ตอนที่แล้วตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 167 กับดักในห้องเก็บศพ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 169 นักพรตผีดิบ

ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 168 ศิษย์นิกายม่อจื้อ


ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 168 ศิษย์นิกายม่อจื้อ

แปลโดย iPAT  

ทุกคนหันกลับไปด้วยความประหลาดใจ เมื่อพวกเขาเห็นคนผู้นั้น พวกเขาก็รีบทำความเคารพ “ผู้บัญชาการเหล่า ท่านออกจากการปิดประตูบ่มเพาะแล้ว!”

“ท่านทะลวงเข้าสู่ขั้นหกแล้ว!”

คนผู้นี้เป็นรองผู้บัญชาการของเมืองเจียเผิง เหล่าซีซาน เขาดูเหมือนชายอายุประมาณสี่สิบปีและมีใบหน้ารูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า เมื่อเห็นทุกคนตกตะลึง เขาก็เผยรอยยิ้มเล็กน้อย เขาปิดประตูบ่มเพาะมานานเพื่อวันนี้ เขาถามอย่างจริงจัง “พวกเจ้ากล่าวว่าผู้ใดจบสิ้นแล้ว?”

ไม่มีใครกล้าตอบ แท้จริงแล้วเหล่าซีซานก็ไม่ต้องการคำตอบจากพวกเขา ในฐานะรองผู้บัญชาการ เขามีผู้ใต้บังคับบัญชาคนสนิทเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว

“ข้าจะไปช่วยผู้บัญชาการจ้าว” เขาพุ่งออกไปในทิศทางเดียวกับจ้าวจื่อป๋อ เขาร่อนลงจากภูเขาเหมือนนกยักษ์และหายตัวไปในสายหมอกของรุ่งเช้า

ผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์ที่เหลือต่างมองหน้ากัน หลี่ฉิงซานสามารถสร้างความวุ่นวายครั้งใหญ่แม้เขาจะพึ่งเข้าหน่วยผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์ได้เพียงสามเดือน ผู้บัญชาการจ้าวและรองผู้บัญชาการเหล่าต่อต้านกันมาตลอด ตอนนี้เขาบรรลุเป็นจอมยุทธ์ขั้นหก เมืองเจียเผิงจะต้องวุ่นวายอย่างแน่นอน

…..

หลี่ฉิงซานลดโล่ลงและส่งดาบสายลมพุ่งเข้าโจมตีศัตรูที่อยู่ใกล้ที่สุด

คนผู้นี้ดูเหมือนจะไม่เคยคิดว่าหลี่ฉิงซานจะยังสามารถเคลื่อนไหวภายใต้สถานการณ์นี้ อย่างไรก็ตามเขายังสามารถเรียกหุ่นเชิดออกมาเพื่อสกัดกั้นการโจมตี

“ปัง!” หุ่นเชิดถูกผ่า ร่างกายของมันกระจัดกระจายไปทั่ว

ทุกคนต่างตกตะลึง “เขายังขยับได้! ทุกคนระวัง!”

หลี่ฉิงซานมองเห็นศัตรูของเขาอย่างชัดเจน ทุกคนเป็นชายวัยประมาณยี่สิบและสวมชุดคลุมสีน้ำเงินเข้มที่คล้ายกัน พวกเขาทั้งหมดถือหน้าไม้ที่เรืองแสงซึ่งสามารถปล่อยลูกดอกจำนวนมากออกมา

หลี่ฉิงซานก้าวไปข้างหน้า ภายใต้แรงโน้มถ่วงมหาศาล เท้าของเขาจมลงไปในดินจนถึงต้นขา เดิมทีสัญลักษณ์เรืองแสงปรากฏขึ้นบนพื้น แต่หลังจากนั้นมันก็ลอยขึ้นสู่อากาศ ดังนั้นมันจึงไม่ถูกทำลาย

“ปล่อยข้า!” ชายร่างกำยำที่มีเคราเต็มหน้าบุกเข้ามาในห้องเก็บศพ เขาถือปืนใหญ่ทองแดงเอาไว้ในอ้อมแขน บนพื้นผิวของปืนใหญ่มีสัญลักษณ์เรืองแสงเช่นกัน มันคือสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณระดับกลางที่แท้จริง ตอนนี้ปากปืนใหญ่ที่ถูกแกะสลักเป็นรูปศีรษะมังกรเริ่มรวบรวมจุดแสง

แม้เขาจะเคยอยู่บนเกาะบุปผาภายใต้การระดมยิงของปืนใหญ่ แต่เขาก็ไม่รู้สึกถึงอันตรายมากนัก อย่างไรก็ตามตอนนี้หลี่ฉิงซานกลับรู้สึกถึงอันตราย โดยเฉพาะเมื่อชายผู้ถือปืนใหญ่ปลดปล่อยกลิ่นอายของจอมยุทธ์ขั้นหกออกมา

“เจ้าเป็นใคร? เหตุใดจึงซุ่มโจมตีข้า?” เดิมทีหลี่ฉิงซานคิดว่านี่คือนักพรตผีดิบที่ร่วมมือกับจ้าวจื่อป๋อวางกับดักเขา แต่ไม่ว่าเขาจะมองอย่างไร คนผู้นี้ก็ดูไม่เหมือนนักพรตผีดิบ ยิ่งไปกว่านั้นทักษะที่ชายร่างกำยำใช้ก็ไม่เกี่ยวข้องกับความสามารถของนักพรตผีดิบเลยแม้แต่น้อย ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถระงับความสงสัยและต้องเปิดปากถามออกไป หากคนเหล่านี้ยังไม่หยุด เขาก็ทำได้เพียงเปลี่ยนร่างเป็นปีศาจและสังหารหมู่พวกเขาเท่านั้น

“หือ เหตุใดนักพรตผีดิบถึงดูเยาว์วัยนัก?” ชายหนุ่มชุดน้ำเงินเข้มเห็นรูปลักษณ์ของหลี่ฉิงซานและรู้สึกสับสน

“พี่ใหญ่ หยุด! นั่นเป็นเครื่องแบบของผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์!” อีกคนจำชุดผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์ได้และรีบตะโกนเตือน

อย่างไรก็ตามปืนใหญ่รวบรวมพลังงานเรียบร้อยแล้ว ลำแสงสีขาวพุ่งออกจากปากมังกร มันเจาะทะลวงเพดานและทิ้งริ้วแสงไว้เป็นทางยาวพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า

เสี่ยวอันคลายมือจากลูกประคำหัวกะโหลก แสงสีแดงในดวงตาของหลี่ฉิงซานจางหายไปเช่นกัน เขามองรูขนาดใหญ่บนเพดานและรู้สึกประหลาดใจ แม้เขาจะอยู่ในร่างปีศาจ แต่เขาก็จะได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีนี้

เขาก้มศีรษะลงและถาม “พวกเจ้าเป็นผู้ใด?” เขาเก็บดาบวายุกลับเข้าฝัก

การกระทำของเขาลดความเป็นปรปักษ์ของฝ่ายตรงข้าม พวกเขาวางหน้าไม้ลง ชายที่จำชุดเครื่องแบบของหลี่ฉิงซานได้กล่าว “เราเป็นศิษย์นิกายม่อจื้อ เรามาที่นี่เพื่อทำภารกิจ เจ้าต้องเป็นผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์ถูกต้องหรือไม่?”

“ถูกต้อง ข้ากำลังปฏิบัติภารกิจเช่นกัน”

“โปรดให้เราดูป้ายประจำตัวด้วย!”

ศิษย์นิกายม่อจื้อ! หลี่ฉิงซานเข้าใจแล้ว เขาโยนป้ายหมาป่าเหล็กดำออกไปและทำให้พวกเขาผ่อนคลายลง พวกเขากล่าวเสียงดัง “ยกเลิกค่ายกลทั้งหมด นี่เป็นความเข้าใจผิด!”

“เห้อ...เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้!”

“เจ้าไม่ได้บอกว่านักพรตผีดิบจะมาที่นี่งั้นหรือ? เหตุใดมันจึงกลายเป็นผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์?”

ศิษย์นิกายม่อจื้อบ่นพึมพำ หนึ่งในนั้นเก็บม้วนกระดาษที่มีสัญลักษณเหมือนสัญลักษณ์ที่เคยอยู่บนพื้น

หลี่ฉิงซานรู้สึกว่าร่างกายของเขาเบาขึ้นทันที เขาหยิบโล่ขึ้นมาจากพื้นแต่พบว่าโล่ไหม้เกรียมจากแรงระเบิดก่อนหน้า เมื่อไม่กี่วันก่อนมันรับมังกรเพลิงของจ้าวจื่อป๋อและตอนนี้มันก็ถูกโจมตีอีกครั้ง ทั้งหมดทำให้ปราณจิตวิญญาณของมันกระจายหายไป

ทันใดนั้นชายร่างกำยำที่มีเคราเต็มหน้าก็พุ่งเข้ามา เสี่ยวอันยกดาบขึ้นแต่นางก็หยุดอย่างกะทันหันเมื่อตระหนักว่าฝ่ายตรงข้ามไม่มีเจตนาสังหาร

ชายผู้นั้นคว้าคอเสื้อของหลี่ฉิงซานและคำราม “เจ้าหนู เจ้าทำให้แผนการของข้ายุ่งเหยิง!” เขาสวมชุดคลุมสีน้ำเงินเข้มเช่นเดียวกับศิษย์นิกายม่อจื้อคนอื่นๆแต่เปลือยอกโดยที่แขนเสื้อข้างขวาพันอยู่รอบเอว

หลี่ฉิงซานปล่อยพลังปราณออกมาเพื่อป้องกันการโจมตีจากน้ำลาย เขามองฝ่ายตรงข้ามอย่างสงบแต่ก่อนที่เขาจะทันได้กล่าวสิ่งใด ศิษย์นิกายม่อจื้อคนอื่นๆก็เขามาดึงชายร่างกำยำออกไป “พี่ใหญ่ โปรดสงบอารมณ์!”

“ลูกศรอีกาเพลิงของเราไม่ได้งอกขึ้นมาจากต้นไม้!”

หลี่ฉิงซานจัดเสื้อผ้าของเขาก่อนกล่าว “ข้าคิดว่าพวกเจ้าควรคิดถึงสิ่งที่พึ่งทำลงไป พวกเจ้าโจมตีบางคนโดยไม่ตรวจสอบให้รอบคอบ หากข้าไม่แข็งแกร่งพอ ข้าคงตายไปแล้ว”

ชายร่างกำยำมองหลี่ฉิงซานด้วยความโกรธ เขาแทบจะนำปืนใหญ่แสงออกมาอีกครั้งแต่ศิษย์น้องของเขาหยุดเขาเอาไว้ “มันเป็นเพียงความเข้าใจผิด!” อย่างไรก็ตามพวกเขาคิดในใจว่า ‘เขากล้าพอที่จะกล่าวเช่นนี้กับจอมยุทธ์ขั้นหก ดูเหมือนผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์จะหยิ่งยโสทุกคนจริงๆ’

“มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด หากเราทำให้เจ้าขุ่นเคือง โปรดอภัยให้เราด้วย ข้า จางหลานฉิง นี่คือศิษย์พี่ใหญ่ของข้า ห่าวปิงหยาง และนี่คือศิษย์น้องสามคนของเรา เหออี้ซื่อ จินหยวน และจินเป่า” จางหลานฉิงแนะนำพวกเขาทีละคน แม้เขาจะอายุเพียงยี่สิบ แต่เขาดูเหมือนผู้ใหญ่ที่มีวุฒิภาวะ ท่ามกลางพวกเขา เขาเป็นรองเพียงชายร่างกำยำ ห่าวปิงหยาง ในแง่ของความแข็งแกร่ง เขาเป็นจอมยุทธ์ขั้นห้า

สำหรับอีกสามคน เหออี้ซื่อเป็นจอมยุทธ์ขั้นสี่  เขาค่อนข้างสูง ใบหน้ายาว และเปลือกตาบวมเล็กน้อย เขาตอบรับศิษย์พี่ของเขาด้วยท่าทางสบายๆว่า “อืม” ก่อนที่จะมองหลี่ฉิงซานและทักทายด้วยคำว่า “อืม” เช่นกัน หลังจากนั้นเขาก็ก้มหน้าลงซ่อมแซมหุ่นเชิดที่หลี่ฉิงซานทำลายไป

จินหยวนและจินเป่าเป็นพี่น้องกัน จินหยวนเป็นจอมยุทธ์ขั้นสี่ขณะที่จินเป่าเป็นจอมยุทธ์ขั้นสาม พวกเขาเห็นว่าหลี่ฉิงซานเป็นเพียงจอมยุทธ์ขั้นสองและยังทำลายกับดักของพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สนใจเขามากนัก

จินเป่ากล่าวกับห่าวปิงหยาง “พี่ใหญ่ ภาพวาดเรือนจำของท่านเป็นของปลอมหรือไม่? มันไม่แม้แต่จะสามารถจับกุมจอมยุทธ์ขั้นสอง หากนักพรตผีดิบมาจริงๆ เขาจะไม่หลบหนีออกมาได้ทันทีงั้นหรือ?”

“บัดซบ! ข้าใช้เงินมหาสาลเพื่อซื้อสิ่งนี้ แต่เด็กนี่ค่อนข้างแปลก” ห่าวปิงหยางสงบอารมณ์และตรวจสอบหลี่ฉิงซานด้วยความรู้สึกสับสน เด็กหนุ่มถูกจับกุมด้วยภาพวาดเรือนจำและยังถูกโจมตีด้วยหน้าไม้พันศร ภายใต้การรุมล้อมโจมตีของจอมยุทธ์ห้าคนที่แข็งแกร่งกว่าเขา แต่เขายังสามารถรอดมาได้โดยไม่ได้รับบาดเจ็บ เห็นได้ชัดว่ามันผิดปกติ

ม้วนภาพวาดเรือนจำถูกเตรียมไว้สำหรับจอมยุทธ์ขั้นหกนักพรตผีดิบ หากคนธรรมดาตกลงสู่กับดัก พวกเขาจะถูกบดขยี้จนอวัยวะแตกเป็นเสี่ยงๆ กระทั่งจอมยุทธ์พลังปราณก็จะถูกตรึงเอาไว้

สิ่งที่แปลกประหลาดยิ่งกว่าก็คือเด็กผู้หญิงตัวเล็กที่อยู่ข้างกายหลี่ฉิงซานซึ่งไม่มีสิ่งใดบ่งชี้ว่าเป็นจอมยุทธ์พลังปราณกลับสามารถอยู่รอดปลอดภัยเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงสงสัยว่าม้วนภาพวาดเรือนจำอาจเป็นของปลอม

อีกด้านหนึ่งความรู้สึกภาคภูมิใจของหลี่ฉิงซานที่พัฒนาขึ้นจากชัยชนะอย่างถล่มทลายบนเกาะบุปผาก็ถูกทำลายเช่นกัน บนโลกใบนี้ยังมีสิ่งมหัศจรรย์ที่เขายังไม่รู้อยู่อีกมาก

“พวกเจ้าพยายามซุ่มโจมตีนักพรตผีดิบที่นี่งั้นหรือ?”

จางหลานฉิงตอบ “ถูกต้อง เจ้าก็คิดเช่นเดียวกันใช่หรือไม่?”

ห่าวปิงหยางมองหลี่ฉิงซานและเย้ยหยัน “เพียงเขางั้นหรือ?” จากนั้นเขาก็ชี้นิ้วออกไป “เจ้าหนู เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้าอีกต่อไป ข้าขอแนะนำให้เจ้าออกไปซะ!”

หลี่ฉิงซานชี้นิ้วโป้งไปข้างหลัง “ข้าเพียงมาตรวจสอบ ไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับข้า แต่ไม่ใช่ว่าเขาอยู่ข้างนอกงั้นหรือ?” แม้นักพรตผีดิบจะซ่อนกลิ่นอายเอาไว้เป็นอย่างดี แต่กลิ่นศพจางๆของเขาไม่สามารถเล็ดลอดจากจมูกของหลี่ฉิงซาน

“กระไรนะ!?” คนทั้งห้ามองออกไปนอกประตู ห่าวปิงหยางรวบรวมสมาธิเพื่อตรวจสอบสภาพแวดล้อมและค้นพบบางสิ่งอย่างรวดเร็ว “ไป!”

คนทั้งห้ารีบบรรจุลูกศรจำนวนมากใส่หน้าไม้และเตรียมพร้อมต่อสู้ทันที พวกฝ่ายตรงข้ามไม่มีโล่จิตวิญญาณเช่นหลี่ฉิงซาน แม้พวกเขาจะเป็นจอมยุทธ์พลังปราณ พวกเขาก็สามารถเสียชีวิตด้วยการระดมยิงของหน้าไม้พันศร

“ฮี่ ฮี่ ฮี่ ฮี่” เสียงหัวเราะแหลมสูงดังขึ้นจากด้านนอก นักพรตผีดิบในชุดคลุมสีเหลืองพร้อมหน้ากากสีขาวซีดปรากฏตัวขึ้นและกล่าวว่า “พวกเจ้ากล้าวางกับดักนักพรตผีดิบผู้นี้จริงๆ เด็กพวกนี้ช่างกล้าหาญนัก” เขามองหลี่ฉิงซาน “เจ้าต้องเป็นหลี่ฉิงซาน เจ้าเป็นวัตถุดิบที่ดีในการสร้างผีดิบจริงๆ ครั้งนี้จ้าวจื่อป๋อไม่ได้โกหกข้า”