ตอนที่ 27 ปรมจารย์
ตอนที่ 27 ปรมจารย์
"ฮู้ว—" ห้องเล็กๆของลู่เซิงเปรียบได้กับทุ่งไฟที่ร้อนแรงในตอนนี้
ควันสีขาวรวมตัวเป็นหมอกเต็มห้อง ถ้ามีใครก้าวเข้ามาพวกเขาต้องหลงคิดว่าเข้าไปในห้องอบซาวน่าแน่นอนและลู่เซิงเป็นต้นเหตุของเรื่องนี้
ทุกรูขุมขนบนร่างกายมีไอน้ำกระจุกอยู่หนาแน่นจนเหมือนกำลังถูกต้ม หากมองผ่านไอน้ำกล้ามเนื้อบนร่างกายของลู่เซิงนั่นสั่นเป็นจังหวะอย่างช้าๆราวกับว่ามันกำลังหายใจ
ในไม่ช้า ลู่เซิงก็จบท่าสุดท้าย แต่แทนที่จะลืมตาเขากลับนั่งตัวตรง หน้าอกของเขายุบเข้าและพองออก หมอกควันสีขาวจํานวนมากถูกสูดเข้าจมูกของเขาแล้วพ่นออกทางปาก
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ หมอกควันในห้องก็ค่อยๆหายไป จากนั้นลู่เซิงก็ลืมตาขึ้น
"'เคล็ดหลอมดวงดาว' นี้สมชื่อเคล็ดวิชาสูงสุดในอีก 10,000 ปีต่อมา มันสามารถบีบศักยภาพในร่างกายของฉันออกมาจนหมดได้ หากฉันฝึกต่อไป ฉันอาจจะสามารถสร้างดวงดาวในร่างกายของฉันได้จริงๆ..."
"และ'เคล็ดปราณธรรมชาติ' ก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน มันมีความสามารถในการฟื้นฟูที่ยอดเยี่ยม หากไม่มีเจ้านี่ ผลของการฝึกฝนคงไม่ดีแบบนี้..."
ลู่เซิงกําหมัดแน่นรู้สึกถึงพลังที่ระเบิดออกมาระหว่างนิ้วมือของเขาและเขาก็มีความสุขเล็กน้อย
"ปราณโลหิตก็ควรเพิ่มขึ้นด้วย.... ผลของซุปยาโลหิตเสริมกล้ามเนื้อดีเกินไปด้วยร่างกายปัจจุบัน การดื่มวันละ 2 ชุดก็เพียงพอแล้ว ในตอนนี้ฉันดูดซับได้สูงสุดแค่นี้เท่านั้นและยังเหลืออีก 12 ชุดเพียงพอสําหรับฉันอีก 6 วัน หลังหมดแล้วฉันค่อยหาทางปรุงยาใหม่อีกครั้ง "
"กริ๊ง—" ทันใดนั้นโทรศัพท์ที่เก็บไว้ข้างๆเขาก็ดังขึ้น ลู่เซิงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
"ได้"
"สัปดาห์หน้า" โดยไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายตอบกลับ ลู่เซิงก็วางสายด้วยสีหน้าสงบ
คนที่โทรหาเขาคือชายหนุ่มที่แอบให้เช่าห้องปรุงยา อีกฝ่ายบอกว่าคุณหญิงของห้องโถงซิงซานต้องการเห็นเขา ลู่เซิงตอบตกลง แต่เวลาเป็นครั้งต่อไปที่เขาต้องใช้ห้องปรุงยา
"ฉันต้องตั้งใจฝึกฝน" ลู่เซิงไม่ลืมสิ่งที่เขาแบกไว้บนบ่า
.....
"เป็นไงบ้าง? เขาพูดว่าอะไร?" เหอหลิงซูจ้องมองหม่าเฟยอย่างคาดหวัง
"มานี่! เอาโทรศัพท์มาฉันจะบอกเขาเอง!"
เหอหลิงซูแย่งโทรศัพท์ของหม่าเฟยและก่อนที่เธอจะเริ่มพูด เธอก็ได้ยินเสียงที่ทําอะไรไม่ถูกของหม่าเฟย "เขาวางสายไปแล้ว"
"งั้นก็แค่โทรกลับ" เหอหลิงซูไม่ยอมแพ้ แต่ในไม่ช้าเธอก็ได้ยินเสียงเตือนบนโทรศัพท์ "ไม่สามารถติดต่อได้"
"อ่า—ฉันจะเป็นบ้าอยู่แล้ว!" เหอหลิงซูตีโทรศัพท์ของหม่าเฟยสองครั้งราวกับกําลังระบายอารมณ์โดยมีหม่าเฟยมองอยู่ข้างๆด้วยสีหน้าที่เจ็บปวด
"คุณเหอ จริงๆ แล้วคนคนนั้นสัญญาว่าจะเจอเรา.."
"อะไรนะ?!" ดวงตาที่สวยงามของเหอหลิงซูเปล่งประกาย"จริงเหรอ! เขาสัญญาว่าอะไร? "
"เขาตอบตกลง แต่ต้องเป็นสัปดาห์หน้า"
"สัปดาห์หน้า?" ความตื่นเต้นบนใบหน้าของเหอหลิงซูจางหายไปอย่างรวดเร็ว
"หนึ่งสัปดาห์นานเกินไปและมีตัวแปรมากเกินไป" เหอหลิงซูส่ายหัว ก่อนหน้านี้เธอช้าแค่ครึ่งวันยังล้มเหลวเลยแล้วหนึ่งสัปดาห์จะเหลืออะไร
"คุณเหอ ตอนนี้มันไม่ใช่คําถามว่าเราจะทําได้หรือไม่ แต่ขึ้นอยู่กับอีกฝ่ายเท่านั้น ความคิดริเริ่มอยู่ที่เขา..." หม่าเฟยอธิบายอย่างอดทนกับเหอหลิงซู
"แน่นอนฉันเข้าใจว่าความคิดริเริ่มไม่ใช่ของเรา"
เหอหลิงซูพูดอย่างเย็นชา "แต่ฉันรอนานขนาดนี้ไม่ได้" เหอหลิงซูสั่งหม่าเฟยทันที "จากนี้ไปคุณต้องรับผิดชอบในการช่วยฉันตามหาปรมจารย์คนนั้นยิ่งเร็วเท่าไหร่ยิ่งดีเท่านั้น หากคุณทําสำเร็จฉันจะจ่ายให้คุณ 5,000 หยวนแต่ถ้าสำเร็จล่วงหน้าฉันจะจ่าย 10,000 หยวน! "
"จริงเหรอ?!" เมื่อได้ยินว่ามีเงินหม่าเฟยก็กระตือรือร้นทันที "คุณหญิง คุณต้องรักษาคำพูดด้วย!"
"ฉันเคยผิดคำพูดด้วยหรอ?..." อารมณ์ในปัจจุบันของเธอทั้งตื่นเต้นและประหม่าทั้งใจร้อนและกังวล มันยากที่จะอธิบายความกังวลเกี่ยวกับกำไรและขาดทุนให้คนอื่นฟัง
หม่าเฟยนับจํานวนเงินที่เขาจะได้รับและทันใดนั้นก็จําบางอย่างได้และพูดขึ้นอย่างกังวล "คุณเหอ คุณเข้าใจผิดหรือไม่? คนที่ฉันพามาเป็นแค่เด็กนักเรียน เขาจะเป็นปรมจารย์ปรุงยาได้จริงหรือ?.."
"นักเรียน?..." เหอหลิงซูขมวดคิ้วเล็กน้อยและกระซิบกับตัวเอง "บางทีอาจจะมีปรมจารย์อยู่เบื้องหลังเขา..."
"เข้าใจแล้ว" หม่าเฟยพยักหน้าอย่างเข้าใจ
.....
"ทุนการศึกษา?!"
ที่โต๊ะอาหารค่ำ ลู่ต้าไห่, เจิ้งหยูเฟิ่นและลู่ชิงเหอมองไปที่ลู่เซิงด้วยดวงตาที่เบิกกว้างหลังฟังเรื่องราวของเขา
"ลูกจะบอกว่าซื้อสิ่งนี้มาให้พ่อด้วยทุนการศึกษา?" ลู่ต้าไห่ถืออุปกรณ์คล้ายแท่งสีขาวและถามอีกครั้งด้วยความไม่เชื่อ
"มันเป็นอุปกรณ์สำหรับกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด" ลู่เซิงหยิบเงิน 2,000 หยวนออกมาวางบนโต๊ะ "และผมยังเหลืออีก 2,000 หยวนผมให้เป็นค่าจ่ายอาหารสำหรับแม่"
"ยังเหลืออีกหรอ?!" ลู่ต้าไห่ตกใจและสงสัยว่าดวงตาหรือหูของเขามีปัญหาหรือไม่
เจิ้งหยูเฟิ่นรับ 2,000 หยวนมาไว้ในอ้อมแขนอย่างมีความสุขพร้อมกับกอดลู่เซิงไปด้วย
"ลูกชายของฉันก็ได้รับทุนการศึกษาด้วย! เก่งมาก..."
ลู่ชิงเหอที่อยู่ข้างๆอดไม่ได้ที่จะพึมพํา "ทุนการศึกษาอะไรมีเงินมากขนาดนี้ พี่ได้รับทุนการศึกษาอะไร..."
"'รางวัลสำหรับพัฒนาการ' ค่าปราณโลหิตของฉันเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อเร็วๆนี้ ทำให้ฉันได้รับเลือก" ลู่เซิงพูดโกหกโดยไม่กระพริบตา
แต่เห็นได้ชัดว่าลู่ชิงเหอไม่เชื่อและอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่หลังจากเผชิญหน้ากับดวงตาของลู่เซิง เธอก็ปิดปากเงียบ
ส่วนลู่ต้าไห่และเจิ้งหยูเฟิ่นเชื่ออย่างสนิทใจ เพราะสิ่งสําคัญคือการเปลี่ยนแปลงครั้งล่าสุดของลู่เซิงนั้นชัดเจนมากโดยเฉพาะความอยากอาหารที่เพิ่มขึ้น!
การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ล้วนอยู่ในสายตาของพวกเขาแล้วพวกเขาจะสงสัยอะไรอีก
"ควรเก็บเงินนี้ไว้ซื้อยาเสริมร่างกายไม่ดีกว่าหรอ.. เอามาซื้ออุปกรณ์แบบนี้..."
" โอ้ย จะเป็นอะไรนักหนาแค่ลูกชายของฉันได้ทุนการศึกษาครั้งแรก เขาจะซื้อของขวัญให้คุณไม่ได้หรือไง? นอกจากนี้ คุณไม่ได้บอกว่าปวดหลังหรือแค่ใช้มัน"
"ต่อให้ดีแค่ไหน..." ลู่ต้าไห่เสียใจบนใบหน้า แต่ความจริงในใจของเขามีความสุขมาก หลังกินอาหารเสร็จ เขาหยิบอุปกรณ์กระตุ้นเลือดและวิ่งไปที่โซฟาคนเดียว
ส่วนเจิ้งหยูเฟิ่นก็ยิ้มนับเงิน 2,000 หยวนซ้ำแล้วซ้ำเล่าและพึมพัมว่าจะเก็บไว้ให้ลู่เซิงใช้ที่มหาลัยในอนาคต ลู่เซิงเห็นทั้งหมดนี้ในสายตา จิตใจของเขานั้นเงียบสงบและชัดเจนไร้ม่านหมอก เหตุผลที่เขาฝึกฝนอย่างหนักก็เพียงเพื่อทำให้ครอบครัวของเขามีชีวิตที่ดีขึ้น
ให้พ่อพักผ่อนสบายมากขึ้น ให้แม่ไม่ต้องกังวลเรื่องเงินทุกวัน ให้น้องสาว... ลู่เซิงหันหัวของเขาและเหลือบมองลู่ชิงเหอ
ลู่ชิงเหอซึ่งกําลังแอบมองเขาอย่างลับๆ หลังจากสังเกตเห็นลู่เซิงหันมา เธอก็เบี่ยงหน้าหนีทันทีและแสร้งทําเป็นไม่สนใจ
ส่วนลู่ชิงเหอไว้ค่อยพูดถึงเรื่องนี้เมื่อเธอมีวุฒิภาวะมากกว่านี้