ตอนที่ 20-30 โองการจอมเทพ
เมื่อบุรุษผมสีเพลิงคว้ากระดาษชิ้นสีเขียวได้และกวาดตามอง สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที
บุรุษชุดดำเมื่อเห็นสถานการณ์ก็รีบบินหนีไปด้วยความเร็วสูงทันที
“ครั้งนี้ถือว่าเจ้าโชคดี” บุรุษผมสีเพลิงชำเลืองมองบุรุษชุดดำ แต่หน้าของเขายังคงยิ้มด้วยความตื่นเต้น “นี่..นี่คือโองการจอมเทพหรือนี่?” บุรุษผมสีเพลิงลูบโองการจอมเทพ เขาสามารถรู้สึกได้ว่ากระดาษสีเขียวยังแฝงไปด้วยกลิ่นอายไม่ธรรมดา และเขารู้สึกดีใจอย่างช่วยไม่ได้
เขาไม่มีอะไรมากไปกว่าอสูรเจ็ดดาวคนหนึ่งแต่ยังไม่ถึงระดับผู้บัญชาการ
“เพราะมันไม่เสียหายในมิติปั่นป่วน..กระดาษนี้ย่อมไม่ธรรมดาแน่นอน เป็นไปได้ว่ามีแต่จอมเทพจึงจะสร้างกระดาษที่ไม่ธรรมดานี้ได้” บุรุษผมสีแดงเพลิงไตร่ตรอง “ดูเหมือนข้อมูลจะเป็นเรื่องจริง อืมมม ถ้าข้าเอาของนี้ไปเสนอให้มหาเทพ ข้าควรจะต้องเลือกมหาเทพผู้ทรงพลัง บรรพบุรุษของตระกูลออกุสตา ประมุขมหาเทพแห่งแสง ใช่แล้ว นั่นคือที่ๆ ข้าจะไป!”
โองการจอมเทพเป็นของไม่มีประโยชน์สำหรับเขา แต่ถ้ามอบให้มหาเทพ ก็จะได้รับประโยชน์ยิ่งใหญ่
เขาไม่ลังเลอีกต่อไป บุรุษผมสีแดงเพลิงมุ่งหน้าไปยังเกาะโอไมท์แห่งทะเลก็อดโกล
เกาะโอไมท์มีวิหารสูงถึงหมื่นเมตร
“ศิลาเพลิงขาว นั่นสร้างมาจากศิลาเพลิงขาวล้วนๆ! ตระกูลออกุสตามีชื่อสมกับเป็นตระกูลอันดับหนึ่งในจักรวาลจริงๆ เฉพาะวิหารนี้เท่านั้นก็เป็นสมบัติประมาณค่ามิได้” บลันเนอร์ถอนหายใจชื่นชม ขณะที่เขามองดูวิหารเจิดจรัสใจกลางเกาะโอไมท์
นักรบของตระกูลออกุสตากำลังนำทางจากด้านข้าง
“บลันเนอร์, เมื่อเจ้าเข้าไปในวิหารเจิดจรัสอย่ามองเลิ่กลั่ก มีคนสำคัญอยู่มากที่อาศัยอยู่ในวิหาร ถ้าเจ้าล่วงเกิน พวกเขาอาจฆ่าเจ้าได้” นักรบผมขาวที่อยู่ใกล้พูดกระซิบ “นอกจากนี้,เจ้าพูดว่าเจ้ามีสมบัติสำคัญจะนำเสนอต่อประมุขตระกูล เจ้าต้องเสนอด้วยตนเอง ถ้าเจ้าหลอกลวงประมุขตระกูล เจ้าจะถูกตัดสินโทษ”
ในตระกูลออกุสตา มียอดฝีมือระดับเจ้าแคว้นและผู้บัญชาการอยู่มาก
สำหรับอสูรเจ็ดดาวมีอยู่หลายคน แม้ว่าตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ในช่วงเวลาที่รุ่งเรืองที่สุดก็ยังมีผู้อาวุโสระดับอสูรเจ็ดดาวประมาณสองสามร้อยคน แต่ตระกูลออกุสตามีระดับที่สูงกว่าตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ ที่สำคัญคือนอกจากยอดฝีมือประจำตระกูลแล้ว พวกเขายังมียอดฝีมือที่เกี่ยวข้องอีกจำนวนมาก
“ไม่ต้องห่วง ไม่ว่าข้าจะกล้าหาญเพียงใด ข้าไม่กล้าหลอกลวงประมุขตระกูลออกุสตาแน่” บลันเนอร์หัวเราะเบาๆ
เขามีความมั่นใจมาก ถ้าแม้แต่โองการจอมเทพไม่ถือว่าเป็นของมีค่าแล้ว แล้วอะไรจะมีค่าได้?
ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปตามที่บลันเนอร์คาด ประมุขตระกูลออกุสตาโกลด์แมนผู้มีความหยิ่งและเย็นชา แต่เมื่อเห็นเครื่องรางจอมเทพ เขาถึงกับตื่นเต้นทันที เขาสาบานว่าตระกูลออกุสตาจะให้รางวัลเขาแน่นอน ขณะนั้นเองประมุขโกลด์แมนเผากระดาษชิ้นหนึ่งซึ่งมีอักษรรูนเต็มไปหมด เพื่อแจ้งประมุขมหาเทพ
“จำเอาไว้ ในช่วงเวลาสั้นๆ อย่าส่งเสียง เมื่อมหาเทพอนุญาตให้เจ้าพูด นอกจากขณะคุกเข่าแล้วอย่าเงยหน้ามองประมุขมหาเทพ” หลังจากเผากระดาษอักษรรูนแล้ว โกลด์แมนรีบออกคำสั่ง
“ขอรับ, ท่านประมุขตระกูล” บลันเนอร์ทั้งกังวลทั้งตื่นเต้น นี่เป็นครั้งแรกของเขาที่จะได้เห็นมหาเทพ!
ขณะนี้เองรัศมีพลังมหาเทพธาตุแสงที่ทรงพลังปรากฏภายในห้องโถงใหญ่ของวิหารเจิดจรัส พลังของมหาเทพธาตุแสงกล้าแข็งรวมตัวกันเป็นรูปร่างจากนั้นกลายเป็นรูปมนุษย์คนหนึ่ง มนุษย์ผู้นี้สวมชุดชาวสีขาวลวดลายสีทอง
“ท่านมหาเทพ” บลันเนอร์คุกเข่าทันทีและกดหน้าผากแนบพื้นด้วยอาการแสดงความเคารพ
“ท่านพ่อ” ประมุขโกลด์แมนคำนับแสดงความเคารพ
“โกลด์แมน! เจ้าต้องการอะไร?” เสียงอบอุ่นชัดเจนดังขึ้น
“คนพูดเป็นมหาเทพหรือ? มหาเทพดูคล้ายอะไรกันแน่?” บลันเนอร์รู้สึกกระวนกระวายใจมากขณะที่เขาคิดอย่างต่อเนื่อง
โกลด์แมนมองบิดาด้วยความเคารพ ประมุขมหาเทพแห่งแสงสูงส่งและแข็งแกร่ง ชุดยาวสีขาวที่หลวมปิดบังกล้ามเนื้อของเขาผมสีทองยาวเป็นประกายเหมือนกับดวงอาทิตย์ ผิวของเขาขาวมาก มองดูคล้ายหยกใส เขาไม่มีผมที่หน้า ขากรรไกรล่างของเขาดูเรียบเนียน แต่คิ้วของเขาสีทองเหมือนผม
คิ้วสีทองลู่ลงมาจากขมับของเขา
สายตาของประมุขมหาเทพอ่อนโยนเป็นกันเอง แต่ขณะที่ยืนอยู่กับที่นั้นเขาทำให้คนอื่นรู้สึกว่าพวกเขากำลังเผชิญหน้ากับจักรวาลเอกภพ
“ท่านพ่อ, นี่คือบลันเนอร์ เขาต้องการเสนอสมบัติ เมื่อข้าเห็นสมบัตินี้ข้าจึงได้อัญเชิญท่านพ่อทันที” โกลด์แมนเอากระดาษสีเขียวออกมา “กระดาษนี่สมควรเป็นโองการจอมเทพ”
“โองการจอมเทพ?”
สายตาที่อ่อนโยนแต่เดิมของประมุขมหาเทพแห่งแสงคมกล้าขึ้นทันที ดวงตาเพ่งมองกระดาษเขียวนั้นราวกับลูกธนูสองดอก
“แครก, แครก..”
ดาบแสงไร้ลักษณ์กระทบเข้าที่กระดาษจนปลิวกระเด็นออกไป แต่กระดาษเขียวก็ยังคงไม่เป็นอะไร
“ฮ่าฮ่า, โกลด์แมน เจ้าทำได้ดี นี่เป็นไปได้มากว่าจะต้องเป็นโองการจอมเทพ” ขณะที่พูดประมุขมหาเทพแห่งแสงยื่นมือออก และกระดาษสีเขียวลอยมาอยู่ในมือของเขา ประมุขมหาเทพแห่งแสงอ่านกระดาษสีเขียวและขณะที่เขาอ่าน รอยยิ้มปรากฏอยู่บนใบหน้าของเขาอีกครั้ง
“โอว.. เป็นของจริง”
มหาเทพแห่งแสงเห็นโองการจอมเทพมาหลายครั้งแล้ว เขาสามารถตัดสินได้ทันทีว่าเป็นของแท้
ประมุขมหาเทพแห่งแสงกวาดตามองบลันเนอร์ที่ยังคุกเข่าอยู่กับพื้น เขายิ้มและกล่าว “ลุกขึ้นพูดเถอะ” “ขอบคุณมหาเทพ” บลันเนอร์ตื่นเต้นจนตัวสั่น เขารีบลุกขึ้นยืน แต่เขายังคงยืนค้อมตัว
“เจ้าได้รับโองการจอมเทพนี้มาจากที่ไหน?” ประมุขมหาเทพแห่งแสงถาม
“เรียนท่านมหาเทพ,เมื่อข้ากำลังสู้กับอีกคนหนึ่ง เกิดรอยแยกมิติและโองการจอมเทพนี้ปลิวออกมาจากรอยแยก ข้าบังเอิญได้รับมาอย่างนั้นจุดที่เราต่อสู้นั้นอยู่ในกลางอากาศเหนือทะเลก็อดโกล” บลันเนอร์ไม่กล้าเงยหน้าจ้องมองมหาเทพโดยตรง ดังนั้นเขายังคงก้มหน้าต่อไป สายตาของเขาเพียงแต่มองเห็นชุดยาวเท่านั้น
ประมุขมหาเทพแห่งแสงเมื่อได้ยินเช่นนี้ก็เริ่มยิ้มกว้างมากขึ้น
“ฮ่าฮ่า จอมเทพแห่งวิถีชีวิตผู้ทรงอานุภาพ..อย่างนั้นท่านก็ตั้งใจส่งโองการจอมเทพมายังโลกธาตุแสงศักดิ์สิทธิ์ของข้าสินะ ดูเหมือนภารกิจจอมเทพมีมาเพื่อให้ข้าทำได้สำเร็จอีกครั้ง” ประมุขมหาเทพแห่งแสงอดหัวเราะไม่ได้
ประมุขมหาเทพแห่งแสงก็รู้ดีเช่นกัน!
เนื่องจากมิติปั่นป่วนกว้างใหญ่ไพศาลไร้ขอบเขต ถ้าใครบางคนหรือบางอย่างตกเข้าไปในนั้นคงเป็นไปไม่ได้แน่นอนที่สิ่งนั้นหรือคนผู้นั้นจะเคลื่อนไหวไปตามต้องการด้วยตนเอง เว้นแต่คนที่มีความสามารถของมหาเทพ ถึงจะเคลื่อนไหวได้ตามต้องการ สำหรับเทพชั้นสูง ต่อให้เป็นพารากอนก็ตาม เมื่อพวกเขาตกเข้าไปในมิติปั่นป่วนพวกเขาจะพบว่ายากจะเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ
ในเมื่อเป็นเช่นนั้นก็คงเป็นเรื่องที่ยากสำหรับพวกเขาที่จะเคลื่อนเข้าไปใกล้ขอบเขตพิภพต่างๆ
แม้ว่าพวกเขาจะเข้าไปใกล้ขอบพิภพ แต่พวกเขาจะโชคได้พบรอยแยกมิติต่อไปได้อย่างไร
ดังนั้นโดยทั่วไปเมื่อสุดยอดฝีมือถูกขับเข้าไปในมิตินั้น ต่อให้ผ่านไปล้านล้านปีบางทีพวกเขายังไม่สามารถหลบหนีออกมา
อย่างไรก็ตามภารกิจจอมเทพถูกจอมเทพสร้างขึ้นมา จอมเทพจะยอมให้โองการคำสั่งของพวกเขาอยู่ในมิติปั่นป่วนได้อย่างไร? ดังนั้นจอมเทพสามารถจัดการเพื่อที่ว่าแม้โองการจอมเทพจะตกลงไปในมิติปั่นป่วน แต่จะกลับมาปรากฏในพิภพอื่นอย่างรวดเร็ว และตอนนี้...โองการจอมเทพมาปรากฏอยู่ในโลกธาตุแสงศักดิ์สิทธิ์
เป็นเรื่องธรรมดาที่ประมุขมหาเทพแห่งแสงเชื่อว่าจอมเทพตั้งใจจะช่วยเขา!
“เจ้าทำได้ดีมาก” ประมุขมหาเทพแห่งแสงมองดูบลันเนอร์จากนั้นยิ้ม “โอมานตายแล้ว ข้าเพิ่งจะขาดทูตมหาเทพ อย่างนั้นเจ้าจงเป็นทูตมหาเทพ”
บลันเนอร์ตื่นเต้นจัดจนหน้าแดง “ข้าจะได้เป็นทูตมหาเทพหรือนี่? ข้าจะกลายเป็นทูตมหาเทพแล้ว?” บลันเนอร์รู้สึกเหมือนกับว่าอยู่ในความฝัน เขาไม่อยากจะเชื่อ จากอสูรเจ็ดดาวธรรมดาได้เป็นทูตภายใต้การปกครองของประมุขมหาเทพแห่งแสงผู้ทรงอานุภาพ...สถานะของเขาได้ยกระดับอย่างยิ่งใหญ่ และเขาจะได้รับสมบัติมหาเทพ!”
“รีบคุกเข่า” ประมุขโกลด์แมนรีบบอกทางใจ
บลันเนอร์ค่อยรู้สึกตัว จากนั้นรีบคุกเข่า “ขอบคุณ ท่านมหาเทพ”
“อืม” ประมุขมหาเทพแห่งแสงพยักหน้าเล็กน้อย
“ท่านพ่อ” ประมุขโกลด์แมนคำนับและกล่าว “ความจริงข่าวโองการจอมเทพเริ่มแพร่กระจายมาได้สักพักหนึ่งแล้ว”
“เหรอ?” ประมุขมหาเทพแห่งแสงสงสัย
“ข่าวเพียงแต่แพร่กระจายอยู่ในแดนนรก ข้าเพิ่งรู้มาเมื่อเร็วๆ นี้” โกลด์แมนรีบกล่าว “ข้อมูลนั้นอธิบายรายละเอียดถึงของสามอย่าง ไม่มีความแตกต่างกันระหว่างข้อมูลนั้นและโองการจอมเทพ เพียงแต่มีจุดพิเศษสองสามจุด ข่าวบอกว่าหนึ่งในเครื่องรางทั้งสามมุกวิญญาณที่ระบุไว้ในโองการจอมเทพอยู่ในความครอบครองของเทพพารากอนชื่อลินลี่ย์ ข่าวนี้ทำให้เกิดความปั่นป่วนใหญ่ในแดนนรก แต่หลังจากนั้นก็เชื่อว่าเป็นข่าวลวง”
ประมุขมหาเทพแห่งแสงเลิกคิ้ว “ลินลี่ย์?”
“ใช่แล้ว, ลินลี่ย์” โกลด์แมนรีบกล่าว
“ดูเหมือนว่าจะมีปัญหาบางอย่างเกี่ยวกับความจริงของข่าวนี้” ประมุขมหาเทพแห่งแสงหัวเราะอย่างเยือกเย็น “ข้อมูลนั้นที่ว่าโองการจอมเทพอยู่ในมือของลินลี่ย์ แต่ในความเป็นจริงกลับลอยออกมาจากมิติปั่นป่วนเข้ามาในโลกธาตุแสงศักดิ์สิทธิ์และตกมาอยู่ในมือของข้า ดูเหมือนคนที่สร้างข่าวขึ้นมาต้องการจะทำร้ายลินลี่ย์”
แต่โกลด์แมนรีบกล่าว “ท่านพ่อ ข้ากลับเชื่อตรงกันข้ามว่ามีความเป็นไปได้มากว่าโองการจอมเทพอยู่ในเงื้อมมือของลินลี่ย์ แต่เขาสร้างรอยแยกมิติและจงใจโยนเข้าไปในมิติปั่นป่วน ไม่มีประโยชน์ใดที่จะเก็บโองการจอมเทพไว้ ที่สำคัญในเมื่อมีคนรู้ข้อมูลในโองการจอมเทพนั้น”
ประมุขมหาเทพแห่งแสงพยักหน้าเล็กน้อย
“ข้อคิดเห็นของเจ้ามีความเป็นไปได้” ประมุขมหาเทพแห่งแสงครุ่นคิดชั่วครู่
โกลด์แมนรีบพูด “ท่านพ่อข้อมูลเกี่ยวกับเครื่องรางจอมเทพแพร่กระจายไปทั่วแดนนรกแล้ว แต่นั่นถูกมองว่าเป็นข้อมูลเท็จ ตอนนี้ดูเหมือนข้อมูลกระจ่างชัดแล้วว่าเป็นความจริง นั่นหมายความว่าบางทีลินลี่ย์อาจจะได้รับมุกวิญญาณทั้งเก้าและเครื่องรางจอมเทพไว้จริงๆ แต่แน่นอนว่าโองการจอมเทพไม่ได้อยู่ในมือของลินลี่ย์ในตอนนี้ อย่างไรก็ตามมุกวิญญาณทั้งเก้าต้องอยู่ในมือของเขาแน่นอน”
“ข้าคาดไม่ถึงเลยว่าเราจะสามารถหาเบาะแสหนึ่งในสามเครื่องรางได้เร็วนัก” ประมุขมหาเทพแห่งแสงยิ้มและพยักหน้า
“ท่านพ่อ, ข้ามีข่าวเพิ่มเติมบอกท่าน เมื่อสองสามเดือนที่แล้วเชกวินถูกลินลี่ย์ขับเข้าไปในมิติปั่นป่วน” โกลด์แมนรีบรายงาน “แต่ปัญหาใหญ่ก็คือเชกวินไม่ได้ทิ้งร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ไว้ในโลกภายนอก” ความเร็วที่หน่วยข่าวกรองของตระกูลออกุสตาส่งมานั้นรวดเร็วมาก
“นี่มันอะไรกัน?เกี่ยวข้องกับลินลี่ย์ผู้นี้อีกแล้วหรือ?” ประมุขมหาเทพแห่งแสงอดขัดเคืองมิได้
“เกี่ยวข้องกับเครื่องรางที่สามเพชรกระจับแดง” โกลด์แมนรีบรายงาน
“โอว เป็นเครื่องรางอีกชิ้นหรือ?” ประมุขมมหาเทพแห่งแสงรู้สึกหงุดหงิด
เขาไม่สนใจความเป็นความตายของเชกวิน แต่เครื่องรางทั้งสามล้วนดึงดูดความสนใจจากเขา
“แม้ว่าเชกวินจะได้เพชรกระจับแดง และไปยั่วโมโหลินลี่ย์แต่ก็พบว่าเพชรกระจับแดงเป็นของปลอม เพราะเชกวินไปล่วงเกินเขา ลินลี่ย์บันดาลโทสะขับเชกวินเข้าไปในมิติปั่นป่วน” โกลด์แมนรีบรายงาน
“โอว” ประมุขมหาเทพแห่งแสงอดให้ความสนใจเรื่องนี้มิได้
ปกติมหาเทพจะไม่เข้าแทรกแซงการต่อสู้ของพวกเทพ
“โกลด์แมน, ลินลี่ย์เป็นคนยังไง?” ประมุขมหาเทพแห่งแสงถามทันที
โกลด์แมนตอบทันที “ท่านพ่อ, ลินลี่ย์นับได้ว่าเป็นอัจฉริยะ เขาเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งของตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์หลังจากสร้างชื่อในแดนนรกได้ไม่นาน เขาเข้าสู่สงครามมหาพิภพเขาเกือบถูกแม็กนัสฆ่าตาย แต่ลินลี่ย์กลับบรรลุพลังระดับใหม่ในช่วงใกล้เป็นใกล้ตายและกลายเป็นเทพพารากอน ระหว่างสงครามตัดสินของสงครามมหาพิภพเขาขับแม็กนัสเข้าไปในมิติปั่นป่วนได้ นอกจากนี้ลินลี่ย์ยังมีสัมพันธ์ที่ดีกับเบรุต หนึ่งในลูกหลานของเบรุตคนหนึ่งชื่อ ‘บีบี’ สนิทกับลินลี่ย์เหมือนกับเพี่น้องที่แท้จริง”
“มีสัมพันธ์ที่ดีกับเบรุต?” ประมุขมหาเทพแห่งแสงพูดเย็นชา “ทันทีที่ได้ยินชื่อเบรุตข้าก็อยากจะฆ่าเขาเสียแล้ว” ดวงตาของประมุขมหาเทพแห่งแสงมีแววอำมหิตปรากฏ
“ต่อให้เจ้ากล้ามากกว่าเบรุตสิบเท่า เขาก็คงไม่กล้าเข้ามาในโลกธาตุแสงศักดิ์สิทธิ์ของเรา เขาคงกล้าแต่เพียงซ่อนตัวอยู่ในแดนนรกเท่านั้น” โกลด์แมนหัวเราะทันที
ถ้าลินลี่ย์ได้ยินคำพูดนี้ เขาคงตะลึงเป็นแน่ เห็นได้ชัดว่าเบรุตไม่ให้ความสำคัญกับการเดินทางไปโลกธาตุแสงศักดิ์สิทธิ์แม้แต่น้อย เขาโกหกลินลี่ย์เมื่อเขาบอกว่าเขาไปพบประมุขมหาเทพแห่งแสง
“แดนนรก ข้าไม่ได้ไปที่นั่นมานานแล้ว”
ประมุขมหาเทพแห่งแสงเตรียมจากไปทันที
“ท่านพ่อ! แม้ว่าลินลี่ย์อาจจะมีมุกวิญญาณทั้งเก้าเม็ดก็จริง แต่มหาเทพอื่นก็สืบเรื่องนี้ไว้แล้ว และพวกเขาพูดว่าลินลี่ย์อาจไม่มีมุกวิญญาณก็ได้” โกลด์แมนรีบบอก
“แม้ว่าจะมีโอกาสเพียงน้อยนิด แต่เราไม่อาจปล่อยให้หลุดมือไปได้ ข้ายินยอมฆ่าผิดคนพันคนดีกว่าปล่อยให้รอดคนเดียวโดยไม่ตั้งใจ”
ประมุขมหาเทพแห่งแสงพูดอย่างใจเย็น “ยิ่งกว่านั้นเขาเป็นคนของตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ และมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเบรุต” หลังจากพูดเสร็จ ประมุขมหาเทพแห่งแสงหายตัวไปทันที
โกลด์แมนอดยิ้มมิได้ เขารำพึงกับตนเอง “ฆ่าผิดคนพันคนดีกว่าปล่อยให้รอดคนเดียวโดยไม่ตั้งใจ?”