ตอนที่ 731 ซื่อไห่ บุรุษทรงพลังผู้มีปณิธานราชันย์
ขณะที่เย่ว์หยางกำลังจะติดตามจ้าวปีศาจโบราณเข้าไปในหุบเขาแม่น้ำขาวผ่านไปตามพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาล คนของเขาทุกคนได้แต่จ้องมองดูเขา
พวกเขาต้องการจะพูดอำลา แต่พวกเขากลัวว่านั่นจะเป็นลางไม่ดี
เย่ว์หยางหันมาเห็นองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนฝืนตัวเองเบือนหน้าหนี เพื่อไม่ให้เขาจับได้ว่านางมีสีหน้าหวาดหวั่น นางไม่ต้องการให้เย่ว์หยางกังวลห่วงใยนาง เจ้าเมืองโล่วฮัวพยักหน้าเล็กน้อย นางเซียนหงส์ฟ้าทำเป็นง่วนอยู่กับการส่องกระจกแต่งหน้าแต่งตาเตรียมตัวก่อนต่อสู้ นิ้วเรียวงามของอี้หนานทาบอยู่ที่ริมฝีปาก อี้หนานอยากส่งจูบให้เย่ว์หยาง แต่เมื่อนางเห็นคนอื่นไม่แสดงออกสนองตอบอะไรมากนางจึงรู้สึกเขินอาย ดังนั้นนางได้แต่เก็บความตั้งใจเอาไว้
เย่ว์ปิงชูหมัดน้อยๆ ให้กำลังใจพี่ชายด้วยความเชื่อมั่นว่าพี่ชายนางทำได้ และจะไม่ผิดไปจากที่เขาคาด
เย่ว์หยางยิ้ม จากนั้นเอื้อมมือมาลูบศีรษะเย่ว์ปิง
แทนที่เขาจะให้กำลังใจน้องสาวตามปกติ แต่เขาแค่พยักหน้าเล็กน้อย
เย่ว์หยางยังคงสังเกตเห็นไห่อิงอู่, สาวขี้เมาและสาวยักษ์ลี่เยี่ยนมีปฏิกิริยาแตกต่างกัน เขาพยักหน้าและยิ้มให้พวกนาง จากนั้นให้ฮุยไท่หลาง, อาหง, อาหมันและอสูรศึกทั้งหมดรั้งอยู่ เย่ว์หยางสูดหายใจลึก จากนั้นรีบติดตามจ้าวปีศาจโบราณไปอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า
หลังจากเย่ว์หยางจากไป องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนแสดงพลังอำนาจและกิริยาที่สง่างามทันที “ใครจะกล้าสู้กับข้า?” นางถือดาบเทพจักรพรรดิอวี้ในมือซึ่งในหอทงเทียนไม่มีผู้ใดเทียบติด
นางควงดาบฟันออกไปตามปกติและชี้มาทางศัตรูของพวกเขา
เกิดร่องขนาดใหญ่ยาวสามร้อยเมตรปรากฏบนพื้นและปราณกระบี่เทพจักรพรรดิอวี้ฟันใส่เงาดำหลายสิบร่างฝั่งตรงข้ามด้วยพลังไม่มีใดเทียบ
นางต้องการฟันเพื่อเผยโฉมลักษณะที่แท้จริงของศัตรูซึ่งซ่อนอยู่ในชุดคลุมของพวกเขา เนื่องจากพวกเขาพยายามทำตัวให้ลึกลับ ดังนั้นเมื่อสูญเสียความลึกลับไป เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะยังรักษาแรงกดดันประหลาดและความก้าวร้าวในใจพวกเขา ตราบเท่าที่ลักษณะที่แท้จริงของพวกเขาถูกเปิดเผย เสวี่ยอู๋เสียสามารถปรับกลยุทธ์ต่อสู้ของพวกนางได้ตามต้องการในระหว่างสู้ ภายในสนามพลังวิญญาณของเสวี่ยอู๋เสียยิ่งนางได้รับข้อมูลศัตรูมาก ผลลัพธ์ที่ออกมาจะยิ่งดี
อย่างไรก็ตามทั้งที่เผชิญกับพลังดาบขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน แต่เงาดำยังคงสงบและไร้ความรู้สึก ยกเว้นแต่บางคนที่เอนตัวฉากไปด้านข้างเล็กน้อย
“ฝีมือแค่น้อยนิด” เงาดำขนาดใหญ่ตะโกนขึ้น ขณะที่มันเดินหน้าตรงมาที่ปราณกระบี่
ด้วยเสียงตวาดปานฟ้าร้อง เขาเหยียดแขนขวาที่แข็งแกร่งดุจเสาป้องกันปราณดาบที่องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนยิงออกมาจากดาบเทพจักรพรรดิอวี้
นักสู้ปราณฟ้าระดับหนึ่ง คงไม่กล้าใช้แต่เพียงแขนตนเองต้านรับดาบปราณของดาบเทพจักรพรรดิอวี้โดยตรงแน่ แม้ว่าองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนจะยังไม่ได้เสริมแรงฟันด้วยพลังเซียนของนาง และนางไม่ได้ใช้พลังสูงสุดของนาง ไม่เช่นนั้นแรงฟันที่รุนแรงของนาง นักรบปราณฟ้าคงไม่สามารถป้องกันได้
อย่างไรก็ตามร่างเงาดำขนาดใหญ่ใช้แขนยาวสีทองของเขาป้องกันพลังโจมตีไว้
ไม่ได้ใช้เคล็ดพลังอะไรทั้งนั้น เป็นการอวดโอ่พลังล้วนๆ ของตน
บึ้ม!
ปราณดาบของดาบเทพจักรพรรดิอวี้ปะทะใส่แขนทองข้างขวาที่ใช้ป้องกันการโจมตี แรงปะทะที่รุนแรงทำให้เกิดคลื่นระเบิดรุนแรง
ในหุบเขา แผ่นดินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง กรวดหินปลิวกระจายไปทั่วทุกทิศ แม้หินศิลาที่อยู่ไกลออกไปยังพังทลายทำให้ดูราวกับเป็นวันสิ้นโลก
ขณะที่ฝุ่นจางลง สถานการณ์ที่ปรากฏทำให้นางตกใจ ยกเว้นบุรุษที่มีแขนยาวสีทอง ร่างเงาดำอื่นที่อยู่หลังเขายังคงยืนนิ่งอยู่บนหินและนิ่งเฉย แม้แต่ชุดคลุมของพวกเขาไม่ได้รับความเสียหายแม้แต่นิด! มีเพียงส่วนชุดที่คลุมแขนขวายาวสีทองของเขาที่แตกสลายไปเพราะปราณดาบ เผยให้เห็นร่างกายส่วนบน มันดูแข็งแกร่งเหมือนตัวจามรี
บุรุษศีรษะโตหน้าเหมือนศิลามีแขนขวาที่ยาวเป็นพิเศษ
เทียบกับแขนซ้ายของเขา แขนขวาของเขายาวกว่าถึงสองเท่า
ความยาวของแขนขวาของเขาแทบจะเท่ากับความยาวของลำตัวของเขา
ต่างจากแขนซ้ายของเขา แขนขวาของเขาไม่มีอาวุธ ทั้งไม่ใช้เป็นเกราะ มันเรืองแสงสีทองและดูเหมือนว่าจะทำด้วยบางอย่างที่แข็งมากกว่าเหล็ก
แรงฟันขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเพียงแต่ทิ้งบาดแผลเล็กๆไว้ ขนาดแผลไม่เกินสิบเซนติเมตรบนแขนยาวของเขา บาดแผลตื้นจนไม่มีแม้แต่เลือดออก แผลหายอย่างรวดเร็วหลังจากเขาเลียด้วยวิธีการที่ดูน่าขยะแขยง
“ข้าไม่ได้รู้สึกเจ็บมานานแล้ว แรงฟันด้วยสมบัติเทพของเจ้าทำให้ข้าตื่นเต้นได้จริงๆ!” บุรุษที่แข็งแรงเหมือนกับวัวจามรีแหกปากหัวเราะลั่นและกล่าว “ข้าขอแนะนำตัวเองก่อน ข้าชื่อหลี่ผานเป็นชาวเผ่าเก้าแสง เป็นคนที่จะฆ่าเจ้าต่อไป ข้ามาหอทงเทียนและบันไดสวรรค์เมื่อหมื่นปีที่แล้ว แน่นอน ข้าไม่ได้รับการต้อนรับในเวลานั้น ตั้งแต่นั้นข้าก็รอให้หอทงเทียนชดใช้สิ่งที่พวกเขาทำกับข้า โชคดีที่วันนี้หอทงเทียนตกต่ำ และนักสู้ที่แข็งแกร่งจากครั้งก่อนถูกฝังไปหมดแล้ว ดังนั้น ข้าต้องหาเจ้านักสู้ที่แข็งแกร่งรุ่นหลังของหอทงเทียนแทน!”
“ในฐานะคนที่กำลังจะตาย ข้าไม่จำเป็นต้องจดจำอะไรมากขนาดนั้น” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนตอบ
บุรุษร่างสูงนามหลี่ผานส่ายหน้าและหัวเราะ “ฮ่าฮ่า ข้ารู้ว่าเจ้ากลัวที่จะต้องสู้กับข้า เจ้าไม่คู่ควรพอจะเป็นคู่ต่อสู้ของข้าด้วยซ้ำ แม้ว่าเจ้าจะใช้ดาบเทพก็ตาม แม้ว่าข้าจะเป็นนักสู้ปราณฟ้าระดับห้า แต่นักสู้ของเผ่าเก้าแสงของเราทุกคนก็มีพลังที่แข็งแกร่งมาก ดังนั้นข้าจึงสามารถสู้กับนักสู้ปราณฟ้าระดับหกได้ ไม่ว่ายังไงเจ้าก็ไม่มีทางชนะ!”
“นางไม่ใช่ตัวคนเดียว...” นางเซียนหงส์ฟ้าพูด หลังจากนางแต่งหน้าเสร็จเรียบร้อย “ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะกล้าคัดค้านถ้าเราจะสู้กันสองต่อหนึ่ง” นางกล่าวด้วยไหวพริบ
“ข้าเกรงว่าเจ้าจะไม่มีโอกาสได้สู้ร่วมกัน เพราะเพื่อประโยชน์ให้ได้สมบัติในแดนล่มสลายแห่งทวยเทพทั้งหมด นักสู้ทุกคนของเผ่าเก้าแสงของข้าจึงถูกส่งมาที่นี่ ดังนั้นพวกเจ้าทุกคนจะต้องตายแน่นอน ได้เวลาที่เราจะกำจัดความอัปยศที่เคยได้รับในอดีต บางทีเจ้าอาจคิดว่าไม่ยุติธรรม แต่ต้องโทษว่าที่พวกเจ้าอ่อนแอเอง” หลี่ผานชี้ที่ด้านหลังเขาเอง หลี่ผานชี้ไปที่เงาร่างด้านหลังของเขาซึ่งเป็นคนจากเผ่าเก้าแสง เพื่อต้องการชิงสมบัติในแดนล่มสลายแห่งทวยเทพ พวกเขาจะไม่มีการเห็นอกเห็นใจสตรี
ด้านหลังหลี่ผานมีบุรุษผมสูงราวกับลำไม้ไผ่ยืนอยู่
บุรุษคนนั้นมองดูนางเซียนหงส์ฟ้าเหมือนอสรพิษจ้องเหยื่อ “ข้าเห็นอักษรรูนแค้นของซื่อเยี่ยบนร่างของเจ้า เจ้าแข็งแกร่งกว่าคนอื่นจริงๆ เจ้าสามารถฆ่าซื่อเยี่ยได้โดยไม่บาดเจ็บนัก ดังนั้นข้าจะเป็นคนฝังเจ้าเอง! งานชอบของข้าคือส่งนักรบที่แข็งแกร่งลงสุสาน! ก่อนที่เจ้าจะตาย จงจำชื่อข้าไว้ให้ดี สัปเหร่อโยวจิน!”
นางเซียนหงส์ฟ้าส่ายศีรษะ “ฉายาที่น่าขยะแขยงนัก!”
เสวี่ยอู๋เสียที่สังเกตศัตรูเหล่านี้ปิดหนังสือสัจจะทันทีและชี้ไปที่หลี่ผาน “จุดได้เปรียบของเขาก็คือเขาสามารถดูดซับความเสียหายมากมายทางกายภาพเนื่องจากความสามารถสุดยอดในการป้องกันร่างกายตัวเอง อย่างไรก็ตามจุดอ่อนของเขาก็คือการป้องกันทางจิตใจ จากนั้นนางชี้ไปที่โยวจินและกล่าว”ในทางตรงกันข้าม คนผู้นั้นแข็งแกร่งในการป้องกันพลังจิต แต่อ่อนแอในพลังป้องกันทางกายภาพ นอกจากนี้เขายังรวดเร็ว และมีทักษะต่อสู้ดี ยังมีอสูรโลงศพชนิดพิเศษที่สามารถกินคู่ต่อสู้ของเขาได้.. เปลี่ยนตำแหน่งจะยากที่จะสู้กับพวกเขาได้ จักรพรรดินีราตรี โปรดกำจัดคนที่นั่งอยู่บนศิลา ถ้าข้าเดาไม่ผิด เขาคงเป็นหัวหน้าเผ่าเก้าแสง เนื่องจากเขาเป็นเพียงคนเดียวที่ข้าไม่สามารถเอาข้อมูลมาจากเขาได้!”
เงาดำที่นั่งอยู่บนก้อนหินส่ายศีรษะโบกมือตามปกติจากนั้นกล่าว “ไม่ ข้าไม่ใช่ ทั้งราชาและราชินีของเผ่าเก้าแสงกำลังรออยู่ที่ใต้ดิน ข้าเป็นนักรบแก่ มาที่นี่เพื่อสู้”
เขาชะงักเล็กน้อย จากนั้นพูดต่อ “เจ้าสามารถเรียกข้าว่าซื่อไห่ได้ ซื่อเยี่ยคนที่สาวน้อยผู้นั้นฆ่าก็คือบุตรชายคนหนึ่งของข้า”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเสวี่ยอู๋เสียรู้สึกไม่สบายใจ
ซื่อไห่อาจจะแข็งแกร่งมากกว่าที่พวกนางคาดไว้
ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจการตายของลูกชายของเขา ยังคงสงบเสงี่ยมสำรวม ไม่มีร่องรอยความแค้นหรือความโกรธปรากฏอยู่บนใบหน้าของเขา เขามีสมาธิที่แข็งแกร่ง เห็นได้ชัดเจนว่าซื่อไห่เป็นนักสู้ปราณราชันย์ มีปณิธานราชันย์ที่ไม่ไหว
มีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยภายในสนามพลังดารารายของจักรพรรดินีราตรี มีดวงดาวปรากฏขึ้นมากกว่าเดิม
ขณะที่จักรพรรดินีราตรีค่อยๆ เพิ่มพลังของนางแสดงให้เห็นว่าเอาจริงอย่างไม่เคยมีมาก่อน นางตอบด้วยเสียงนุ่มนวล “ผู้อาวุโสซื่อไห่, ข้าจะเป็นคู่ต่อสู้ให้ท่านเอง! แม้ว่าข้าจะไม่ชอบการเข่นฆ่า แต่บางครั้งก็พลั้งมือได้เหมือนกัน ถ้ากระทำเกินเลยไปบ้าง ต้องขออภัยไว้ก่อน”
จักรพรรดินีราตรีตัดสินใจไม่เก็บรั้งพลังนางไว้อีกต่อไป นางตัดสินใจสู้สุดกำลัง
อาจกล่าวได้ว่าคำพูดเหล่านั้นเป็นการประกาศสู้เสี่ยงชีวิตระหว่างนางและซื่อไห่ศัตรูของนาง
เมื่อเผชิญหน้ากับจักรพรรดินีราตรีผู้ลึกลับและมีสนามพลังดาราราย ร่างเงาของซื่อไห่นั้นไม่กล้าประมาท “นักรบทุกคน ลงท้ายก็ตายในการต่อสู้ นั่นคือจุดจบที่ดีที่สุดของนักรบทุกคน สามารถตายในเงื้อมมือของนักรบที่แข็งแกร่งนั่นคือวิธีกลับบ้านที่ดีที่สุด หมื่นปีที่แล้วข้าไม่เคยพ่ายแพ้ในการสู้รบในแดนสวรรค์ตะวันตกในช่วงครึ่งแรกของชีวิตข้า แต่ข้าพ่ายแพ้นักรบของหอทงเทียนไปสามครั้ง ในการรบครั้งแรก ข้ามีความแข็งแกร่งกว่าคู่ต่อสู้ของข้า แต่ข้าพ่ายแพ้เพราะความประมาท ดังนั้นข้าไม่เชื่อว่าพวกเขาเป็นนักสู้ที่ดีกว่า เทียบกันแล้วในการต่อสู้ครั้งที่สอง ศัตรูแข็งแกร่งกว่าข้าเล็กน้อย แต่ทักษะของข้าที่ใช้ร่วมกับอสูรศึกยังด้อยกว่าเล็กน้อย ดังนั้นข้าจึงแพ้อีกครั้ง ในเวลานั้นข้าคิดว่าคนของหอทงเทียนคงเป็นเช่นนี้ แค่ดีกว่าข้าเล็กน้อยเท่านั้น ในการสู้รบครั้งที่สามผู้คนมากกว่าร้อยเผ่าผนึกกำลังกันเพื่อต่อกรกับนางพญาเฟ่ยเหวินหลี ข้าเป็นแค่นักรบปราณฟ้าระดับหก ดังนั้นข้ารู้สึกมั่นใจว่าต่อให้ข้าไม่สามารถท้าประลองตัวต่อตัวกับนางได้ ข้าจะร่วมกับฝ่ายชนะเมื่อนางต้องสู้กับนักสู้ปราณฟ้าพันคน ข้าคาดไม่ถึงเลยว่ากองทัพทั้งหมดถูกทำลาย ลงท้ายข้าได้รับบาดเจ็บสาหัสและถูกมองข้ามเหมือนแมลงเพราะเรื่องนี้ ข้าต้องตะเกียกตะกายออกมาจากกลุ่มคนตาย ข้าเสียใจที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ แต่ข้าก็โชคดีรอดชีวิตมาได้ ตั้งแต่นั้นมาข้าได้รับบทเรียนชีวิตของข้า พลังอำนาจที่แท้จริงไม่ใช่แค่เพียงประกอบไปด้วยพลังทางกายเท่านั้น แต่ยังเป็นทัศนคติทางจิตใจด้วย ต่อให้คนผู้นั้นแข็งแกร่งมาก แต่ใช่ว่าจะเป็นเครื่องรับรองว่าจะชนะไม่”
“หลังจากผ่านไปหลายพันปี ในที่สุดข้าก็ตระหนักว่าปณิธานราชันย์คืออะไร ดังนั้นข้าตัดสินใจเข้าร่วมท้าทายครั้งที่สี่เพื่อล้างอายและกู้คืนชื่อเสียงศักดิ์ศรีของข้า เชิญแนะนำข้าด้วย!” จากนั้นซื่อไห่คารวะจักรพรรดินีราตรีอย่างเคร่งขรึม
“เชิญ” เสียงจักรพรรดินีราตรีนุ่มนวลเหมือนสายลม แต่หนักแน่นดุจขุนเขา
นางเองก็มีปณิธานราชันย์ ดังนั้นนางไม่รู้สึกกังวล แม้ศัตรูของนางจะแข็งแกร่งกว่า และมีระดับที่สูงกว่านาง
การต่อสู้ของพวกเขาไม่ใช่แค่เกี่ยวข้องกับพลังรบโดยตรงเท่านั้น แต่ยังจะรวมถึงทักษะความสามารถอื่นๆ ใครมีความเชี่ยวชาญมากกว่า เข้าใจปณิธานราชันย์ได้ดีที่สุด ก็จะเป็นผู้ชนะ
เสวี่ยอู๋เสียเม้มริมฝีปากเล็กน้อยเป็นการผ่อนคลายความเครียดในใจนาง
นางเข้าใจว่าจักรพรรดินีราตรีทำใจนางแล้ว ถ้านางเอาชนะซื่อไห่นักรบปราณฟ้าระดับหกหรือระดับเจ็ดไม่ได้ นางตั้งใจจะเอาชีวิตเขาไปพร้อมกับนางเมื่อนางตาย การต่อสู้วันนี้อาจทำให้จักรพรรดินีราตรีพบกับจุดจบ อย่างไรก็ตามนางไม่พูดความคิดนี้ออกมา เนื่องจากอี้หนานและเย่ว์ปิงไม่สามารถยอมรับในตอนนี้ได้ ศัตรูของพวกนางแข็งแกร่งอย่างไม่เคยพบเจอมาก่อน ไม่ใช่แค่ซื่อไห่เท่านั้น แต่ยังมีราชา ราชินีเผ่าเก้าแสงที่ยังทรงพลังมากกว่าศัตรูที่เหลือ
นอกจากราชาและราชินีเผ่าเก้าแสงแล้ว อาจมีศัตรูที่ทรงพลังมากยิ่งกว่า เพื่อจะเอาชนะเย่ว์หยางให้ได้ จ้าวปีศาจโบราณตัดสินใจยกเลิกความสนใจเรื่องสมบัติทั้งหมดในแดนล่มสลายแห่งทวยเทพ และทุ่มกำลังคนเหล่านี้มาจากแดนสวรรค์
มิน่าเล่าแม่สี่ถึงต้องการหยุดความขัดแย้งเหล่านี้ด้วยการทุ่มเทคุณค่าทั้งหมด