ตอนที่ 20-29 โปรดอย่าถือสา
“เพชรกระจับแดงนี้เป็นของปลอมจริงๆ! เชกวินลอยตัวนิ่งอยู่กับที่ในกลางอากาศ ชุดเขียวยาวของเขาโบกสะบัด กล้ามเนื้อหางตาของเขากระตุก เขาอดก้มหน้ามองดูศพของโบรดีในท่ามกลางป่ามิได้ ”ข้อมูลที่ปราสาทอสูรรับรองเป็นความจริง..ไม่น่าจะปลอมแน่นอน ข้าตรวจสอบมาด้วยตนเองเช่นกัน และชาวเผ่าล็อตเตก็มีหลักฐานพิสูจน์เช่นกัน! ดังนั้น เพชรกระจับแดงเป็นสมบัติแน่นอน อย่างนั้นของจริงอยู่ที่ไหน?”
เชกวินรวบรวมข่าวกรองไว้มาก
“ใต้เท้า,ศพของโบรดีมีประกายเทพเดียวอยู่ในร่างเท่านั้น เราตรวจสอบก่อนหน้านั้นแล้ว เขามีร่างแยกมากกว่าหนึ่งร่าง เพชรกระจับแดงของแท้ต้องถูกร่างดั้งเดิมของเขาเอาไปด้วยแน่” อสูรเจ็ดดาวที่ยืนอยู่ด้านหลังเชกวินส่งสำนึกเทพบอกเขา
“ข้ารู้!” ตาของเชกวินเต็มไปด้วยความดุร้ายขณะที่เขาแค่นเสียงเย็นชา
เชกวินไม่โง่ แน่นอนว่าเขารู้ว่าโบรดีมีแผนการอะไรอยู่ แดนนรกมีเทียมเทพและเทพแท้นับไม่ถ้วน สำหรับพวกเขาบางคนใช้ประกายเทพมาเพื่อยกระดับเป็นเทพชั้นสูงนั้นไม่มีอะไร มีเทพมากมายผู้ต้องการรุ่งเรืองในระยะเวลาสั้นแม้อาจจะต้องตายก็ตาม ตราบเท่าที่จะทำให้มีชื่อเสียงโด่งดัง!
พวกเขาไม่อยากตายไปอย่างเงียบงัน ความตายที่ไม่มีใครรู้ในการต่อสู้กับพวกโจรหรืออย่างอื่นเป็นความตายที่ไร้ค่า
ความตายของโบรดีเป็นเหตุให้อสูรเจ็ดดาวที่นี่ล้วนจดจำเขา
“เขาสละร่างแยกศักดิ์สิทธิ์และหลอกล่อยอดฝีมือกลุ่มใหญ่ได้ ฮึ่ม..บางทีเขาตั้งใจจะดึงดูดความสนใจให้เรามาที่นี่และคอยจับตาที่นี่ ขณะที่ร่างหลักของเขาพาภรรยาของตนหนีไปที่อื่น” แม้แต่เชกวินก็ยังโกรธ เขาจดจำชื่อของโบรดีไว้ในใจ
ความจริงถ้าร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ของโบรดีทำลายแหวนเก็บสมบัติ เนื่องจากพลังของเชกวินเมื่อเขาสงบใจลงได้ บางทีเขาคงจะคาดเดาความจริงได้! นอกจากนี้ ข่าวว่าโบรดีมีร่างแยกศักดิ์สิทธิ์คนเผ่าล็อตเตก็รับรองไว้ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องง่ายที่จะสันนิษฐานได้ว่าร่างหลักของโบรดีเอาเพชรกระจับแดงหนีไป ถ้าเขารู้ตัวว่าเขาต้องตาย เขาจะพกเพชรกระจับแดงไว้กับตัวเองให้เสียของหรือ?
เนื่องจากเขาไม่สามารถหลบเลี่ยงพวกเขาได้ ทำไมไม่จงใจทิ้งแหวนและใช้มันหลอกล่อยอดฝีมือเหล่านี้เล่า?”
“ข้าโดนโบรดีทำร้ายสาหัสเลยทีเดียว” เชกวินรู้สึกขมขื่นในใจ เขาอดชำเลืองมองลินลี่ย์และบีบีที่อยู่ไกลๆไม่ได้ “ถ้าข้าได้รับเพชรกระจับแดง จากนั้นไม่ว่าข้าจะล่วงเกินลินลี่ย์ยังไงก็ตาม แต่ข้าก็ไม่สนใจ ... ด้วยอารมณ์ของลินลี่ย์ บางทีเขาคงไม่ปล่อยข้าง่ายๆ”
ก่อนหน้านี้แม้ว่าลินลี่ย์และเชกวินจะมีข้อพิพาทในสมรภูมิมหาพิภพแต่นักสู้หลักบนเวทียังเป็นลินลี่ย์กับแม็กนัส ส่วนเชกวินและโอมานเป็นแค่ตัวประกอบ ดังนั้นก่อนหน้าวันนี้ ลินลี่ย์จึงไม่ได้รู้สึกขัดเคืองอะไรกับเชกวินนักและไม่สนใจจะลงมืออำมหิตต่อเขา
เชกวินเข้าใจเรื่องนี้ดีซึ่งเป็นเหตุผลให้เมื่อเขาเห็นลินลี่ย์เขาไม่หนี
แต่บัดนี้...สถานการณ์เปลี่ยนไป!
“ข้าเย้ยหยันดูถูกเขาโดยตรง...แล้วเขาจะทำอะไรกันแน่?” เชกวินกังวล เขาต้องการหนีทันที แต่ตอนนี้ลินลี่ย์และบีบีไม่สนใจเขาอย่างเห็นได้ชัด ถ้าเขาหนีทันที เขาคงจะดึงดูดความสนใจจากลินลี่ย์และโดนลินลี่ย์ไล่กวดทันที
ดังนั้นเชกวินแค่ยืนนิ่งกับที่เงียบๆ หวังว่าลินลี่ย์จะไม่ให้ความสนใจเขา เขาจะรอให้ลินลี่ย์จากไป!
และโดยอาการอย่างนี้เชกวินลอบจับตาดูลินลี่ย์และบีบีที่อยู่ไกลๆ
ไม่เพียงแค่เชกวินเท่านั้น แม้แต่อสูรหกดาวและเจ็ดดาวทุกคนร้อยกว่าคนก็ยังจับตาดูลินลี่ย์เช่นกัน พวกเขาทุกคนต้องการรู้...ว่าลินลี่ย์จะแก้แค้นเชกวินอย่างไร!
“ไปกันเถอะ!” คำพูดของลินลี่ย์ทำให้เชกวินรู้สึกดีใจแทบคลั่ง
“ใต้เท้า,ท่านทั้งสองจะไปเดี๋ยวนี้เลยหรือ” อสูรเจ็ดดาวทั้งสองคนดีใจเช่นกัน พวกเขาระบายลมหายใจโล่งอก
“พี่ใหญ่, เราจะจากไปทั้งอย่างนี้หรือ?” บีบีอดพูดขึ้นไม่ได้
“โอว..จริงสิ ข้าเกือบลืมเรื่องบางอย่างไป” ลินลี่ย์กำลังจะจากไป จากนั้นเขายิ้มและหันมามองเชกวินในที่ห่างไกล “บีบี! ดีนะที่เจ้าเตือนข้า ข้าเกือบลืมเรื่องนี้ไปแล้ว บีบี เมื่อครู่นี้ใครพูดกับเราว่าถ้าข้ามีความสามารถ ให้ข้าขับเขาเข้ามิติปั่นป่วนได้เลย?”
บีบีได้ยินเช่นนี้ก็ถอนหายใจพร้อมกับอธิบาย “พี่ใหญ่, จะเป็นใครไปได้เล่า? แน่นอนย่อมต้องเป็นท่านเชกวินผู้กล้าหาญของเรา..นอกจากเขาแล้ว จะมีคนอื่นสักกี่คนที่กล้าเข้ามิติปั่นป่วน?”
คำถามของลินลี่ย์และบีบีและคำตอบทำให้เชกวินที่อยู่ห่างไกลสีหน้าเปลี่ยนไปทันที
“หนี!” เชกวินส่งสำนึกเทพบอกทันที
ทันใดนั้นในท้องฟ้าเหนือเทือกเขาเนวิลล์เชกวินและอสูรเจ็ดดาวทั้งสองที่รับใช้เขาแยกย้ายหนีไปด้วยความเร็วสูง
“ควั่บ!”
ร่างพร่ามัวเหมือนภาพฝันหลายรูปกระพริบวาบอยู่ในท้องฟ้าและจากนั้นร่างพร่าเลือนร่างหนึ่งปรากฏอยู่ข้างเชกวิน มีเสียงดังปัง ความรู้สึกในร่างของเชกวินชะงักจากนั้นเขาถูกกระแทกกระเด็นถอยหลัง แต่แล้วในพริบตาร่างเลือนรางมาปรากฏอยู่ต่อหน้าเชกวิน
“ท่านเชกวิน, เจ้าตั้งใจจะไปไหน ไม่ร่ำลากันสักคำเลยหรือ?” หน้าของลินลี่ย์ยังคงยิ้มขณะเขามองดูเชกวิน
แต่เชกวินเห็นแววเย็นชาในสายตาของลินลี่ย์
เป็นไปได้ยังไงที่ลินลี่ย์จะยอมปล่อยเชกวินไป เนื่องจากสิ่งที่เชกวินเพิ่งทำลงไป? ถ้าเขาปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปลินลี่ย์จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?
ตัวอย่างเช่นมหาเทพอาจไม่ต้องการเข้าแทรกแซงเรื่องของพวกเทพ แต่ถ้าเทพตนหนึ่งกล้าเยาะเย้ยดูถูกมหาเทพหรือแทรกแซงเรื่องสำคัญของมหาเทพหรือละเมิดศักดิ์ศรีของมหาเทพ มหาเทพนั้นคงไม่ไว้ชีวิตคนที่ล่วงละเมิดง่ายๆ สถานะของลินลี่ย์อย่างเดียวในฐานะสุดยอดฝีมือในหมู่เทพ ทำให้เขาไม่ยอมปล่อยให้คนอื่นดูถูกดูหมิ่นเขาได้!
“ลอร์ดลินลี่ย์” เชกวินฝืนยิ้ม “ข้า..ข้าสับสนไปครู่หนึ่ง”
“เจ้าไม่ได้สับสน” ลินลี่ย์ส่ายศีรษะซ้ำๆ “เจ้าสับสนเรื่องอะไร? เจ้าเป็นคนฉลาดอยู่แล้ว! เจ้าพูดออกมาเองไม่ใช่หรือ? ต่อให้ข้าขับเจ้าเข้ามิติปั่นป่วนมหาเทพแห่งแสงผู้ทรงพลานุภาพจะเข้าขัดขวางและช่วยเหลือเจ้า”
หน้าของเชกวินบิดเบี้ยวน่าเกลียด
ประมุขมหาเทพแห่งแสงจะช่วยเขาหรือ?
นั่นคงจะเป็นเพราะเขาถือเพชรกระจับแดงเพื่อประโยชน์จะให้ได้เครื่องรางจอมเทพ ประมุขมหาเทพแห่งแสงคงจะแทรกแซงและใช้ความพยายามมากขึ้นในมิติปั่นป่วนเพื่อช่วยเขา! แต่ถ้าเขาไม่มีเพชรกระจับแดงเล่า ประมุขมหาเทพแห่งแสงจะไม่รีบช่วยเขาทันทีโดยไม่จำเป็น
ประมุขมหาเทพแห่งแสงมีสถานะใดแล้ว?
บางทีสักวันเมื่อเขาอารมณ์ดีเขาอาจมาช่วยเชกวินก็ได้ แต่จากนั้นบางทีอาจจะผ่านไปร้อยล้านปี หรือล้านล้านปี
“ลอร์ดลินลี่ย์ ท่านมีศักดิ์ศรีสถานะของพารากอนที่ยิ่งใหญ่ ข้าไม่คู่ควรให้ท่านโกรธ” เชกวินรีบกล่าว “ข้า,เชกวินยินดีให้ข้อเสนอกับท่านลอร์ดลินลี่ย์ สมบัติทั้งหมดของข้าและพลังมหาเทพของข้า ลอร์ดลินลี่ย์! โปรดยกโทษให้ข้าในครั้งนี้ด้วย” เชกวินมองดูลินลี่ย์อย่างเปี่ยมไปด้วยความหวัง
แต่ลินลี่ย์เพียงแต่มองเชกวินเงียบๆ
หัวใจเชกวินตึงเครียด
“สมบัติ? พลังมหาเทพ? บอกข้าที...ข้ายังขาแคลนดสิ่งเหล่านี้อีกหรือ?” ลินลี่ย์พูดในที่สุด
“ลอร์ดลินลี่ย์ ท่านต้องการให้ข้าทำอะไร? โปรดบอกข้า!” เชกวินรีบกล่าว
เชกวินไม่สนใจหน้าตาอีกต่อไป เขารู้ดีว่า...เขาไม่มีร่างแยกศักดิ์สิทธิ์อยู่ข้างนอกดังนั้นเมื่อเขาติดอยู่ในมิติปั่นป่วน ต่อให้ประมุขมหาเทพแห่งแสงไปตามหาเขา เนื่องจากขนาดของมิติปั่นป่วนที่ใหญ่โตมหาศาลประมุขมหาเทพแห่งแสงจะหาเขาพบได้ยังไง? การใช้ความพยายามอย่างหนักเป็นเรื่องสำคัญมาก!
หรือว่าประมุขมหาเทพแห่งแสงจะเตร็ดเตร่อยู่ในกระแสพลังสนามพลังปั่นป่วนเพื่อตามหาเขา?
ถ้าเขาเป็นพารากอนบางทีประมุขมหาเทพแห่งแสงอาจทำเช่นนั้นแม้เหนื่อยอ่อนก็ตาม แต่เชกวินยังไม่มีคุณสมบัติทำให้ประมุขมหาเทพแห่งแสงทำเช่นนั้นกับเขา
“ถ้าข้าติดอยู่ในมิติปั่นป่วน ข้าอาจจะติดอยู่ในนั้นตลอดไป ไม่มีใครพูดกับข้า และข้าคงไม่สามารถพบเห็นใครอื่น ข้าจะต้องไหลไปตามกระแสพลังปั่นป่วนจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งชีวิตแย่ยิ่งกว่าตาย” เชกวินเข้าใจเรื่องนี้ในใจ
“ลอร์ดลินลี่ย์?” เชกวินในตอนนี้ทั้งเชื่อฟังและทั้งเคารพ
“พี่ใหญ่ จะเปลืองคำพูดกับเขาทำไม?” บีบีแค่นเสียงเย็นชา จากนั้นมองดูเชกวิน “เชกวิน! เจ้าต้องการจะไปและทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยสินะ? เจ้าช่างฝันหวานจริงๆ! ถ้าเจ้า เชกวินล่วงเกินมหาเทพและยังชิงของที่เป็นของมหาเทพไปอีก เป็นไปได้หรือที่เจ้าร้องขอความเมตตา มหาเทพจะยอมไว้ชีวิตเจ้า? แม้ว่าพี่ใหญ่ข้าจะยังไม่อาจเทียบได้กับมหาเทพก็ตาม แต่เขาใช่ว่าจะยอมให้ใครลอบทำร้ายกันง่ายๆ”
ลินลี่ย์ยิ้มจากนั้นเหยียดมือและฟันที่ด้านข้าง..
“ควาก..”
เหมือนกับเสื้อผ้าที่ถูกฉีกออก รอยฉีกมิติยาวร้อยเมตรปรากฏขึ้นทันที และมีขนาดกว้างหลายเมตร มีพลังดึงดูดที่แข็งแกร่งโดยรอบ
“ลินลี่ย์, ประมุขมหาเทพจะไม่ไว้ชีวิตเจ้า!!!” เชกวินเริ่มร้องขณะที่เขาหนี
“ควั่บ” ดูเหมือนลินลี่ย์คล้ายจะเทเลพอร์ตได้เขาปรากฏตัวและคว้าคอของเชกวินกระชากกลับหลังเหวี่ยงเชกวินเข้าไปในรอยแยกมิติเหมือนใช้แรงธรรมดา เชกวินตะโกนด่าด้วยความโกรธ “มหาเทพจะไม่ไว้ชีวิตเจ้า!!!” เสียงของเขายังคงก้องอยู่ในพื้นที่ แต่รอยแยกมิติหายไปไม่เหลือร่องรอย
ลินลี่ย์ชำเลืองมองด้านหลัง
“เชกวินผู้นี้..ถ้าเขาไม่มีสมบัติมหาเทพคอยปกป้องทั้งภายในและภายนอกข้าต้องการฆ่าเขาจริงๆ” บีบีพูดด้วยความเกลียดชัง “ตอนนี้พอเราขับเขาเข้าไปในมิติปั่นป่วนได้ข้าคาดว่าประมุขมหาเทพแห่งแสงจะเข้าไปช่วยเขาได้”
เห็นได้ชัดว่าทุกอย่างที่เชกวินทำให้บีบีไม่พอใจอย่างมาก
“การช่วยเขาคงไม่ใช่เรื่องง่ายเว้นเสียแต่เขามีร่างแยกอยู่ที่โลกภายนอก” ลินลี่ย์มองดูกลุ่มอสูรหกดาวและเจ็ดดาวที่ต่างมีสีหน้าตกตะลึง จากนั้นกล่าว “บีบี อยู่ที่นี่ต่อไปไม่มีประโยชน์แล้ว กลับกันเถอะ โอว,ส่งสองคนนั้นกลับบ้านก่อน”
ลินลี่ย์และบีบีพาเด็กหนุ่มหน้ากลมและชายชราน่ากลัวเข้าไปในอสูรโลหะและออกไปทันที
ในกลางอากาศยอดฝีมือร้อยกว่าคนและสมาชิกของเผ่าล็อตเตถอนหายใจตกตะลึงกับสิ่งที่พวกเขาเห็น
“ทรงพลังจริงๆ เทพพารากอนเป็นอย่างนี้นี่เอง!แค่เพียงวาดมือเท่านั้น โดยไม่ต้องใช้พลังมหาเทพเขาก็สามารถสร้างรอยฉีกมิติขนาดนั้นได้ เมื่อไหร่พลังโจมตีของข้าจะแข็งแกร่งได้สักหนึ่งในสิบของลอร์ดลินลี่ย์?”
“คาดว่าเชกวินนั้นมีพลังเทียบได้กับเทพอสูร 108ของแดนนรกเราและยังมีระดับพลังที่สูงในหมู่พวกเขา เชกวินคนเดียวก็มีพลังมากพอจะฆ่าพวกเราได้ทุกคน แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าลอร์ดลินลี่ย์.. เจ้าเห็นไหมนั่น? เชกวินเหมือนกับเด็กทารก เมื่อเขาถูกลอร์ดลินลี่ย์คว้าคอก็ไม่สามารถต่อต้านได้เลย ด้วยแรงเหวี่ยงธรรมดา เขาก็ถูกโยนเข้าไปในรอยแยกมิติ ลอร์ดลินลี่ย์ผู้นี้.. แข็งแกร่งมากเหลือเกิน!”
“ก่อนหน้านั้นเชกวินทำตัวหยิ่งยโสมากเกินไป ฮ่าฮ่า นั่นคือผลที่เขาสมควรได้รับ!”
“เขาสมควรได้รับแล้ว! เขาควรจะนึกถึงสถานะของตัวเอง ว่าคนอย่างเขาควรจะล่วงเกินลอร์ดลินลี่ย์หรือ? นั่นมิต่างอะไรกับการส่งแกะเข้าปากเสือหรอกหรือ? รนหาที่ตายแท้ๆ”
ในสายตาของกลุ่มยอดฝีมือแดนนรกเหล่านี้ สมควรแก่เหตุแล้วที่ลินลี่ย์สั่งสอนและลงโทษเชกวินอย่างนั้น ถ้าลินลี่ย์ไม่ลงมือเช่นนั้น เขาคงถูกคนอื่นตั้งข้อสงสัยลับหลังเขาแน่
กลุ่มของลินลี่ย์ต้องการหาที่อยู่ของร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ของโบรดี แต่ไม่มีทางทำได้เช่นนั้น ความเป็นไปได้มากที่สุดก็คือโบรดีคงจากไปโดยผ่านประตูเทเลพอร์ตและไม่มีความจำเป็นที่ใครบางคนจะต้องบันทึกชื่อหรือข้อมูลอื่นเมื่อเวลาพวกเขาใช้วงเวทเทเลพอร์ต และในแต่ละปีมีคนหลายคนในแดนนรกที่มีวัตถุประสงค์จะทำการค้าแลกเปลี่ยนบางอย่างจึงต้องเดินทางผ่านประตูเทเลพอร์ต
พวกเขาจะตามหาเขาได้ยังไง?
นอกจากนี้ลินลี่ย์ไม่มีคุณสมบัติจะค้นหาเขา เพราะทหารผู้รับคำสั่งและทหารผู้เฝ้าวงเวทเทเลพอร์ตเป็นคนของมหาเทพ
โลกธาตุแสงศักดิสิทธิ์ ทะเลกอสโกล!
“ครืนนน” คลื่นนับไม่ถ้วนม้วนเกลียวเป็นระลอกไปข้างหน้า ในฐานะที่เป็นทะเลอันดับหนึ่งของโลกธาตุแสงศักดิ์สิทธิ์ทะเลก็อดโกลมีขนาดที่กว้างใหญ่มาก ล่วงเข้าไปในทะเลมีเกาะมากมายกระจายอยู่เหมือนดาวในท้องฟ้า
ในอากาศเหนือทะเลมีร่างสองร่างกำลังต่อสู้กันอยู่เป็นเหตุให้มิติแตกฉีก
“ควากกกก”
เงาปีศาจลวงตาของนกหงส์เพลิงขนาดใหญ่ยาวพันเมตรโผล่ขึ้นมาหลังบุรุษผมแดงทันที และจากนั้นจุดสีแดงที่กลางหน้าผากของบุรุษนั้นเปล่งแสงทันที และแสงรังสีแดงยิงออกมาเจาะผ่านท้องฟ้าตรงเข้าหาบุรุษชุดดำผมยาวที่อยู่ข้างหน้าเขา
บุรุษชุดดำแค่นเสียง และจากนั้นชั้นม่านน้ำปรากฏรอบตัวเขา
“แครก..”
ม่านน้ำถูกยิงทะลุและจากนั้นแสงสีแดงเข้าไปในร่างของบุรุษชุดดำ ร่างของบุรุษชุดดำสั่นสะท้าน จากนั้นมีเลือดหยดออกจากปาก
“บลูเมอร์! หยุดไว้แค่นี้เถอะ” บุรุษชุดดำรีบกล่าว ในแง่ความเร็ว เขาด้อยกว่าบุรุษข้างหน้าเขา ใครบางคนที่ไวสามารถหนีจากศัตรูที่แข็งแกร่งได้ แต่บางคนที่ช้าไม่มีทางเลือกถ้าไม่ใช้วิธีที่รุนแรงกว่าหรือไม่ก็ขอความเมตตา
“เจ้าฝันไปเถอะ” บุรุษผมแดงแค่นเสียงด้วยความโกรธ เคียวเพลิงสีแดงในมือของเขาสับลงช้าๆ
“วีดดด” เสียงฉีกอากาศเกิดขึ้นอีกครั้ง
แต่ในทันใดนั้น
“ควั่บ!!” เงาแสงสีเขียวยิงออกมาจากรอยฉีกมิติ และมันบินตรงเข้าหาบุรุษผมแดง บุรุษผมแดงตกใจ “มีบางอย่างบินออกมาจากมิติฉีกขาดด้วยหรือ? มีบางอย่างที่สามารถรอดอยู่ได้ในมิติปั่นป่วนโดยไม่ได้รับความเสียหายหรือ?” บุรุษผมแดงอดเอื้อมมือไปคว้าไว้ไม่ได้
ชิ้นกระดาษเขียวปรากฏอยู่ในมือเขา