ตอนที่แล้วตอนที่ 733 ความฝันร้ายของสวี่อันจง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 735 บ้าระห่ำ

ตอนที่ 734 เตรียมสู้ศึก


คนกลุ่มหนึ่งเดินทางออกจากเมือง  ไม่มีใครกล้าบินและได้แต่เดินไปตามทางภูเขาน้อย  ถ้าพวกเขาถูกหลูเทียนเหวินพบ หอกของเขาคงได้แทงใส่พวกเขาทุกคนแน่และพวกเขาจะตายก่อนได้กรีดร้องเสียอีก

“ข้าไม่เชื่อ”

เบนสันยังคงเฉยเมย

“ข้าก็ไม่เชื่อเหมือนกัน”  วิคเตอร์เห็นด้วย

“ข้าสู้กับเขามาก่อน ไม่มีใครเปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งทรงพลังในช่วงเวลาสั้นๆ เป็นแน่”  เบนสันหน้าดำยังคงมีสีหน้าเฉื่อยชา  น้ำเสียงของเขาทุ้มต่ำและทรงพลัง  และคำพูดของเขาน่าเชื่อถือพอกัน

คู่ต่อสู้คือหลูเทียนเหวินไม่ใช่คนอื่น แต่เป็นสุดยอดผู้แข็งแกร่งอันดับที่ 39 ในทำเนียบนักสู้นั่นเป็นระดับไหนกันแล้ว?  ต่อให้พวกเขาที่เป็นคนสำคัญในเมืองจื่อจวนร่วมมือกันสู้  แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าหลูเทียนเหวิน  พวกเขาเป็นแค่สวะ

ไม่มีใครเชื่อว่าบุรุษหน้ากากผีสามารถสู้กับคนน่ากลัวอย่างนั้นได้

“เราจะรู้กันในอีกสองวัน”  สวี่เย่เพิ่งฟื้นจากอาการตกใจจากเมื่อสองวันก่อน  และไม่แยแสสนใจ  “หลูเทียนเหวินบาดเจ็บเสียหายครั้งใหญ่  เขาจะไม่ยอมปล่อยแน่นอน”

“ดังนั้นเราจะไปเฝ้าดูในป่าอีกสองสามวันนี้ใช่ไหม?”  โรแลนด์ซูที่ทำตัวเหมือนกับว่านางไม่เคยฟังคำพวกเขาเลยพูดขึ้นมาทันที

ไม่ใช่เรื่องที่ควรแก่การฉลองเลยกับการอยู่ในที่ป่าเถื่อนนั้น  มีทั้งคลื่นสายรุ้ง, สัตว์ป่า เป็นต้น  อันตรายมีนับไม่ถ้วน ไม่มีที่อาบน้ำสำหรับสุภาพสตรีถ้าเป็นไปได้  พวกนางไม่มีทางอยู่ในที่ป่าเถื่อน  และจากน้ำเสียงของสวี่เย่ มันไม่ใช่แค่วันเดียว

“ข้าไม่รู้” สวี่เย่ตอบตามตรง “ไม่มีใครรู้ว่าเมื่อใดหลูเทียนเหวินจะหายดีและกลับไปอีก”

หน้าของโรแลนด์ซูเหยเก  แต่นางไม่พูดสักคำเพราะนางรู้ความร้ายแรงของเรื่อง เมื่อคิดถึงเรื่องเดิมพันของนางเองแล้ว นางมีความสุขอีกครั้ง บุรุษหน้ากากผีสามารถป้องกันต่อต้านหลูเทียนเหวินได้  ถ้บุรุษหน้ากากผีไม่ตาย  อย่างนั้นเรื่องดีๆอย่างนี้สำหรับตระกูลโรแลนด์ถือว่ามีค่าต่อเมือง

ตอนนี้นางได้แต่ภาวนาให้บุรุษหน้ากากผีไม่ตาย เป็นเรื่องที่แน่นอนว่าเขาจะไม่สามารถเอาชนะหลูเทียนเหวินได้ ตราบใดเขาสามารถรอดชีวิตจากการโจมตีของหลูเทียนเหวิน เขาจะมีคุณสมบัติขึ้นทำเนียบรายชื่อนักสู้ผู้ทรงอำนาจทันที

ในเมืองจื่อจวนมีแต่เพียงฉินเจิ้นที่เข้าไปอยู่ในทำเนียบรายชื่อนักสู้ผู้ทรงอำนาจได้

การได้มีนักสู้ติดในรายชื่อนักสู้ผู้ทรงอำนาจเป็นการลงทุนที่ประสบความสำเร็จแน่นอน  ตระกูลโรแลนด์พยายามทำมาหลายปีนัก  นางอดมองดูวิคเตอร์ไม่ได้  เมื่อคิดในใจนางว่า เขาก็มีสายตาที่แหลมคม  สามารถคิดเองได้ในช่วงเวลาที่สำคัญอย่างนั้น

อารมณ์ของนางฝืนทนจริงๆ

วิคเตอร์ได้แต่ฝืนยิ้มเมื่อคิดว่าผู้อาวุโสในตระกูลเขางี่เง่าทั้งนั้น ถ้าบุรุษหน้ากากผีถูกหลูเทียนเหวินฆ่า ก็ดีไป  แต่ถ้าเขาไม่ถูกฆ่า...

‘พลังของบุรุษหน้ากากผีจะต้องมีการทบทวนกันใหม่’

“อาจต้องใช้เวลาสองสามวัน อาจจะทำให้เรื่องสำคัญที่พวกท่านรับผิดชอบทั้งหมดต้องล่าช้า  แต่จงเชื่อเถอะ”  สวี่เย่กล่าว

คนที่เหลือไม่พูดสักคำและทุกคนสงวนท่าที

ฉินเจิ้นเป็นบุรุษที่ทะเยอทะยานมากทำให้ตระกูลอื่นตกอยู่ภายใต้แรงกดดัน  ตระกูลโซเบ็ทยินดีพึ่งพาอาศัยตระกูลฉิน  แต่ตระกูลที่เหลือไม่ยินดีทำเช่นนั้นภายใต้แรงกดดันนั้นทุกคนต้องมองหาตัวแปรอื่น

วิคเตอร์มองดูเด็กสาวแฝดข้างตัวเบนสันและอดยิ้มไม่ได้  “คนหน้าดำ!  สายตาเจ้าดีจริงๆไปได้แฝดที่งดงามนี้มาจากไหน?”

เบนสันเตือนอย่างเฉื่อยชา  “เจ้าอย่าไปตอแยพวกนางจะดีกว่า  พวกนางเพิ่งผ่านอบรมแทบเป็นแทบตายมาไม่นาน”

หน้าของทุกคนมองไปที่สตรีทั้งสองเปลี่ยนไปทันที

“องครักษ์เหล็กรุ่นใหม่หรือนี่?”  โรแลนด์ ซูอดถามไม่ได้ ทุกคนสนิทกันและพวกเขารู้ดีว่าการอบรมเป็นตายนี้เป็นการฝึกฝนรุนแรงเด็ดขาดสำหรับตัดสินให้เป็นองครักษ์เหล็กตระกูลมัวร์

ด้วยรูปร่างที่สูงโปร่งของพวกนางและชุดรบอย่างดี  พวกนางมีใบหน้ารูปไข่ละเอียดผมรวบเป็นหางม้า  ตากลมโตเป็นประกาย  และทั้งสองมองดูเหมือนกัน  ไม่มีใครสามารถแยกทั้งสองออกจากกันได้

“ใช่แล้ว ข้าพาพวกนางมาหาประสบการณ์”  เบนสันตอบอย่างเฉยเมย

“คารวะผู้อาวุโส”  เด็กสาวทั้งสองคนพูดขึ้นพร้อมกัน

“ข้า..เสี่ยวหวี่”  “ข้า..เสี่ยวเย่”

“โปรดแนะนำสั่งสอนเราด้วย!”  ทั้งสองคนพูดขึ้นพร้อมกัน

ทุกคนอึ้งเด็กสาวทั้งสองคนเสียงมีพลังและไพเราะ แทบไม่มีใครสามารถเชื่อมโยงพวกนางเข้ากับองครักษ์ตระกูลมัวร์ได้

แต่ทุกคนรู้สึกตัวในเวลาอันรวดเร็ว  เบนสันยังคงเก่งที่สุด!  ‘ใช่แล้ว  ทำไมเราถึงไม่คิด!’ทุกคนมีสีหน้าเสียใจ  การต่อสู้ที่เกี่ยวพันกับหลูเทียนเหวิน  นักสู้ผู้มีจุดยืนแตกต่างกันอาจถูกพบเจอ ก็เป็นพยานในการต่อสู้ของเขาได้   นั่นจะนำมาซึ่งผลประโยชน์ที่ดี

ไม่ว่าบุรุษหน้ากากผีจะชนะหรือแพ้ก็ตาม  เบนสันจะได้ประโยชน์จากการนี้

แม้สวี่เย่เองก็ยากจะแสดงความเสียใจ  สำหรับตระกูลใดๆก็ตามการตัดสินอนาคตของคนรุ่นอนาคตยังไม่เพียงพอ ‘ข้าให้ความสำคัญของผลประโยชน์และอนาคตของตระกูลทำไมข้าต้องคิดเรื่องนี้ด้วยเล่า?’

นี่คือความคิดของทุกคนอารมณ์ของทุกคนสลดลงทันที

“เราอยู่ที่นี่แหละ” สวี่อันจงที่เงียบมาตลอดการเดินทางพูดขึ้นทันที  หน้าของเขาซีดขาว  แต่ราศีของเขาดีขึ้นมาก  หลังจากประสบกับความทรมานทางจิตใจ  แม้ว่าอาการบาดเจ็บภายในของเขาจะไม่เบา  แต่ไม่ได้ทำร้ายเขาในการเดินทางไกล  ตราบใดที่เขาเอาชนะความว้าวุ่นสับสนในจิตใจได้พลังของเขาจะเปลี่ยนแปลงอีกครั้งหนึ่ง

พวกเขาอยู่ในที่ๆเขาดูการต่อสู้ครั้งก่อน

ทุกคนตกใจจากจุดที่พวกเขาอยู่ ปราสาทเขาสะท้อนเป็นแค่จุดเล็ก

“นี่มันไกลไปหน่อยนะ”  วิคเตอร์พึมพำ

สวี่อันจงกล่าวอย่างเชื่องช้า  “ใครที่เข้าไปใกล้จะทำให้พวกเขาสังเกตเห็นเรา”

หน้าของทุกคนเปลี่ยนนี่คือพลังของนักสู้ในทำเนียบผู้ทรงพลังอำนาจหรือนี่?

“ตอนนี้เราแค่ต้องรอ”  สวี่เย่หัวเราะ  แม้ว่าตระกูลโรแลนด์จะเคลื่อนไหวก่อน  แต่เขามีเบี้ยต่อรองมากกว่า  ด้วยนักโทษหน่วยสุญญตาในมือของเขาเขามีคุณสมบัติวางเดิมพัน

พวกเขาต้องการดูกันทุกคน ว่าบุรุษหน้ากากผีสามารถรอดจากเงื้อมมือของหลูเทียนเหวินได้หรือไม่

******************

ปราสาทเขาสะท้อน

“บุรุษหน้ากากผีฝึกอยู่หรือ?”  เสี่ยวเหยาถามอย่างกังวลใจ  “เขาไม่ส่งเสียงใดๆเลยในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา

“เราควรทำงานของเราให้ดี”  หมิงจูยังคงสงบ  เหมือนกับว่านางไม่ได้รับผลกระทบอะไร นางเพียงแต่กำแขนเสื้อแน่นแสดงให้เห็นว่านางกังวล  คุณชายอยู่ในห้องของเขาสามวันเต็มโดยไม่ปรากฏตัวออกมา

ถ้าไม่ใช่เพราะบางครั้งก็มีเสียงตะโกนออกมาจากข้างใน  พวกนางคงเข้าตรวจดูเขานานแล้ว

หมิงจูอยู่ในอาการงุนงง อนาคตของตระกูลเซวียอยู่ในมือของคุณชายหน้ากากผีจริงๆ

ในสนามฝึกที่ว่างและมืดมิด มีแต่ร่างของถังเทียนที่มีแสงเลือนรางอยู่โดยรอบการฝึกต่อเนื่องทำให้ตัวเขามีเหงื่อหยดทั่วร่าง

ถังเทียนดูเหมือนตกอยู่ในภวังค์ฝึกมือดาบของเขาครั้งแล้วครั้งเล่าดาบมารพิฆาต

เหงื่ออาบหน้าผากและแก้มของเขา  ร่างของเขาเหมือนกับเพิ่งขึ้นมาจากน้ำ  ไอร้อนปรากฏอยู่ภายใต้แสงฉายอย่งเลือนลาง  เขายังคงทุ่มสมาธิถึงสามวันสามคืนเพื่อฝึกดาบมารพิฆาตซ้ำๆ นับครั้งไม่ถ้วน

แก่นต้นกำเนิดชีวิตที่เขาซึมซับเข้ามาในตัวถูกกระตุ้นการทำงานแล้วพลังต้นกำเนิดเสริมความแข็งแกร่งเขาอย่างต่อเนื่อง

‘แยกส่วนแล้วบรรจบกันอีก ฝึกแล้วก็ฝึก...’

กระบวนการฝึกที่คุ้นเคยกลับมาหาเขา

เหงื่อไม่เคยโกหกคำนี้จะตราตรึงอยู่ในใจของถังเทียนตลอดไป เขาไม่รู้หลักการอะไรหลายอย่าง แต่เขาไม่กล้าลืมหลักการนี้เด็ดขาด

ตัวเขาเองไม่รู้ว่าฝึกฝนไปกี่ครั้งแล้ว  นานมากแล้วตั้งแต่เขาได้ฝึกฝนอย่างนี้

แรงลมพัดในอากาศรอบตัวหายไป  เขายังคงยืนอยู่หยาดเหงื่อทุกหยดปกคลุมหน้าของเขา ตาของเขามีประกายเจิดจ้าเหมือนดวงดาว

แอ๊ดดดด..ประตูโรงฝึกเปิดออก

ถังเทียนเดินออกมาโดยไม่พูดอะไรสักคำ

สมาชิกหน่วยสุญญตาทุกคนที่กำลังฝึกฝนต่างฝืนใจหยุดกันทุกคน  แต่ไม่มีใครส่งเสียงเลย  สีหน้าของถังเทียนเคร่งขรึม ทั่วร่างของเขาเปล่งรังสีต่อสู้ที่เยือกเย็นมาก เขาเดินผ่านสนามฝึกและเดินออกไปที่ประตูของปราสาท  เขานั่งขัดสมาธิบนกำแพงปราสาทและหลับตาทำสมาธิ

เขากำลังรอหลูเทียนเหวิน

ร่างนั้นนั่งนิ่งเหมือนรูปสลักต้านกระแสลมที่พัดผ่านประตูเข้ามาเป็นภาพที่ทุกคนเห็นประจักษ์

สมาชิกหน่วยสุญญตาทุกคนที่เหงื่อออกดวงตาเป็นประกายด้วยความตื่นเต้น รังสีต่อสู้ในร่างกายเปล่งออกอย่างเงียบงัน ความเคลื่อนไหวของถังเทียนเป็นเครื่องบ่งชี้ว่าเจ้านายเขาพร้อมแล้ว

อาโมรี่ยืนขึ้นและคว้าดาบยักษ์หนาและพาดไว้บนไหล่พรึ่บ.. เพลิงสุญญตาน้อยลุกโพลงไปตามตัวดาบและโคจรอยู่รอบตัวดาบ

“ทุกคน, เตรียมพร้อมสู้ศึกแล้ว!”  อาโมรี่โห่ร้อง

พวกเขาแต่ละคนชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อคอนดาบยักษ์ไว้บนไหล่ หน้าของทุกคนมีแววกระตือรือร้นสูงและความตั้งใจต่อสู้

“ประจำตำแหน่งรบของพวกเจ้า”

เนี่ยชิวผู้นั่งขัดสมาธิอยู่ที่มุมหนึ่งพูดขึ้นทันที

บนหินปูพื้นจะมีแนวเส้นเป็นเครื่องหมายไว้  เครื่องหมายทั้งหมดคือตำแหน่งที่วางแผนกำหนดไว้โดยเนี่ยชิว  ทุกตำแหน่งได้มาหลังจากสำรวจสถานที่ทั้งหมด

ทุกคนรีบวิ่งไปประจำตำแหน่งของตน

“สูดลมหายใจลึกเข้าไว้”

เสียงของเนี่ยชิวที่ปกติจะสงบและนุ่มนวลกลายเป็นเคร่งขรึมและเย็นชา  ‘ยอดฝีมือจากทำเนียบผู้ทรงพลังอำนาจน่ะหรือ?  ข้ารอไม่ไหวที่จะได้ทดสอบเจ้าแล้ว!’

อาโมรี่และทุกคนวางดาบยักษ์ลงและหลับตาสูดหายใจ  ทุกคนสูดหายใจพร้อมกันและเสียงทุ้มต่ำดังกระหึ่มไปทั้งปราสาท

หมิงจูปิดปากสีหน้าของนางแสดงถึงอาการตกใจ นางไม่เคยเห็นสิ่งอย่างนี้มาก่อน กลุ่มคนกำลังหายใจพร้อมกัน ในขณะที่ตกใจอยู่นั้น กลุ่มคนที่อยู่ข้างหน้าดูเหมือนกับว่ากลายเป็นสัตว์ร้ายขนาดใหญ่และเก็บออมความแข็งแรงของมันไว้

เหงื่อของพวกเขาค่อยๆแห้ง  ผิวทองแดงของพวกเขามองดูเหมือนโลหะทั้งหกสิบสี่คนในสนามนั่งนิ่งไม่เคลื่อนไหวเหมือนกับรูปหล่อทองแดง 64 รูป

เนี่ยชิวที่นั่งเงียบอยู่ในร่มเงาเป็นเหมือนหลวงจีนแก่ตาสีเทาของเขาหมองไร้ประกาย

ลึกลงไปในหุบเขาหลูเทียนเหวินค่อยๆ ลืมตา ขณะนั้นไม่มีความโกรธแค้นอยู่ในสายตาของเขามีแต่ความสงบเท่านั้น

บาดแผลในร่างกายทั้งหมดของเขาฟื้นฟูแล้ว แต่เขายังไม่เร่งสู้ไปตามทางมุ่งสู่ปราสาทเขาสะท้อน  แต่ใช้เวลาในการกล่อมเกลาความรู้สึกของเขา  นี่คือสภาพปกติของเขา  เขารู้ว่าการบุ่มบ่ามมีแต่จะก่อให้เกิดเรื่องผิดพลาด  เขาใช้เวลาสองสามวันหล่อเลี้ยงสภาพจิตใจ จนกระทั่งวันสุดท้ายสภาพใจของเขาอยู่ในสภาพดีที่สุด

ในช่วงก่อนหน้านี้ส่วนใหญ่เป็นเพราะเขาดูแคลนศัตรู แต่ครั้งนี้ไม่ว่ายังไง เขาจะไม่มีทางประมาทศัตรู

ในใจเขา  เขาให้ความสำคัญบุรุษหน้ากากผีถังเทียนไว้ในระดับเดียวกับเขา

เขายืนขึ้นคว้าหอกพายุสายฟ้าและค่อยๆ เดินออกมาจากหุบเขา

ในท้องฟ้าเขาเห็นคลื่นสายรุ้งใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว

‘ข้าจะแก้ปัญหานี้ให้เสร็จก่อนที่คลื่นสายรุ้งจะมาถึง’

ร่างของหลูเทียนเหวินกระพริบประกายลมและสายฟ้าสีเขียว  และร่างของเขาหายไปในท้องฟ้า

“หลูเทียนเหวินกำลังมา!”

สวี่เย่ที่นั่งหลับตาทำสมาธิพูดขึ้นทันทีทำให้คนที่เหลือตื่นตัวทันที ทุกคนระวังตัว

ประกายสีเขียวพุ่งเป็นทางเหมือนสายฟ้าเสียงหวีดหวิวดังตรงมาทางด้านพวกเขา

รอยทางสีเขียวพุ่งวาบผ่านไปทำให้ท้องฟ้าสั่นสะเทือนด้วยเสียงก้องเหมือนฟ้าผ่า  จากระยะไกลเสียงเหมือนกับคลื่นถาโถม

พลังนั้นสร้างความตกตะลึงให้กับทุกคน

‘นั่นคือหลูเหวินเทียน?  ยอดฝีมือในทำเนียบผู้ทรงพลังอำนาจ?’

บนกำแพงถังเทียนลืมตาขึ้น

ด้านหลังประตูใหญ่  เสียงหายใจหยุดลง

ในมุมหนึ่งผมของเนี่ยชิวกระพือแม้ว่าจะไม่มีลม

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด