ตอนที่ 59 ปรมาจารย์ไม่อยากมีปัญหากับคนระดับต่ำกว่า
ทู่หยุนตกตะลึง และผู้คนในห้องโถงก็ตกตะลึง
ปรมาจารย์?!
“ซู่ซุนเอ๋อร์ เจ้าบอกว่าเขาเป็นปรมาจารย์งั้นหรือ?”
"เจ้าคิดได้ยังไงกัย?"
ซู่ซุนเอ๋อมองไปที่ทู่หยุน เธอไม่รู้จริงๆว่าทำไมทู่หยุนที่อยู่ในระดับศิษย์หลักของปรมาจารย์ผู้สอนศิลปะการต่อสู้ขั้นต้น ถึงได้หยิ่งผยองเมื่อเผชิญหน้ากับปรมาจารย์ขั้นต้นแบบนี้!
ฮ่าๆๆๆ!
ทันใดนั้น ทู่หยุนก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา ราวกับว่าเขาไม่เคยได้ยินเรื่องตลกแบบนี้มาก่อนในชีวิต
ผู้คนในห้องโถงก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเช่นกัน เพราะพวกเขาทุกคนรู้ว่าซู่ซุนเอ๋อต้องล้อเล่นแน่ๆ
หยานฉีที่ดูอายุเพียงแค่สิบแปดหรือเก้าปี เขาจะเป็นปรมาจารย์ที่ทรงพลังขนาดนั้นได้อย่างไร
“สุดยอดลูกศิษย์ ซู่ซุนเอ๋อบอกว่าเจ้าเป็นปรมาจารย์ เจ้าคิดว่าอย่างไรบ้าง”?
ทู่หยุนหันกลับมามองที่หยางฉี
หยานฉีส่ายหัวเบาๆเขาไม่ต้องการที่จะต่อล้อต่อเถียงกับทู่หยุน
แต่เขาหยิบตรากระทิงที่ถูกกักขังหนึ่งดาวออกมาจากกระเป๋าของเขา
“เธอพูดถูก ข้าเป็นปรมาจารย์จริงๆ”
ตรากระทิงที่ถูกกักขังหนึ่งดาวระเบิดแสงสีทองพร่างพรายออกมา!
ผู้คนในห้องโถงมองไปที่ตราสัญลักษณ์กระทิงที่ถูกกักขังหนึ่งดาวของหยานฉีและพวกเขาก็อ้าปากค้าง
อะ..อะ...อะ
ทู่หยุนที่เห็นตรากระทิงที่ถูกกักขังหนึ่งดาวอยู่ในมือของหยานฉี ทำให้เขาตกตะลึง
ทันใดนั้น ความเย่อหยิ่งทั้งหมดของทู่หยุนนั้นดูเหมือนจะถูกดูดกลืนโดยบางอย่างที่ทรงพลังกว่า ทู่หยุนในตอนนี้ได้แต่ถอยไปข้างหลังโดยไร้เรี่ยวแรง
การดูถูกปรามาจารย์นั้นเป็นสิ่งต้องห้ามที่ไม่สมควรอย่างมาก!
ประโยคนี้มีที่มาอันน่าสยดสยองอยู่
ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ผู้อยู่อาศัยในเมืองเล็กๆแห่งหนึ่งถูกฆ่าตายในชั่วข้ามคืนทั้งหมดเพราะพวกเขาทำให้ปรมาจารย์ไม่พอใจ
ทู่หยุนในตอนนี้รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่โง่เขลาอย่างมาก
ทันใดนั้นทู่หยุนก็คุกเข่าต่อหน้าหยานฉี สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก ร่างกายของเขาสั่นอย่างหยุดไม่ได้
“ท่านปรมาจารย์ขอรับ ข้า ข้าขออภัย ข้าไม่ได้ตั้งใจ ข้าผิดไปแล้ว ข้ามันคนโง่ตามืดบอดเองที่กล้าดูถูกท่านแบบนั้น”
ด้วยเหตุนี้ทู่หยุนจึงตบหน้าตัวเอง
ทุกคนในห้องโถงตกใจอย่างหนักไม่แพ้กัน เมื่อกี้พวกเขาหัวเราะเยาะคนระดับปรมาจารย์งั้นเหรอ?
ใบหน้าของหยานฉีนิ่งสงบราวกับน้ำนิ่ง เขาใส่ตราสัญลักษณ์กระทิงที่ถูกกักขังหนึ่งดาวลงในกระเป๋าของเขา และเดินออกจากองค์กรศิลปะการต่อสู้ไปช้าๆ
ซู่ซุนเอ๋อมองทู่หยุนที่กำลังคุกเข่าอยู่บนพื้นอย่างเย็นชา
“ปรมาจารย์หยานฉีไม่ต้องการที่จะมีปัญหากับคนที่ระดับต่ำกว่า มิฉะนั้นเจ้าในตอนนี้ก็คงตายไปแล้ว”
จากนั้นซู่ซุนเอ๋อก็ออกไป
เมื่อเห็นหยานฉีและซู่ซุนเอ๋อออกไป ทู่หยุ่นก็สูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าของเขาซีดมาก เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าหยานฉีจะเป็นคนในระดับปรมาจารย์
ทันใดนั้น ทู่หยุนก็ได้รับบทเรียนที่สำคัญอย่างหนึ่งซึ่งก็คือ
คนเก่งจริงจะไม่พูด ส่วนคนที่เอาแต่พูดนั้นเก่งไม่จริง!
ผู้คนในห้องโถงต่างพากันโล่งอก โชคดีที่ปรมาจารย์คนนั้นไม่ได้อยากมีปัญหากับคนระดับต่ำกว่า มิฉะนั้นพวกเขาทั้งหมดอาจจะตายไปพร้อมกับทู่หยุนแล้ว!
เมื่อทั้งสองคนออกไปจากองค์กรศิลปะการต่อสู้
สิ่งที่หยานฉีไม่คาดคิดคือใบหน้าอันขาวนวลของซู่ซุนเอ๋อกลายเป็นความกังวล
"เกิดอะไรขึ้นกับเจ้างั้นหรือ?"
“หยานฉีเจ้าจะสู้กับหลินเที่ยนเจียงจริงหรือ?”
"ใช่"
หยานฉีพยักหน้าและไม่พูดอะไรมาก
เขาต้องไปฆ่าหลินเที่ยนเจียง
ครั้งก่อนที่เขาสามารถรอดได้ก็เพราะตราอินทรีทองสามดาวของท่านซู่มู ถ้าเขาไม่มีตรานั้นเขาคงตายไปแล้ว
"แต่หหยานฉี , หลินเที่ยนเจียงเป็นปรมาจารย์ขั้นต้นมานานแล้ว ข้าเกรงว่าพลังการต่อสู้ของเขาจะสูงถึง 100,000 แล้ว และเจ้ามีพลังเพียงแค่ 75,000 เจ้าล้มเลิกความตั้งใจของเจ้าไม่ดีกว่าหรือ"?
ซู่ซุนเอ๋อมองไปที่หยานฉีและกัดริมฝีปากของเธอเล็กน้อย
หยานฉียิ้ม เขารู้ว่าซู่ซุนเอ๋อเป็นห่วงเขา
"ไม่ต้องกังวลไปหรอก"
เขาจับศีรษะของซู่ซุนเอ๋อ "เพราะข้าจะเอาชนะเขาได้แน่นอน"