ตอนที่ 53 โรงเรียนที่เต็มไปด้วยผู้ติดเชื้อ(อ่านฟรี03/02/2566)
ตอนที่ 53 โรงเรียนที่เต็มไปด้วยผู้ติดเชื้อ
ผู้กองเชนดึงตัวลีออกมาทำให้ผู้ติดเชื้อชนเข้ากับข้างรถ ผู้กองเชนรีบยังมันด้วยปืนลูกโม่จนตายคาที่ในทันที
“ระวังหน่อยสิ อยากตายหรือยังไง” ผู้กองเชนกล่าวว่าลี
ลีตอนนี้ยังหอบหายใจด้วยความตื่นตระหนกไม่หาย
“เอาปืนนายมาและเข้าไปหลบในรถ อย่าให้พวกมันได้กลิ่นเลือด” ผู้กองเชนสั่งลี
ลีได้ยินก็รีบทำตามเข้าไปแอบในรถทันที ส่วนผู้กองเชนนั้นได้ดึงล้อรถออกมาได้แล้ว เหลือแต่เอาล้อใหม่เข้าไป แต่แล้วตอนนั้นก็เกิดเรื่องขึ้นมา เมื่ออยู่ ๆ รินดาที่กำลังทุบหัวของผู้ติดเชื้ออยู่ก็ได้หันไปเห็นยังมุมถนนด้านหนึ่ง
“เด็ก มีเด็กอยู่” รินดาหันไปพูดกับหลิน
แต่ว่าหลินนั้นกำลังสู้อยู่กับผู้ติดเชื้ออย่างวุ่นวายทำให้ได้ยินสิ่งที่รินดาพูดไม่ชัดเจน
“คุณว่าอะไรนะ” หลินหันกลับไปถามเธอ
“ฉันบอกว่ามีเด็กอยู่เราต้องไปช่วยพวกเธอ ไม่ทันแล้ว ฉันจะไปช่วยพวกเธอเอง” รินดากล่าวจบก็รีบวิ่งไปพร้อมกับค้อนปอนด์ในมือที่เหวี่ยงไปทุบหัวผู้ติดเชื้อที่ขวางทางจนพวกมันล้มลง
“เดี๋ยว! เธอจะทำอะไร อย่าไปทางนั้น เราต้องบอกคนอื่น ๆ ก่อน”
หลินพยายามตะโกนห้ามเธอ แต่ก็ไม่ทันแล้ว รินดาวิ่งไปยังถนนฝั่งตรงข้ามไปด้วยความรีบร้อยและหายไป
“เรน! ๆ รินดาเธอวิ่งไปทางนั้นแล้ว” หลินหันไปบอกกับเรน
“หมายความว่ายังไง เธอวิ่งออกไปทำไม” เรนถามกลับด้วยความหงุดหงิด เพราะการกระทำของรินดาได้สร้างปัญหาให้พวกเขา
“ฉันจะไปตามเธอกลับมา” หลินกล่าว ก่อนจะรีบวิ่งตามรินดาไป
“เดี๋ยว!...” เรนก็คิดจะห้ามเธอ แต่ว่าตอนนั้นเองมีผู้ติดเชื้อสองตัวโจมตีใส่ไอราขณะที่เธอกำลังโหลดกระสุนปืนลูกซองใหม่ ทำให้เธอรับมือกับมันไม่ทัน
เรนรีบเข้าไปช่วยไอราโดยการใช้รูนิกปืนลูกซองยิงหนึ่งในนั้น ไอราที่โหลดกระสุนเสร็จก็กระชากปืนและยิงใส่อีกตัวหนึ่งในทันที
“ไอราเป็นอะไรไหม”
“ไม่เป็นอะไร แต่กระสุนเหลือไม่มากพอแล้ว” เธอตอบเรนด้วยสีหน้ากังวล เพราะตอนนี้รอบตัวนั้นเต็มไปด้วยผู้ติดเชื้อ
“ผู้กอง!” เรนตะโกนเรียกผู้กองเชน
“อีกแป๊บหนึ่ง ใกล้เสร็จแล้ว” ผู้กองเชนหันกลับมาตะโกนบอก แต่พอเขามองไปทางที่เรนอยู่ก็ถึงกับต้องอึ้งไป เนื่องจากมีฝูงผู้ติดเชื้อหลายร้อยตัวกำลังวิ่งตรงมาหาพวกเขา
“ไป ๆ ๆ ๆ” เรนรีบถอยหลังและวิ่งออกจากตรงนี้ในทันที
ไอราเองก็รีบวิ่งตามเรนไป
ส่วนผู้กองเชนนั้นเขายังไม่ทันได้ขันน็อตล้อสักตัว ทำให้รถยังไม่สามารถขับออกไปจากตรงนี้ได้
“มาเร็ว” ผู้กองเชนเรียกลีให้ออกมาจากรถ เพราะต่อให้หลบในรถพวกมันก็สามารถพังเข้าไปได้ ก่อนที่เขาจะเข้าไปช่วยพยุงตัวลีและวิ่งตามหลังเรนกับไอราไป
เรนวิ่งด้วยความเร็ว เขายังสามารถเห็นหลังของหลินที่วิ่งไปก่อนได้ ซึ่งเธอวิ่งเข้าไปยังโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง
แต่แล้วก่อนที่เรนจะวิ่งตามเธอไปได้ทันก็ต้องเผชิญกับฝูงผู้ติดเชื้อที่วิ่งที่วิ่งออกมาจากมุมของอาคารโรงเรียนซึ่งมีกันนับร้อย ๆ ตัวพวกนี้เป็นผู้ติดเชื้อเด็ก
หลินเองก็ตกใจที่เจอกับพวกมันเช่นกัน ทำให้เธอไม่มีทางเลือกรีบวิ่งเข้าหนีขึ้นไปยังอาคารหลังของโรงเรียนที่ตั้งอยู่ด้านหน้า
“เรนเอายังไงดี” ไอราถามด้วยความตื่นตระหนัก ตอนนี้ผู้ติดเชื้อเด็กนักเรียนส่วนหนึ่งไล่ตามหลินไป แต่มากกว่าร้อยตัวยังคงหันมาสนใจพวกเขาอยู่
ขณะที่เรนกำลังคิดอยู่นั้นเองผู้กองเชนและลีก็มาถึง แถมไม่ได้มาเปล่าด้วย เพราะด้านหลังมีฝูงผู้ติดเชื้อตามมาด้วย
“หยุดทำไมกัน” ผู้กองเชนถาม
“เชี่ยแล้วไง” ลีอุทานอย่างตกใจ
เมื่อเห็นว่าด้านหน้าก็มีผู้ติดเชื้อมาด้วย ตอนนี้มีผู้ติดเชื้อรวมกันแล้วไม่ต่ำกว่า 1,000 ตัวที่ล้อมหน้าล้อมหลังพวกเขาอยู่
เรนเหลือบไปเห็นอาคารสามชั้นข้าง ๆ อาคารหลัก ซึ่งดูเก่ากว่า เขาก็ไม่รอช้าที่จะบอกทุกคนให้ไปที่นั่น
“ไปที่อาคารนั้น”
พวกเขารีบวิ่งไปที่อาคาร แต่ประตูมันล็อกอยู่ เรนใช้เท้าถีบประตูจนพังเข้าไปด้านในได้สำเร็จ คนที่เหลือรีบพากันตามเข้ามา
พอเข้ามาด้านในผู้กองเชนปล่อยลีให้พิงกำแพง ส่วนตัวเองก็ใช้ด้ามค้อนปอนด์ขัดที่ราวจับประตูที่เรนกำลังปิดอยู่ ทำให้ผู้ติดเชื้อที่ตามเข้ามานั้นไม่สามารถผลักประตูเข้ามาได้
แต่ว่าด้วยจำนวนของมันทำให้ประตูนั้นไม่น่าจะรั้งอยู่ได้นาน ถ้าพวกเขายังคงอยู่กันตรงนี้
“ขึ้นไปข้างบน”
...
ขณะเดียวกันด้านของหลิน เธอวิ่งหนีพวกผู้ติดเชื้อและตามรินดาทันในที่สุด
“รินดาหยุดก่อน เธอเป็นบ้าอะไรถึงวิ่งมาที่นี่” หลินพยายามตะโกนเรียกรินดา
“ฉันเจอเด็ก พวกเขาโดนผู้ติดเชื้อไล่ล่ามา ตอนนี้หลบอยู่ในห้อง” รินดาถือค้อนปอนด์หันกลับมาตอบ
“เธอแน่ใจนะว่าไม่ใช่ผู้ติดเชื้อ”
“แน่ใจ”
รินดาตอบอย่างมั่นใจ และจ้องไปที่หลินเพื่อยืนยันว่าเธอเห็นจริง ๆ หลินเม้มปากด้วยท่าทางครุ่นคิด เพราะว่าเธอไม่เห็นว่ามันจะมีเด็กคนไหนเลย นอกจากคำบอกเล่าของรินดา
แต่ว่าท่าทางของรินดานั้นเธอเชื่อว่าเธอไม่ได้ตาฝาดไปจริง ๆ สุดท้ายแล้วหลินก็ลองเชื่อเธอดู
“ก็ได้ เรามาดูกัน” หลินพูดขึ้นมา ก่อนจะเดินไปที่ประตู
ทันทีที่ประตูเปิดขึ้นมาพวกเธอทั้งสองก็ค้นพบว่าด้านในนั้นมีผู้ติดเชื้อเด็กนักเรียนอยู่สองสามตัวกำลังทุบตู้เก็บของที่ตั้งอยู่ท้ายห้อง
คว๊ากกก!!!
การเปิดประตูขึ้นมาได้ดึงดูดความสนใจของผู้ติดเชื้อเด็กนักเรียนทั้งสามตัวนั้นในทันที
หลินยกปืนพกขึ้นมาเล็งก่อนจะยิงใส่ผู้ติดเชื้อทั้งสองตัวจนล้มตายไปกับพื้น เลือดไหลนองไปที่พื้น แต่ทั้งสองตัวนั้นกลับสนใจสิ่งที่อยู่ในตู้เก็บของหลังห้องมากกว่า เนื่องจากว่ามันมีเสียงกรีดสั่นด้วยความกลัวดังขึ้นมาตอนที่เสียงปืนดังเมื่อครู่นี้
“นี่หนู พวกหนูอยู่ด้านในใช่ไหม น้าไม่ได้มาทำร้ายพวกหนูนะ น้ามาช่วย” รินดาวางค้อนปอนด์ลงและเดินเข้าไปอย่างช้า ๆ พร้อมกับยกมือขึ้นด้วย เพื่อให้คนที่อยู่ในตู้เก็บของนั้นเห็นว่าเธอไม่ได้มาทำร้าย
หลินเหลือบไปมองการกระทำของรินดาอย่างเงียบ ๆ ขณะที่ก็คอยระวังไปด้วย
“คุณน้าเป็นพวกมันหรือเปล่า”
มีเสียงเล็ก ๆ ของเด็กสาวถามขึ้นมา แต่แล้วก็มีอีกเสียงพูดขึ้นมาว่า
“นี่อย่าถามมัน เธออาจจะเป็นหนึ่งในพวกมันก็ได้” เสียงเด็กสาวที่โตกว่าอีกคนหนึ่งรีบห้ามเด็กสาวคนแรก
“หนู น้าเหมือนพวกนั้นหรือยังไง พวกหนูมองดูดี ๆ น้าไม่เหมือนพวกนั้นเลยนะ” รินดามาหยุดอยู่ที่หน้าตู้เก็บของ เธอมองเห็นด้านที่ช่องของตู้มีเด็กนักเรียนอยู่ด้านในสองคน คนหนึ่งสูงกว่าคนหนึ่งตัวเล็กกว่า คนตัวสูงกำลังมองดูรินดาและหลินอย่างระมัดระวัง
“เราไม่มีเวลามากแล้ว รีบพาพวกเธอออกมาแล้วไปจากที่นี่กัน” หลินพูดเร่งรินดา เพราะเสียงของผู้ติดเชื้อเริ่มดังขึ้นมาใกล้
“พวกหนูเห็นแล้วใช่ไหม รีบออกมาจากตู้เก็บของแล้วเรารีบหนีไปกันเถอะ เดี๋ยวพวกน้าสองคนจะช่วยปกป้องหนูเอง” รินดากล่าว
เด็กทั้งสองมองหน้ากัน ก่อนจะเปิดประตูตู้ออกมา เผยให้เห็นว่าด้านในนั้นมีเด็กสาวอยู่สองคนคนหนึ่งอยู่มัธยมปลาย ส่วนอีกคนอยู่มัธยมต้น
พวกเธอทั้งสองจับมือกันด้วยความกลัว
“หนูชื่ออะไร” รินดาถามเด็กสาวทั้งสองคน
“หนูชื่อ มินนา ค่ะ ส่วนพี่สาวชื่อ มิลลี่” เด็กสาวตัวเล็กสุดกล่าวแนะนำตัวเธอเองและชื่อของเด็กสาวคนโต เธอรู้สึกว่าคุณน้าด้านหน้านั้นทำให้เธอรู้สึกปลอดภัย
“คุณพวกหนูหนีไปจากที่นี่ได้ใช่ไหม” มิลลี่ถามขึ้นมาในทันที เธอโตพอที่จะรู้ว่าที่นี่มันไม่ปลอดภัย ไม่อย่างนั้นตอนแรกเธอไม่พามินนาหนีออกไปนอกโรงเรียน เพราะได้ยินเสียงปืนดังขึ้นมา
“แน่นอน” รินดาตอบ
...
ด้านเรนและพวกอีกสามคน พวกเขามองดูผังของอาคารที่ติดอยู่ที่ข้าง ๆ บันไดทางขึ้น ซึ่งอาคารนี้ดูเหมือนจะถูกใช้เป็นห้องชมรม ห้องเก็บของ และชั้นบนสุดถูกใช้เป็นห้องสมุด
“อาคารนี้อยู่ใกล้กับอาคารที่หลักของโรงเรียน พวกเราขึ้นไปชั้น 3 และมองหาพวกหลินกับรินดาจากที่นั่นกันก่อน” เรนกล่าว คนอื่น ๆ ไม่ได้คัดค้าน พวกเขาจึงพากันวิ่งขึ้นไปยังชั้นสามของอาคารที่เป็นห้องสมุด
ขณะที่ผ่านไปยังชั้นสอง ตอนนั้นเองพวกเขาก็เห็นว่ามีผู้ติดเชื้อเด็กสองคนกำลังกินศพของเด็กคนหนึ่งอยู่
“ขึ้นไปกันก่อน” เรนบอกกับคนทั้งสาม ก่อนที่เขาเตรียมจะจัดการสองผู้ติดเชื้อเด็กนักเรียนคนนี้
ไอรา ผู้กองเชน ลี พากันขึ้นไปที่ห้องสมุดชั้นสาม แต่พอไปถึงพวกเขาก็พบว่าประตูเข้าห้องสมุดมันล็อกอยู่
“เอายังไงดี” ไอราถาม ขณะที่เธอพยายามกระชากประตูให้เปิด
“ฉันจัดการเอง” ผู้กองเชนใช้ค้อนปอนด์ทุบไปที่ลูกบิดประตูจนพลัง แต่ว่าต่อให้ลูกบิดจะพักและประตูไม่ได้ล็อกแล้ว แต่พอจะดันเข้าไปด้านในพวกเขาก็ค้นพบว่ามีของวางขวางกั้นประตูห้องสมุดไว้
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมไม่เข้าไป” เรนที่ตามมาทีหลังถามอย่างสงสัย
“ดูเหมือนด้านในจะมีคนอยู่ พวกเขาเอาของมากั้นประตูไว้” ไอราตอบคำถามของเรน
เรนขมวดคิ้วเดินมาดูที่ประตู ซึ่งสามารถเดินเข้าไปพอให้มองลอดได้เล็กน้อยก็เห็นว่ามีชั้นและตู้ขวางกั้นประตูไว้จริง ๆ
“มีใครอยู่ด้านในไหม เปิดให้พวกเราหน่อย ไม่อย่างนั้นพวกเราจะพังประตูเข้าไป” เรนตะโกนบอก
พวกเขารอฟังเสียงตอบกลับ แต่มันก็เงียบมาก
“พังเลย” เรนบอกกับผู้กองเชน ทั้งสองคนเตรียมจะดันประตูเข้าไป แต่ว่าก็มีเสียงตะโกนมาจากด้านในห้องสมุดพอดี
“ไปซะ! ที่นี่ไม่มีที่พอสำหรับคนอื่นอีกแล้ว” เสียงของชายวัยกลางคนดังขึ้นมา
แต่ว่าตอนนั้นเองก็มีเสียงดิ้นไปมาดังกุกกักและเสียงร้องอู้อี้ของเด็กสาวดังขึ้นมา “ช่วย...ด้วย ๆ”
“เกิดอะไรขึ้น เสียงใครเมื่อกี้นี้” ผู้กองเชนถามด้วยสีหน้าจริงจัง เพราะเขามั่นใจว่ามันต้องมีเรื่องผิดปกติเกิดขึ้นด้านใน
“ไม่มี บอกแล้วไงให้ไปซะ” เสียงของตาลุงวัยกลางคนดังขึ้นมาอีกครั้ง
เรนและผู้กองเชนหันมามองหน้ากันในทันที ก่อนจะช่วยกันกระแทกประตูเข้าไป จนในที่สุดพวกเขาก็เปิดประตูเข้าไปได้สำเร็จ สิ่งแรกที่ทุกคนเห็นก็คือ ชายวัยกลางคนที่แต่งกายด้วยชุดภารโรงกำลังนั่งคร่อมอยู่บนตัวของตัวเด็กนักเรียนสาวอยู่