจุดอ่อนในการป้องกันของแต่ละฝ่าย

นี่เป็นการต่อสู้ที่ต่างจากคนอื่น  พลังของพวกเขาอยู่ในระดับสูงแล้ว  ดังนั้นพวกสเขารู้ว่าการต่อสู้จะจบลงหลังจากโจมตีเพียงสองสามครั้งเป็นอย่างมาก

เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่การต่อสู้จะต้องจบลงด้วยความตายของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง  สื่อจินโหวมีพลังและระดับนักสู้เหนือกว่าเสวี่ยทันหลางมากมาย  แต่เขาไม่กล้าตัดสินคู่ต่อสู้ของเขาอย่างผิดๆ  โดยเฉพาะอย่างยิ่งก่อนเวลาต่อสู้  เสวี่ยทันหลางให้รายละเอียดและทักษะการต่อสู้ของอสูรศึกของเขา นี่ทำให้เขายิ่งสับสนมากขึ้น

เป็นไปได้หรือว่าเจ้าหนุ่มน้ำแข็งนี้มั่นใจมากว่าเขาจะสามารถเอาชนะขีดจำกัดตัวเองได้หลังจากบอกรายละเอียดทุกอย่างของเขาแก่ศัตรู?  เขาไม่มีความสงสัยเลยว่าเป็นเรื่องจริง เพราะเสวี่ยทันหลางไม่ใช่คนพูดมากเหมือนเจ้าอ้วนไห่ที่เอาแต่โอ้อวดความแข็งแกร่งของเขาเอง

สิ่งเดียวที่สามารถอธิบายการกระทำของเสวี่ยทันหลางได้ก็คือเขาต้องมีไม้ตายลับ  บางทีทักษะพรสวรรค์ซ่อนเร้นอาจจะถูกเผยระหว่างการต่อสู้เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายก็ได้

“วันนี้ระหว่างเราจะมีผู้รอดเพียงคนเดียว!  ไม่เจ้าก็ข้า!”  สื่อจินโหวส่งเสียงดังขึ้น  จากนั้นเขาเรียกคัมภีร์อัญเชิญและอสูรพิทักษ์ทันที และใช้งานสนามพลัง เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญในการสร้างเกราะพลังป้องกันเมื่อไม่นานมานี้เอง

หลังจากเสวี่ยทันหลางได้แนะนำทักษะและความสามารถในการรบของอสูรศึกของเขา  เขาก็เงียบอีกครั้ง  แต่ใต้เท้าของเขา  ทะเลสาบน้ำดำกลายเป็นทะเลสาบน้ำแข็ง

สายฟ้าสีเงินแปลบปลาบอยู่ในอากาศ

ทั้งสองฝ่ายเริ่มโจมตีพร้อมกัน  ไม่มีใครต่างยั้งมือไว้!

หลังจากปะทะฝีมือกันแล้ว หนึ่งในสองฝ่ายถูกกำหนดว่าต้องตาย มีเพียงหนึ่งเดียวที่จะยืนหยัดจนจบสิ้นการต่อสู้!  ขณะนั้นเอง แม้แต่พวกเขาก็ไม่รู้ว่าผู้ใดจะอยู่รอด!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด