ตอนที่ 730 สู้เพื่อความสุข!
เย่ว์หยางพยายามอย่างหนักเพื่อแก้ปมหัวใจของเขาและขับไล่ความวิตกกังวลออกไปได้ทั้งหมด
เมฆหมอกในหัวใจสลายคลายไป
ขณะที่ท้องฟ้ามืดมิดมีรัศมีพระอาทิตย์ทอแสงทองขึ้นมาทันที คำพูดของเสวี่ยอู๋เสียทำให้เขาได้คิดทันที
เย่ว์หยางไม่พูดอำลาเย่คงและเจ้าอ้วนไห่โดยหลักก็เพราะว่าเขาไม่ต้องการสูญเสียสหายที่ยังคงกำลังเติบโตและยังต้องเพิ่มกำลังในการสู้รบกับจ้าวปีศาจโบราณ ถ้าเย่คง เจ้าอ้วนไห่ หรือคนอื่นใครก็ตามที่เข้าร่วมในการสู้รบของเขา นั่นจะถูกกำหนดว่าจะต้องมีคนที่ไม่อาจกลับมาอย่างปลอดภัยได้ จนถึงตอนนี้ยังมีระยะระหว่างพลังของพวกเขาและของนักรบปราณฟ้า แน่นอนว่าเย่ว์หยางไปชั้นที่สิบของหอทงเทียนพร้อมกับเสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเงียบๆ ประการแรกพวกเขาต้องการพบกับจักรพรรดินีราตรีและถามถึงที่ตั้งลับของหุบเขาแม่น้ำขาว จากนั้นไปสู้เสี่ยงชีวิตกับจ้าวปีศาจโบราณ
มีความรู้สึกที่กล้าแข็งอยู่ในใจของเย่ว์หยางว่าหุบเขาแม่น้ำขาวคงจะอยู่ในบันไดสวรรค์แน่ แต่เขาไม่แน่ใจว่าอยู่ชั้นใด
จักรพรรดินีราตรีไม่อยู่ที่หอทงเทียนชั้นสิบแต่เข้าไปที่ชั้นหนึ่งหอทงเทียน
จักรพรรดินีราตรีอยู่ในสภาพล่องหน ถ้าเย่ว์หยางไม่เชี่ยวชาญสนามพลังสร้างโลกในประตูเป็นตาย เขาคงไม่สามารถเห็นร่างนาง ไม่เห็นแม้แต่เงาสลัว เมื่อจักรพรรดินีราตรีเห็นเย่ว์หยางที่ฟื้นฟูความมั่นใจในตัวเองได้อย่างสมบูรณ์แล้ว นางยิ้มอ่อนโยนเหมือนกับดีใจ จากนั้นพูดด้วยน้ำเสียงไพเราะ “ข้ารู้ว่าเจ้าสามารถทำได้ คนแข็งแกร่งทุกคนจะต้องเผชิญกับปัญหาต่างๆ เป็นไปไม่ได้ที่จะเติบโตโดยไม่เผชิญพบกับความยากลำบาก แต่ในขณะเดียวกัน เนื่องจากเอาชนะปัญหายากลำบากเหล่านี้ได้ พวกเขาจะสามารถไปถึงจุดที่บรรลุเข้าสู่ระดับที่สูงขึ้นได้ การฉวยโอกาสนี้ไม่ใช่แค่ความท้าทายเท่านั้น แต่ก็เป็นโอกาสเช่นกัน ในอนาคตของเจ้าจะต้องพบการต่อสู้ที่ยากลำบากและศัตรูที่แข็งแกร่ง ถ้าเจ้าต้องการไปต่อ อย่างนั้นเจ้าจะต้องสู้เพื่อเอาชนะอุปสรรคทั้งปวง นี่คือกระบวนการเติบโตที่แท้จริง!”
“ข้าทราบ” เย่ว์หยางไม่พูดขอบคุณ ขณะที่เสวี่ยอู๋เสียบอกไว้ว่าคำพูดเหล่านี้ควรให้กับคนที่แปลกหน้า
“ไปกันเถอะ!” จากนั้นจักรพรรดินีราตรีพูดอ่อนโยน “ข้าคาดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะเอาชนะได้ในไม่ช้า ข้าตั้งใจจะไปชวนเจ้าด้วยตนเอง ตอนนี้เจ้าเอาชนะความคิดนี้ได้แล้ว ก็จงรีบไปงานเลี้ยงที่เตรียมไว้นานแล้วนี้เถอะ ถ้าแม่สี่ไม่ยืนยันเรื่องนี้ ข้าคงไม่อยากสนใจคนที่เอาแต่ตัดสินตัวเอง” คำพูดของนางเหมือนสายลมฤดูใบไม้ผลิทำให้หัวใจของเย่ว์หยางรู้สึกอบอุ่น
“อ๋า?” เย่ว์หยางตกใจ “แม่สี่ไปที่นั่นหรือ?”
แม่สี่ไม่มีพลังรบแม้แต่น้อย ถ้านางพยายามสู้กับจ้าวปีศาจและตายจากการนั้น เขาคงรู้สึกเสียใจอย่างลึกซึ้งไปตลอดชีวิตที่เหลือ
ทำไมนางต้องไปพบจ้าวปีศาจโบราณ?
มีทางใดที่จะกดดันจ้าวปีศาจโบราณผู้วางแผนมาเป็นเวลานาน?
ไม่!
ไม่ว่าวิธีการของนางจะดีเพียงใด แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะโน้มน้าวคนบ้าอย่างจ้าวปีศาจโบราณที่ใช้กลอุบายทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายของเขา ถ้าเขาถูกยั่วโมโห เขาอาจจะฆ่าแม่สี่ด้วยความโมโห!
จักรพรรดินีราตรี เสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนไปที่บันไดสวรรค์ชั้นห้า
นางอธิบาย “ตอนนี้แม่สี่ยืนยันว่า ข้าไม่สามารถขัดขวางนางได้ ยิ่งกว่านั้นในเร็วๆ นี้เรื่องนี้จะต้องได้รับการคลี่คลาย ในอดีตข้ากลัวว่าเจ้าจะไม่เข้าใจ ดังนั้นจื้อจุนและข้าตัดสินใจชะลอการต่อสู้ออกไปหลังจากพูดกันเสร็จแล้ว แต่ตอนนี้จ้าวปีศาจโบราณฉวยโอกาสท้าทายเรา แม่สี่รู้สึกว่าจำเป็นที่นางต้องไปคลี่คลายปัญหาด้วยตัวเอง ซึ่งข้าเองได้แต่เห็นด้วยกับทางเลือกของนาง”
เย่ว์หยางกังวลอย่างมาก “แต่แม่สี่อ่อนแอมากจนนางแทบจะต้านลมพัดไม่ไหว จะเป็นยังไงถ้าจ้าวปีศาจโบราณจับนางเป็นตัวประกัน?”
“ในเมื่อจักรพรรดินีราตรีอยู่ที่นี่ จื้อจุนต้องอยู่กับแม่สี่ เจ้าเอาแต่จมอยู่กับความคิดน่ากลัวของตัวเอง ไม่ต้องกังวลไปหรอก” เสวี่ยอู๋เสียพูดขณะที่พยายามปลอบให้เย่ว์หยางสงบ
“นั่นก็จริง จื้อจุนอยู่กับนาง ถ้าไม่อย่างข้าคงไม่ใช้เวลามากมายผนึกช่องว่างในทวีปกวงหมิงเป็นแน่ ครั้งนี้จะต้องกำจัดพรรคพวกของจ้าวปีศาจโบราณที่ยังเหลืออยู่ ไม่ว่าหอทงเทียนในตอนนี้จะไร้กำลังขนาดไหน ข้าไม่ยอมให้ทหารรับจ้างแดนสวรรค์เหล่านั้นและนักแสวงโชคพวกนั้นมาก่อเรื่องชั่วร้ายที่นี่ ในเมื่อพวกเขาไม่ยอมปฏิบัติตามกฎของหอทงเทียน ข้าจะต้องส่งพวกเขาลงหลุมเป็นแน่” จักรพรรดินีราตรีถอนหายใจเล็กน้อย “ข้าแตกต่างจากจื้อจุน ข้าไม่ค่อยฆ่าคู่ต่อสู้ของข้า แต่ครั้งนี้พวกเขากระทำเกินไป!”
“ปล่อยพวกเขาให้ข้าจัดการเอง!” เย่ว์หยางเรียกความมั่นใจกลับคืนมาและอาสาทำเรื่องนี้
“แน่นอนว่าจ้าวปีศาจโบราณเป็นของเจ้า เจ้าจะต้องรับมือบริวารคนอื่นอีกด้วย ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากสำหรับเจ้า โชคดีที่ครั้งนี้เป็นแค่พวกมืออาชีพจากแดนสวรรค์แทนที่จะเป็นสุดยอดผู้อาวุโสจากที่ถูกผนึกอยู่ด้านในวงเวท มิฉะนั้นคงจะยากลำบากมากกว่านี้” คำพูดของจักรพรรดินีราตรีทำให้เย่ว์หยางตะลึง
ดูเหมือนว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเสียแล้วกับการจัดการกับจ้าวปีศาจโบราณ
บนชั้นที่ห้าของบันไดสวรรค์ สิ่งที่แน่นอนอย่างหนึ่งก็คือว่ามีพวกที่มีพลังสูงสุดยอดฝีมือระดับปราณฟ้า และเป็นไปได้ว่าบางคนอาจมีพลังระดับเดียวกับราชาใจสิงห์หรืออาจแข็งแกร่งกว่า
ถ้าเป็นเช่นนี้ อย่างนั้นจื้อจุนและจักรพรรดินีราตรีจำเป็นต้องร่วมรบกับคนเหล่านี้ และเย่ว์หยางคงต้องสู้กับจ้าวปีศาจโบราณ เย่เซียว จือกวง เยี่ยซู่และอาเป่ยและกับทหารรับจ้างแดนสวรรค์ที่อ่อนแอคนอื่นๆ เขาอาจต้องเผชิญหน้ากับจักรพรรดิชื่อตี้ พระสนมชื่อเฟย ซุ่นเทียน องค์ชายดำและประมุขนิกายพันปีศาจ เป็นไปได้ว่าเขาจะต้องสู้กับนักสู้จากสำนักเจดีย์ราชสีห์ตะวันตกและสำนักเขาหมอกลอย
คงเป็นการต่อสู้ที่ยากลำบากเพื่อจะกำจัดกองกำลังเดนตายเหล่านี้ให้หมดสิ้นในครั้งเดียว
พวกเขาสามารถยืนยันว่าจักรพรรดิปีศาจจิ๋วซื่อและบริวารทั้งสามไม่อาจหลบหนีออกมาจากผนึกเวทโบราณได้ แต่พลังของจ้าวปีศาจโบราณไม่อาจดูแคลนได้เลย
คนที่ไม่ประมาทระมัดระวังตัวอย่างจ้าวปีศาจโบราณจะยอมสู้แต่ในสถานการณ์ที่เขามั่นใจว่าจะชนะแน่ ตอนนี้สิ่งเดียวที่เขาสามารถทำได้ก็คือร่วมต่อสู้เพื่อจัดการกับจ้าวปีศาจโบราณให้จบ
โชคดีที่เขาเชี่ยวชาญสนามพลังสร้างโลกในประตูเป็นตายได้แล้ว มิฉะนั้นการต่อสู้จะอันตรายมากยิ่งขึ้น เขาอยู่ภายใต้การคุ้มครองของอสูรอมตะบูรพาปิงหยิน แต่คนอื่นเล่า? หากมีเรื่องที่คาดไม่ถึงระหว่างต่อสู้กับจ้าวปีศาจโบราณ แล้วสมาชิกครอบครัวและคนรักอาจถูกฆ่าก็เป็นได้ สำหรับเย่ว์หยางไม่ว่าใครตาย นับเป็นความสูญเสียที่ไม่อาจยอมรับได้
ในระหว่างทางในหอทงเทียน นางเซียนหงส์ฟ้าตามไปทันเย่ว์หยาง
เย่ว์หยางประหลาดใจเมื่อพบว่านางได้รับบาดเจ็บ เห็นได้ชัดว่านางผ่านการต่อสู้มาอย่างดุเดือด
“เกิดอะไรขึ้น?” รีบคว้าแขนดุจหยกขาวของนางและถ่ายพลังปราณก่อกำเนิดเพื่อฟื้นฟูร่างกายนาง
“ไม่หนักหนาสาหัสอะไร อย่าสิ้นเปลืองพลังของเจ้าเลย” นางเซียนหงส์ฟ้าจงใจหัวเราะด้วยน้ำเสียงสบายๆ เพราะกลัวว่าจะทำให้เขากังวล “มีหนูตัวหนึ่งจากแดนสวรรค์หลงทางในระหว่างขนส่ง จากนั้นก็ไปผิดที่ทางที่ชั้นเก้าหอทงเทียน ข้าไล่ติดตามและฆ่ามัน แต่หนูตัวนั้นตอบโต้ได้ก่อนที่มันจะตาย ดังนั้นข้าก็เลยบาดเจ็บ ถ้าข้าไม่รีบร้อน เจ้าหนูตัวนั้นจะทำร้ายข้าได้ยังไง?”
“....” เย่ว์หยางรู้ แม้ว่านางจะทำเหมือนกับว่าเป็นการต่อสู้อย่างสบายๆ แต่นางต้องเผชิญเจอกับการต่อสู้ที่ยากลำบาก มิฉะนั้นคงเป็นไปไม่ได้ที่นักสู้ระดับปราณฟ้าธรรมดาจะทำร้ายนางมารกฎฟ้า ยอดฝีมือที่ทรงพลังได้
คนที่ทำร้ายนางเซียนหงส์ฟ้าบาดเจ็บได้ต้องเหนือกว่าปราณฟ้าระดับสี่แน่นอน บางทีพวกเขาอาจเป็นปราณฟ้าระดับห้า
เสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนยิ้มให้นาง
ถ้าเปลี่ยนเป็นพวกนาง พวกนางก็คงทำอย่างเดียวกัน
เพื่อบุรุษที่นางรัก พวกเขายินดีต่อสู้เคียงข้างเขาหรือสนับสนุนสิ่งที่เขาต้องการอย่างเงียบๆ ไม่มีคำว่าเสียใจ! พวกนางเป็นภรรยาและคู่หมั้นหมาย ดังนั้นสู้เพื่อว่าที่สามีของนาง ความสุขในอนาคตของพวกนางคือเป้าหมายสูงสุดในชีวิต
บันไดสวรรค์ชั้นห้า
แม้แต่ภูเขาก็ยังทลายราบกับพื้น ดังนั้นจึงยากจะประเมินว่ามีการต่อสู้เกิดขึ้นที่นี่กี่ครั้งแล้ว
มีซากหักพังอยู่ทั่วทุกที่ แม้แต่สายลมก็ถูกดูดหายไป และทั่วทั้งพื้นโลกมืดมิดและถูกความเงียบปกคลุม
แม่น้ำแห้งที่เคยทอดตัวยาวผ่านหุบเขาถูกทำลายไปหมดสิ้น นี่อาจเคยเป็นสถานที่สวยงามหาที่เปรียบมิได้ มีเสียงร้องเพลงและบุปผาชาติส่งกลิ่นหอมอบอวล เคยเป็นเหมือนสวรรค์บนพื้นโลก แต่บัดนี้ไม่มีอะไรนอกจากเศษเล็กเศษน้อยราวกับแดนนรก ในสถานที่รกร้างนั้นมีเงาร่างสิบกว่าสายยืนอยู่บนโขดหินเงียบๆ
ผู้นำคือจ้าวปีศาจโบราณผู้ซ่อนลักษณะที่แท้จริงไว้ในชุดคลุม
ไม่เพียงแต่จ้าวปีศาจโบราณเท่านั้นแต่เกือบทุกคนสวมชุดยาวดำเพื่อปิดบังเพื่อไม่ให้คนสามารถประเมินความแข็งแกร่งของสมาชิกได้
“ข้านึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะกล้ามาที่นี่!” จ้าวปีศาจโบราณส่ายศีรษะถอนหายใจ “ถ้าเจ้าไม่มา นั่นคงจะดีเพราะจะพิสูจน์พลังความแตกต่างของเจ้า บอกตามตรง ข้าไม่กลัวจื้อจุนและจักรพรรดินีราตรี เพราะความก้าวหน้าของพวกนางช้าต่างจากเจ้า ทุกครั้งที่ข้าพบเจ้า เจ้าจะต้องมีความรุดหน้าทำให้ข้ารู้สึกว่าเรื่องวิกฤติจะเกิดขึ้นได้ ถ้าข้ารีบไม่กำจัดเจ้าเสียแต่เนิ่นๆ ก็คงไม่มีที่ให้ข้าหยั่งเท้าในหอทงเทียนเป็นแน่”
“เวลาของเจ้าผ่านไปแล้ว ท่านควรไปนอนใต้ดินเหมือนอย่างผู้อาวุโสอื่นได้แล้ว” เย่ว์หยางถอนหายใจ ถ้าจ้าวปีศาจโบราณไม่สูญเสียร่างเดิมที่สมบูรณ์ของเขา เขาก็ยังกลัวว่าถ้าเย่ว์หยางฝึกไปอีกพันปีก็จะมีความก้าวหน้ามากขึ้น และเขาจะมีคุณสมบัติพอท้าทายจ้าวปีศาจโบราณได้
“ไม่ว่าในหอทงเทียนหรือในแดนสวรรค์ มีกฎเหมือนกันคือ กฎแห่งความป่าเถื่อน” จ้าวปีศาจโบราณหัวเราะและกล่าว “ถ้าเจ้าสามารถฆ่าข้าได้ ข้าย่อมไม่โทษว่าเจ้าอยู่แล้ว!”
“เส้นทางของใครล้วนแตกต่างไม่สามารถเอามาใช้กับคนอื่นได้ ทุกคนมีทางเลือกของตนเอง การแสวงหาของทุกคนแตกต่างกัน เรากำลังก้าวไปในทิศทางที่ตรงกันข้าม ดังนั้นมีผู้ชนะเพียงหนึ่งเดียว ไม่ว่าเจ้าจะเล่นลูกไม้อะไร หรือใช้วิธีใด ข้าแค่ต้องการบอกว่านี่คือจุดจบ” เย่ว์หยางดูจริงจังมาก “จะมีผู้รอดเพียงหนึ่งเดียว ไม่ใช่เจ้า ก็เป็นข้า!”
“คำพูดของเจ้าฟังดูมีความมั่นใจจริงๆ แต่ใครจะทำนายสิ่งที่เกิดขึ้นต่อไปได้เล่า?” จ้าวปีศาจโบราณหัวเราะและกล่าว “เจ้ากล้าตามข้าไปที่แห่งหนึ่งหรือไม่?
“อย่าไป!” นางเซียนหงส์ฟ้าคว้าแขนและห้ามเขาไว้ จากนั้นนางส่ายหน้าและกล่าว “ต้องเป็นกับดักแน่นอน!”
“แต่แม่สี่อยู่ที่นั่น ข้าต้องตามเขาไป” เย่ว์หยางไม่สนใจคนรอบๆ เขากอดนางเซียนหงส์ฟ้าและจูบริมฝีปากที่บอบบางที่น่าลุ่มหลงของนางเบาๆ “รอข้าอยู่ที่นี่ เชื่อใจข้า ในเมื่อข้าตัดสินใจไป ข้าไม่กลัวแผนลับของเขา”
“ฮุยไท่หลาง, อาหงส์, อาหมัน, ภูตเพลิงฟ้า, ตั๊กแตนมัจจุราช, หนูเบญจธาตุ, ขุนพลดอกหนามพิโรธของตั่วตั่วและขุนพลดอกหนามควัน ดาบเทาเถี้ยและแมงป่องดาว จงอยู่อยู่ที่นี่ทั้งหมด” เสวี่ยอู๋เสียไม่ยอมให้เจ้าเมืองโล่วฮัว อี้หนาน เย่ว์ปิง ลี่เยี่ยน ไห่อิงอู่และสาวแมวขี้เมาอยู่และดึงออกมานอกคัมภีร์ แต่ให้เย่ว์หยางนำอสูรศึกทั้งหมดทิ้งไว้เบื้องหลัง นอกจากสาวมังกรไร้เขาเจี้ยงอิง และตั่วตั่ว เสี่ยวเหวินหลีที่ยังอยู่กับเย่ว์หยาง
แน่นอนว่าอย่างสาวกิเลนปิงหยินและเทพองครักษ์ศึกสองสาวแฝดมังกร พวกนางยังเป็นความลับสำหรับคนนอก เสวี่ยอู๋เสียรู้ความลับนี้และคาดว่าพวกเขาจะมีบทบาทในช่วงเวลาสำคัญ
นี่จะเป็นการต่อสู้ที่ยากลำบาก
ถ้าพวกเขาประสบความสำเร็จ เย่ว์หยางจะกลายเป็นผู้รับสืบทอดหอทงเทียนที่แท้จริง ในอนาคตจะไม่มีการต่อต้าน ยกเว้นเมื่อเข้าสู่แดนสวรรค์
องค์หญิงเชียนเชียนเปล่งเสียงดัง “พี่น้องทั้งหลาย! จงสู้เพื่อความสุขในอนาคตของเรา!” จากนั้นนางใช้งานสนามพลังเซียนและชักดาบเทพจักรพรรดิอวี้จากด้านหลัง นางเปล่งเสีงดังจนดูราวกับว่าท้องฟ้าแยกแผ่นดินเริ่มสั่นสะเทือน