ตอนที่ 734 แม่สี่
หุบเขาแม่น้ำขาว บันไดสวรรค์ชั้นที่ห้า
ในหุบเขาที่ทอดระยะยาวหลายพันไมล์ เย่ว์หยางไล่ตามจ้าวปีศาจโบราณ
แม้ว่าจ้าวปีศาจโบราณจะวางกับดักที่ไม่คาดคิดและอันตรายไว้ก็ตาม เย่ว์หยางฟื้นฟูความมั่นใจหลังจากแก้ปมในหัวใจได้ ในสายตาของเสวี่ยอู๋เสีย เรื่องแต่เก่าก่อนที่เขากังวลนั้นจะไม่มีความสำคัญอะไรเลย เสวี่ยอู๋เสียรักเขา ไม่ใช่สถานะของเขา บัดนี้เรื่องนี้ไม่เป็นปัญหาต่อเขาอีกต่อไป ยังมีอะไรอื่นที่เขาต้องกลัวอีก?
แม้ว่าจ้าวปีศาจโบราณจะมีชีวิตมานานมากกว่าหลายพันปี มีทักษะพิเศษบางอย่าง แต่เย่ว์หยางก็มีไพ่เด็ดมากมายอยู่ในมือด้วยไม่ใช่หรือ? เขามีเทพธิดากระบี่ฟ้า, พี่น้องหงส์เพลิงและกิเลนสาวปิงหยินซึ่งเป็นอสูรอมตะที่สามารถสู้กับศัตรูได้อย่างอิสระ
ตราบเท่าที่แม่สี่และผู้อาวุโสคนอื่นจะไม่ชอบจ้าวปีศาจโบราณ เนื่องจากสถานะของเขา แต่เย่ว์หยางมั่นใจว่าเขาจะสามารถเอาชนะจ้าวปีศาจโบราณได้แน่
พวกเขาบินเดินทางอย่างไม่หยุดยั้งและมาถึงจุดที่ห่างจากจุดองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนสามร้อยไมล์ ก่อนที่จ้าวปีศาจโบราณจะหยุดในที่สุด
ด้านหน้าพวกเขามีแท่นบูชายัญสีแดงขนาดใหญ่ ดูราวกับว่าถูกย้อมด้วยเลือด ตัดสินได้จากเศษซากที่กระจัดกระจายอยู่รอบแท่นบูชา ภาพปรากฏเหมือนกับว่าในอดีตมีสงครามดุเดือดเกิดขึ้นในบริเวณใกล้ แม้แต่แท่นปะรำพิธีก็ยังไม่เว้น เต็มไปด้วยรอยแตกร้าวกระจายอยู่ทั่วผิวเหมือนกับใยแมงมุม
ในใจกลางของแท่นบูชาสีเลือดขนาดยักษ์มีรูปประติมากรรมสูงร้อยเมตร ข้างใต้จะเป็นวงเวทผนึกโบราณ
หัวของรูปสลักหินถูกทำลายอย่างหมดสิ้นและเหลือเพียงส่วนเล็กๆ ด้านบนเท่านั้น แต่รูปสลักนั้นยังพอระบุเพศได้ว่า เป็นรูปสลักสตรี ยกเว้นแต่ด้านล่างลงมายังมีแขนข้างเดียวเท่านั้นที่ยังติดอยู่ นิ้วของมือข้างนี้ตั้งอยู่ในท่ามุทรามือที่ลึกลับ ฝ่ามือหันออกด้านนอก มีอักษรรูนโบราณบนนิ้วมือสัมพันธ์กับมุทราเพื่อสร้างผนึก แม้ว่าเย่ว์หยางจะไม่คุ้นเคยกับอักษรรูนโบรานเหล่านี้ได้หมด แต่มีอยู่จุดหนึ่งที่เขาแน่ใจได้ว่าหน้าที่ของมันช่วยเสริมพลังให้กับวงเวทผนึกโบราณภายใต้ฐานของรูปสลักยักษ์
หลังจากที่หัวและแขนข้างหนึ่งของรูปสลักถูกทำลาย รูปสลักสตรีก็ไม่สามารถสร้างผนึกที่สามารถใช้พลังได้สูงสุดอีกต่อไป อย่างไรก็ตามผนึกยังไม่สามารถปลดออกได้ง่ายๆ จากนักอัญเชิญทั่วๆ ไป
เท่าที่สังเกตผนึกอย่างระมัดระวัง เย่ว์หยางพบร่างสิบร่างที่อยู่บนแท่นบูชาสีแดงขนาดใหญ่ ซึ่งกำลังรอเขาอยู่
หนึ่งในนั้นคือจื้อจุน ส่วนอีกเก้าคนยืนอยู่ด้านตรงข้ามเขารักษาระยะห่างไว้ ตามข้อมูลที่จงกวนและอีกสามคนซึ่งยอมแพ้ไปก่อนหน้านั้นรายงาน นอกจากกลุ่มเก้าคนนี้ เย่ว์หยางยังสามารถจำเย่เซียว, จื้อกวง เยี่ยซู่และเป่ยได้ ที่อยู่ห่างจากสี่คนนี้ไปเป็นนักรบระดับสูง จักรพรรดิชื่อตี้และสนมชื่อเฟยที่จับคู่กัน แม้ว่าพวกเขาจะสวมชุดคลุมบังตัวเอาไว้ แต่เย่ว์หยางก็ยังจำพวกเขาได้แม้แค่เพียงเหลือบมองเท่านั้น
ที่สำคัญคือเย่ว์หยางเคยสู้กับพวกเขามาก่อน พวกเขาคิดว่าพวกเขาสามารถหลอกเขาได้โดยแค่เพียงสวมชุดคลุมตัวเอาไว้หรือ? นั่นเป็นไปไม่ได้! นอกจากนี้ ชุดคลุมนั้นไม่มีผลอะไรต่อเย่ว์หยาง เนื่องจากเขาเชี่ยวชาญด้านตาทิพย์
นอกจากจักรพรรดิชื่อตี้และสนมชื่อเฟยแล้ว ยังมีอีกสองคนที่ควรให้ความสนใจเป็นพิเศษ เย่ว์หยางประหลาดใจที่เขาเพียงแต่รู้สึกถึงความคงอยู่ของพวกเขา เพราะพวกเขาดูเหมือนล่องหนอยู่ ที่แย่ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าเขาจะรู้สึกถึงพวกเขาได้ แต่เขาไม่สามารถระบุได้ว่าพวกเขาเป็นใคร ทั้งไม่สามารถบอกระดับพลังได้ สำหรับจักรพรรดินีราตรีที่มีสนามพลังดาราราย ตอนนี้เย่ว์หยางสามารถเห็นเงาร่างได้ เมื่อเขาใช้ตาทิพย์ นางไม่สามารถล่องหนได้อย่างสิ้นเชิงเหมือนเมื่อก่อน
ที่นี่และตอนนี้ สองคนที่อยู่ข้างหน้าเย่ว์หยางล่องหนได้สมบูรณ์ นั่นหมายความว่าอะไร? ก็หมายความว่าพลังของพวกเขายังมีระดับที่สูงกว่าจักรพรรดินีราตรีมาก!
ทันใดนั้นเย่ว์หยางตระหนักได้ถึงเหตุที่จื้อจุนยืนยันว่าจะไปก่อน นางห่วงว่านักระดับสูงของอีกฝ่ายจะลงมือโจมตีทันทีที่คนแรกปรากฏตัว
เมื่อเย่ว์หยางเห็นคนสุดท้าย ความรู้สึกคุ้นเคยทำให้เย่ว์หยางประหลาดใจ เหมือนกับว่าเขาเคยเห็นคนผู้นี้มาก่อน พูดให้ถูกก็คือผู้นี้ไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นอสูร อย่างไรก็ตามร่างของนางคล้ายมนุษย์มากแทบใกล้จะเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์
พลังไม่ได้แข็งแกร่งเป็นพิเศษ แต่อสูรสตรีนี้มีความสามารถอยู่ในร่างมนุษย์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ยกเว้นปีกคู่สีแดงโลหิตบนหลังนางแล้ว ไม่มีอะไรทำให้นางแตกต่างจากมนุษย์
อสูรสตรีมองดูเย่ว์หยางก่อนจะหันมาทางจ้าวปีศาจโบราณ นางก้าวมาข้างหน้าและแสดงสีหน้าอารมณ์ที่แปลกประหลาด นางพูดด้วยสำเนียงแปร่ง เหมือนกับว่าพยายามระงับอารมณ์ “ท่านคือเย่ว์หยาง คุณชายสามตระกูลเย่ว์ใช่ไหม? ข้าขอถามอะไรบางอย่างได้ไหม? นางอยู่ข้างท่านหรือเปล่า? นางปลอดภัยภัยดีไหม? ตอนแรก ข้าไม่ต้องการทิ้งนางไป แต่ข้า..ไม่มีทางเลือกจริงๆ..”
เย่ว์หยางสับสน นางกำลังพูดเรื่องอะไร? เย่ว์หยางเคยพบนางมาก่อนหรือ?
จากนั้นเย่ว์หยางใช้เวลามองดูลักษณะนางอย่างระมัดระวัง มีความรู้สึกคุ้นเคยที่อธิบายไม่ถูก ทันใดนั้นมีความคิดบางอย่างผุดขึ้นมาในหัวเย่ว์หยาง “ท่าน..ท่านคือแม่ของนางพญากระหายเลือด อาหงใช่ไหม?”
“ชื่อปัจจุบันของนางชื่ออาหงหรือ?” สตรีที่ดูเหมือนอาหงดีใจที่ได้ยินเช่นนั้น แต่จากนั้นนางรู้สึกหดหู่ใจ ตาของนางเต็มไปด้วยน้ำตา นางกล่าว ลูกที่น่าสงสารของแม่ ข้าได้ยินว่านางกลายเป็นอสูรพิทักษ์ของเจ้า นางพัฒนาเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์หรือยัง? นางปล่อยให้ตัวเองตกมาอยู่ในห้วงมหาภัยเช่นนี้ได้ยังไง? เผ่าอสูรโลหิตของเราทุ่มเทพลังทั้งหมดเพื่อรักษาความลับนั้นไว้ เราเกือบถูกล้างเผ่าพันธุ์ไปแล้ว ตอนนี้นางยังไม่สามารถหลีกหนีชะตาเดียวกันนี้ได้”
“ทำไมท่านถึงอยู่ที่นี่กับพวกเขา?” เย่ว์หยางรู้สึกสับสนอีกครั้ง ยกเว้นเย่ว์หยาง ทุกคนมีพลังปราณฟ้าอย่างน้อยระดับสี่ แต่สตรีนางนี้ยังไม่เป็นแม้กระทั่งอสูรศักดิ์สิทธิ์ ทำไมนางอยู่ที่นี่กับพวกเขา? นางมีความสัมพันธ์ใดกับจ้าวปีศาจโบราณ?
เกิดอะไรขึ้นระหว่างปีนั้น? เป็นความลับระหว่างแม่สี่กับเย่ว์ชิว แต่ทั้งสองคนมีความสัมพันธ์ใดกับเผ่าอสูรโลหิต?
จ้าวปีศาจโบราณมาปรากฏอยู่ด้านหลังเย่ว์หยางเงียบๆ ขณะที่เขาหัวเราะ “เจ้าก็รู้ไม่ใช่หรือ? แน่นอน ข้าเข้าใจสถานการณ์ของเจ้าดี สำหรับคนภายนอกอย่างเจ้าเป็นไปไม่ได้ที่จะรู้ความจริง”
เย่ว์หยางยังคงเงียบ เป็นเรื่องไร้ประโยชน์ที่เขาจะเถียงกับจ้าวปีศาจโบราณ วันนี้ความจริงเป็นเรื่องแปลก ไร้เหตุผล เขาเข้าไปใกล้จื้อจุน จากนั้นถามเบาๆ “แม่สี่อยู่ที่ไหน?”
เย่ว์หยางไม่เห็นแม่สี่อยู่ใกล้แท่นบูชา แม่สี่ถูกจ้าวปีศาจโบราณจับตัวไปหรือ? ความคิดนี้วนเวียนอยู่ในใจของเขา แต่แล้วเขาตกใจ จ้าวปีศาจโบราณไม่ใช่คนประเภทที่ละเว้นจากการใช้สตรีอ่อนแอ ตรงกันข้าม เจ้าผู้นี้จะต้องใช้แม่สี่เป็นตัวประกัน ถ้าเขาสามารถทำได้
จื้อจุนไม่ตอบคำถามของเขา นางบอกใบ้ว่าเขาควรรอชั่วขณะและดูว่าเกิดอะไรขึ้น
ประมาณสิบนาทีต่อมา วงเวทผนึกโบราณปล่อยคลื่นพลังงานออกมา อย่างไรก็ตามคลื่นเหล่านั้นถูกข่มโดยพลังมุทราของรูปสลัก
ทันใดนั้นที่ฐานรูปสลักแยกออก
ผนังหินสองด้านที่ฐานแยกออกและมีทางยาวประมาณสิบเมตร ที่ท้ายทางเดินมีประตูใหญ่ซึ่งแม่สี่ยืนอยู่ข้างหน้า ขณะที่เย่ว์หยางเดินเข้าไปหานางเพื่อคุ้มครองนางออกมา ทันใดนั้นเขาตะลึงกับภาพที่อยู่หน้าแม่สี่ มีบุรุษคนหนึ่งคุกเข่าอยู่กับพื้น มีแขนซ้ายเขาคอยยันผนังประตูหิน
บุรุษร่างใหญ่นั้นตาเบิกกว้างและจ้องมองด้วยความโกรธพยายามจะยกประตูหิน แม้ว่าเขาไม่รู้ว่าบุรุษผู้นั้นตายไปนานเท่าใดแล้วก็ตาม กล้ามเนื้อที่ปูดโปนของเขามองดูเหมือนลูกตุ้มเหล็ก
แม้ว่าบุรุษผู้นี้จะเสียชีวิตไปแล้วก็ตาม แต่การกระทำที่กล้าหาญของเขายังทำให้หลายคนรู้สึกว่าเขาจะสามารถลุกขึ้นมายกประตูหินได้ สำหรับเขาประตูหินไม่เป็นภาระเลยแม้แต่น้อย แต่เป็นผนึกบนประตูหินที่นำความตายมาให้เขา ในช่วงที่ยังมีชีวิต บุรุษผู้นี้สาบานว่าจะเปิดประตูหินให้ได้ ดังนั้นแม้หลังจากเขาตายแล้ว เขาก็ยังคงค้ำประตูหินไว้บนร่างกายของเขา
เขาเป็นใคร? ทำไมเขาทำเช่นนี้?
“ซานเอ๋อ, คุกเข่า” แม่สี่พูดช้าๆ ขอให้เย่ว์หยางคุกเข่าต่อหน้าบุรุษผู้ใช้ร่างของเขาค้ำเปิดประตูไว้
“ปัง!”
เย่ว์หยางรู้สึกตกตะลึง ดังนั้นเขาไม่ได้ทำตามคำสั่งแม่สี่
อย่างไรก็ตามจ้าวปีศาจโบราณที่อยู่ข้างเขาคุกเข่าต่อหน้าบุรุษนั้นทันทีโดยไม่ลังเล จ้าวปีศาจโบราณคำนับบุรุษที่ถลึงตามองมาตรงๆ ด้วยความเคารพ หลังจากคำนับครบเก้าครั้ง จ้าวปีศาจโบราณลุกขึ้นยืนและเดินไปยืนข้างหลังแม่สี่ราวกับว่าไม่มีคนอื่นอยู่ใกล้
และแล้วในที่สุดเย่ว์หยางก็รู้ว่าบุรุษที่กำลังยกประตูหินไม่ใช่คนนอก แต่เป็นเย่ว์ชิวผู้ที่เขาตามหาตัวมาตลอดหลายปี เนื่องจากใช้พลังเกินตัวมากเกินไป สีหน้าของเขาจึงดูบิดเบี้ยวสิ้นเชิง อย่างไรก็ตาม ถ้าดูเขาอย่างพินิจ ลักษณะของเขาค่อนข้างคล้ายกับเย่ว์หยาง เทียบกับร่างกายที่แข็งแกร่งดุจเหล็กและใบหน้าที่เหมือนถูกสลักขึ้นมาจากดาบของเย่ว์ชิว เย่ว์หยางดูเยาว์วัยและบอบบางกว่ามาก เย่ว์หยางไม่อาจเทียบกับเย่ว์ชิวได้ในแง่ความเป็นผู้ใหญ่และความแข็งแกร่ง
แม้เขาจะตายไปหลายปี แต่เย่ว์ชิวก็ยังสร้างความประทับใจเมื่อมีคนเห็นเขากำลังค้ำยันประตู
เย่ว์ชิวถูกฆ่าตายระหว่างถูกเหล่าปีศาจรุมล้อมไม่ใช่หรือ?
ทำไมเขาอยู่ที่นี่?
นี่คือสถานที่อะไร?
ทำไมเขายังค้ำยันเปิดประตูหินนี้ไว้ แม้ว่าจะต้องสละชีวิตของเขาก็ตาม? ที่สำคัญมีวงเวทผนึกโบราณอยู่ที่พื้นล่าง วงเวทผนึกเสริมพลังก็เพื่อใช้เปิดประตูศิลาหรือ? ความคิดนี้ผุดขึ้นมาในใจของเย่ว์หยาง แต่เขาปฏิเสธทันที ประตูศิลานี้ควรเป็นกุญแจสำคัญในการรักษาความปลอดภัยให้กับวงเวทผนึก เมื่อมันถูกปิด ประตูจะไม่สามารถเปิดได้อีกเป็นร้อยปี บางทีอาจเป็นพันปี หรือว่าปีศาจทั้งหลายถูกข่มไว้โดยวงเวทผนึกภายใต้แท่นบูชาสีเลือด?
“ซานเอ๋อ, คุกเข่า” แม่สี่ขึ้นเสียงและสั่งเขาอีกครั้ง
แม่สี่ดุเย่ว์หยางเสียงเข้ม อย่างไรก็ตามถ้าเย่ว์หยางตามใจเย่ว์ซวงมากเกินไป แม่สี่ก็จะขึ้นเสียงดุตักเตือนเขาให้ทำตัวเป็นตัวอย่างที่ดีของน้องสาว แทนที่จะเล่นนับมดและก่อกองทรายเล่นกับเธอ
ก่อนที่เย่ว์หยางจะลงมือปฏิบัติตามจ้าวปีศาจโบราณที่คุกเข่าอยู่แล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนกับนาง “แม่สี่! ข้าอยู่นี่! ตลอดหลายปีที่ผ่านมาข้า..ซานเอ๋อเร่ร่อนอยู่ข้างนอก ไม่กล้ากลับมาพบท่าน ข้ารู้ว่าข้าทำผิดไปหลายอย่าง ดังนั้นข้าไม่กล้ากลับมา เพราะกลัวท่านจะโกรธเมื่อท่านพบเจอ ทั้งไม่กล้าบอกความจริงให้ท่านทราบ เมื่อหลายปีมาแล้วข้าพบศพท่านพ่อ และได้รับรู้ความปรารถนาสุดท้ายของท่านพ่อ เวลานั้นมีคำหนึ่งว่า ความหวัง เป็นอักษรโลหิตเขียนอยู่ที่เท้าของท่านพ่อข้า แต่ต่อมาข้าไม่รู้ว่าใคร หรือว่าเมื่อไหร่มีคนมาลบมันออกไป แม่สี่! ข้าสามารถเป็นศัตรูได้ทั้งโลก สามารถทำอะไรได้หลายอย่างโดยถูกสากลโลกตราหน้าได้โดยไม่รู้สึกเสียใจ และข้าไม่สนใจแม้แต่น้อย แต่ข้าไม่ต้องการจะต่อต้านท่าน ไม่ต้องการทำให้ท่านเศร้า ไม่ต้องการเห็นท่านร้องไห้... ท่านอาจไม่มีอะไรที่ต้องทำกับข้าอีกต่อไป แต่ข้าคือเย่ว์หยางตัวจริง ท่านอาจคิดว่าข้ากลายเป็นปีศาจ แต่ข้าคือซานเอ๋อของท่านเสมอ!” คำพูดของเขาทำให้เย่ว์หยางขนลุก
หลังจากได้ยินเช่นนี้ แม่สี่ยังคงเงียบเป็นเวลานาน
จ้าวปีศาจโบราณห่อไหล่ทันที น้ำตาไหลหยดลงจากขอบชุดคลุมของเขาและร่วงลงพื้น “แม่สี่, ในอดีตที่ผ่านมาข้าป่วยมานานเกินกว่าเดือน ข้าเกือบจะตายอยู่แล้ว ยังดีที่เป็นท่านกับปิงเอ๋อที่ให้ยาช่วยชีวิตข้าอย่างต่อเนื่อง ท่านยังจำวันเหล่านี้ได้หรือไม่? ในอดีตซวงเอ๋อเอาหนังสือไปซ่อนไว้ใต้เตา ผลก็คือหนังสือถูกเผาขณะที่ท่านปรุงอาหาร ซวงเอ๋อรู้ว่าเธอตกอยู่ในที่นั่งลำบากหนักก็เลยร้องไห้ขอความช่วยเหลือ ในเวลานั้นข้าอุ้มเธอออกไปข้างนอก แต่สะดุดขณะก้าวข้ามธรณีประตู หน้าผากของข้าเลือดไหลไม่หยุด และซวงเอ๋อเอาแต่ร้องไห้กลัวว่าพี่ชายของเธอจะตาย ท่านจำเรื่องนั้นได้ไหม? แม่สี่ ข้าไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ตนเองกับท่านเลย ข้าคือซานเอ๋อของท่าน!” จ้าวปีศาจโบราณถอดชุดคลุมบังตัวออก หน้าของเขาคล้ายคลึงกับลักษณะของเย่ว์หยาง เทียบกับเย่ว์หยางแล้ว หน้าของจ้าวปีศาจโบราณและของเย่ว์ชิวคล้ายกันมากกว่า
“ซานเอ๋อไม่กล้าขอให้ท่านยกโทษให้ข้า ทั้งไม่กล้าคาดหวังให้ท่านรับข้ากลับไป แม่สี่! ซานเอ๋อแค่ต้องการบอกท่าน ข้าจะไม่มีทางเป็นศัตรูหรือทำร้ายท่าน!” จ้าวปีศาจโบราณคุกเข่าโขกศีรษะ บนพื้นเปียกไปด้วยน้ำตาของเขา
ทันใดนั้นแม่สี่หันไปสั่งทันที “เย่ว์หยาง, ถอดหน้ากากของเจ้า”
“....” เย่ว์หยางต้องการบอกความจริงกับนางทันที
อย่างไรก็ตาม เขาไม่ตั้งใจหลอกนาง มันเป็นความเข้าใจผิด
หลังจากใช้ชีวิตเป็นครอบครัวด้วยกันมาเป็นเวลานานขนาดนั้น เย่ว์หยางปรนนิบัตินางในฐานะเป็นญาติสนิทที่สุดของเขา ไม่ว่านี่จะเป็นเรื่องจริงหรือเท็จ แต่เขาก็ยังคงแสดงความกตัญญูต่อแม่สี่ในฐานะซานเอ๋อเสมอมา เขายินดีใช้ทั้งชีวิตเพื่อทดแทนความรักที่นางมอบให้เขา
อย่างไรก็ตาม แม้แต่คำเหล่านี้ก็ยังติดอยู่ที่ปลายลิ้น เย่ว์หยางไม่สามารถพูดออกมาได้ เขาไม่มีความกล้าสบตานาง
เย่ว์หยางค่อยๆ ถอดหน้ากากของเขาและก้มหน้าเงียบตลอดเวลา
ไม่มีโอกาสที่เย่ว์หยางจะพิสูจน์ตัวตนของเขาได้ เย่ว์หยางรู้ว่าจ้าวปีศาจโบราณวางแผนมาเป็นเวลาสามปีเพื่อคืนชีพด้วยสถานะเย่ว์หยางและทวงคืนทุกอย่างที่เคยเป็นของเขามาก่อน แต่เกิดเรื่องไม่คาดฝัน เขาปรากฏตัวก่อนที่จ้าวปีศาจโบราณจะเข้าสิงร่างของสหายผู้น่าสงสารและแทนที่เขา
เจ้าปีศาจโบราณผู้ได้รับร่างและความทรงจำของเย่ว์หยางดั้งเดิมจะกลายเป็นผู้ชนะในเรื่องนี้ที่เกี่ยวข้องกับแม่สี่
ขณะนั้นเย่ว์หยางถูกกำหนดชะตาจะต้องล้มเหลวถ้าเขาพยายกดดันแม่สี่ในเรื่องสถานะของเขา
เย่ว์หยางไม่ยืนยันพิสูจน์จุดนี้อีกต่อไป เพราะเสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนรักที่ตัวเขา ไม่ใช่สถานะเดิมของเขา สิ่งเดียวที่เย่ว์หยางกลัวก็คือ การทำให้แม่สี่เศร้าโศกเสียใจ
ยิ่งเถียงมาก ก็ยิ่งทำให้แม่สี่รู้สึกเศร้ามาก
ดังนั้น เย่ว์หยางคงไม่ปฏิเสธสิ่งที่เคยพูดไปแล้ว
แม้ว่าเจ้าปีศาจโบราณจะครอบครองร่างเดิมของเย่ว์หยาง แล้วยังไงเล่า? เสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนรักเขา เจ้าปีศาจโบราณไม่สามารถเอาทุกสิ่งทุกอย่างไปจากเขาได้แค่เพียงเพราะใช้ร่างกายและความทรงจำของร่างเย่ว์หยางคนเดิม
“แม่สี่ไม่เคยตบตีเจ้า แต่วันนี้ข้าจะต้องตบตีเจ้าเสียบ้าง!” เมื่อได้ยินคำพูด เย่ว์หยางรู้สึกหดหู่เล็กน้อย แต่ก็โล่งใจในขณะเดียวกัน
“ได้เลย!” เย่ว์หยางพยักหน้า ถ้าตบตีแล้วจะทำให้นางรู้สึกดีขึ้น เขายินดีให้นางทำเช่นนั้น
แม่สี่เงื้อมือและตบหน้าเขา เผียะ!
จ้าวปีศาจโบราณที่คุกเข่าอยู่กับพื้นรู้สึกพอใจอยู่ในใจลึกๆเล็กน้อย แต่ทั้งหมดที่เขาแสดงออกมาเป็นมารยาทที่ฟุ่มเฟือยเกินไปบ้าง เพราะแม่สี่ตบตีเย่ว์หยาง ก็พิสูจน์ว่านางยอมรับเขาและปฏิเสธเย่ว์หยาง จากนี้ไปแผนการของเขาคงดำเนินไปอย่างราบรื่นและเข้ากับแผนที่เขาได้เตรียมไว้นานแล้ว
นี่เป็นครั้งแรกที่เย่ว์หยางถูกตบ เขารู้สึกเจ็บแปลบที่หน้าข้างหนึ่ง
ถ้าเขาหลบ แม่สี่คงไม่สามารถตบเขาได้ ถ้าเขาป้องกันตัว ต่อให้เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดก็คงทำร้ายเขาไม่ได้ อย่าว่าแต่แม่สี่เลย
“เจ้ารู้ไหมว่าทำไมข้าถึงต้องตบตีเจ้า?” แม่สี่เลิกคิ้วโก่งดุจคันศรขณะที่ดวงตาของนางจ้องมองเย่ว์หยาง โดยไม่รู้ตัวเย่ว์หยางหลบสายตานางและก้มหน้านิ่งเงียบ แม่สี่ตาแดงทันที น้ำตาไหลพรากตามใบหน้า นางเอ่ยปากดุด่าทันที “เหตุผลที่ข้าตบตีเจ้า ก็เพราะเจ้าเป็นลูกที่ไม่ยอมบอกอะไรเลยว่าเจ้าคิดยังไง เจ้ายังคิดว่าข้าเป็นแม่สี่ของเจ้าหรือเปล่า? ข้าตีเจ้าก็เพราะเจ้าไม่มั่นใจในตัวข้าและญาติพี่น้องคนอื่นๆ ของเจ้าเลย!”
“แม่สี่?” เย่ว์หยางตกใจ เขาเงยหน้ามองหญิงงามผู้กำลังไห้และรู้สึกสำนึกเสียใจอย่างลึกซึ้ง เหมือนกับครั้งแรกที่พวกเขาพบกันเมื่อเย่ว์หยางมาถึงโลกนี้ครั้งแรก