SN-ตอนที่ 48 กวาดล้างรังวาแลน
อัลดิช และ อันเดด ของเขาได้บินตรงไปที่ทางเข้าของรังวาแลน เมื่อ อัลดิช และ วาเลร่า กระโดดลงมาจาก อัลลอยด์อีเกิ้ล พวกเขาก็ลงจอดในอุโมงค์ทางเข้าใต้ดินที่มืดมิด จากนั้น เขาก็สั่งให้ อัลลอยด์อีเกิ้ล บินออกไป
“รอข้างนอก ในพื้นที่แคบ ๆ เช่นนี้ แกคงไม่สามารถทำอะไรได้มากเท่าที่ควร ดังนั้นเมื่อฉันให้สัญญาณ แกค่อยลงมาที่นี่เพื่อรับพวกเราก็แล้วกัน” อัลดิช ได้กล่าวออกมา
อัลลอยด์อีเกิ้ล ได้ผงะศีรษะก่อนที่จะบินออกไป
อัลดิช มองเข้าไปยังส่วนลึกของรัง และ พบว่า เส้นทางข้างหน้าในอุโมงค์นั้นเต็มไปด้วยถนนที่คดเคี้ยวและจมลึกเข้าไปในหน้าผา เขาได้เคาะกระบังหน้าสีแดงเพื่อสแกนตรวจจับความร้อนทันที
ดูเหมือนเขาจะไม่พบอะไร เพราะสถานที่ทั้งหมดนี้อันยะเยือกและเหมาะสำหรับพวกวาแลนที่ใช้อยู่อาศัย
อัลดิช ได้จับตาดู ดวงตายมโลก ในขณะที่เขาส่งมันไปสอดแนมข้างหน้า เพราะเขาไม่ต้องการเคลื่อนไหวท่ามกลางพื้นที่ที่เขาไม่รู้จัก
หลังจากส่ง ดวงตายมโลกไปตรวจตรา อัลดิช ก็มองลงไปที่ อายโฟนของฟิสก์เพื่อให้แน่ใจว่าเขาได้ลดความสว่างลงเพื่อไม่ให้เป็นจุดสนใจ
หลังจากนั้นเขาก็รื้อฟื้นรายงานไม่กี่ฉบับที่ AA ทำวิจัยเกี่ยวกับรังนี้ ซึ่งข้อมูลล่าสุดคือเมื่อ 6 เดือนก่อน
สิ่งมีชีวิตที่ครอบครองเซลล์วิวัฒโดยพื้นฐานแล้วจะสามารถปล่อยพลังงานตามธรรมชาติที่สามารถติดตามออกมาได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อพลังงานนั้นทำงานอยู่ มันจะสามารถตรวจสอบได้ด้วยเครื่องมือบางอย่าง
ดังนั้นแล้ว AA จึงสามารถพิจารณาได้ว่า รังวาแลนนั้น แข็งแกร่งขนาดไหน และ ได้จัดหมวดหมู่พวกมันตามลำดับตัวอักษรตั้งแต่ E ถึง S
ซึ่งหลักเกณฑ์ทั่วไปของ AA หากพิจารณาว่าภายในรังมีระดับสูงมากกว่า 10 ตัว ขึ้นไปควรจะมุ่งเน้นทำลายพวกมันให้หมด เพราะพวกมันมีโอกาสที่จะวิวัฒนาการไปสู่ประเภทอื่นได้
สำหรับที่นี่ อัลดิช พบว่า ระดับของวาแลนในที่แห่งนี้คือ ระดับ D ซึ่งพวกมันส่วนใหญ่เป็นสัตว์เลื้อยคลาน ที่มีขาปล้องไม่กี่ชนิด โดยเฉพาะ มด
อย่างไรก็ตาม นอกจากรายงานเหล่านี้แล้ว ยังมีข้อมูลเล็ก ๆ น้อย ๆ เกี่ยวกับรังอีกด้วย
เพราะนี่คือรังระดับ D พวก AA จึงคิดว่ารังนี้ไม่ค่อยสลักสำคัญอะไรสักเท่าไหร่
“ไดนาไมท์เกิร์ล” อัลดิช ได้พูดขึ้น
“เรียกฉันว่า สเตลล่า เถอะ หัวหน้า” ไดนาไมท์เกิร์ล ได้ตอบกลับ “นั่นคือชื่อที่ฉันจำได้ และ เป็นชื่อที่คนสนิทใช้เรียกฉัน”
“หืม!?” วาเลร่า มองไปที่ ไดนาไมท์เกิร์ล อย่างสงสัย
“คนสนิทที่ว่าหมายถึงคนที่ฉันไว้ใจ!” ไดนาไมท์เกิร์ล ได้กล่าวอธิบายทันที
“อืม ว่าแต่เธอคิดว่าความแข็งแกร่งของพวกเราอยู่ประมาณ?” อัลดิช ได้กล่าวถาม “ในแง่ของความแข็งแกร่งหากเปรียบเทียบกับพวกตัวแปรและฮีโร่ พวกเราอยู่ประมาณแรงค์อะไร”
สเตลล่าได้กอดอกแน่นพร้อมกับจ้องมองไปที่ทุกคนก่อนที่จะพยักหน้า
“เอ่อ เท่าที่ฉันคิด แต่บอกไว้ก่อนว่าฉันไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับเรื่องนี้ ดังนั้น หากให้พิจารณาฉันคิดว่า วาเลร่า น่าจะอยู่ประมาณ แรงค์ C หรือไม่ก็ C+”
“C+ เอง? แน่ใจนะว่าเจ้าไม่ได้คำนวณผิด?” วาเลร่า ได้ตอบกลับ
“ไม่ ฉันคิดว่าฉันประเมินค่อนข้างถูก เพราะฉันอยู่ในอันดับล่างสุดของพวกแรงค์ C แต่ตอนนี้อาจจะอยู่ช่วงกลางแล้วก็ได้ เพราะฉันได้ก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองไปแล้ว” สเตลล่าได้ตอบกลับ “ส่วนหน้าปลาหมึกน่าจะ แรงค์ B ต่ำไปถึงกลาง อันนี้ก็ไม่แน่ชัดสักเท่าไหร่ นอกจากนี้ยังมีบางอย่างที่ต้องทำความเข้าใจก่อน ช่องว่างระหว่าง E-D กับ แรงค์ C นั้นค่อนข้างมาก โดยเฉพาะ B ไป A และ จาก A ไป S”
“แล้วฉันล่ะ?” อัลดิช ได้กล่าวถาม
“หัวหน้า?” สเตลล่าได้ เอียงศีรษะและตอบกลับ “หากคุณทำงานเป็นฮีโร่คงได้ แรงค์ C อันดับต่ำ ละมั้ง”
“หึ่ม เจ้าจะบอกว่านายท่านนั้นอ่อนแองั้นหรือไม่? อย่าลืมว่าเขาคือสาเหตุที่ทำให้เจ้ามีความสุขกับชีวิตนิรันดร์ในตอนนี้” วาเลร่า ได้กล่าวประท้วง
“นั่นคือสิ่งที่ฉันกำลังจะบอก” สเตลล่า ได้พูดต่อ “พลังของหัวหน้าไม่เหมาะกับงานของฮีโร่ เพราะฉันคิดว่าพวกเขาคงไม่ปล่อยให้หัวหน้าใช้พลังอำนาจของเขาในการเลี้ยงดูคนตายและสิ่งของต่างๆหรอก”
“แต่ถ้าเป็นพวกวายร้าย พลังของเขาก็น่าจะถูกประเมินให้อยู่ในระดับ B แม้ว่าในแง่ของความแข็งแกร่งของเขาจะอยู่ในระดับที่ต่ำ แต่ความจริงที่ว่าเขาสามารถใช้เวทย์มนตร์ได้จำนวนมาก เขาจะถูกจัดเป็นระดับภัยคุกคามอย่างไม่ต้องสงสัยเลยล่ะ”
“บางทีหัวหน้าอาจจะเป็นภัยคุกคามระดับ A เลยก็เป็นได้ เพราะเมื่อพิจารณาจากการที่ AA ให้ความสำคัญกับภัยคุกคามอย่างพวกวายร้ายที่มีพลังในการสร้างร่างจำลองของตัวเองหรือสร้างสมุนขึ้นมาได้ มันถือเป็นพลังที่ค่อนข้างเป็นภัยคุกคามต่อมนุษยชาติเลยล่ะ”
“ฉันเข้าใจแล้ว” อัลดิช ได้ตอบกลับ “ถ้าเช่นนั้น พวกเราที่เป็นภัยคุกคามระดับ C ถึง B กัน 4 คน เผชิญหน้ากับ รังระดับ D นี่ก็ไม่น่าจะใช่ปัญหาแต่อย่างใด”
“ฉันคิดว่างั้น” สเตลล่าได้ตอบกลับ
“อืม” อัลดิช ได้ค้นพบเส้นทางหลังจากใช้ดวงตายมโลก จากนั้นเขาก็พูดต่อ “ได้เวลาออกล่าแล้ว”
==
อัลดิช ได้หมุนตะเกียงของเขาไปรอบ ๆ และ มีแสงสีแดงกะพริบ ในเวลานี้ เขาก็พบดวงตาสีเหลืองอันแวววาวกว่าสิบคู่จ้องมองมาที่พวกเขา
ภายใต้ดวงตาเหล่านี้ เต็มไปด้วยฟันอันแหลมคมที่เรียงกันเป็นแถว
ซึ่ง ข้างหน้าของ อัลดิช ก็ตามมาด้วยเสียงตะโกนของ วาเลร่า “ตายซะ! ตายซะ! ตายซะ!” ในระยะไกล และ การระเบิดของสเตลล่าอย่างสม่ำเสมอ
“ท่านต้องการให้ข้าช่วยหรือไม่?” แฟลร์กาน กล่าวพูดขณะที่จ้องมองไปที่ อัลดิช
“ไม่ ฉันต้องการดูว่าฉันจะสามารถเผชิญหน้ากับ มอนสเตอร์แรงค์ D ได้นานแค่ไหนเมื่อใช้พลังของตัวเอง ส่วนนายคอยอยู่คุ้มกันฉันก็แล้วกัน เผื่อมีเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้น” อัลดิช ได้กล่าวออกมาก่อนที่เขาจะลงมือ “นอกจากนี้ อย่าได้ยื่นมือเข้ามาช่วยล่ะ”
“ขอรับ ผู้อาวุโส” แฟลร์กาน ได้พยักหน้าและมองดู
“เข้ามา” อัลดิช ได้กวักมือเข้าหาตัวเอง เขาในตอนนี้ กำลังเผชิญหน้ากับพวกสัตว์ประหลาดที่มีรูปร่างคล้ายจิ้งจกขนาดใหญ่
หากมองดูให้ดีพวกมันก็คือ กิ้งก่า ที่มีขนาดใหญ่เป็นอย่างมาก ในเวลานี้ พวกมันได้พุ่งมาข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
ดังนั้น อัลดิช จึงได้ร่าย [Negative Surge] ใส่ตัวเอง ทำให้เขาได้รับค่าสถานะเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลเป็นเวลา 10 วินาที
[-15 มานา]
[มานา : 183/183 > 168/183]
[ความแข็งแกร่ง : 11 > 23]
[ความคล่องตัว : 10 > 22]
[ความเข้าใจ : 13 > 25]
อัลดิช ได้ก้าวถอยหลัง เพื่อหลบไม่ให้กิ้งก่า 2 ตัวเข้ามากัดเขา และ เขาพยายามเหวี่ยงตะเกียงไปข้างหน้าเพื่อโจมตีใส่กิ้งก่าทั้ง 2 ตัว
ในขณะเดียวกัน เขาก็ล่าถอย ขณะเผชิญหน้ากับฝูงกิ้งก่าที่เหยียบซากศพสหายของตัวเองพุ่งเข้ามาใส่ อัลดิช
อัลดิช ได้เปิดใช้ [Anti-Life Shell] ทำให้หมอกสีเขียวฟุ้งกระจายออกมาจากตัวของเขา และ ในเวลานี้ การเคลื่อนไหวของพวกกิ้งก่าก็ถูกทำให้ช้าลง และ พลังชีวิตของพวกมันก็ลดลง รวมถึง การพรางตัว ก็ใช้ไม่ได้ผล เมื่ออยู่ต่อหน้า ตะเกียงดวงตาต้องสาป
ในเวลานี้ การเคลื่อนไหวของ อัลดิช นั้นเร็วขึ้นมาก ดังนั้นเขาจึงหลบเลี่ยงการโจมตีของพวกกิ้งก่าได้อย่างง่ายดาย จากนั้นเขาก็เหวี่ยงตะเกียงไปข้างหน้า เพื่อทำลายหัวของกิ้งกาพวกนี้ในทันที
“ได้เวลาทดสอบฝีมือของฉันแล้ว” อัลดิช ได้พึมพัมออกมา
เขาได้เคลื่อนไหวไปมารวมถึงใช้มือและเท้า ต่อยเตะ พวกกิ้งก่าพวกนี้ที่พุ่งเข้ามาทันที
แน่นอนว่าในเวลานี้ มีกิ้งก่าตัวนึงได้กระโดดเข้ามาและพยายามจะงับแขนของเขา
แต่ อัลดิช ได้หมุนตัวไปรอบ ๆ แล้วใช้ศอกฟาดไปที่กะโหลกศีรษะของกิ้งก่าตัวนั้นจนหัก จากนั้น เขาก็ใช้ซากศพของกิ้งก่าตัวนั้นเป็นเกราะป้องกัน กิ้งก่าอีก 3 ตัว ไม่ให้เข้ามารุมเขา
ในเวลานี้ อัลดิช ได้ผลักศพออกไปจนทำให้กิ้งก่าเหล่านั้นกระเด็นถอยหลังไป
“เยี่ยมมาก” อัลดิช ได้พึมพัมออกมา ดูเหมือนว่าทักษะต่อสู้ของเขาจะไม่ได้หายไปไหน “เช่นนั้นมาดูเวทย์มนตร์ของฉันบ้าง”
อัลดิช ได้ปิด [Anti-Life Shell] เพื่อรักษามานาของเขา
[มานา : 168/183 > 123/183]
เขาเปิดใช้มันเพียงแค่ 5 วินาที แต่มานาสูงสุด 5% ต่อวินาที ก็เป็นตัวเลขที่ค่อนข้างมหาศาล แต่เขาเดาว่าการใช้ [Anti-Life Shell] นั้นจะไม่มีประโยชน์มากนักเมื่อเผชิยหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่งและต้องต่อสู้ในระยะยาว
“เช่นนั้นมาลองเวทย์มนตร์กัน” อัลดิช ได้หยิบตะเกียงขึ้นมาและถือมันด้วยมือข้างเดียว ในขณะที่อีกมือเตรียมปล่อยเวทย์มนตร์
ซึ่งตอนนี้ กิ้งก่า 6 ตัว ได้ปิดล้อม อัลดิช เอาไว้แล้ว และ ทำให้มันยากต่อการสู้ตัวต่อตัว
อัลดิช ได้เปิดใช้ [ตะเกียงดวงตาต้องสาป] ของเขาและส่องไปทางด้านหน้า ทันใดนั้น แสงรูปทรงกรวยสีแดงเข้มก็ถูกฉายออกมา ส่องกิ้งก่าสามตัวที่อยู่ข้างหน้าจนพวกมันส่งเสียงกรีดร้องออกมาทันที
จากนั้นร่างกายของพวกมันก็เริ่มกลายเป็นเถ้าถ่านและสลายหายไป
อัลดิช ได้จัดการกับกิ้งก่าอีก 3 ตัว ด้วย [Chill Bolts] โดยการโจมตีใส่ กิ้งก่า 2 ตัว และ ใช้ตะเกียงทุบพวกมันอีกตัวนึง
[-24 มานา]
[มานา : 123/183 > 99]
[กำจัด กิ้งก่าพราง 12 ตัว!]
[+480 ค่าประสบการณ์]
[แถบค่าประสบการณ์ : 870/1,400 > 1,350/1,400]
“เอาล่ะเสร็จแล้วเรียบร้อย” อัลดิช ถูมือ ด้วยความพึงพอใจ
“ยอดมาก ผู้อาวุโส” แฟลร์กาน ได้ตอบกลับ “ด้วยความสามารถในการใช้ศาสตร์มืดและความสามารถทางกายภาพที่ยอดเยี่ยม มันทำให้ข้านึกถึงตอนที่ข้ายังเป็นเด็ก แต่ตอนนี้ ส่วนล่างของข้าไม่ได้เคลื่อนไหวได้ดีเหมือนแต่ก่อนแล้ว ทำให้ข้าไม่สามารถเคลื่อนไหวอย่างป่าเถื่อนเช่นนั้นได้”
“อืม” อัลดิช ได้หักคอของเขา “แต่จุดอ่อนของฉันในฐานะ เนโครแมนเซอร์ ก็ยังเหมือนเดิม ฉันมีปัญหาอย่างมากในการปกป้องตัวเอง เพราะเมื่อฉันใช้สกิล มันจะสูบมานาของฉันไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้น การปล่อยให้ เหล่าอันเดดจัดการพวกสมุนเหล่านี้คงจะมีประสิทธิภาพที่มากกว่า”
จากนั้น อัลดิช ก็มองไปที่ เครื่องหมายหลุมศพที่ลอยอยู่เหนือศพของกิ้งก่า เพราะค่าพลังชีวิตของเขาเต็ม เขาจึงไม่จำเป็นจะต้องเติม [เกราะศพ] ของเขาด้วยซ้ำ อันที่จริง เขายังไม่จำเป็นจะต้องใช้มัน
นอกจากนี้ เขาสามารถเลือกได้ว่าจะเปิดใช้งานหรือไม่ใช้ เพราะเห็นได้ชัดว่าการสร้าง เกราะศพ ขึ้นมาจะทำให้การต่อสู้แบบประชิดตัวยากขึ้นมาก
บางทีมันอาจจะดีสำหรับเขาที่เอาไว้ใช้เลี่ยงการต่อสู้ และ รับความเสียหายแทน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อต้องเผชิญหน้ากับศัตรูขนาดใหญ่
หลังจากประเมินดูแล้ว อัลดิช ก็จดบันทึกพวกมันไว้ภายหลัง
ในเวลานี้ วาเลร่า และ ไดนาไมท์เกิร์ล ก็ได้วิ่งผ่านอุโมงค์ที่เต็มไปด้วยกิ้งก่า และในบรรดาเส้นทางที่พวกเธอเดินผ่านก็เต็มไปด้วยซากศพจำนวนมาก
[กำจัด กิ้งก่าพราง 30 ตัว!]
[+1,200 ค่าประสบการณ์]
[แถบค่าประสบการณ์ 1,350/1,400 > 2,550/1,400]
[เลเวลอัพ!]
[เลเวล 11 > 12]
[แถบค่าประสบการณ์ : 1,200/1,600]
[+5 แต้มค่าสถานะที่สามารถกระจายได้]
อัลดิช พยักหน้า ตอนนี้ถือเป็นช่วงเวลาแห่งการฟาร์มค่าประสบการณ์อย่างแท้จริง
ในเวลานี้ อัลดิช ได้ใช้แต้มค่าสถานะไปลงกับค่าสถานะทางกายภาพของเขา ในตอนเป็นเกม เขาไม่ได้ลงทุนอะไรกับค่าสถานะทางกายภาพของเขามากนัก เพราะเขารู้จักศัตรูที่ต้องเผชิญหน้า แต่ในโลกความเป็นจริง เขาจำเป็นจะต้องพึ่งพาตัวเองมากกว่าเดิม
[+5 ความแข็งแกร่ง]
[ความแข็งแกร่ง : 11 > 16]
อัลดิช คิดว่า การเสริม พละกำลัง และ ความคล่องตัว รวมถึง ความเข้าใจมากกว่า 20 จะทำให้เขาแข็งแกร่งพอที่จะรับมือกับ ฮีโร่แรงค์ C หรือ พวกวายร้ายได้อย่างวางใจ เพราะจากการสังเกตุ แต้มสถานะ 2-3 แต้มที่เขาลงทุนไปกับความแข็งแกร่งทางกายภาพในตอนแรก ได้เผยให้เห็นความแตกต่างเป็นอย่างมาก
เพราะเพียงแค่ 5 แต้มนี้ก็ทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็วกว่าผู้ชายปกติทั่วไปเกือบ 2 เท่า แต่แน่นอนว่าค่าสถานะเหล่านี้จะไม่ได้เพิ่มแบบทวีคูณอีกต่อไป
ดังนั้นจึงเป็นการยากที่จะวัดความแข็งแกร่งของเขาจากการเพิ่มค่าสถานะความแข็งแกร่งเพียงเล็กน้อย ดังนั้นเขาจึงได้ตั้งเกณฑ์เฉลี่ยเอาไว้ที่ 20-30 ด้วยค่าสถานะทางกายภาพประมาณนี้มันน่าจะทำให้เขาพึ่งพาตนเองได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใช้ร่วมกับ [Negative Surge] และ ต่อมาคือ [Death Surge] เวอร์ชั่นอัปเกรด
ในเวลานี้ อัลดิช สัมผัสได้ถึงโทรจิตจากวาเลร่า
“นายท่าน ท่านควรจะมาดูที่นี่ ดูเหมือนว่าที่นี่จะมีมอนสเตอร์ที่ท่านน่าจะชื่นชอบ” วาเลร่า ได้กล่าวพูดขึ้น
“ฉันกำลังไป!” อัลดิช ได้ตอบกลับ