บทที่ 38 - ราชาของเหล่าปืนกล
5/6
บทที่ 38 - ราชาของเหล่าปืนกล
“ข้าจะให้เจ้าได้ลิ้มรสอานุภาพของสิ่งที่ถูกเรียกขานว่าเป็นราชาของเหล่าปืนกล!”
หยางซือเล่ยถือปืนแก็ตลิ่งอย่างมั่นคงแข็งแรง ประกายของความบ้าระห่ำสะท้อนในดวงตาเขา
แม้เขาจะเป็นแค่ประชาชนคนธรรมดาในชาติแล้ว แต่อาวุธปืนที่ได้มาจากระบบ มันมาพร้อมวิธีการใช้งานส่งผ่านเข้ามาในจิตใจ
ดังนั้นตัวเขามีทั้งความรู้และความพร้อมในการใช้ปืนกลแก็ตลิ่ง
สิ้นคำประกาศ หยางซือเล่ยเหนี่ยวไกอย่างเด็ดขาด!
ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง ...... ปัง ปัง ปัง ปัง ......!!!!
ในพริบตา ปากกระบอกปืนแก็ตลิ่งลุกเป็นไฟ กระสุนขนาดเท่าลูกเห็บ พ่นออกจากปากกระบอกปืนที่กำลังหมุนอย่างรวดเร็ว เสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหวไปทั้งหุบเขา
อาวุธที่ผลิตโดยระบบ ย่อมอยู่ในสภาพสมบูรณ์ไม่มีการขัดลำกล้อง ดังนั้นปืนกลแก็ตลิ่งสามารถสำแดงพลัง 6,000 รอบต่อนาทีได้อย่างไม่มีติดขัด
กระสุน 2,000 นัดของหยางซือเล่ยที่ได้มาพร้อมกับการสุ่มรางวัล หายวับไปในเวลาเพียงสิบลมหายใจ
ยังไม่พอ ในบรรดากระสุนนับหลายร้อยนัดนี้ ทุกนัดผสานพลังวิญญาณจากจิตวรยุทธพร้อมสกิลล็อคเป้าหมาย หลังจากยิงหัวหน้าโจรจนพรุนแล้ว ก็เริ่มไล่ยิงคนอื่นๆต่อ
สีหน้าแววตาหยางซือเล่ยฉายแววเย็นชา สำหรับศัตรู เขาปราศจากความเมตตาใดๆ
เมื่อกระสุนหมด เสียงปืนกลแก็ตลิงหยุดลง ควันสีขาวพวยพุ่งออกจากปากกระบอกปืน
และเบื้องหน้าหยางซือเล่ยเต็มไปด้วยฝุ่นฟุ้งกระจาย บดบังฉากนองเลือดที่มากพอจะทำให้ผู้คนขวัญกระเจิง
“เหล่าเฉิน ลงมาได้แล้ว พวกเราต้องช่วยกันเก็บกวาดจะได้เปิดทางไปต่อ”
หยางซือเล่ยเก็บปืนกลแก็ตลิ่งของเขา ตะโกนไปทางรถม้าที่อยู่ข้างหลัง
พวกดาบและกระบี่มากมายของศพล้วนทำมาจากเหล็ก ดังนั้นไม่อาจเสียของ
“เฉินซี!”
อย่างไรก็ตาม คำเรียกขานหยางซือเล่ยกลับไม่ได้รับการตอบกลับใดๆ เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ตะโกนอีกครั้ง
“อา ... ข้าอยู่นี่!”
ณ ขณะนี้ เฉินซีในรถม้าเพิ่งหายจากอาการตกใจ ทั้งร่างเขาเต็มไปด้วยเหงื่อเย็น
เขาเพิ่งเห็นอะไร?
ปืนหนักรูปร่างประหลาดปรากฏขึ้นในมือของหยางซือเล่ย จากนั้น ... ก็ได้ยินแค่เสียงดังสนั่นดั่งฟ้าร้อง ฝุ่นลอยตลบอบอวล
และเมื่อฝุ่นควันเริ่มจางหายไป ฉากอันน่าสยดสยองราวกับแดนล้างบาปก็ปรากฏขึ้น!
แม้ตอนนี้ยังเหลือฝุ่นควันบดบังวิสัยทัศน์อยู่บ้าง ไม่อาจเห็นสภาพที่แท้จริงเบื้องหน้า แต่เฉินซีสามารถจินตนาการได้ถึงฉากนองเลือดที่เกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม เมื่อฝุ่นควันจางลง และเฉินซีก้าวลงจากรถม้าเพื่อเตรียมเก็บกวาเปิดทาง
พอได้เห็นศพจำนวนมากในระยะใกล้ ใบหน้าของเขาก็กลายเป็นซีดเผือด จู่ๆก็เกิดอาการปวดท้องกะทันหัน วิ่งไปอ้วกข้างทาง
นั่นเพราะแค่คำว่า ‘นองเลือด’ เพียงอย่างเดียว มันยังไม่พอที่จะใช้อธิบาย
โจรภูเขานับร้อย เวลานี้ไม่มีศพไหนเลยอยู่ในสภาพสมบูรณ์ อวัยวะภายในต่างๆ ไม่ว่าจะลำไส้ แขน ขา หลุดกระจัดกระจายเป็นชิ้นๆทั่วพื้น บรรยากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นเลือด
ฉากดังกล่าว ไม่ต่างจากแดนล้างบาปของมนุษย์!
อย่างไรก็ตาม ในเวลาเดียวกัน มันก็ทำให้เฉินซีได้เห็นถึงอานุภาพของปืนกลแก็ตลิ่ง!
เขามองหยางซือเล่ยอย่างลึกซึ้ง เกิดความรู้สึกว่าอาวุธของอีกฝ่ายราวกับมีพลังอำนาจอันไร้ที่สิ้นสุด สามารถระเบิดพลังสังหารอันน่าสะพรึง ช่วยให้รอดพ้นจากวิกฤตได้อยู่เสมอ!
ใช้เวลาอยู่นาน เฉินซียับยั้งใจตัวเอง เริ่มใช้มือเก็บกวาดศพเปื้อนเลือดที่ขวางทาง
แน่นอน เขาไม่ได้จับพวกมันตรงๆ แต่ห่อหุ้มพลังวิญญาณไว้บนฝ่ามือ
ส่วนหยางซือเล่ย เขารับหน้าที่เก็บรวบรวมอาวุธเหล็กไปกองรวมกัน จากนั้นแปลงมันเป็นแต้มเสริมพลัง 460 แต้ม
เมื่อรวมกับส่วนที่มีอยู่ก่อนหน้านี้ ปัจจุบันเขามีแต้มเสริมพลังราวๆพันแต้ม
หยางซือเล่ยคิดว่าเมื่อเขาไปถึงเมืองหลงเฟย เขาตั้งใจจะหาร้านช่างตีเหล็กใหญ่ๆ แล้วรับซื้อโลหะมาให้ได้มากที่สุด
ระหว่างที่หยางซือเล่ยกับเฉินซีกำลังเก็บกวาดถนน รถม้าหรูหราสีม่วงที่ดูสูงส่งกำลังเคลื่อนใกล้เข้ามา
ภายในรถ
ถังซิงเยว่กำลังนั่งไขว่ห้างพร้อมถือเอกสารในมือ เธอเพ่งอ่านมันอย่างรอบคอบ
ตัวเธอในเวลานี้ ไม่กระตือรือร้นเหมือนเมื่อวานตอนอยู่ในงานประมูลในสภาหอการค้าจินไห่ กลายเป็นคนเยือกเย็น มีเสน่ห์ของผู้หญิง
ด้านหน้ารถม้า มีผู้อารักขาสี่คนคอยนำทาง ดวงตาของพวกเขาเฉียบคม ตรวจสอบรอบๆเพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่เกิดปัญหาใดๆ
“น่าแปลก เสียงที่ดังมาจากในหุบเขาแม้เหมือนเสียงฟ้าร้อง แต่กลับไม่มีวี่แววของฝนเลย” หัวหน้าหน่วยอารักขาขมวดคิ้ว ใบหน้าดูงงงวย เสียงฟ้าร้องที่เขาพูด ย่อมเป็นเสียงของปืนกลแก็ตลิ่ง
ฟิ้ววว~!
ในตอนนั้นเอง สายลมหอบหนึ่งได้โชยกลิ่นคาวเลือดรุนแรงเข้ามา
ผู้อารักขาทั้งสี่ตื่นตัวขึ้นมาทันที รีบสาดสายตาไปมองต้นทางของกลิ่น และพบว่ามีรถม้าจอดอยู่ข้างหน้า ปิดกั้นเส้นทางเอาไว้
เมื่อเข้าไปใกล้ ม่านตาของทั้งหมดเบิกกว้าง อ้าปากค้างทำยังไงก็หุบกลับไม่ลง
บนพื้นเบื้องหน้ารถม้าแดงฉานไปด้วยเลือด และเต็มไปด้วยกองศพที่น่าขยะแขยง!
คิ้วของหัวหน้าอารักขาขมวดแน่น ใบหน้าของเขาดูน่าเกลียดมาก ฉากเบื้องหน้าทำให้เส้นประสาทของเขาตึงถึงขีดสุด