ตอนที่ 734 เตรียมสู้ศึก
คนกลุ่มหนึ่งเดินทางออกจากเมือง ไม่มีใครกล้าบินและได้แต่เดินไปตามทางภูเขาน้อย ถ้าพวกเขาถูกหลูเทียนเหวินพบ หอกของเขาคงได้แทงใส่พวกเขาทุกคนแน่และพวกเขาจะตายก่อนได้กรีดร้องเสียอีก
“ข้าไม่เชื่อ”
เบนสันยังคงเฉยเมย
“ข้าก็ไม่เชื่อเหมือนกัน” วิคเตอร์เห็นด้วย
“ข้าสู้กับเขามาก่อน ไม่มีใครเปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งทรงพลังในช่วงเวลาสั้นๆ เป็นแน่” เบนสันหน้าดำยังคงมีสีหน้าเฉื่อยชา น้ำเสียงของเขาทุ้มต่ำและทรงพลัง และคำพูดของเขาน่าเชื่อถือพอกัน
คู่ต่อสู้คือหลูเทียนเหวินไม่ใช่คนอื่น แต่เป็นสุดยอดผู้แข็งแกร่งอันดับที่ 39 ในทำเนียบนักสู้นั่นเป็นระดับไหนกันแล้ว? ต่อให้พวกเขาที่เป็นคนสำคัญในเมืองจื่อจวนร่วมมือกันสู้ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าหลูเทียนเหวิน พวกเขาเป็นแค่สวะ
ไม่มีใครเชื่อว่าบุรุษหน้ากากผีสามารถสู้กับคนน่ากลัวอย่างนั้นได้
“เราจะรู้กันในอีกสองวัน” สวี่เย่เพิ่งฟื้นจากอาการตกใจจากเมื่อสองวันก่อน และไม่แยแสสนใจ “หลูเทียนเหวินบาดเจ็บเสียหายครั้งใหญ่ เขาจะไม่ยอมปล่อยแน่นอน”
“ดังนั้นเราจะไปเฝ้าดูในป่าอีกสองสามวันนี้ใช่ไหม?” โรแลนด์ซูที่ทำตัวเหมือนกับว่านางไม่เคยฟังคำพวกเขาเลยพูดขึ้นมาทันที
ไม่ใช่เรื่องที่ควรแก่การฉลองเลยกับการอยู่ในที่ป่าเถื่อนนั้น มีทั้งคลื่นสายรุ้ง, สัตว์ป่า เป็นต้น อันตรายมีนับไม่ถ้วน ไม่มีที่อาบน้ำสำหรับสุภาพสตรีถ้าเป็นไปได้ พวกนางไม่มีทางอยู่ในที่ป่าเถื่อน และจากน้ำเสียงของสวี่เย่ มันไม่ใช่แค่วันเดียว
“ข้าไม่รู้” สวี่เย่ตอบตามตรง “ไม่มีใครรู้ว่าเมื่อใดหลูเทียนเหวินจะหายดีและกลับไปอีก”
หน้าของโรแลนด์ซูเหยเก แต่นางไม่พูดสักคำเพราะนางรู้ความร้ายแรงของเรื่อง เมื่อคิดถึงเรื่องเดิมพันของนางเองแล้ว นางมีความสุขอีกครั้ง บุรุษหน้ากากผีสามารถป้องกันต่อต้านหลูเทียนเหวินได้ ถ้บุรุษหน้ากากผีไม่ตาย อย่างนั้นเรื่องดีๆอย่างนี้สำหรับตระกูลโรแลนด์ถือว่ามีค่าต่อเมือง
ตอนนี้นางได้แต่ภาวนาให้บุรุษหน้ากากผีไม่ตาย เป็นเรื่องที่แน่นอนว่าเขาจะไม่สามารถเอาชนะหลูเทียนเหวินได้ ตราบใดเขาสามารถรอดชีวิตจากการโจมตีของหลูเทียนเหวิน เขาจะมีคุณสมบัติขึ้นทำเนียบรายชื่อนักสู้ผู้ทรงอำนาจทันที
ในเมืองจื่อจวนมีแต่เพียงฉินเจิ้นที่เข้าไปอยู่ในทำเนียบรายชื่อนักสู้ผู้ทรงอำนาจได้
การได้มีนักสู้ติดในรายชื่อนักสู้ผู้ทรงอำนาจเป็นการลงทุนที่ประสบความสำเร็จแน่นอน ตระกูลโรแลนด์พยายามทำมาหลายปีนัก นางอดมองดูวิคเตอร์ไม่ได้ เมื่อคิดในใจนางว่า เขาก็มีสายตาที่แหลมคม สามารถคิดเองได้ในช่วงเวลาที่สำคัญอย่างนั้น
อารมณ์ของนางฝืนทนจริงๆ
วิคเตอร์ได้แต่ฝืนยิ้มเมื่อคิดว่าผู้อาวุโสในตระกูลเขางี่เง่าทั้งนั้น ถ้าบุรุษหน้ากากผีถูกหลูเทียนเหวินฆ่า ก็ดีไป แต่ถ้าเขาไม่ถูกฆ่า...
‘พลังของบุรุษหน้ากากผีจะต้องมีการทบทวนกันใหม่’
“อาจต้องใช้เวลาสองสามวัน อาจจะทำให้เรื่องสำคัญที่พวกท่านรับผิดชอบทั้งหมดต้องล่าช้า แต่จงเชื่อเถอะ” สวี่เย่กล่าว
คนที่เหลือไม่พูดสักคำและทุกคนสงวนท่าที
ฉินเจิ้นเป็นบุรุษที่ทะเยอทะยานมากทำให้ตระกูลอื่นตกอยู่ภายใต้แรงกดดัน ตระกูลโซเบ็ทยินดีพึ่งพาอาศัยตระกูลฉิน แต่ตระกูลที่เหลือไม่ยินดีทำเช่นนั้นภายใต้แรงกดดันนั้นทุกคนต้องมองหาตัวแปรอื่น
วิคเตอร์มองดูเด็กสาวแฝดข้างตัวเบนสันและอดยิ้มไม่ได้ “คนหน้าดำ! สายตาเจ้าดีจริงๆไปได้แฝดที่งดงามนี้มาจากไหน?”
เบนสันเตือนอย่างเฉื่อยชา “เจ้าอย่าไปตอแยพวกนางจะดีกว่า พวกนางเพิ่งผ่านอบรมแทบเป็นแทบตายมาไม่นาน”
หน้าของทุกคนมองไปที่สตรีทั้งสองเปลี่ยนไปทันที
“องครักษ์เหล็กรุ่นใหม่หรือนี่?” โรแลนด์ ซูอดถามไม่ได้ ทุกคนสนิทกันและพวกเขารู้ดีว่าการอบรมเป็นตายนี้เป็นการฝึกฝนรุนแรงเด็ดขาดสำหรับตัดสินให้เป็นองครักษ์เหล็กตระกูลมัวร์
ด้วยรูปร่างที่สูงโปร่งของพวกนางและชุดรบอย่างดี พวกนางมีใบหน้ารูปไข่ละเอียดผมรวบเป็นหางม้า ตากลมโตเป็นประกาย และทั้งสองมองดูเหมือนกัน ไม่มีใครสามารถแยกทั้งสองออกจากกันได้
“ใช่แล้ว ข้าพาพวกนางมาหาประสบการณ์” เบนสันตอบอย่างเฉยเมย
“คารวะผู้อาวุโส” เด็กสาวทั้งสองคนพูดขึ้นพร้อมกัน
“ข้า..เสี่ยวหวี่” “ข้า..เสี่ยวเย่”
“โปรดแนะนำสั่งสอนเราด้วย!” ทั้งสองคนพูดขึ้นพร้อมกัน
ทุกคนอึ้งเด็กสาวทั้งสองคนเสียงมีพลังและไพเราะ แทบไม่มีใครสามารถเชื่อมโยงพวกนางเข้ากับองครักษ์ตระกูลมัวร์ได้
แต่ทุกคนรู้สึกตัวในเวลาอันรวดเร็ว เบนสันยังคงเก่งที่สุด! ‘ใช่แล้ว ทำไมเราถึงไม่คิด!’ทุกคนมีสีหน้าเสียใจ การต่อสู้ที่เกี่ยวพันกับหลูเทียนเหวิน นักสู้ผู้มีจุดยืนแตกต่างกันอาจถูกพบเจอ ก็เป็นพยานในการต่อสู้ของเขาได้ นั่นจะนำมาซึ่งผลประโยชน์ที่ดี
ไม่ว่าบุรุษหน้ากากผีจะชนะหรือแพ้ก็ตาม เบนสันจะได้ประโยชน์จากการนี้
แม้สวี่เย่เองก็ยากจะแสดงความเสียใจ สำหรับตระกูลใดๆก็ตามการตัดสินอนาคตของคนรุ่นอนาคตยังไม่เพียงพอ ‘ข้าให้ความสำคัญของผลประโยชน์และอนาคตของตระกูลทำไมข้าต้องคิดเรื่องนี้ด้วยเล่า?’
นี่คือความคิดของทุกคนอารมณ์ของทุกคนสลดลงทันที
“เราอยู่ที่นี่แหละ” สวี่อันจงที่เงียบมาตลอดการเดินทางพูดขึ้นทันที หน้าของเขาซีดขาว แต่ราศีของเขาดีขึ้นมาก หลังจากประสบกับความทรมานทางจิตใจ แม้ว่าอาการบาดเจ็บภายในของเขาจะไม่เบา แต่ไม่ได้ทำร้ายเขาในการเดินทางไกล ตราบใดที่เขาเอาชนะความว้าวุ่นสับสนในจิตใจได้พลังของเขาจะเปลี่ยนแปลงอีกครั้งหนึ่ง
พวกเขาอยู่ในที่ๆเขาดูการต่อสู้ครั้งก่อน
ทุกคนตกใจจากจุดที่พวกเขาอยู่ ปราสาทเขาสะท้อนเป็นแค่จุดเล็ก
“นี่มันไกลไปหน่อยนะ” วิคเตอร์พึมพำ
สวี่อันจงกล่าวอย่างเชื่องช้า “ใครที่เข้าไปใกล้จะทำให้พวกเขาสังเกตเห็นเรา”
หน้าของทุกคนเปลี่ยนนี่คือพลังของนักสู้ในทำเนียบผู้ทรงพลังอำนาจหรือนี่?
“ตอนนี้เราแค่ต้องรอ” สวี่เย่หัวเราะ แม้ว่าตระกูลโรแลนด์จะเคลื่อนไหวก่อน แต่เขามีเบี้ยต่อรองมากกว่า ด้วยนักโทษหน่วยสุญญตาในมือของเขาเขามีคุณสมบัติวางเดิมพัน
พวกเขาต้องการดูกันทุกคน ว่าบุรุษหน้ากากผีสามารถรอดจากเงื้อมมือของหลูเทียนเหวินได้หรือไม่
******************
ปราสาทเขาสะท้อน
“บุรุษหน้ากากผีฝึกอยู่หรือ?” เสี่ยวเหยาถามอย่างกังวลใจ “เขาไม่ส่งเสียงใดๆเลยในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา
“เราควรทำงานของเราให้ดี” หมิงจูยังคงสงบ เหมือนกับว่านางไม่ได้รับผลกระทบอะไร นางเพียงแต่กำแขนเสื้อแน่นแสดงให้เห็นว่านางกังวล คุณชายอยู่ในห้องของเขาสามวันเต็มโดยไม่ปรากฏตัวออกมา
ถ้าไม่ใช่เพราะบางครั้งก็มีเสียงตะโกนออกมาจากข้างใน พวกนางคงเข้าตรวจดูเขานานแล้ว
หมิงจูอยู่ในอาการงุนงง อนาคตของตระกูลเซวียอยู่ในมือของคุณชายหน้ากากผีจริงๆ
ในสนามฝึกที่ว่างและมืดมิด มีแต่ร่างของถังเทียนที่มีแสงเลือนรางอยู่โดยรอบการฝึกต่อเนื่องทำให้ตัวเขามีเหงื่อหยดทั่วร่าง
ถังเทียนดูเหมือนตกอยู่ในภวังค์ฝึกมือดาบของเขาครั้งแล้วครั้งเล่าดาบมารพิฆาต
เหงื่ออาบหน้าผากและแก้มของเขา ร่างของเขาเหมือนกับเพิ่งขึ้นมาจากน้ำ ไอร้อนปรากฏอยู่ภายใต้แสงฉายอย่งเลือนลาง เขายังคงทุ่มสมาธิถึงสามวันสามคืนเพื่อฝึกดาบมารพิฆาตซ้ำๆ นับครั้งไม่ถ้วน
แก่นต้นกำเนิดชีวิตที่เขาซึมซับเข้ามาในตัวถูกกระตุ้นการทำงานแล้วพลังต้นกำเนิดเสริมความแข็งแกร่งเขาอย่างต่อเนื่อง
‘แยกส่วนแล้วบรรจบกันอีก ฝึกแล้วก็ฝึก...’
กระบวนการฝึกที่คุ้นเคยกลับมาหาเขา
เหงื่อไม่เคยโกหกคำนี้จะตราตรึงอยู่ในใจของถังเทียนตลอดไป เขาไม่รู้หลักการอะไรหลายอย่าง แต่เขาไม่กล้าลืมหลักการนี้เด็ดขาด
ตัวเขาเองไม่รู้ว่าฝึกฝนไปกี่ครั้งแล้ว นานมากแล้วตั้งแต่เขาได้ฝึกฝนอย่างนี้
แรงลมพัดในอากาศรอบตัวหายไป เขายังคงยืนอยู่หยาดเหงื่อทุกหยดปกคลุมหน้าของเขา ตาของเขามีประกายเจิดจ้าเหมือนดวงดาว
แอ๊ดดดด..ประตูโรงฝึกเปิดออก
ถังเทียนเดินออกมาโดยไม่พูดอะไรสักคำ
สมาชิกหน่วยสุญญตาทุกคนที่กำลังฝึกฝนต่างฝืนใจหยุดกันทุกคน แต่ไม่มีใครส่งเสียงเลย สีหน้าของถังเทียนเคร่งขรึม ทั่วร่างของเขาเปล่งรังสีต่อสู้ที่เยือกเย็นมาก เขาเดินผ่านสนามฝึกและเดินออกไปที่ประตูของปราสาท เขานั่งขัดสมาธิบนกำแพงปราสาทและหลับตาทำสมาธิ
เขากำลังรอหลูเทียนเหวิน
ร่างนั้นนั่งนิ่งเหมือนรูปสลักต้านกระแสลมที่พัดผ่านประตูเข้ามาเป็นภาพที่ทุกคนเห็นประจักษ์
สมาชิกหน่วยสุญญตาทุกคนที่เหงื่อออกดวงตาเป็นประกายด้วยความตื่นเต้น รังสีต่อสู้ในร่างกายเปล่งออกอย่างเงียบงัน ความเคลื่อนไหวของถังเทียนเป็นเครื่องบ่งชี้ว่าเจ้านายเขาพร้อมแล้ว
อาโมรี่ยืนขึ้นและคว้าดาบยักษ์หนาและพาดไว้บนไหล่พรึ่บ.. เพลิงสุญญตาน้อยลุกโพลงไปตามตัวดาบและโคจรอยู่รอบตัวดาบ
“ทุกคน, เตรียมพร้อมสู้ศึกแล้ว!” อาโมรี่โห่ร้อง
พวกเขาแต่ละคนชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อคอนดาบยักษ์ไว้บนไหล่ หน้าของทุกคนมีแววกระตือรือร้นสูงและความตั้งใจต่อสู้
“ประจำตำแหน่งรบของพวกเจ้า”
เนี่ยชิวผู้นั่งขัดสมาธิอยู่ที่มุมหนึ่งพูดขึ้นทันที
บนหินปูพื้นจะมีแนวเส้นเป็นเครื่องหมายไว้ เครื่องหมายทั้งหมดคือตำแหน่งที่วางแผนกำหนดไว้โดยเนี่ยชิว ทุกตำแหน่งได้มาหลังจากสำรวจสถานที่ทั้งหมด
ทุกคนรีบวิ่งไปประจำตำแหน่งของตน
“สูดลมหายใจลึกเข้าไว้”
เสียงของเนี่ยชิวที่ปกติจะสงบและนุ่มนวลกลายเป็นเคร่งขรึมและเย็นชา ‘ยอดฝีมือจากทำเนียบผู้ทรงพลังอำนาจน่ะหรือ? ข้ารอไม่ไหวที่จะได้ทดสอบเจ้าแล้ว!’
อาโมรี่และทุกคนวางดาบยักษ์ลงและหลับตาสูดหายใจ ทุกคนสูดหายใจพร้อมกันและเสียงทุ้มต่ำดังกระหึ่มไปทั้งปราสาท
หมิงจูปิดปากสีหน้าของนางแสดงถึงอาการตกใจ นางไม่เคยเห็นสิ่งอย่างนี้มาก่อน กลุ่มคนกำลังหายใจพร้อมกัน ในขณะที่ตกใจอยู่นั้น กลุ่มคนที่อยู่ข้างหน้าดูเหมือนกับว่ากลายเป็นสัตว์ร้ายขนาดใหญ่และเก็บออมความแข็งแรงของมันไว้
เหงื่อของพวกเขาค่อยๆแห้ง ผิวทองแดงของพวกเขามองดูเหมือนโลหะทั้งหกสิบสี่คนในสนามนั่งนิ่งไม่เคลื่อนไหวเหมือนกับรูปหล่อทองแดง 64 รูป
เนี่ยชิวที่นั่งเงียบอยู่ในร่มเงาเป็นเหมือนหลวงจีนแก่ตาสีเทาของเขาหมองไร้ประกาย
ลึกลงไปในหุบเขาหลูเทียนเหวินค่อยๆ ลืมตา ขณะนั้นไม่มีความโกรธแค้นอยู่ในสายตาของเขามีแต่ความสงบเท่านั้น
บาดแผลในร่างกายทั้งหมดของเขาฟื้นฟูแล้ว แต่เขายังไม่เร่งสู้ไปตามทางมุ่งสู่ปราสาทเขาสะท้อน แต่ใช้เวลาในการกล่อมเกลาความรู้สึกของเขา นี่คือสภาพปกติของเขา เขารู้ว่าการบุ่มบ่ามมีแต่จะก่อให้เกิดเรื่องผิดพลาด เขาใช้เวลาสองสามวันหล่อเลี้ยงสภาพจิตใจ จนกระทั่งวันสุดท้ายสภาพใจของเขาอยู่ในสภาพดีที่สุด
ในช่วงก่อนหน้านี้ส่วนใหญ่เป็นเพราะเขาดูแคลนศัตรู แต่ครั้งนี้ไม่ว่ายังไง เขาจะไม่มีทางประมาทศัตรู
ในใจเขา เขาให้ความสำคัญบุรุษหน้ากากผีถังเทียนไว้ในระดับเดียวกับเขา
เขายืนขึ้นคว้าหอกพายุสายฟ้าและค่อยๆ เดินออกมาจากหุบเขา
ในท้องฟ้าเขาเห็นคลื่นสายรุ้งใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว
‘ข้าจะแก้ปัญหานี้ให้เสร็จก่อนที่คลื่นสายรุ้งจะมาถึง’
ร่างของหลูเทียนเหวินกระพริบประกายลมและสายฟ้าสีเขียว และร่างของเขาหายไปในท้องฟ้า
“หลูเทียนเหวินกำลังมา!”
สวี่เย่ที่นั่งหลับตาทำสมาธิพูดขึ้นทันทีทำให้คนที่เหลือตื่นตัวทันที ทุกคนระวังตัว
ประกายสีเขียวพุ่งเป็นทางเหมือนสายฟ้าเสียงหวีดหวิวดังตรงมาทางด้านพวกเขา
รอยทางสีเขียวพุ่งวาบผ่านไปทำให้ท้องฟ้าสั่นสะเทือนด้วยเสียงก้องเหมือนฟ้าผ่า จากระยะไกลเสียงเหมือนกับคลื่นถาโถม
พลังนั้นสร้างความตกตะลึงให้กับทุกคน
‘นั่นคือหลูเหวินเทียน? ยอดฝีมือในทำเนียบผู้ทรงพลังอำนาจ?’
บนกำแพงถังเทียนลืมตาขึ้น
ด้านหลังประตูใหญ่ เสียงหายใจหยุดลง
ในมุมหนึ่งผมของเนี่ยชิวกระพือแม้ว่าจะไม่มีลม