ตอนที่แล้วตอนที่ 731 ซื่อไห่ บุรุษทรงพลังผู้มีปณิธานราชันย์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 733 ไม้เด็ดของเจ้าอ้วนไห่

ตอนที่ 732 วันนี้ข้าคือพี่ใหญ่!


ด้านนอกปราสาทสายรุ้ง  เย่คงและเจ้าอ้วนไห่ทะเลาะกันรุนแรง แม้ว่าพวกเขาจะชอบทะเลาะกันเองอยู่เรื่อย  แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่พวกเขามีความคิดเห็นแตกต่างกัน

“ข้ารู้ว่าเราไม่แข็งแกร่งพอจะช่วยพวกเขา  แต่เราก็ควรไปที่หุบเขาแม่น้ำขาว ยังดีกว่ารออยู่ที่นี่  อย่างน้อยเราก็ยังช่วยพันแผลรักษาบาดเจ็บให้ได้”  เย่คงไม่กล้ายื่นข้อเสนอนี้ก่อนที่เย่ว์หยางจะออกไป เพราะเห็นได้ชัดว่าความแข็งแกร่งของเขาไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ในระหว่างต่อสู้ในหุบเขาแม่น้ำขาว  เขามีแต่จะตายอย่างไร้ประโยชน์  ถ้าพวกเขาจะรออยู่ที่นี่สิ่งเดียวที่จะทำได้ก็คือรอให้เย่ว์หยางกลับมาพร้อมกับชัยชนะ  ถ้าพวกเขาไป พวกเขาอาจได้รับความดีความชอบขึ้นเล็กน้อย ในท้ายๆ ของการต่อสู้ อาจจะช่วยผู้ได้รับบาดเจ็บได้บ้าง

“เจ้าลิงผอม..ไม่ต้องมาทำอวดกล้าหาญเลย!  เจ้ามีสมองบ้างหรือเปล่า?”  เจ้าอ้วนไห่ทักท้วง  “พูดมาเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเราไป สำหรับนักรบปราณฟ้า เราก็เป็นแค่ตัวประกันเท่านั้น  การมาถึงของเรามีแต่จะทำให้สถานการณ์ยุ่งยากลำบากยิ่งขึ้น  เจ้าไม่คิดบ้างหรือว่าเย่ว์หยางมีแรงกดดันมากพอแล้ว?”

“อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น  ไม่มีใครทำนายถึงสิ่งที่จะเกิดในอนาคตได้  บางทีพวกเขาอาจต้องการความช่วยเหลือของเรา    เราจะยืนดูอยู่เฉยๆ และไม่ทำอะไรอย่างอื่นนอกจากดูเย่ว์หยางเสี่ยงชีวิตสู้กับจ้าวปีศาจโบราณอย่างนั้นหรือ?”  เย่คงพูดอย่างโมโห

“ทะเลาะกันไปก็เปล่าประโยชน์  แม้มีโอกาสล้มเหลวหนึ่งในพัน  ข้าก็ไม่สนับสนุนให้เข้าไปเสี่ยง”  เจ้าอ้วนไห่ตอบและไม่ขยับแม้แต่น้อย

“เย่ว์หยางกำลังเสี่ยงชีวิตสู้กับจ้าวปีศาจโบราณ  ทำไมเราจะทำบ้างไม่ได้?”  เย่คงเกือบจะเรียกเจ้าอ้วนไห่ว่าเจ้าขี้ขลาดแล้ว

“ข้าเชื่อมั่นในตัวเย่ว์หยาง ว่าเขามีความสามารถที่จะพลิกสถานการณ์ได้  แต่เจ้าไม่ใช่  ถ้าเจ้าตกเป็นตัวประกัน  เจ้าจะต้องเสียใจจนตาย!  เจ้าลิงผอม!  นอกจากเจ้ากับข้าแล้วยังมีอีกหลายคนที่อยู่ในกลุ่มเดียวกับเรา ทั้งหลิวเย่ เป่าเอ๋อ ฯลฯ”  เจ้าอ้วนไห่พยายามปลอบให้เย่คงสงบหวังจะโน้มน้าวเขาให้ทบทวนความคิดอีกครั้ง

“เสวี่ยทันหลาง, องค์ชายเทียนหลัวพวกท่านกับข้าก็คงจะพอ  คนอื่นสามารถอยู่ที่นี่ได้”  เย่คงไม่ยอมให้หลิวเย่หรือเป่าเอ๋อเข้าร่วมรบแน่

“ถ้าเราทำเช่นนั้น ก็จะยิ่งแย่กว่าเดิม  จะเกิดอะไรขึ้นกับพวกที่ยังรั้งอยู่ ถ้าซุ่นเทียน สื่อจินโหว องค์ชายดำและประมุขนิกายพันปีศาจโจมตีพวกนาง?”  เจ้าอ้วนไห่โต้แย้งทันที

“พวกเขา...”  เย่คงลังเล  ไม่มีการรับรองถึงความเป็นไปได้ที่เรื่องนี้จะเกิดขึ้น  เย่คงพูดไม่ออก

ถ้าสมาชิกที่แข็งแกร่งในกลุ่มจากไป  เมื่อซุ่นเทียนและคนอื่นๆ พบว่าพี่น้องตระกูลหลี่ หลิวเย่ เป่าเอ๋อ ฟ่านหลุนเถี่ย เลโอ ลีน แอนนาและสี่สาวเผ่าคิวบัวร์ยังอยู่กันเอง  ซุ่นเทียนและคนอื่นๆ คงจะมาโจมตีพวกเขาทันที  ผลร้ายที่ตามมามิอาจคาดคิดได้  เย่ว์หยาง จื้อจุน จักรพรรดินีราตรี เสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเดินทางออกไปกันหมด  ผู้เฒ่าหนานกงก็ไปดูแลมิติผนึกของทวีปกวงหมิง  ดังนั้นเขาไม่ว่างแน่  องครักษ์พิทักษ์ฟ้าของประเทศต่างๆ เพียงแต่ปกป้องจักรพรรดิของพวกเขา  ขณะที่วังมาร พวกเขากำลังเร่งรีบไปเป็นกองหนุนให้เย่ว์หยาง

ดังนั้นถ้าซุ่นเทียนและพวกฉวยโอกาสมาจับหลิวเย่และเป่าเอ๋อ  พวกเขาจะถูกบังคับให้สูญเสียสถานะได้เปรียบ  ต่อให้เย่ว์หยางชนะกลับมาก็ตาม  ขณะที่ซุ่นเทียนและองค์ชายดำตามปกติก็ไม่กล้าประมาทด่วนลงมือ  ถ้าสถานการณ์ปัจจุบันเปลี่ยนไปอย่างมาก แตกต่างจากเมื่อก่อน  พวกเขาจ้องมองหาโอกาสดีเพื่อโจมตี

ไม่ว่าหลิวเย่และเป่าเอ๋อจะอยู่ที่ไหน  พวกนางจะไม่ปลอดภัย  พอซุ่นเทียนไม่กลัวจื้อจุนและจักรพรรดินีราตรี รวมทั้งการคุกคามของเย่ว์หยางและวังมาร ซุ่นเทียนคงจะกวาดล้างหอทงเทียนได้ทั้งหมด

พวกเขาทุกคนนิ่งเงียบและคิดถึงวิกฤติที่เจ้าอ้วนไห่พูดถึง

ทุกคนต้องการทางออกสำหรับปัญหานี้  แต่ดูเหมือนจะไม่มีทางแก้ไขเลย

แม้แต่พะยูนนรกอสูรปราณฟ้าระดับสองทั้งสองตัวก็ยังถูกส่งไปยังหุบเขาแม่น้ำขาว  พวกเขาจะไปค้นหานักรบผู้แข็งแกร่งมาปกป้องกลุ่มของพวกเขาได้ยังไง?

เมื่อฟงชิซา, เหยียนพั่วจวินและเย่ว์ถิงมาถึงในที่สุด แต่พวกเขาก็ยังนึกหาวิธีคลี่คลายไม่ได้  พวกเขาแค่ต้องรอพร้อมกับพวกเขา

องค์ชายเทียนหลัวเค้นสมองคิดอย่างหนัก หวังว่าจะมีวิธีคลี่คลายที่เป็นไปได้

เสวี่ยทันหลางถอดใจกับการทำงานที่ไร้ความหวังนี้ให้สำเร็จ  เขาเชื่อว่าถ้ามีทางเลือกที่ดีกว่าพี่สาวหรือพี่เขยของเขาก็คงหาพบและสั่งทุกคนให้ดำเนินการ  แต่เนื่องจากพวกเขาจากไปโดยไม่พูดอะไรเลย เป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่าสำหรับเขาแล้วไม่มีทางเลือกอื่น

หลังจากได้ข้อสรุปเช่นนั้น  เขาฝืนใจตนเองอ่านหนังสือ ‘บันทึกเหตุการณ์แดนสวรรค์’ ที่เขาถืออยู่ในมือ  แน่นอนเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะอ่านหนังสือเล่มนี้ต่อหน้าธารกำนัลได้  แม้ว่าสิ่งนี้จะไม่มีผลชัดเจน แต่เขาสามารถเห็นผลได้เล็กน้อย  ทักษะธรรมชาติในการปลดปล่อยพลังของเขาเพิ่มขึ้นถึงระดับสี่ก้าวหน้าเพิ่มขึ้นหนึ่งระดับ

ขณะที่เย่คงและเจ้าอ้วนไห่เถียงกัน หลิวเย่ที่นั่งเงียบตลอดจู่ๆ ก็พรวดพราดลุกขึ้นทำให้คนอื่นตกใจกันหมด  พวกเขารีบถามนางว่าเกิดอะไรขึ้น

นางเริ่มร้องและตอบเสียงสั่นเครือ  “ข้าไม่รู้เหตุผลว่าทำไม   จู่ๆ ข้ารู้สึกกระวนกระวายและเศร้าใจจนอึดอัดไปหมด  พวกเจ้าคิดว่าจะมีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นกับอาจารย์ข้าหรือเปล่า?”  คนอื่นบางคนก็มีความรู้สึกเช่นนี้  พวกเขาพลอยใจเสียไปด้วยเมื่อได้ยินคำพูดของนาง

“อย่าห่วงไปเลย ไม่มีอะไรแน่นอน  เย่ว์หยางและทุกคนจะต้องปลอดภัย!”  แอนนาเหมือนเป็นพี่สาวคนโตที่สุดในกลุ่มรีบปลอบโยนนาง

“เราต้องร่วมกันฝ่าฟันผ่านเวลาที่ยากลำบากนี้ไปได้อย่างปลอดภัย!”  เป่าเอ๋อชูกำปั้นน้อยๆ ของนางให้กำลังใจหลิวเย่

แครก!

ไข่มุกฝนดาวตกที่เป่าเอ๋อสวมอยู่บนศีรษะนางซึ่งได้รับเป็นของขวัญจากจักรพรรดิสมุทรไห่หลานแตก  นั่นคือไข่มุกนำโชคที่มีอายุมากกว่าสามพันปี มีความสามารถเสริมความแข็งแกร่งให้ผู้สวมใส่มีโชค  แม้ว่าโชคจะเป็นตัวตนที่สัมผัสไม่ได้  แต่ก็ทำให้เป่าเอ๋อโชคดีตลอดมา  ในอดีตนางประสบความสำเร็จเหลือเชื่อ ทั้งที่หลายๆ กรณีคนอื่นล้มเหลว

ดังนั้นด้วยโชคนั้นพวกเขาจึงเชื่อมั่นอย่างลึกซึ้งว่าการแตกของมุกฝนดาวตกนำโชคบนศีรษะของเป่าเอ๋อหมายถึงลางร้าย  จู่ๆ มุกนั้นแตกเองทำให้ทุกคนสีหน้าเปลี่ยน

หายนะระดับนี้เชียวหรือ!  สถานการณ์เลวร้ายระดับนี้เชียวหรือ? พวกเขาไม่มีโชคแล้วหรือ?

เป่าเอ๋อถือมุกฝนดาวตกที่แตกและพูดตะกุกตะกัก  “ขะ.ข้าไม่ได้ตั้งใจจริงๆ...”

“ไม่ ไม่ใช่!”  เจ้าอ้วนไห่คำรามลั่นเหมือนฟ้าร้อง  “ทั้งหลิวเย่ ทั้งมุกฝนดาวตกสามพันปีไม่มีปัญหาอะไร  แต่เป็นเรา!  โธ่เว้ย!  เราต้องรีบไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้ เพราะซุ่นเทียนและพวกจะมาถึงในไม่ช้านี้  เจ้าลิงผอม เจ้าควรจะนำกลุ่มไปที่หุบเขาแม่น้ำขาวทันที  มีแต่ตอนที่เราอยู่ใกล้ๆ จื้อจุนและเย่ว์หยางเท่านั้น พวกเขาทั้งหมดจึงจะปลอดภัย!”

“เจ้าไม่คัดค้านเรื่องนี้แล้วหรือ?”  เย่คงตะลึง

“ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว  จ้าวปีศาจโบราณต้องมีกำลังเสริม แข็งแกร่งพอจะสู้กับจื้อจุนและเย่ว์หยาง  เมื่อซุ่นเทียนได้ทราบข่าวนี้ เขาจะลงมือโจมตีเราแน่นอน  ดังนั้นเราต้องไปกันเดี๋ยวนี้ หลิวเย่ไม่ใช่เป็นเพียงคนเดียวที่มีความรู้สึกแบบนี้ พวกเราทุกคนก็รู้สึกได้  อย่างไรก็ตามไม่มีใครในพวกเราที่สามารถรับการเตือนภัยทางจิตได้”  เจ้าอ้วนไห่คำราม ขณะที่เขาคว้าคอเสื้อของเย่คง

“อะไรนะ?”  เย่คง เสวี่ยทันหลางและองค์ชายเทียนหลัวตกตะลึงกันหมด

ทุกคนคิดว่าเหตุผลที่พวกเขารู้สึกว่าไม่สบายใจเป็นเพราะพวกเขาไม่มีส่วนร่วมต่อสู้ระหว่างเย่ว์หยางกับจ้าวปีศาจโบราณ  พวกเขาอ่อนแอเกินจะร่วมรบสนับสนุนเขา และจำต้องรอให้เขากลับมาอย่างช่วยไม่ได้

มันไม่ใช่แค่นั้น  เหตุผลที่แท้จริงก็คือศัตรูแข็งแกร่งกำลังมาถึง

บางครั้งความเชื่อมโยงที่อธิบายไม่ได้ระหว่างคัมภีร์อัญเชิญและผู้อัญเชิญอาจมีส่วนสำคัญในการช่วยเตือนอันตราย  ถ้านับในกรณีนี้พวกเขาจะต้องออกไปทันทีก่อนที่ผลร้ายที่ตามมาจะมิอาจคำนวณได้  ไม่มีใครรู้ว่าสายเกินไปกว่าจะทำอะไรในเรื่องนี้ได้ ในทันทีที่พวกเขาเริ่มตระหนักถึงความเป็นไปได้นี้

ทันใดนั้นปรากฏแสงสีทองสว่างวูบและร่างสง่างามของซุ่นเทียนปรากฏอยู่ต่อหน้าพวกเขา  ผู้ที่ปรากฏตัวพร้อมกันกับเขาก็คือองค์ชายดำที่แทบจะเป็นร่างเลือนมองไม่เห็น  ประมุขนิกายพันปีศาจ และสื่อจินโหวจอมเจ้าเล่ห์ที่ซ่อนตัวอยู่ในเมฆหมอกตลอดเวลา  นอกจากนี้ยังมีนักรบปราณก่อกำเนิดจากเผ่ามนุษย์มีปีกของทวีปกวงหมิง สำนักภูเขาหมอกลอยฟ้าแดนใต้ และสำนักเจดีย์ราชสีห์ตะวันตกยืนอยู่ด้านหลังพวกเขา  การมาถึงของพวกเขาทำให้เย่คง เจ้าอ้วนไห่และคนอื่นๆ ถึงกับหน้าซีด

แม้แต่คนอ่อนแอที่สุดในกลุ่มของประมุขนิกายพันปีศาจ สื่อจินโหวก็มีพลังปราณก่อกำเนิดระดับแปด  ซุ่นเทียน องค์ชายดำ ประมุขนิกายพันปีศาจ อีกทั้งยังมีผู้อาวุโสสภาสูงของเผ่ามนุษย์มีปีก เจ้าสำนักภูเขาหมอกแดนใต้และผู้อาวุโสผู้มีระดับพลังสูงส่งของสำนักเจดีย์ราชสีห์ตะวันตก

มีช่องว่างความแตกต่างระหว่างกลุ่มทั้งสองมากเกินไป

“บอกตามตรงเลยนะ เจ้าอ้วนไห่, เจ้าเป็นคนที่ข้าดูแคลนเป็นที่สุด เจ้ามันทำให้ข้านึกสะอิดสะเอียนรังเกียจได้มากที่สุด  ถ้าข้ารู้ว่าเจ้าฉลาดและเด็ดขาดมากอย่างนี้  ข้าคงฆ่าเจ้าตั้งแต่รบกันที่ปราสาทตระกูลเย่ว์ไปแล้ว  มดแมลงตัวน้อยอย่างเจ้าจะได้ไม่ต้องเติบโตจนเป็นภัยคุกคามข้าจนทุกวันนี้  ถ้าขืนปล่อยให้เจ้าได้มีโอกาสฝึกฝนต่อไป อีกไม่กี่ปีก็คงไม่เป็นผลดีต่อข้า”  ซุ่นเทียนถอนหายใจโคลงศีรษะ  เขายิ้มและพูดต่อ  “แต่ก่อนจะส่งเจ้าลงหลุมศพ  ข้าอยากจะบอกความลับที่จะทำลายความหวังที่พวกเจ้ายังนึกหวังว่าเย่ว์หยางจะได้รับชัยชนะกลับมา  อย่ามัวแต่คาดหวังอย่างไร้เดียงสาว่าเย่ว์หยางจะช่วยเจ้าได้ เพราะมีศัตรูที่มีความแข็งแกร่งมากเพียงพอจะฆ่าเขาได้ นอกจากจ้าวปีศาจโบราณแล้ว  เจ้าเคยได้ยินชื่อราชันย์เผ่าเก้าแสงไหม?  เขาคือราชาผู้มีพลังปราณฟ้าระดับเจ็ด และมีอาณาเขตปกครองกว้างใหญ่ไพศาลมากกว่าหอทงเทียน  ยิ่งกว่านั้นศัตรูที่แข็งแกร่งที่สุดของเย่ว์หยางไม่ใช่เขา  ศัตรูที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาก็คือเจ้าแม่เผ่าเก้าแสง  นางคือนักรบปราณราชันย์ที่ทรงพลัง และนางคือคนที่มีคุณสมบัติพอจะได้ปกครองแดนสวรรค์ในอนาคต  เมื่อคนอย่างนางมาที่บันไดสวรรค์ พวกเจ้ายังกล้านึกฝันว่าคุณชายสามตระกูลเย่ว์ยังจะเป็นผู้ไร้เทียมทานอีกหรือ  เขายังจะสามารถพลิกสถานการณ์ได้อีกหรือ? ฮ่าฮ่าฮ่า!  เป็นไปไม่ได้!”

ท่าทีผยองของซุ่นเทียน น้ำเสียงประชดประชันของเขาและรอยยิ้มที่โอหังของเขา  อาการยั่วโมโหทั้งหมดนี้ทำให้เย่คงตะโกนอย่างเหลืออด  “ข้าจะต้องฆ่ามัน!”

“เจ้าลิงผอม!”  เจ้าอ้วนไห่คว้าแขนเย่คงไว้แน่นไม่ให้เขาโจมตี

“ครั้งนี้ข้าจะสู้กับซุ่นเทียนเอง, องค์ชายดำเป็นคู่ต่อสู้ของเจ้า”  เย่คงตั้งใจแน่วแน่จะสู้ตายกับซุ่นเทียน  แม้จะไม่มีประโยชน์ต่อเย่ว์หยางเท่าใด  แต่อย่างน้อยเขาก็สามารถกำจัดคนทรยศในหอทงเทียนได้  ซุ่นเทียน องค์ชายดำ ประมุขนิกายพันปีศาจ สื่อจินโหว และคนอื่นๆ เป็นศัตรูที่พวกเขาจะต้องฆ่า!

“เจ้าบ้าไปแล้วหรือ?  เราจะไม่ต่อสู้กับพวกเขา!”  เจ้าอ้วนไห่ส่ายศีรษะคัดค้านอย่างแน่วแน่  เขากอดเย่คงที่กำลังโกรธไว้แน่นพลางตะโกน  “ใจเย็นก่อน, พวกเขาต้องการทำให้เราบุ่มบ่ามวู่วาม  เข้าใจหรือเปล่า?  สิ่งที่เราจำเป็นต้องทำคือสู้กับสิ่งที่เขาต้องการ  ด้วยวิธีนั้นเขาจะไม่สามารถคาดการณ์ถึงสิ่งที่เราจะทำได้ เสียสมดุลและเสี่ยงโง่ๆ  เย่ว์หยางไม่อยู่ที่นี่  ดังนั้นข้าจะเป็นคนสั่งการเอง ถอนกำลังเดี๋ยวนี้ แล้วไปหาจักรพรรดินีราตรี นางจะช่วยปกป้องเจ้า ไปอยู่ข้างๆ นาง  ข้าเชื่อว่าเย่ว์หยางจะต้องได้ชัยชนะ ไม่ว่าศัตรูของเขาจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็ตาม ข้าไม่เคยสงสัยเรื่องนั้นเลย!”

“แล้วเจ้าเล่า?”  เย่คงสังเกตประกายตาแปลกๆ ในดวงตาของเจ้าอ้วนไห่

“ข้าจะอยู่ที่นี่ถ่วงเวลาพวกเขาไว้!”  เจ้าอ้วนไห่ตอบอย่างสงบ

“เป็นไปไม่ได้...” เย่คงต้องการโต้เถียงเจ้าอ้วนไห่  แต่เจ้าอ้วนไห่เพียงแต่จ้องเย่คงเขม็ง สายตาที่เขาจ้องมองนั้นแน่วแน่ เจ้าอ้วนไห่คว้าคอเสื้อเย่คงและตะโกนเสียงห้าว “ข้าไม่ได้ขอความเห็นของเจ้า!  ข้าสั่งให้เจ้าทำเช่นนี้, เข้าใจไหม?  เย่ว์หยางไม่อยู่ที่นี่ ดังนั้นวันนี้ ข้าคือลูกพี่!  หน้าที่ที่เจ้าต้องรับผิดชอบก็คือดูแลความปลอดภัยของคนอื่น ถ้าเจ้าไม่ต้องการให้ทั้งกลุ่มตายต่อหน้าต่อตาเจ้า ก็ทำตามคำสั่งข้า!”

“เจ้า...” เย่คงรู้สึกโกรธ เนื่องจากเขารู้ว่าการรั้งอยู่หมายความว่ายังไง เขาต้องการสลับตำแหน่งกับเจ้าอ้วนไห่หรือไม่ก็สู้เคียงข้างกัน อย่างไรก็ตามเจ้าอ้วนไห่ให้งานที่สำคัญมากกว่า เขาต้องพาคนอื่นหนีไปอย่างปลอดภัย  ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขามีภารกิจที่ยากยิ่งกว่าการรั้งอยู่  ต้องสู้อย่างกล้าหาญยอมตาย ต่อให้แพ้เขาก็ต้องถ่วงเวลาศัตรูเอาไว้ให้ได้  เป็นความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่กว่า หนักหนายิ่งกว่า นั่นคือพาคนในกลุ่มหนีการไล่ล่าของศัตรูพวกเขา  ถ้าเขาสามารถเลือกได้  เย่คงคงจะเลือกยอมตายในการต่อสู้  แต่เขาไม่มีทางเลือกเช่นนั้น เย่ว์หยางไม่พร้อม พวกเขาที่เหลือจำเป็นต้องได้ผู้นำ

“ในฐานะเป็นลูกพี่ของพวกเจ้า ข้าไม่เคยทำตัวแบบลูกพี่อย่างที่ควรจะเป็น  วันนี้ข้าจะเป็นลูกพี่ของเจ้า!”  เจ้าอ้วนไห่หัวเราะทันที  “เจ้าไม่คิดว่าลูกพี่ของเจ้าสง่างามมากไม่น้อยเลยไม่ใช่หรือ? เป็นลูกพี่ของกลุ่มไม่ใช่งานง่ายที่ใครๆ จะทำกันได้!”

“ไป!”  เย่คงพยายามกลั้นน้ำตา ขณะที่เขาคลี่ม้วนเวทเทเลพอร์ต  เขาคำรามลั่นด้วยความเศร้าโศกปนขุ่นเคือง ราวกับหมาป่าเดียวดายหอนใส่พระจันทร์ “ไปกันเลย... หัวหน้าของเราจะระวังหลังให้!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด