ตอนที่ 737 ชัยชนะ
เมื่อแสงรังสีกระจายออกจากปลายหอก สายตาของหลูเทียนเหวินพลันว่างเปล่าแต่เขากลับลุยเดินหน้าต่อ
เขาตกใจเมื่อตระหนักว่าแรงสั่นสะเทือนในอากาศรอบตัวเขาหายไป สายลมและสายฟ้าที่รุนแรงหายไป พลังที่ฉายอยู่ในผิวกฎธรรมชาติของเขาหายไปไม่เหลือร่องรอย
เขาเริ่มหลั่งเหงื่อเยียบเย็น
ก่อนที่เขาจะทันตั้งตัวลมที่รุนแรงกระโชกเข้าหาเขาภายในแสงสีขาว
หลูเทียนเหวินแทบจะไม่รู้ตัวเขารั้งหอกสายลมสายฟ้ากลับมาป้องกันอกของเขา
แคล้ง!
ดาบที่ทรงพลังฟันใส่หอกลมสายฟ้าพลังที่น่าทึ่งทำให้ฝ่ามือของหลูเทียนเหวินร้อนจนแทบสูญเสียการควบคุมหอกราวกับว่ามันต้องการจะบินหนี ‘ทำไมบุรุษหน้ากากผียังมีพลังอยู่อีก? วิชานี้เขาเคยใช้มาก่อน’
‘เป็นไปไม่ได้!’
หลูเทียนเหวินตกใจ เขายังไม่เข้าใจว่าถังเทียนทำยังไงถึงได้ทำลายวิชาของเขาได้ พลังทั้งหมดในกฎธรรมชาติผิวเผินพุ่งกลับเข้ามาในร่างของเขาเว้นเสียแต่ว่าฝ่ายตรงข้ามรู้แจ้งสนามพลังกฎธรรมชาติ ไม่มีทางที่จะทำลายวิชาของเขาได้’
แคล้ง แคล้ง แคล้ง!
เสียงปะทะกันอย่างต่อเนื่องดังออกมาพร้อมกับเสียงลมที่รุนแรงปะทะใส่หอกของเขาทำให้เขาสั่นอย่างรุนแรง
‘อะไร...เกิดเรื่องบ้าอะไรกันแน่....’
หน้าของเขาค่อยๆไร้สีเลือด ทำให้ตอนนี้หน้าเขาซีดเผือด ในสถานการณ์ปกติ เขาไม่มีทางยอมแพ้แต่แรงฟันต่อหน้าต่อตาเขา แต่ขณะนั้นเขาเป็นเหมือนลูกธนูที่พุ่งสุดล้าแล้ว ด้วยแรงฟันต่อเนื่องเขาไม่มีเวลาได้พักหายใจ แขนของเขาชาแล้ว
เขากลั้นหายใจในอกเขา แต่เขาไม่มีโอกาสสูดลมหายใจได้อีกแล้ว
แคล้ง แคล้ง แคล้ง แคล้ง!
แขนขวาของเขาชามาก แต่เขาไม่กล้าเคลื่อนไหวโดยพลการ เขายังคงกลั้นลมหายใจอึดหนึ่งไว้ ถ้าเขาประมาทพลาดพลั้ง เขาจะสูญเสียลมหายใจอึดสุดท้ายทันที และนั่นจะเป็นเวลาที่เขาตาย
หน้าของเขาบิดเบี้ยว ร่างของเขาสั่นไปหมด แต่เขาทนได้
เขาจำไม่ได้อีกต่อไปแล้วว่าใช้พลังฟันไปเท่าใดแล้ว
อาโมรี่คือคนแรกที่ฟันดาบออก และโดยการยืมพลังปะทะของหอก เขาลงมายืนที่ประตูใหญ่อีกครั้ง เมื่อเห็นว่าพวกพ้องน้องพี่วิ่งถาโถมใส่หลูเทียนเหวินกันทุกคน เขายิ้ม หน้าที่แดงเปื้อนเลือดยิ้มเห็นฟันขาว
เขาถอยกลับไปที่ประตูใหญ่ ทุกๆ ย่างก้าวเขาทิ้งรอยเท้าเปื้อนเลือดไว้เบื้องหลัง
เขาถอยกลับไปประจำที่ตำแหน่งเดิม
มีหลายครั้งที่เราต้องถูกดันกลับไปยังจุดเริ่มของเรา และจากนั้นเราจะมองเห็นความคิดมากมายจากตรงนั้น
ด้วยดาบยักษ์ที่อยู่ข้างตัวเขา โลหิตที่เหนียวอุ่นไหลมาตามดาบหยดลงพื้น
แม้จะมีเลือดท่วมตัวแต่ตาทั้งคู่ไม่เคยหลั่งน้ำตาหรือแสดงความโกรธ มีแต่เพียงท่าทีที่มุ่งมั่นและจริงจัง
เขาลากดาบยักษ์และเริ่มวิ่งตรงไปที่ประตูปราสาทหิน ตรงเข้าไปในแสงของของการสู้รบมุ่งหน้าเข้าไปหาความฝันและความเชื่อมั่น เขาวิ่งเข้าไปอย่างสุดกำลัง สายลมหวีดหวิวผ่านหูของเขา เลือดไหลทั่วตัว บาดแผลทั่วตัวทุกย่างก้าวเขาต้องการกู่ร้องให้ก้องโลก
‘เราไม่มีทางยอมแพ้ เอาเลย อาโมรี่’
เมื่อผ่านประตูใหญ่ไป เขาวิ่งตรงเข้าไปหาที่แสง ก้าวไปบนกำแพงหินพุ่งออกไปอย่างสุดกำลัง
‘เอาเลย อาโมรี่!’
เมื่อเห็นภาพหลูเทียนเหวินอยู่ต่อหน้าเขากำลังขยายใหญ่ อาโมรี่กู่ก้องร้องในใจ กล้ามเนื้อทั้งหมดเขม็งตึงเลือดย้อมดาบหนักจากท้ายขึ้นมา เขาฟันดาบออกไปทันที
พิฆาตฟ้า
หลูเทียนเหวินดิ้นรนอย่างขมขื่น สายตาของเขาพร่ามัว เมื่อร่างที่ตัวเปื้อนเลือดวิ่งเข้ามาหาเขาเหมือนกับกระทิงบ้า
หอกในมือของเขาไม่สามารถรับแรงฟันที่มาถึงเขาได้อย่างต่อเนื่อง
‘นี่มัน...’
ตาของหลูเทียนเหวินเต็มไปด้วยความหวาดกลัว แนวเส้นสีแดงตัดไปตามตัวร่างกายกลางกายเขา ผ่าเขาออกเป็นสองท่อน เลือดฉีดพุ่งไปทั่ว และความกลัวในสายตาของหลูเทียนเหวินมีต่อเพิ่มมากขึ้น
‘ไม่...’
อาโมรี่ไม่มีถอยเมื่อเขาบินเข้าหาหลูเทียนเหวินโดยใช้แรงอึดสุดท้ายในตัวเขาเขากระแทกกับภูเขาด้านหลังแล้วกลิ้งไปไกลเหมือนหินตลอดทางกว่าจะหยุดได้
เขานอนแผ่อยู่บนพื้นไม่มีแม้แต่แรงจะกระดิกนิ้ว
เขาจ้องมองท้องฟ้าอย่างว่างเปล่า หน้าของเขาเหม่อลอยและเต็มไปด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ
‘ข้าทำได้.... ข้าทำได้.... ข้าทำได้ใช่ไหม?’
ถังเทียนที่กำลังลอยตัวอยู่ ในที่สุดก็สงบลงได้ นัยน์ตาของเขากลับเป็นสีดำ และร่วงลงมา
สำนึกกระบี่สายหนึ่งลอยขึ้นในอากาศและในชั่วเวลาต่อมาร่างหนึ่งเปล่งรัศมีเย็นยะเยียบปรากฏตัวบนภูเขาและคว้าตัวถังเทียนไว้ หานปิงหนิงเพิ่งจะออกมาจากการขังตัวฝึกฝีมือ
หานปิงหนิงในตอนนี้เหมือนกับกระบี่เย็นที่คมกล้า ตลอดทั้งตัวนางเปล่งกลิ่นอายที่แหลมคมเยือกเย็น แตกต่างจากที่ผ่านมา หลังจากได้รับบาดเจ็บต่อเนื่องนางขังตัวเองฝึกฝีมือ ขณะที่ทุกคนกำลังทุ่มเทชีวิตเข้าต่อสู้ หัวใจนางเต็มไปด้วยความไม่สบายใจและเสียใจเนื่องจากนางไม่ได้ต่อสู้เคียงข้างกับคนอื่น แต่นางยังไม่สามารถออกมาได้และหยุดกระบวนการฝึกของนาง
ซึ่... ร่างของนางกระพริบวาบและมาปรากฏข้างอาโมรี่และประคองเขาขึ้นมาเช่นกัน
แม้ว่าจะเพิ่งฟันไปดาบเดียว แต่หน่วยสุญญตาทุกคนก็หมดเรี่ยวแรงไม่เหลือ พวกเขานั่งกับพื้นหอบหายใจ
หมิงจูยืนตะลึง ไม่ใช่แต่เพียงนางเท่านั้น ทั่วทั้งปราสาทเขาสะท้อนตกอยู่ในความเงียบที่แปลกประหลาด
หลังจากนั้นเป็นเวลานาน ก็มีเสียงโห่ร้องดังกึกก้อง
พวกเขาชนะ!
กลุ่มคนที่มาสังเกตดูการสู้รบ หลังจากได้ยินเสียงโห่ร้องร่าเริงจากปราสาทเขาสะท้อนแล้วเต็มไปด้วยอาการตกใจเหลือเชื่อ
“พวกเขา..พวกเขาฆ่าหลูเทียนเหวินได้จริงๆหรือนี่?” คำพูดของวิคเตอร์เหมือนกับพูดอย่างไร้สาระ
คนที่เหลือก็ไม่ต่างกัน
“เป็นไปไม่ได้... วิชาของหลูเทียนเหวิน..พวกเขาสามารถทำลายได้ยังไง...” สีหน้าปัจจุบันของสวี่เย่เหมือนกับคนบ้า ในพวกเขาทุกคน มีเขาแข็งแกร่งที่สุด ดังนั้นจึงได้รับผลกระทบมากที่สุด
เสียงพึมพำของสวี่เย่ฝังลึกในใจทุกคน
วิชาสุดท้ายของหลูเทียนเหวินเป็นวิชาอีกระดับหนึ่งเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อน มันถูกทำลายได้ยังไง?
โรแลนด์ซูตะลึง การต่อสู้ของทั้งหมดเหมือนฝัน นักโทษหน่วยสุญญตา 65 คนไม่ใช่จำนวนเล็กน้อยเลย และเดิมพันนี้สำหรับตระกูลโรแลนด์จะไม่มีทางมาได้อีก ถ้านางไม่ได้รับตำแหน่งประมุขตระกูลมานานและมีอำนาจแข็งแกร่ง นางจะไม่มีทางมีอำนาจตัดสินใจได้เช่นนั้น
สีหน้าที่หลูเทียนเหวินแสดงออกมาทำให้นางเชื่อว่าตำแหน่งของนางคงถูกริบเนื่องจากการตัดสินใจผิด แม้แต่นางก็ยังไม่เชื่อว่าบุรุษหน้ากากผีจะสามารถทนได้
นางรู้ว่านางแพ้
แต่ไม่มีใครคิดเลยว่ากลับตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง ไม่เพียงแต่บุรุษหน้ากากผีจะไม่ถูกหลูเทียนเหวินฆ่าเท่านั้น แต่เขายังฆ่าหลูเทียนเหวินได้ โรแลนด์ ซูที่คิดว่านางทุ่มเบี้ยพนันทุกอย่างและถูกกินไปแล้วกลับสะท้านเมื่อนางตระหนักถึงความเป็นจริงและในเวลานั้นนางรู้สึกเหมือนกับนางอยู่ในความฝัน
เบนสันเป็นคนแรกที่หายจากอาการตกใจ เขาไม่หวังเลยว่าจะมีความสำเร็จอะไร แต่เพียงเพื่อสร้างประโยชน์ให้เด็กสาวทั้งสองได้เห็นประจักษ์ถึงการต่อสู้ที่ทรงพลัง แต่ใครจะคิดกันว่าเขาจะได้เห็นการต่อสู้ที่ท้าทายสวรรค์เช่นนี้
แฝดสาวทั้งคู่หน้าไร้สีเลือดซีดขาวราวกับกระดาษ สีหน้าของพวกนางชะงักค้าง
เบนสันพูดทันที “เสี่ยวหวี่ เสี่ยวเย่”
สตรีทั้งสองมองดูเบนสันอย่างมึนงง
“เจ้าทั้งสองไม่จำเป็นต้องกลับไปที่ตระกูลอีกแล้ว” เบนสันพูดอย่างพูดอย่างหนักแน่น “แม่นางหานได้รับความยากลำบากอยู่ในตระกูลมัวร์ คุณหนูมักรู้สึกละอายใจและอึดอัดใจเสมอ จากนี้ไปพวกเจ้าทั้งสองคนจงไปที่ปราสาทเขาสะท้อน และติดตามแม่นางหานและคอยช่วยเหลือนาง รับใช้แม่นางหาน ทำเหมือนกับเจ้ารับใช้คุณหนู”
สตรีทั้งสองไม่เข้าใจคำสั่งเบนสันแม้แต่น้อย แต่นางได้รับการดูแลเป็นอย่างดีจากเขามาตั้งแต่อายุยังน้อยอยู่แล้ว พวกนางเชื่อฟังทำตามคำสั่งของเขามาโดยตลอด
เบนสันไม่ได้อธิบายแต่กล่าว “ไปเถอะ การต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ของเขาจบแล้ว พวกเขาขาดแคลนกำลังคน พวกเจ้าไปเร็วก็ยิ่งช่วยได้มาก”
สตรีทั้งสองคนรับปากอย่างมึนงงและหมุนตัวบินเข้าไปที่ปราสาทเขาสะท้อน
จากนั้นคนที่เหลือจึงได้ฟื้นขึ้นจากอาการตกใจ พวกเขาไม่เคยคาดว่าเบนสันจะชิงเคลื่อนไหวก่อน และทุกคนก่นด่าเขาในใจ เจ้าหน้าดำที่ดูเหมือนโง่ แต่กลับเป็นคนมีสติปัญญาเฉียบแหลมที่สุด เขาพาเด็กสายเลือดใหม่มาชมโลกกว้างและจากนั้นก็มอบองครักษ์เหล็กแก่หานปิงหนิง ความเคลื่อนไหวของเขาแยบยลนัก
แม้ว่าหลูเทียนเหวินจะพ่ายแพ้เนื่องจากการร่วมมือของบุรุษหน้ากากผีและบริวารของเขา แต่พลังของบุรุษหน้ากากผีก็เพียงแค่อ่อนแอกว่าหลูเทียนเหวินเล็กน้อยเท่านั้น นอกจากนี้พลังรบที่หน่วยสุญญตาแสดงออกมาก็ทำให้ทุกคนตกใจ
ถ้าบุรุษหน้ากากผีสามารถรวบรวมหน่วยสุญญตาได้ทั้งหมด เขาคงกวาดไปทั่วแดนบาปและไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงได้
คราวนี้ทุกคนรู้แล้วว่าบุรุษหน้ากากผีก็คือผู้สนับสนุนที่ใหญ่ที่สุดและอ้วนที่สุดที่พวกเขาสามารถหาได้ และถ้าไม่โดดมาร่วมกับเขาก็แสดงว่าโง่บัดซบ
ความเคลื่อนไหวของเบนสันโดยให้สตรีสองคนแก่หานปิงหนิงเป็นความคิดที่แยบยล เนื่องจากหานปิงหนิงได้รับความคับข้องใจอยู่ในตระกูลมัวร์ ในความเป็นจริงไม่มีใครรู้ความสัมพันธ์ระหว่างหานปิงหนิงและบุรุษหน้ากากผีและถ้าหานปิงหนิงโกรธแค้นเด็กสาวทั้งสอง ก็คงไม่ใช่เรื่องดี การให้พวกนางอาจถูกมองได้ว่าเป็นโชคร้ายด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ หานปิงหนิงเป็นคนสำคัญในหน่วยสุญญตาของบุรุษหน้ากากผีด้วยเช่นกัน และแม้ว่าพวกเขาไม่สามารถรับความโปรดปรานจากบุรุษหน้ากากผีได้ การได้รับความโปรดปรานจากหานปิงหนิงก็ถือว่าเป็นเรื่องดีเช่นกัน
อาจกล่าวได้ว่าการกระทำของเบนสันทำได้สมบูรณ์แบบจนคนอื่นโกรธและอิจฉา
โรแลนด์ซูใจเย็นที่สุด นางแสดงสถานะของนางได้เร็วที่สุดและเผชิญหน้ากับความเสี่ยงและอันตรายที่สุดและดูเหมือนว่าจะไม่เหลือเดิมพันอะไรหลังจากเหตุการณ์นี้ นางมองดูใบหน้าที่ขมขื่นฝืนทนของวิคเตอร์ สวี่เย่ไม่กังวลเช่นกัน ตราบใดที่เขามอบนักโทษสุญญตาในมือของเขาออกไป นั่นก็นับเป็นความดีความชอบเช่นกัน
‘ตระกูลโซเบทโง่จริงๆ’
นางลอบถอนหายใจ นางรู้เหตุผลที่วิคเตอร์มาหานาง เนื่องจากเขาก็มีความคิดวางแผนของตัวเองไว้เช่นกัน เขาหวังว่าบุรุษหน้ากากผีจะสามารถมองเห็นคำแนะนำที่เขามีต่อโรแลนด์ซูและการกระทำที่จริงใจของเขาได้ เพื่อที่ว่าตระกูลโซเบทจะไม่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่แย่เกินไป
นางลอบสัญญากับตัวนางเองว่าถ้านางสามารถช่วยวิคเตอร์ได้ในตอนนั้น นางจะทำ
สวี่เย่หัวเราะทันที “ข้าสงสัยจริงๆเมื่อข่าวนี้ไปถึงหูของตระกูลหลูและถึงหูของฉินเจิ้น พวกเขาจะทำหน้ายังไง”
“พวกเขาจะต้องคิดว่าเป็นเรื่องกุขึ้น” เบนสันที่รู้สึกดีใจหยอกล้อนั่นเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยพบนัก
วิคเตอร์พูดทันที “ถ้าว่าเราจะลอบโจมตีตระกูลฉินตอนนี้จะเป็นยังไง?”
ทุกคนเพิ่งจะสงบใจลงได้ แต่ก็ตกใจกับข้อเสนอของวิคเตอร์
ตาของวิคเตอร์เป็นประกายดูดุร้าย “เมื่อเราเลือกข้างบุรุษหน้ากากผีแล้วเราก็ต้องต่อต้านตระกูลฉิน พวกท่านคิดว่าฉินเจิ้นจะยอมปล่อยเราไปหรือ? ดังนั้นทำไมถึงไม่ปลดแอกกันในตอนนี้ ฉวยโอกาสที่ฉินเจิ้นไม่อยู่ที่นี่และช่วยนักโทษหน่วยสุญญตาออกมาจากตระกูลฉิน ด้วยการได้สมาชิกหน่วยสุญญตามาเพิ่ม บุรุษหน้ากากผีจะแข็งแกร่งมากขึ้น การกระทำของเราจะยิ่งใหญ่ ต่อให้ฉินเจิ้นกลับมา เขาจะทำอะไรได้?”
เมื่อเห็นทุกคนมีท่าทีลังเลใจ หน้าของวิคเตอร์แดงและพูดอย่างตื่นเต้น “อย่าบอกข้าจะว่าพวกท่านยังต้องการทางเลือกเพิ่มเติม? ฉินเจิ้นจะให้โอกาสนั้นเราไหม? ไม่มีทาง! ถ้าเขารู้ว่าพวกท่านมอบนักโทษสุญญตาให้บุรุษหน้ากากผีและรู้ว่าท่าน เบนสันมอบองครักษ์เหล็กให้หานปิงหนิง เขาจะไม่ยอมปล่อยเราแน่นอน เราจะไม่มีโอกาสต่อต้านนักผู้แข็งแกร่งจากทำเนียบนักสู้ผู้ทรงอำนาจได้เลย มีแต่บุรุษหน้ากากผีเท่านั้นที่รับมือฉินเจิ้นได้!”
เบนสันยืนขึ้น “นับข้าเข้าไปด้วย”
โรแลนด์ซูยืนขึ้นเช่นกัน “ข้าร่วมด้วยเหมือนกัน”
สวี่เย่ฝืนหัวเราะ“ครั้งนี้เราลงเรือโจรกันหมดแล้ว”
ทุกคนมองหน้ากันและหัวเราะลั่น