ตอนที่แล้วตอนที่ 736 มาเถิดถังพื้นฐาน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 738 การพบกันของคนแซ่ซือหม่า

ตอนที่ 737 ชัยชนะ


เมื่อแสงรังสีกระจายออกจากปลายหอก  สายตาของหลูเทียนเหวินพลันว่างเปล่าแต่เขากลับลุยเดินหน้าต่อ

เขาตกใจเมื่อตระหนักว่าแรงสั่นสะเทือนในอากาศรอบตัวเขาหายไป  สายลมและสายฟ้าที่รุนแรงหายไป พลังที่ฉายอยู่ในผิวกฎธรรมชาติของเขาหายไปไม่เหลือร่องรอย

เขาเริ่มหลั่งเหงื่อเยียบเย็น

ก่อนที่เขาจะทันตั้งตัวลมที่รุนแรงกระโชกเข้าหาเขาภายในแสงสีขาว

หลูเทียนเหวินแทบจะไม่รู้ตัวเขารั้งหอกสายลมสายฟ้ากลับมาป้องกันอกของเขา

แคล้ง!

ดาบที่ทรงพลังฟันใส่หอกลมสายฟ้าพลังที่น่าทึ่งทำให้ฝ่ามือของหลูเทียนเหวินร้อนจนแทบสูญเสียการควบคุมหอกราวกับว่ามันต้องการจะบินหนี  ‘ทำไมบุรุษหน้ากากผียังมีพลังอยู่อีก? วิชานี้เขาเคยใช้มาก่อน’

‘เป็นไปไม่ได้!’

หลูเทียนเหวินตกใจ เขายังไม่เข้าใจว่าถังเทียนทำยังไงถึงได้ทำลายวิชาของเขาได้ พลังทั้งหมดในกฎธรรมชาติผิวเผินพุ่งกลับเข้ามาในร่างของเขาเว้นเสียแต่ว่าฝ่ายตรงข้ามรู้แจ้งสนามพลังกฎธรรมชาติ  ไม่มีทางที่จะทำลายวิชาของเขาได้’

แคล้ง  แคล้ง แคล้ง!

เสียงปะทะกันอย่างต่อเนื่องดังออกมาพร้อมกับเสียงลมที่รุนแรงปะทะใส่หอกของเขาทำให้เขาสั่นอย่างรุนแรง

‘อะไร...เกิดเรื่องบ้าอะไรกันแน่....’

หน้าของเขาค่อยๆไร้สีเลือด ทำให้ตอนนี้หน้าเขาซีดเผือด ในสถานการณ์ปกติ  เขาไม่มีทางยอมแพ้แต่แรงฟันต่อหน้าต่อตาเขา แต่ขณะนั้นเขาเป็นเหมือนลูกธนูที่พุ่งสุดล้าแล้ว ด้วยแรงฟันต่อเนื่องเขาไม่มีเวลาได้พักหายใจ แขนของเขาชาแล้ว

เขากลั้นหายใจในอกเขา  แต่เขาไม่มีโอกาสสูดลมหายใจได้อีกแล้ว

แคล้ง  แคล้ง แคล้ง  แคล้ง!

แขนขวาของเขาชามาก  แต่เขาไม่กล้าเคลื่อนไหวโดยพลการ  เขายังคงกลั้นลมหายใจอึดหนึ่งไว้  ถ้าเขาประมาทพลาดพลั้ง  เขาจะสูญเสียลมหายใจอึดสุดท้ายทันที  และนั่นจะเป็นเวลาที่เขาตาย

หน้าของเขาบิดเบี้ยว  ร่างของเขาสั่นไปหมด  แต่เขาทนได้

เขาจำไม่ได้อีกต่อไปแล้วว่าใช้พลังฟันไปเท่าใดแล้ว

อาโมรี่คือคนแรกที่ฟันดาบออก  และโดยการยืมพลังปะทะของหอก  เขาลงมายืนที่ประตูใหญ่อีกครั้ง  เมื่อเห็นว่าพวกพ้องน้องพี่วิ่งถาโถมใส่หลูเทียนเหวินกันทุกคน  เขายิ้ม หน้าที่แดงเปื้อนเลือดยิ้มเห็นฟันขาว

เขาถอยกลับไปที่ประตูใหญ่  ทุกๆ ย่างก้าวเขาทิ้งรอยเท้าเปื้อนเลือดไว้เบื้องหลัง

เขาถอยกลับไปประจำที่ตำแหน่งเดิม

มีหลายครั้งที่เราต้องถูกดันกลับไปยังจุดเริ่มของเรา  และจากนั้นเราจะมองเห็นความคิดมากมายจากตรงนั้น

ด้วยดาบยักษ์ที่อยู่ข้างตัวเขา  โลหิตที่เหนียวอุ่นไหลมาตามดาบหยดลงพื้น

แม้จะมีเลือดท่วมตัวแต่ตาทั้งคู่ไม่เคยหลั่งน้ำตาหรือแสดงความโกรธ มีแต่เพียงท่าทีที่มุ่งมั่นและจริงจัง

เขาลากดาบยักษ์และเริ่มวิ่งตรงไปที่ประตูปราสาทหิน  ตรงเข้าไปในแสงของของการสู้รบมุ่งหน้าเข้าไปหาความฝันและความเชื่อมั่น เขาวิ่งเข้าไปอย่างสุดกำลัง สายลมหวีดหวิวผ่านหูของเขา  เลือดไหลทั่วตัว บาดแผลทั่วตัวทุกย่างก้าวเขาต้องการกู่ร้องให้ก้องโลก

‘เราไม่มีทางยอมแพ้  เอาเลย อาโมรี่’

เมื่อผ่านประตูใหญ่ไป  เขาวิ่งตรงเข้าไปหาที่แสง ก้าวไปบนกำแพงหินพุ่งออกไปอย่างสุดกำลัง

‘เอาเลย อาโมรี่!’

เมื่อเห็นภาพหลูเทียนเหวินอยู่ต่อหน้าเขากำลังขยายใหญ่  อาโมรี่กู่ก้องร้องในใจ  กล้ามเนื้อทั้งหมดเขม็งตึงเลือดย้อมดาบหนักจากท้ายขึ้นมา เขาฟันดาบออกไปทันที

พิฆาตฟ้า

หลูเทียนเหวินดิ้นรนอย่างขมขื่น  สายตาของเขาพร่ามัว เมื่อร่างที่ตัวเปื้อนเลือดวิ่งเข้ามาหาเขาเหมือนกับกระทิงบ้า

หอกในมือของเขาไม่สามารถรับแรงฟันที่มาถึงเขาได้อย่างต่อเนื่อง

‘นี่มัน...’

ตาของหลูเทียนเหวินเต็มไปด้วยความหวาดกลัว  แนวเส้นสีแดงตัดไปตามตัวร่างกายกลางกายเขา  ผ่าเขาออกเป็นสองท่อน  เลือดฉีดพุ่งไปทั่ว  และความกลัวในสายตาของหลูเทียนเหวินมีต่อเพิ่มมากขึ้น

‘ไม่...’

อาโมรี่ไม่มีถอยเมื่อเขาบินเข้าหาหลูเทียนเหวินโดยใช้แรงอึดสุดท้ายในตัวเขาเขากระแทกกับภูเขาด้านหลังแล้วกลิ้งไปไกลเหมือนหินตลอดทางกว่าจะหยุดได้

เขานอนแผ่อยู่บนพื้นไม่มีแม้แต่แรงจะกระดิกนิ้ว

เขาจ้องมองท้องฟ้าอย่างว่างเปล่า หน้าของเขาเหม่อลอยและเต็มไปด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ

‘ข้าทำได้....  ข้าทำได้.... ข้าทำได้ใช่ไหม?’

ถังเทียนที่กำลังลอยตัวอยู่  ในที่สุดก็สงบลงได้  นัยน์ตาของเขากลับเป็นสีดำ และร่วงลงมา

สำนึกกระบี่สายหนึ่งลอยขึ้นในอากาศและในชั่วเวลาต่อมาร่างหนึ่งเปล่งรัศมีเย็นยะเยียบปรากฏตัวบนภูเขาและคว้าตัวถังเทียนไว้  หานปิงหนิงเพิ่งจะออกมาจากการขังตัวฝึกฝีมือ

หานปิงหนิงในตอนนี้เหมือนกับกระบี่เย็นที่คมกล้า ตลอดทั้งตัวนางเปล่งกลิ่นอายที่แหลมคมเยือกเย็น  แตกต่างจากที่ผ่านมา  หลังจากได้รับบาดเจ็บต่อเนื่องนางขังตัวเองฝึกฝีมือ  ขณะที่ทุกคนกำลังทุ่มเทชีวิตเข้าต่อสู้  หัวใจนางเต็มไปด้วยความไม่สบายใจและเสียใจเนื่องจากนางไม่ได้ต่อสู้เคียงข้างกับคนอื่น แต่นางยังไม่สามารถออกมาได้และหยุดกระบวนการฝึกของนาง

ซึ่...  ร่างของนางกระพริบวาบและมาปรากฏข้างอาโมรี่และประคองเขาขึ้นมาเช่นกัน

แม้ว่าจะเพิ่งฟันไปดาบเดียว แต่หน่วยสุญญตาทุกคนก็หมดเรี่ยวแรงไม่เหลือ  พวกเขานั่งกับพื้นหอบหายใจ

หมิงจูยืนตะลึง  ไม่ใช่แต่เพียงนางเท่านั้น ทั่วทั้งปราสาทเขาสะท้อนตกอยู่ในความเงียบที่แปลกประหลาด

หลังจากนั้นเป็นเวลานาน  ก็มีเสียงโห่ร้องดังกึกก้อง

พวกเขาชนะ!

กลุ่มคนที่มาสังเกตดูการสู้รบ หลังจากได้ยินเสียงโห่ร้องร่าเริงจากปราสาทเขาสะท้อนแล้วเต็มไปด้วยอาการตกใจเหลือเชื่อ

“พวกเขา..พวกเขาฆ่าหลูเทียนเหวินได้จริงๆหรือนี่?” คำพูดของวิคเตอร์เหมือนกับพูดอย่างไร้สาระ

คนที่เหลือก็ไม่ต่างกัน

“เป็นไปไม่ได้... วิชาของหลูเทียนเหวิน..พวกเขาสามารถทำลายได้ยังไง...” สีหน้าปัจจุบันของสวี่เย่เหมือนกับคนบ้า ในพวกเขาทุกคน มีเขาแข็งแกร่งที่สุด ดังนั้นจึงได้รับผลกระทบมากที่สุด

เสียงพึมพำของสวี่เย่ฝังลึกในใจทุกคน

วิชาสุดท้ายของหลูเทียนเหวินเป็นวิชาอีกระดับหนึ่งเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อน มันถูกทำลายได้ยังไง?

โรแลนด์ซูตะลึง  การต่อสู้ของทั้งหมดเหมือนฝัน  นักโทษหน่วยสุญญตา 65 คนไม่ใช่จำนวนเล็กน้อยเลย และเดิมพันนี้สำหรับตระกูลโรแลนด์จะไม่มีทางมาได้อีก ถ้านางไม่ได้รับตำแหน่งประมุขตระกูลมานานและมีอำนาจแข็งแกร่ง  นางจะไม่มีทางมีอำนาจตัดสินใจได้เช่นนั้น

สีหน้าที่หลูเทียนเหวินแสดงออกมาทำให้นางเชื่อว่าตำแหน่งของนางคงถูกริบเนื่องจากการตัดสินใจผิด แม้แต่นางก็ยังไม่เชื่อว่าบุรุษหน้ากากผีจะสามารถทนได้

นางรู้ว่านางแพ้

แต่ไม่มีใครคิดเลยว่ากลับตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง ไม่เพียงแต่บุรุษหน้ากากผีจะไม่ถูกหลูเทียนเหวินฆ่าเท่านั้น  แต่เขายังฆ่าหลูเทียนเหวินได้  โรแลนด์ ซูที่คิดว่านางทุ่มเบี้ยพนันทุกอย่างและถูกกินไปแล้วกลับสะท้านเมื่อนางตระหนักถึงความเป็นจริงและในเวลานั้นนางรู้สึกเหมือนกับนางอยู่ในความฝัน

เบนสันเป็นคนแรกที่หายจากอาการตกใจ  เขาไม่หวังเลยว่าจะมีความสำเร็จอะไร  แต่เพียงเพื่อสร้างประโยชน์ให้เด็กสาวทั้งสองได้เห็นประจักษ์ถึงการต่อสู้ที่ทรงพลัง  แต่ใครจะคิดกันว่าเขาจะได้เห็นการต่อสู้ที่ท้าทายสวรรค์เช่นนี้

แฝดสาวทั้งคู่หน้าไร้สีเลือดซีดขาวราวกับกระดาษ สีหน้าของพวกนางชะงักค้าง

เบนสันพูดทันที  “เสี่ยวหวี่ เสี่ยวเย่”

สตรีทั้งสองมองดูเบนสันอย่างมึนงง

“เจ้าทั้งสองไม่จำเป็นต้องกลับไปที่ตระกูลอีกแล้ว”  เบนสันพูดอย่างพูดอย่างหนักแน่น “แม่นางหานได้รับความยากลำบากอยู่ในตระกูลมัวร์  คุณหนูมักรู้สึกละอายใจและอึดอัดใจเสมอ จากนี้ไปพวกเจ้าทั้งสองคนจงไปที่ปราสาทเขาสะท้อน และติดตามแม่นางหานและคอยช่วยเหลือนาง  รับใช้แม่นางหาน  ทำเหมือนกับเจ้ารับใช้คุณหนู”

สตรีทั้งสองไม่เข้าใจคำสั่งเบนสันแม้แต่น้อย   แต่นางได้รับการดูแลเป็นอย่างดีจากเขามาตั้งแต่อายุยังน้อยอยู่แล้ว  พวกนางเชื่อฟังทำตามคำสั่งของเขามาโดยตลอด

เบนสันไม่ได้อธิบายแต่กล่าว “ไปเถอะ การต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ของเขาจบแล้ว  พวกเขาขาดแคลนกำลังคน  พวกเจ้าไปเร็วก็ยิ่งช่วยได้มาก”

สตรีทั้งสองคนรับปากอย่างมึนงงและหมุนตัวบินเข้าไปที่ปราสาทเขาสะท้อน

จากนั้นคนที่เหลือจึงได้ฟื้นขึ้นจากอาการตกใจ พวกเขาไม่เคยคาดว่าเบนสันจะชิงเคลื่อนไหวก่อน  และทุกคนก่นด่าเขาในใจ  เจ้าหน้าดำที่ดูเหมือนโง่  แต่กลับเป็นคนมีสติปัญญาเฉียบแหลมที่สุด  เขาพาเด็กสายเลือดใหม่มาชมโลกกว้างและจากนั้นก็มอบองครักษ์เหล็กแก่หานปิงหนิง  ความเคลื่อนไหวของเขาแยบยลนัก

แม้ว่าหลูเทียนเหวินจะพ่ายแพ้เนื่องจากการร่วมมือของบุรุษหน้ากากผีและบริวารของเขา แต่พลังของบุรุษหน้ากากผีก็เพียงแค่อ่อนแอกว่าหลูเทียนเหวินเล็กน้อยเท่านั้น  นอกจากนี้พลังรบที่หน่วยสุญญตาแสดงออกมาก็ทำให้ทุกคนตกใจ

ถ้าบุรุษหน้ากากผีสามารถรวบรวมหน่วยสุญญตาได้ทั้งหมด  เขาคงกวาดไปทั่วแดนบาปและไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงได้

คราวนี้ทุกคนรู้แล้วว่าบุรุษหน้ากากผีก็คือผู้สนับสนุนที่ใหญ่ที่สุดและอ้วนที่สุดที่พวกเขาสามารถหาได้  และถ้าไม่โดดมาร่วมกับเขาก็แสดงว่าโง่บัดซบ

ความเคลื่อนไหวของเบนสันโดยให้สตรีสองคนแก่หานปิงหนิงเป็นความคิดที่แยบยล เนื่องจากหานปิงหนิงได้รับความคับข้องใจอยู่ในตระกูลมัวร์ ในความเป็นจริงไม่มีใครรู้ความสัมพันธ์ระหว่างหานปิงหนิงและบุรุษหน้ากากผีและถ้าหานปิงหนิงโกรธแค้นเด็กสาวทั้งสอง ก็คงไม่ใช่เรื่องดี การให้พวกนางอาจถูกมองได้ว่าเป็นโชคร้ายด้วยเช่นกัน  นอกจากนี้ หานปิงหนิงเป็นคนสำคัญในหน่วยสุญญตาของบุรุษหน้ากากผีด้วยเช่นกัน และแม้ว่าพวกเขาไม่สามารถรับความโปรดปรานจากบุรุษหน้ากากผีได้  การได้รับความโปรดปรานจากหานปิงหนิงก็ถือว่าเป็นเรื่องดีเช่นกัน

อาจกล่าวได้ว่าการกระทำของเบนสันทำได้สมบูรณ์แบบจนคนอื่นโกรธและอิจฉา

โรแลนด์ซูใจเย็นที่สุด  นางแสดงสถานะของนางได้เร็วที่สุดและเผชิญหน้ากับความเสี่ยงและอันตรายที่สุดและดูเหมือนว่าจะไม่เหลือเดิมพันอะไรหลังจากเหตุการณ์นี้  นางมองดูใบหน้าที่ขมขื่นฝืนทนของวิคเตอร์  สวี่เย่ไม่กังวลเช่นกัน ตราบใดที่เขามอบนักโทษสุญญตาในมือของเขาออกไป  นั่นก็นับเป็นความดีความชอบเช่นกัน

‘ตระกูลโซเบทโง่จริงๆ’

นางลอบถอนหายใจ  นางรู้เหตุผลที่วิคเตอร์มาหานาง  เนื่องจากเขาก็มีความคิดวางแผนของตัวเองไว้เช่นกัน เขาหวังว่าบุรุษหน้ากากผีจะสามารถมองเห็นคำแนะนำที่เขามีต่อโรแลนด์ซูและการกระทำที่จริงใจของเขาได้  เพื่อที่ว่าตระกูลโซเบทจะไม่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่แย่เกินไป

นางลอบสัญญากับตัวนางเองว่าถ้านางสามารถช่วยวิคเตอร์ได้ในตอนนั้น นางจะทำ

สวี่เย่หัวเราะทันที  “ข้าสงสัยจริงๆเมื่อข่าวนี้ไปถึงหูของตระกูลหลูและถึงหูของฉินเจิ้น พวกเขาจะทำหน้ายังไง”

“พวกเขาจะต้องคิดว่าเป็นเรื่องกุขึ้น”  เบนสันที่รู้สึกดีใจหยอกล้อนั่นเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยพบนัก

วิคเตอร์พูดทันที “ถ้าว่าเราจะลอบโจมตีตระกูลฉินตอนนี้จะเป็นยังไง?”

ทุกคนเพิ่งจะสงบใจลงได้  แต่ก็ตกใจกับข้อเสนอของวิคเตอร์

ตาของวิคเตอร์เป็นประกายดูดุร้าย  “เมื่อเราเลือกข้างบุรุษหน้ากากผีแล้วเราก็ต้องต่อต้านตระกูลฉิน  พวกท่านคิดว่าฉินเจิ้นจะยอมปล่อยเราไปหรือ?  ดังนั้นทำไมถึงไม่ปลดแอกกันในตอนนี้  ฉวยโอกาสที่ฉินเจิ้นไม่อยู่ที่นี่และช่วยนักโทษหน่วยสุญญตาออกมาจากตระกูลฉิน ด้วยการได้สมาชิกหน่วยสุญญตามาเพิ่ม บุรุษหน้ากากผีจะแข็งแกร่งมากขึ้น การกระทำของเราจะยิ่งใหญ่ ต่อให้ฉินเจิ้นกลับมา เขาจะทำอะไรได้?”

เมื่อเห็นทุกคนมีท่าทีลังเลใจ  หน้าของวิคเตอร์แดงและพูดอย่างตื่นเต้น “อย่าบอกข้าจะว่าพวกท่านยังต้องการทางเลือกเพิ่มเติม?  ฉินเจิ้นจะให้โอกาสนั้นเราไหม?  ไม่มีทาง!  ถ้าเขารู้ว่าพวกท่านมอบนักโทษสุญญตาให้บุรุษหน้ากากผีและรู้ว่าท่าน เบนสันมอบองครักษ์เหล็กให้หานปิงหนิง  เขาจะไม่ยอมปล่อยเราแน่นอน เราจะไม่มีโอกาสต่อต้านนักผู้แข็งแกร่งจากทำเนียบนักสู้ผู้ทรงอำนาจได้เลย  มีแต่บุรุษหน้ากากผีเท่านั้นที่รับมือฉินเจิ้นได้!”

เบนสันยืนขึ้น  “นับข้าเข้าไปด้วย”

โรแลนด์ซูยืนขึ้นเช่นกัน  “ข้าร่วมด้วยเหมือนกัน”

สวี่เย่ฝืนหัวเราะ“ครั้งนี้เราลงเรือโจรกันหมดแล้ว”

ทุกคนมองหน้ากันและหัวเราะลั่น

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด