ตอนที่ 736 สู้กับเจ้านาน ข้าจะติดเชื้อโง่ไปด้วยหรือไม่?
ถ้าไม่ใช่เพราะแม่สี่อยูข้างหลังเขา อย่างนั้นเย่ว์หยางจะไม่มีทางยอมใช้วงจักรนิรันดรเด็ดขาด
ทักษะที่ไม่เหมือนใครนี้ เขาตั้งใจจะใช้ออกในเวลาที่สมควรที่สุด เพื่อประสิทธิภาพในการเล่นงานจ้าวปีศาจโบราณให้พ่ายแพ้ยับเยิน แต่เขากลัวว่าแรงระเบิดพลังหมัดของจ้าวปีศาจโบราณจะทำอันตรายแม่สี่ ที่สำคัญนางเป็นคนธรรมดาอ่อนแอที่ไม่อาจต้านแม้แต่แรงลมพัด ด้วยการเผชิญหน้าของสองนักสู้ระดับปราณฟ้า คลื่นแรงระเบิดจะทำให้เกิดพลังทำลายล้างอย่างมิต้องสงสัย และเพราะเหตุนี้เย่ว์หยางจึงต้องใช้วงจักรนิรันดรสร้างรัศมีป้องกันในระยะสิบเมตร เสี่ยวเหวินหลีรู้ใจของเย่ว์หยางดีที่สุด เธอพาแม่สี่แยกเข้าไปอยู่ในโลกคัมภีร์
แม่สี่ยอมรับแต่เพียงเย่ว์หยาง แต่ไม่สนใจจ้าวปีศาจโบราณ
ความคิดเห็นของนางทำให้เย่ว์หยางประหลาดใจ และมีความมั่นใจท่วมท้น
ไม่ว่าจะเป็นจริงแค่ไหนก็ตาม ตราบใดที่นางไม่โกรธ ถ้าว่ากันเรื่องการต่อสู้ เย่ว์หยางผู้มีปณิธานราชันย์ยังมีอะไรต้องกลัว
“....” เมื่อแม่สี่จะเข้าไปในที่พำนักในโลกคัมภีร์ นางมักจะมองดูเย่ว์หยางอยู่เสมอ บางทีนางอาจต้องการบอกให้เขาระวังตัวหรือเตือนอะไรบางอย่าง แต่ภายใต้การควบคุมของวงจักรนิรันดร นางไม่สามารถพูดได้ นางได้แต่สื่ออารมณ์แสดงความกังวลออกมาทางสายตา
วืดดดด!
แม่สี่เข้าไปในโลกคัมภีร์ เมื่อเห็นนางพ้นจากอันตรายแล้ว เย่ว์หยางปล่อยหมัดอย่างต่อเนื่องทันที วงจักรนิรันดรปล่อยให้จ้าวปีศาจโบราณกระเด็นออกไปเหมือนกระสุนปืนใหญ่พุ่งออกไปหลายกิโลเมตรกระแทกเข้าไปในผนังภูเขา ภูเขาสั่นสะเทือนรุนแรง ผนังหินแตกพังทลายเป็นชิ้นน้อยชิ้นใหญ่เสียงดังสนั่นตามมา
เมื่อเห็นเย่ว์หยางเคลื่อนไหวโจมตีจ้าวปีศาจโบราณเย่เซียวและจื่อกวงก็เคลื่อนไหวบ้าง
เยี่ยซู่และเป่ยถอยหลังเล็กน้อย พวกเขาตะลึงกับพลังของเย่ว์หยาง
จักรพรรดิชื่อตี้กับสนมชื่อเฟยมองหน้ากันเอง
พวกเขาทุกคนรู้สึกว่าเย่ว์หยางแข็งแกร่งขึ้นมากเมื่อเทียบกับครั้งสุดที่ได้ต่อสู้กับพวกเขา ฝีมือที่พัฒนาก้าวหน้ารวดเร็วอย่างนี้ถ้าปล่อยให้เย่ว์หยางได้ฝึกต่อไปอีกสักหลายปี เป็นไปได้ว่าจะไม่มีใครในพวกเขาสามารถเผชิญหน้าเย่ว์หยางได้เมื่อพบเจอและสู้รบกัน
ด้วยความช่วยเหลือของราชาเผ่าเก้าแสง จักรพรรดิชื่อตี้ได้ฟื้นฟูพลังเต็มที่อีกครั้ง แต่เขาต้องรู้สึกเครียดอีกครั้งแม้จะใช้เครื่องมือวิเศษก็ตาม
เขาสงสัยว่าการร่วมมือกับจ้าวปีศาจโบราณและราชาเผ่าเก้าแสง จะทำให้เขาเอาชนะเย่ว์หยางด้วยตัวเองได้หรือไม่?
ไม่เลย! คำตอบชัดเจน
โชคดีที่จ้าวปีศาจโบราณมุ่งมั่นจะฆ่าเย่ว์หยางให้ได้ และราชาเก้าแสงนำกำลังนักรบระดับสูงมาสนับสนุนเขา ราชาเก้าแสงไม่เพียงแต่สามารถกำจัดเย่ว์หยางได้กักจ้าวปีศาจโบราณไว้ภายในได้ เพราะเหตุนี้เขาจะได้ผลประโยชน์จากความขัดแย้งของพวกเขาแน่นอน จักรพรรดิชื่อตี้หันไปมองจื้อจุนที่ยืนอยู่ใกล้ๆ นางยังคงสงบเหมือนน้ำ
เขารู้สึกได้ว่าพลังคุกคามที่จื้อจุนมีต่อเขาไม่ด้อยไปกว่าจักรพรรดิอวี้เลย จักรพรรดิอวี้ทรงพลังมาก แต่ว่ายังมีวิธีการจัดการรับมือเขา ตราบเท่าที่เขาไม่เผชิญหน้ากับจักรพรรดิอวี้โดยตรง อย่างนั้นก็คงไม่เป็นอะไร อย่างไรก็ตามจื้อจุนนี้แตกต่างออกไป เห็นได้ชัดว่านางไม่ได้แข็งแกร่งเท่ากับจักรพรรดิอวี้ แต่นางให้ความรู้สึกที่อันตรายมากกว่า
นางเกิดมาด้วยความรู้สึกต้องการจะฆ่าเป็นนิสัย แม้ว่าเขาจะมีสมบัติวิเศษคอยปกป้อง แต่เขาก็ยังรู้สึกกลัวเมื่อคิดว่าต้องเผชิญหน้ากับนางในการต่อสู้
ขณะที่จื้อจุนไม่ทรงพลังเท่ากับจักรพรรดิอวี้ ไม่ได้มีพลังไร้เทียมทาน แต่นางมีความแข็งแกร่งมากพอจะท้าทายโลกได้ นางไม่ใช่ผู้นำที่ดี หรือผู้บัญชาการที่แข็งแกร่ง แต่นางมีการตัดสินใจที่แข็งแกร่งเด็ดขาดที่สุด เป็นมือสังหารที่น่ากลัว ทันทีที่เริ่มสู้กับนางอีกฝ่ายหนึ่งย่อมถูกตัดสินว่าตายแน่
ถ้านักสู้ปราณฟ้าระดับสูงต้องการจะทำอันตรายหรือเอาชนะนาง พวกเขาจะต้องจ่ายคุณค่าอย่างสูง
“บังอาจทำร้ายข้าหรือ? เจ้าตัวปลอม!” จ้าวปีศาจโบราณบินออกมาจากซากหักพังและฉีกชุดคลุมออกเผยให้เห็นร่างที่แข็งแกร่งของเขา ปีกเพลิงปีศาจงอกขึ้นจากที่ด้านหลังของเขา จ้าวปีศาจโบราณไม่เก็บซ่อนความหวังจะได้รับสถานะเย่ว์หยางต่อไปอีกแล้ว ดังนั้นเขาฉีกร่างปลอมออกและระเบิดพลัง หน้าของเขาที่แทบจะคล้ายกับเย่ว์หยางบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ
“เลิกพูดไร้สาระได้แล้ว” เย่ว์หยางไม่อยากจะเสียเวลากับเขา ไม่ว่าเขาจะพูดอะไรก็ตาม ผลก็คือต้องสู้จนตายกันไปข้างหนึ่ง
“ถ้าข้าไม่ได้มันมา อย่างนั้นเจ้าก็ไม่มีทางได้ไปแน่” จ้าวปีศาจโบราณผูกอาฆาต
ถ้าแม่สี่ยอมรับพวกเขาทั้งสอง จ้าวปีศาจโบราณคงไม่สูญเสียความเยือกเย็น
ปัญหาก็คือแม่สี่, เจตจำนงของเย่ว์ชิวที่ยังเหลืออยู่และสตรีผู้เข้าไปในแดนล่มสลายแห่งทวยเทพปฏิเสธที่จะยอมรับเขา ไม่เพียงแต่พี่สาวของแม่สี่จะแกล้งทำลายแผนของเขาเท่านั้น แต่นางยังส่งเย่ว์หยางอีกคนหนึ่งมายังโลกนี้ นางถ่ายทอดความรู้ให้เย่ว์หยาง ในบรรดาความรู้นี้เป็นไปได้อย่างสูงว่าจะมีการบอกความลับให้เย่ว์หยางได้ทราบถึงวิธีเข้าแดนล่มสลายแห่งทวยเทพ หลังจากพยายามอย่างหนักมาเป็นเวลานาน ในที่สุดเขาก็ไม่ได้รับอะไรตอบแทนเลยแม้แต่น้อย เขามีแต่ต้องช่วยราชาและราชินีเผ่าเก้าแสงให้งานสำเร็จเท่านั้น
จ้าวปีศาจโบราณจะไม่โกรธได้อย่างไร?
จ้าวปีศาจโบราณเป็นผู้ทะเยอทะยานที่มีชีวิตมาหลายพันปีแล้ว การลดสถานะตนเองของเขาหลังจากถูกโจมตีกะทันหันแบบนั้น ทำให้เขาไม่สามารถหาเหตุผลได้ชั่วครู่
จ้าวปีศาจโบราณพยายามข่มความโกรธและเรียกคืนสติกลับมา นี่ทำให้เขาสงบเยือกเย็นได้อย่างรวดเร็ว มือซ้ายของเขาลูบคลำใบหน้าที่บาดเจ็บ และอาการบาดเจ็บค่อยหายไป เขากล่าว “ต่อให้เจ้าได้รับการยอมรับจากแม่สี่ แล้วเจ้าคิดว่าจะได้รับทุกสิ่งทุกอย่างหรือ? เลิกฝันได้แล้ว! ตั้งแต่บัดนี้ไป เจ้าจะต้องสูญเสียทุกอย่างที่เจ้ามีไม่ว่าจะเป็นอสูรศึก สหาย, ญาติพี่น้อง, คนรัก แม้แต่ชีวิตของเจ้า ถ้าข้าไม่สามารถครอบครองสิ่งเหล่านั้นได้ ข้าจะทำลายให้หมดทุกอย่าง ไม่ว่ามันจะอยู่ที่ใดก็ตาม ก็เหมือนกับจักรพรรดิอวี้นั่นแหละ ข้าจะทำให้ชีวิตของเจ้าทุกข์ทรมานยิ่งกว่าจักรพรรดิอวี้เป็นร้อยเท่า!”
“เอาเลย! มีอะไรก็แสดงออกมาได้เลย!” เย่ว์หยางตอบอย่างเรียบง่ายและเยือกเย็น
เขาค่อยๆ สวมหน้ากากเจมินี่
พลังร่างกายของเขาเพิ่มขึ้นในระดับสูงสุดทันที
พื้นที่ในระยะร้อยเมตรเริ่มคลุมไปด้วยสนามพลังสร้างโลกของเขาซึ่งสร้างขึ้นจากพลังของประตูเป็นตาย ดูผิวเผินอ่อนแอนัก แต่เมื่อสนามพลังสร้างโลกสำแดงผลออมา จ้าวปีศาจโบราณรู้สึกผิดปกติทันที จักรพรรดิชื่อตี้และสนมชื่อเฟยรู้สึกถึงผลสะท้อนรุนแรงของสนามพลังนี้จึงไม่กล้าเดินเข้าไปข้างใน
แม้แต่ราชาเผ่าเก้าแสงและราชินีฟ้าที่ไม่เคยส่งเสียงมาก่อนก็ยังมีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ในสายตาของพวกเขามีความรู้สึกที่คาดไม่ถึงขณะจ้องมองดูสนามพลังของเย่ว์หยาง
ในบรรดานักรบระดับสูงแดนสวรรค์ สนามพลังล้วนแปลกประหลาดไม่ธรรมดาทั้งนั้น ดังนั้นราชาและราชินีเผ่าเก้าแสงจึงรู้จักสนามพลังมานับไม่ถ้วน อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่สามารถมองทะลุสนามพลังของเย่ว์หยางได้
เสียงที่น่าหลงใหลของราชาเก้าแสงไม่ดังมาก แต่คล้ายกับระฆังดี เสียงก้องทุ้มลึกในใจพันธมิตรของพวกเขาทำให้พวกเขาตกใจอย่างหนัก
ราวกับฟ้าผ่าในท่ามกลางความเงียบ
เขาเตือนจ้าวปีศาจโบราณ “นี่น่าจะเป็นสนามพลังวิญญาณชนิดหนึ่ง เขาสามารถควบคุมสิ่งที่เจ้าเห็นโดยผ่านการใช้พลังวิญญาณ แม้จะไม่ใช่พลังกฎสวรรค์ แต่ก็เป็นรูปเป็นร่างได้”
“จริงเหรอ? มาดูกันว่าสนามพลังใครจะแข็งแกร่งกว่ากัน ของเจ้าหรือของข้า!” แม้ว่าจ้าวปีศาจโบราณยังคงระมัดระวัง เขาตั้งใจสู้ตอบโต้โดยใช้สนามพลังที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาโดยไม่แสดงความอ่อนแอให้เห็น
ร่างของเขากลายเป็นจุดศูนย์กลางสร้างสนามพลังสีเทาเข้ม มีรัศมีพันเมตรซึ่งคลุมทั้งฟ้าและดินไว้อย่างสมบูรณ์
สนามพลังของเขาใหญ่กว่าสนามพลังสร้างโลกของเย่ว์หยางถึงสิบเท่า และครอบคลุมสนามพลังของเย่ว์หยางไว้ได้ทั้งหมด
จ้าวปีศาจโบราณมีพลังอย่างยอดเยี่ยมแน่นอน ที่สำคัญเขาฝึกฝนมานานกว่าหมื่นปี เขาสูญเสียพลังส่วนใหญ่ไปเนื่องจากผนึกมากมายที่วางใส่ร่างของเขา มิฉะนั้นสนามพลังของเขาคงจะขยายได้สิบเท่า และพลังจะเพิ่มขึ้นมากกว่านี้อีกหลายเท่า
“คิดว่ายังไงบ้าง?” หลังจากออกมาจากสนามรบ สนมชื่อเฟยหันไปถามความเห็นจักรพรรดิชื่อตี้
หลังจากคิดอยู่ชั่วครู่ จักรพรรดิชื่อตี้พึมพำ “ใกล้เคียงกันมาก”
ความเห็นของเขาทำให้สนมชื่อเฟยคลางแคลงใจตัวเย่ว์หยาง เขามีสนามพลังอย่างหนึ่งมีพื้นที่ส่งผลเพียงร้อยเมตรยังจะเป็นคู่แข่งท้าทายสนามพลังที่ครอบคลุมหนึ่งกิโลเมตรได้หรือ? นางรู้ว่าขนาดของสนามพลังไม่ได้เป็นตัวแทนของพลังทั้งหมด บางครั้งสนามพลังเล็กก็แฝงไปด้วยพลังที่ยิ่งใหญ่ นางจำได้ว่าจ้าวปีศาจโบราณฝึกฝนอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลาหมื่นปีเพื่อสะสมพลังมหาศาลที่เขาเคยใช้เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้สนามพลังของเขา ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกใจที่สนามพลังถึงครอบคลุมพื้นที่พันเมตรได้อย่างง่ายดาย สนามพลังของจ้าวปีศาจโบราณยังจะเล็กกว่าสนามพลังของเย่ว์หยางซึ่งยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นได้ยังไง?
เย่ว์หยางเพิ่งจะเชี่ยวชาญสนามพลังสร้างโลกมาเมื่อไม่นานนี้ ขณะที่สนามพลังของจ้าวปีศาจโบราณก้าวหน้าอย่างมั่นคงในช่วงหมื่นปีที่ผ่านมา เขาจะสามารถเอาชนะเย่ว์หยางได้หรือไม่?
เด็กคนนี้เชี่ยวชาญสนามพลังระดับใดกันแน่?
ขณะนั้นสนมชื่อเฟยระงับความเกลียดของนางและจดจ่ออยู่กับการต่อสู้เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายที่กำลังจะเกิดขึ้นซึ่งจะถูกจดบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์เหมือนกับการต่อสู้อย่างดุเดือดระหว่างจักรพรรดิอวี้และสามผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์
*******
ด้านนอกเหวสิ้นหวัง เมืองซือว่าง
เมืองซือว่างที่เพิ่งฟื้นฟูจากซากหักพังในสงครามครั้งก่อนถูกทำลายลงอีกครั้งหนึ่ง
ขณะที่หลิวเย่ เย่คง เสวี่ยทันหลาง และองค์ชายเทียนหลัวกำลังคุ้มครองหลิวเย่และคนอื่นหนีมาทางนี้ คนเผ่ามนุษย์วิหค องค์ชายดำ ประมุขนิกายพันปีศาจและประธานผู้อาวุโสกำลังไล่ตามพวกเขาอย่างกระชั้นชิดโดยใช้มัจฉาสะกดรอย ดูเหมือนพวกเขาไม่ได้หยุดพักกันเลย
“ไป” เย่คงไม่ลังเลแม้แต่น้อยคอยรั้งอยู่ด้านหลังเพื่อหยุดศัตรู เหมือนกับเจ้าอ้วนไห่
“เจ้ายินดีจะเอาชีวิตของเจ้าเข้าเสี่ยงอีกหรือ!” องค์ชายดำแค่นเสียงเยาะเย้ย
ใบหน้าของเย่คงไร้ความรู้สึกขณะที่เขาพูดคำเหล่านี้ “ต่อให้ผลออกมาคือตาย...ข้าก็จะลากเจ้าไปกับข้าด้วย!”
องค์ชายดำรั้งอยู่ เขาคนเดียวก็เพียงพอเอาชนะเย่คงได้ ส่วนนักรบเผ่ามนุษย์วิหคที่เหลือยังคงไล่ติดตามคนอื่นต่อไป ที่ก้นเหวสิ้นหวังห่างออกไปจากค่ายสมาคมทหารรับจ้างแห่งแรกใกล้เมืองซือว่างไม่ถึงสิบกิโลเมตร นักรบเผ่าวิหคไล่ตามพวกเขาทัน
เสวี่ยทันหลางตั้งใจเป็นคนที่สามที่จะรั้งอยู่เพื่อหยุดศัตรูของพวกเขาไว้ แต่องค์ชายเทียนหลัวผลักเขาออกไปจากทางทันที เมื่อเห็นเช่นนี้ประมุขนิกายพันปีศาจลังเลเล็กน้อยจากนั้นตัดสินใจอยู่
ประมุขนิกายพันปีศาจเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับสูงที่มีพลังไม่ด้อยกว่าซุ่นเทียน เพื่อกำจัดองค์ชายเทียนหลัวผู้มีอสูรศึกระดับปราณฟ้าเขาคือผู้เหมาะสมที่สุดที่อยู่ต่อสู้
หลังจากโต้เถียงกันสั้นๆ เสวี่ยทันหลางก็หนีไปด้วยกันกับคนอื่นหนีไปทางทะเลสาบน้ำดำภายในเหวสิ้นหวัง และที่นั่นพวกเขาถูกไล่ตามทันอีกครั้ง
ครั้งนี้เป็นเสวี่ยทันหลางหันกลับมาสู้
ด้วยการช่วยเหลือของจ้าวปีศาจโบราณ สื่อจินโหวจึงได้รับพลังของราชันย์พันปีศาจและกลายเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับแปด เพราะเหตุนี้ เขาตัดสินใจฆ่าศัตรูที่ดูมีแววศักยภาพมากที่สุดนอกจากเย่ว์หยาง ถ้าเสวี่ยทันหลางถูกปล่อยให้มีชีวิตต่อไป กลุ่มของซุ่นเทียนคงจะประสบความพ่ายแพ้อย่างหนักในอนาคต และระดับพลังปัจจุบันของสื่อจินโหว เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะฆ่าเย่ว์หยางได้ แต่เขาสามารถฆ่าเสวี่ยทันหลางที่กำลังแข็งแกร่งมากขึ้น แต่ยังไม่เพียงพอที่จะต่อสู้กับนักรบระดับสูงตามลำพังได้
ประธานสภาอาวุโสเผ่ามนุษย์วิหคยังนำกลุ่มไล่ล่าคนอื่นต่อไป
แต่ไม่ว่าหลิวเย่จะหนีไปที่ใด ผู้อาวุโสจะใช้มัจฉาสะกดตามหาพวกเขาจนพบเจอได้อย่างง่ายดาย ถ้าหลิวเย่ไม่ส่งเพื่อนร่วมกลุ่มเข้าไปในโลกคัมภีร์ของนาง และขี่กวางทะลุมิติหนีไปอย่างไม่หยุดยั้ง บางทีกลุ่มของนางทั้งหมดคงจะถูกทำลายไปแล้ว
***
ทางเข้าตำหนักวารี วังศักดิ์สิทธิ์ของจักรพรรดิอวี้
ประธานสภาอาวุโสเผ่ามนุษย์วิหคไล่ตามทันหลิวเย่ เขาใช้ธนูขนนกดำยิงใส่ไหล่ของหลิวเย่
หลิวเย่ผ่านเข้าประตูตำหนักวารีเข้าไปได้ก่อนจะทรุดตัวล้มลง
“เจ้าคิดว่าจะหนีพ้นหรือ? ไม่มีมนุษย์คนใดที่สามารถหลบหนีพ้นเงื้อมมือข้าไปได้ เจ้าก็ไม่ยกเว้น” ประธานสภาอาวุโสเผ่ามนุษย์วิหคมีพลังปราณก่อกำเนิดระดับแปดและแค่เป็นรองจักรพรรดิฟ้าเท่านั้น หลังจากจักรพรรดิฟ้าตาย เขากลายเป็นผู้ทรงอิทธิพลมากที่สุดในทวีปกวงหมิง สภาอาวุโสทั้งหมดตกอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา
“เจ้าแก่ปูนนี้แทบจะเป็นบรรพบุรุษของนางก็ว่าได้ แต่เจ้ากลับนำกลุ่มคนตามรังควานเด็กสาวตัวเล็กๆ นี่เจ้าไม่รู้จักละอายใจบ้างหรือ?” เต่ามังกรที่แก่จนเหมือนใกล้ตายเดินออกมาจากวังวารีพร้อมกับไอไม่หยุด เขาดูเหมือนใกล้ตายได้ทุกเมื่อ
“เจ้าควรจะอยู่ที่ปราสาทตระกูลเย่ว์ไม่ใช่หรือ?” เมื่อเห็นเขาอยู่ที่นี่ ประธานสภาอาวุโสตกใจ
“ถ้าเจ้าสามารถค้นพบได้ทุกอย่าง, ข้าก็คงหมดความรู้สึกสนุกไปแน่ ข้าคิดไว้หมดแล้ว ที่สำคัญข้าอยู่มาเกินหมื่นปีแล้ว ลูกไม้ทั้งหมดของเจ้าข้ารู้จักเป็นอย่างดี ข้าเบื่อจริงๆ เจ้าไม่มีแนวคิดสร้างสรรค์อะไรใหม่ๆ เลยหรือ?”
“ตอนนี้ เย่ว์หยาง เจ้าเด็กนั่นน่าสนใจมากจริงๆ สิ่งแรกที่เขาทำก็คือวางกับดักให้พวกเจ้ามาที่นี่ ช่างเถอะ ไม่มีประโยชน์อะไรกับการพูดกับคนโง่เกินไปอย่างเจ้า ถ้าข้าสู้กับเจ้านานเกินไป ไม่รู้ว่าจะพลอยติดเชื้อโง่ไปด้วยหรือเปล่า” ผู้เฒ่าเต่ามังกรส่ายศีรษะถอนหายใจ ด้วยความรู้สึกว่ากำลังสีซอให้ควายฟัง (ต้นฉบับใช้คำว่าดีดพิณให้โคฟัง)
*** *** ***