ตอนที่ 729 จุมพิตเจ้า ที่รักของข้า
คำพูดของพวกเขาทำให้เย่ว์หยางไตร่ตรอง
นักฆ่าพยัคฆ์เป็นชื่อที่เย่ว์ชิวบิดาสหายผู้น่าสงสารใช้ เย่ว์ชิวอยู่ในเมืองโอลีนด์
ครั้งสุดท้ายที่เย่ว์หยางไปเมืองโอลีนด์ เขาพบกับพนักงานต้อนรับ แต่เขาไม่ให้ความสนใจการตามสืบสวนของเย่ว์หยางเนื่องจากความระแวงและตื่นตัวเกินไป เขายังบอกว่าไม่รู้จักเย่ว์ชิวในตอนแรก แต่ต่อมากลับกล่าวว่าเย่ว์ชิวหายสาบสูญไปนานกว่าสิบปี ในเวลานั้นเย่ว์หยางแน่ใจว่าพนักงานต้อนรับนั้นต้องรู้จักเย่ว์ชิว และพวกเขาเกี่ยวข้องกันอย่างใกล้ชิด
แต่เย่ว์หยางคาดไม่ถึงว่าก่อนที่เขาจะไปตามหาทรัพย์สินของเย่ว์ชิว พนักงานต้อนรับผู้นี้ก็ถูกฆ่าเสียแล้ว
ใครฆ่าเขา?
มีชื่อหนึ่งผุดขึ้นมาในใจของเย่ว์หยาง - จ้าวปีศาจโบราณ!
มีความเป็นไปได้มากว่าการได้รับทรัพย์สินหรือข้อมูลมีค่าซึ่งเย่ว์ชิวทิ้งไว้นั้น จ้าวปีศาจโบราณพบพนักงานต้อนรับผู้นี้และหลอกใช้เขาโดยใช้ความสามารถบางอย่าง เขากลัวว่าคนอื่นจะรู้หลังจากได้รับสิ่งที่เขาต้องการ ดังนั้นเขาจึงทำลายเมืองโอลีนด์ทั้งเมือง
สิ่งเดียวที่จ้าวปีศาจโบราณคาดไม่ถึงก็คือพนักงานต้อนรับนั้นไม่ตายจนกระทั่งเย่คง เจ้าอ้วนไห่ เสวี่ยทันหลางและคนอื่นๆ มาถึงเมื่องโอลีนด์
“ข้าคิดว่าเราควรให้ความสำคัญเรื่องเหล่านี้ให้ดีก่อน ตอนนี้เป็นเวลายกระดับการฝึกฝน ดังนั้นเราอาจไปที่แดนสวรรค์ใต้หรือแดนสวรรค์ตะวันตกเพื่อฝึกฝน ยิ่งมีการต่อสู้มากก็ยิ่งทำให้เราก้าวหน้าได้เร็ว เมื่อเรามีพลังแข็งแกร่งมากพอ ก็ยังไม่สายเกินไปที่จะกลับมาสู้กับจ้าวปีศาจโบราณ ข้าคิดว่าท่านลุงเย่ว์ชิวอาจทิ้งของบางอย่างที่ไม่มีประโยชน์ไว้ ดังนั้นคงไม่ใช่เรื่องเจ็บปวดมากนักถ้าเราค่อยกลับมาเอาต่อในอนาคตก็ได้ สิ่งที่เราต้องการมากที่สุดในตอนนี้คืออะไร? ยกระดับฝีมือ” เจ้าอ้วนไห่พูดอะไรบางอย่างที่ทำให้เย่ว์หยางประหลาดใจ
“ใช่แล้ว, เจ้าอ้วนไห่พูดถูก ข้าเห็นด้วยกับเขา” เย่คงเห็นด้วยกับข้อเสนอของเจ้าอ้วนไห่ซึ่งยิ่งแปลกมากขึ้น
“พวกเจ้าคิดอย่างนั้นหรือ?” เย่ว์หยางมองดูพี่น้องตระกูลหลี่
“ใช่แล้ว!” พี่น้องตระกูลหลี่หลีกเลี่ยงสายตาของเย่ว์หยางอย่างน่าประหลาดและพยักหน้าด้วยความลังเล
“ในฐานะพี่ใหญ่ ข้าจะเป็นคนตัดสินใจครั้งนี้ ข้าคิดว่าเราไปแดนสวรรค์และท้าสู้กับนักสู้ปราณฟ้าดีกว่า ตราบเท่าที่เรามีความแข็งแกร่งมากขึ้นไม่ว่าศัตรูจะใช้แผนใดก็ตาม ก็ยังไม่มีผลต่อเรา เมื่ออยู่ต่อหน้าพลังความแข็งแกร่งที่เด็ดขาด ทุกอย่างไร้ประโยชน์!” เขาพูดอย่างกังวลใจ
“หุบปาก!” เย่ว์หยางรู้แน่นอนว่าเรื่องไม่ง่ายขนาดนั้น เขาชี้ไปที่หลิวเย่และพูดขึ้น “เจ้าโกหกได้แย่มาก บอกข้ามา มีเหตุผลใดพวกเจ้าถึงได้รีบพูดอย่างนั้น พวกเจ้าพยายามปิดบังอะไรจากข้า? ข้ารับปากได้ว่าจะไม่โกรธ บอกความจริงข้ามา”
“อาจารย์...” หลิวเย่ก้มหน้ามือจับชายผ้า แต่นางยังคงเงียบ
“เกิดอะไรขึ้น? อย่าทะเลาะกันเลย!” เย่ว์หวี่สังเกตเห็นว่าบรรยากาศตึงเครียดผิดธรรมดาหลังจากที่นางจัดระเบียบห้องค้นคว้าเสร็จ นางรีบเข้ามาสงบห้ามปรามพวกเขาทันที เมื่อเย่ว์หวี่ออกมาจากห้องค้นคว้า หลิวเย่ร้องไห้และไปแอบอยู่ด้านหลังนางทันที พยายามหลบเลี่ยงสายตาเย่ว์หยาง ราวกับว่านางเป็นเด็กที่กลัวถูกดุด่าเนื่องจากกระทำผิดบางอย่าง เป่าเอ๋อที่ไม่ค่อยซ่อนความกังวลของนางส่ายหน้าและโบกมือตลอด พยายามจะบอกว่านางไม่รู้อะไร อย่างไรก็ตามแม้แต่คนตาบอดก็ยังบอกได้ว่านางต้องมีเรื่องบางอย่างที่ไม่กล้าพูดถึง
“หุบเขาแม่น้ำขาวอยู่ที่ไหน?” เย่ว์หยางถามอีกครั้ง แต่ทุกคนส่ายศีรษะ
ทุกคนต่างก็ไม่รู้เรื่องหุบเขาแม่น้ำขาวจริงๆ
เย่ว์หยางแน่ใจว่าพวกเขาบอกเขาแค่เพียงบางส่วนของคำพูดสุดท้ายของผู้เคราะห์ร้าย
พวกเขาต้องได้ยินข่าวลือบางอย่างที่เกี่ยวกับเขามากที่สุด ดังนั้นพวกเขาตัดสินใจเงียบ หลิวเย่ยังช่วยพวกเขาโกหกเขา แต่นางถูกเขามองออกได้ในทันที ในตอนนี้พวกเขาค่อนข้างจะสร้างความรำคาญให้เขามากกว่าบอกความจริงเขาซึ่งแสดงให้เห็นว่าสถานการณ์ตึงเครียด
มีอะไรที่พวกเขาไม่สามารถบอกเขาได้?
เย่ว์หยางแทบจะเข้าใจได้ในทันที
ปัญหาเรื่องสถานะของเขา!
ปัญหานี้ทำให้เย่ว์หยางต้องปวดหัว ก่อนที่เขาจะคลี่คลายได้อย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตามครั้งนี้เป็นจ้าวปีศาจโบราณที่ฉวยโอกาสจากสถานะของเขาโจมตีเขา จ้าวปีศาจโบราณที่รู้ความลับสำคัญ เขารู้ข้อมูลที่เย่ว์ชิวทิ้งไว้และรอโอกาสที่ดีที่สุด เย่ว์หยางเชื่อว่าเขาคงจะติดอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวังเมื่อจ้าวปีศาจโบราณเปิดเผยความลับของเขา
เขาควรจะทำยังไงดี?
ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่จ้าวปีศาจโบราณไม่กล้าสู้กับจื้อจุน จักรพรรดินีราตรีและคนอื่นโดยตรงเนื่องจากเขายังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ตอนนี้เขากล้าทำเช่นนี้แสดงว่าเขามีพลังมากพอ อย่างไรก็ตามไม่ว่าจ้าวปีศาจโบราณจะทรงพลังขนาดไหน เขายังจะกล้าท้าทายจื้อจุนหรือ? ความเป็นไปได้อยู่ที่ร่างดั้งเดิมของเขา
ตั้งแต่จ้าวปีศาจโบราณพบข้อมูลที่เย่ว์ชิวทิ้งไว้ให้ แสดงว่าเขามีไพ่สำคัญไว้เล่น
แต่จริงๆ แล้วหมายถึงอะไรกันแน่ บางทีเย่ว์ชิวอาจดูแลรักษาร่างหลักของจ้าวปีศาจโบราณก็ได้..
อย่างน้อยเย่ว์ชิวก็คงรู้ว่าร่างหลักของจ้าวปีศาจโบราณอยู่ที่ไหน และสิ่งที่เขาเปิดเผยไว้ ถ้าจ้าวปีศาจโบราณได้สิ่งที่เย่ว์ชิวทิ้งไว้ ก็เท่ากับได้รับร่างกายเดิมคืน
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้ว เย่ว์หยางหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย
“เรื่องอื่นไม่ต้องไปคิดถึงก่อน ไปกันเดี๋ยวนี้เลย เราต้องหยุดจ้าวปีศาจโบราณให้เร็วเท่าที่เป็นไปได้ นี่เป็นเรื่องของเขาแน่นอน ไม่อย่างนั้นจะสายเกินไป” เย่ว์หยางตัดสินใจไปถามจักรพรรดินีราตรี เขาคิดว่านางต้องรู้แน่ว่าหุบเขาแม่น้ำขาวอยู่ที่ไหน ถ้าจ้าวปีศาจโบราณเคลื่อนไหว ตอนนี้จื้อจุนคงจะรู้เรื่องนั้นแล้ว และบางทีนางคงไปอยู่ที่นั่นแล้ว ในเมื่อจ้าวปีศาจโบราณกล้าลงมืออย่างโจ่งแจ้ง อย่างนั้นเขาคงได้รับกำลังเสริมเพิ่มจากแดนสวรรค์ ดังนั้นเขาต้องไปช่วยจื้อจุน แม้จะมีนักสู้ระดับปราณฟ้าอื่นมาเสริมกำลังก็มีแค่ เย่เซียว, จื่อกวงและเป่ยจีก็สามารถสร้างความยุ่งยากได้แล้ว
เย่เซียวและจื่อกวงมีพลังที่เหนือกว่าโวกัวและกู่เติ้งมากมายนัก ถ้าพวกเขามาบุกโจมตี ยกเว้นจื้อจุนแล้ว แม้แต่จักรพรรดินีราตรีและเย่ว์หยางก็คงใช้เวลานานจึงจะคลี่คลายปัญหาได้
นอกจากนี้เย่เซียวขึ้นชื่อว่าเชี่ยวชาญการต่อสู้ในอากาศ และเป่ยจีไม่ใช่คนที่รับมือได้ง่าย
ด้วยความแข็งแกร่งของพวกเขาอีกได้กำลังเสริมเป็นนักสู้ปราณฟ้า การต่อสู้ที่ดุเดือดกำลังรอเย่ว์หยาง..ถ้าจักรพรรดิชื่อตี้และพระสนมชื่อเฟยกลับมายังหอทงเทียนและร่วมมือกับจ้าวปีศาจโบราณอย่างนั้นผลที่ตามมาก็จะร้ายแรง
ตอนนี้สิ่งที่ทำให้เย่ว์หยางกังวลที่สุดก็คือเขาสงสัยว่าจ้าวปีศาจโบราณจะพูดคุยกับจักรพรรดิไร้พ่ายจิ๋วซื่อในเรื่องการต่อสู้ ถ้าสถานการณ์สิ้นหวังไปเรื่อยๆ และนักสู้อาวุโสอื่นที่ยังติดอยู่ในผนึกโบราณถูกปล่อยตัว อย่างนั้นหอทงเทียนจะตกอยู่ในสภาพนองเลือดในไม่ช้า และจะไม่มีวันสงบสุขได้ จ้าวปีศาจโบราณเป็นพวกที่คิดก่อนลงมือ ดังนั้นเย่ว์หยางเชื่อว่าเขาคงไม่รีบร้อน และเมื่อเกิดสงคราม เขาจะไม่ยอมออกมาสู้ง่ายๆ
ถ้าเย่ว์หยางไม่มีแรงกดดันมากพอที่จะก้าวไปข้างหน้า อย่างนั้นตอนนี้เขามีแล้ว
สำหรับตัวตน ชีวิตและความรัก เขาต้องยอมรับการโจมตีของจ้าวปีศาจโบราณ มิฉะนั้นเขาจะกลับสู่สถานะดั้งเดิมที่ไม่มีอะไร
“เราจะไปหาจักรพรรดินีราตรีกัน เจ้าอยู่ที่นี่ แค่ฟังข้าสักครั้งเถอะ ทุกคนไปได้ ยกเว้นเจ้า” เจ้าอ้วนไห่ถลึงตามองเย่ว์หยางอย่างกล้าหาญ “เจ้าเป็นคนฉลาด ดังนั้นก็ควรจะรู้ชัดว่าเป้าหมายของจ้าวปีศาจโบราณก็คือเจ้า! ถ้าเจ้าไปที่นั่น นั่นจะเป็นพฤติกรรมของคนใจร้อน เป็นการเคลื่อนไหวที่โง่ที่สุด หากเจ้าทำเช่นนั้นมีแต่จะทำให้สถานการณ์ย่ำแย่ลง ไม่มีอะไรดีขึ้นเลย คนที่จ้าวปีศาจโบราณต้องการฆ่าก็คือเจ้า ดังนั้นเขาจะไม่ยอมพักผ่อนอย่างสงบในทุกวันตราบเท่าที่เจ้ายังมีชีวิตอยู่ เจ้าเข้าใจคำพูดของข้าไหม? เจ้าต้องไม่เดินเข้าไปหากับดักของจ้าวปีศาจโบราณ ในฐานะพี่ใหญ่ ข้าไม่ต้องการเห็นเจ้าตกเข้าไปอยู่ในกับดักของเขา ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ครั้งนี้ขอให้ฟังข้า อยู่ที่นี่เถอะ!”
“ทางเลือกที่ดีที่สุดก็คือเราควรอยู่ที่นี่กันทั้งหมด ไม่ต้องสนใจจ้าวปีศาจโบราณ นั่นจะเป็นวิธีการทำลายแผนของเขาที่ดีที่สุด จ้าวปีศาจโบราณรู้จุดอ่อนของเรา ดังนั้นเขาพยายามหลอกล่อเรา! ความแข็งแกร่งของเขายังไม่ทรงพลังพอ มิฉะนั้นเขาคงมาฆ่าพวกเราทั้งหมดแล้ว อย่าตกเป็นเหยื่อ! ไปแดนสวรรค์และค่อยกลับมาหลังจากจื้อจุนจัดการกำจัดเรื่องนี้ ต่อให้เราไปหาจักรพรรดินีราตรี นางก็คงจะให้คำแนะนำคำแนะนำทำนองนี้กับเรา” เย่คงพยายามอย่างหนักเพื่อโน้มน้าวเขา
“....” พี่น้องตระกูลหลี่ไม่พูดอะไรเลย แต่คุกเข่าขอร้องเย่ว์หยางโดยตรงให้ทำตามข้อเสนอแนะของเจ้าอ้วนไห่และเย่คง
“เราไม่ควรดำเนินการใดๆ จนกว่าหลายอย่างจะชัดเจน หรือเราอาจจะติดกับถูกเขาลอบโจมตีก็ได้” คำวิเคราะห์นี้ขององค์ชายเทียนหลัวสมเหตุผลมาก จากนั้นเขาแนะนำเพิ่ม “จะดีกว่าที่ปล่อยเรื่องนี้ให้ผู้อาวุโสของเราจัดการ”
“ถ้าเจ้าต้องการไปที่นั่นจริงๆ ข้าจะไปกับเจ้าด้วย! เสวี่ยทันหลางแสดงแนวคิดที่สนับสนุน
เขาแสดงให้เห็นว่ายินดีจะไปด้วยกันและตายด้วยกัน อย่างไรก็ตามนั่นเป็นการตัดสินใจติดตามเย่ว์หยางที่หักล้างไม่ได้ โดยไม่ต้องคำนึงถึงแผนการที่ยังมิได้พิสูจน์ของจ้าวปีศาจโบราณ
ไม่ว่าจะเป็นการล่อลวงพวกเขาหรือว่าเป็นกับดักหรือเป็นอะไรอย่างอื่น ตราบใดที่เย่ว์หยางตัดสินใจจะไป อย่างนั้นเขาจะไปโดยไม่ลังเล แม้ว่าความคิดของเสวี่ยทันหลางยังคงเป็นกลาง แต่ก็ทำให้เย่ว์หยางเครียดมากขึ้น เพราะถ้าเย่ว์หยางตัดสินสถานการณ์ผิดและเอาทุกคนไปด้วยกัน มีโอกาสมากที่อาจถูกกำจัดออกไปทั้งกลุ่ม แน่นอนว่าเขาสามารถหนีได้ และรักษาชีวิตตนเองไว้ได้ แต่สำหรับเย่คง เจ้าอ้วนไห่ เสวี่ยทันหลางและองค์ชายเทียนหลัว แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาจะหลุดออกมาจากกับดักได้
เย่ว์หยางต้องรับมือกับเรื่องนี้ด้วยความระมัดระวัง เขาเริ่มตั้งใจทำสมาธิอีกครั้ง
จ้าวปีศาจโบราณล่อลวงให้พวกเขาเข้าไปติดกับโดยใช้ประโยชน์จากความกังวลใจของเขาหรือ?
เขามีกลอุบายอะไรอยู่ในแขนเสื้อ? สมมติว่าเขาไม่กลัวแผนการของจ้าวปีศาจโบราณและสังเกตเห็นกับดักของเขาออกในฐานะผู้สังเกตการณ์ แผนการของจ้าวปีศาจโบราณจะใช้ได้หรือไม่? อย่างไรก็ตาม เขาสามารถจัดการกับเรื่องนี้ได้อย่างชาญฉลาดหรือไม่? เมื่อความลับถูกเปิดเผย แม่สี่ของเขา ปิงเอ๋อ ซวงเอ๋อ ญาติพี่น้องคนอื่นๆ จะยังคงรักษาสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับเขาไว้ได้หรือไม่?
ต่อให้จ้าวปีศาจโบราณล้มเหลวที่จะล่อลวงพวกเขาให้เข้ามาติดกับ เย่ว์หยางอาจจะสูญเสียทุกอย่างก็ได้
มีเพียงเทพธิดากระบี่ฟ้าในโลกแห่งความฝันของเขา และปิงหยินสาวกิเลนคงไม่เก็บความจริงไว้ในใจ
แม่สี่จะทำหน้ายังไงถ้านางทราบความจริง?
ปิงเอ๋อและซวงเอ๋อที่เขารักมากจะเป็นอย่างไร?
เป็นไปได้หรือที่เขาจะยังรักษาปณิธานราชันย์คงความเป็นตัวตนเองไว้ได้? เป็นความกลัวระดับลึกในหัวใจของเขาหรือ? เขายังคงกลัวต่อไปหรือไม่ ไม่ว่าเขาจะไปหรือไม่ก็ตาม? นี่เขาไม่ได้ขับไล่ความกลัวในส่วนลึกของหัวใจเขาเมื่อตอนเข้าไปในวิหารคนคู่และวิหารเทพสตรีระหว่างทดสอบในวิหารสิบสองนักษัตร รวมทั้งในประตูเป็นตายด้วยหรือ? ทำไมจ้าวปีศาจโบราณถึงต้องเป็นคนนั้น? คงจะดีกว่านี้ถ้าจ้าวปีศาจโบราณไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบุรุษคนนั้น
(เย่ว์หยางสันนิษฐานว่าจ้าวปีศาจโบราณในตอนนี้สิงอยู่ในร่างของเย่ว์ชิว)
เขาควรจะทำอย่างไร เขาควรสารภาพทุกอย่างกับแม่สี่และขอให้นางยกโทษหรือเขาควรทำตามคำแนะนำของเย่คงและเจ้าอ้วนไห่ และพากลุ่มของเขาไปแดนสวรรค์แทนที่จะจัดการกับเรื่องนี้ จากนั้นกลับมาหลังจากจื้อจุนจัดการเรื่องนี้แล้ว?
จะสารภาพหรือหลีกเลี่ยง?
ทำไมเขาไม่สามารถทรงพลังได้มากขึ้นอีก? ทำไมเขาไม่สามารถฆ่าจ้าวปีศาจโบราณได้ในทันที? ปัญหาของเขาทั้งหมดจะได้รับการคลี่คลายถ้าเขาสามารถทำเช่นนั้นได้ เขาจะยังไม่ถึงระดับปราณราชันย์ได้ตราบเท่าที่จุดอ่อนนี้ยังคงอยู่ในส่วนลึกในใจเขา ไม่! เขาต้องพังทลายกำแพงนี้ให้หมดและต้องมั่นใจว่าเขาไม่เหลือจุดอ่อนภายในหัวใจของเขาอีกต่อไป
บางทีนี่คือความแตกต่างระหว่างจื้อจุนกับเขา
ถ้านางตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ นางควรทำยังไง?
เทพธิดากระบี่ฟ้าจะทำยังไงถ้านางตกอยู่ในสถานการณ์แบบเขา?
เย่ว์หยางไตร่ตรองเรื่องนี้อย่างระมัดระวัง ทุกคนมองดูเขาและกังวลห่วงใยเขาอยู่เงียบๆ แต่ไม่มีใครสามารถช่วยเขาได้ เขาต้องเอาชนะความยากลำบากเหล่านี้ด้วยตัวเขาเอง
“ทำไมเจ้าถึงกลับมา!” เย่ว์หยางประหลาดใจเมื่อพบว่าเสวี่ยอู๋เสียนั่งอยู่ข้างเขาและอ่านหนังสือสัจจธรรมที่นางประคองอยู่ในแขน เขาเงยหน้ามองท้องฟ้าอีกครั้งและพบว่าเป็นเวลาพลบค่ำแล้ว
“ข้าคิดถึงเจ้า, ก็เลยกลับมาหาเจ้า” เสวี่ยอู๋เสียปิดหนังสือสัจจธรรมและยิ้มที่ยากจะเห็นให้เขา ราวกับว่าฤดูใบไม้ผลิกลับคืนสู่โลก ทำให้เย่ว์หยางรู้สึกว่าตลอดทั้งกายและใจของเขาได้รับการบำรุงเลี้ยงอย่างดี นางเหยียดมือสีเหมือนหยกขาวอย่างอ่อนโยนและใช้นิ้วมือเรียวยาวลูบแก้มเย่ว์หยางอย่างนุ่มนวลและกล่าว “สุดที่รักของข้า, เจ้ากังวลเรื่องอะไร? เจ้ายังจำภาพลวงตาของวิหารเทพสตรีได้ไหม? เราเผชิญมันด้วยกันและเอาชนะผ่านมาได้ นอกจากนี้ในความเป็นจริง มีภาพลวงตามากมายส่วนใหญ่เหมือนจริงจังมากจนผู้คนไม่สามารถแยกแยะได้ว่าอย่างใดจริงอย่างใดเท็จ แต่ภาพลวงตาเหล่านั้นไม่เคยกลายเป็นภาพจริงได้เลย นอกจากนี้ทำไมเจ้าจะต้องไปกลัวด้วยเล่าว่าจะจริงหรือเท็จ? บางครั้งจริงก็กลายเป็นเท็จได้และในทางกลับกันก็เหมือนกัน สนามพลังสร้างโลกของเจ้าก็เป็นอย่างเดียวกันไม่ใช่หรือ? หลังจากเจ้าเชี่ยวชาญสนามพลังสร้างโลก เจ้าก็เป็นเหมือนกับเทพเจ้าสามารถควบคุมได้ทุกอย่าง ทำไมเจ้าถึงยังยึดมั่นกับแนวความคิดว่าจริงหรือเท็จอยู่อีก? ฟังให้ดี, พ่อคนทึ่ม! ข้าอยากจะให้เจ้าจำไว้อย่างหนึ่ง เจ้าจะไม่มีทางเดียวดาย ยังมีสหายอยู่รอบตัวเจ้ารวมทั้งคนที่เจ้ารักทุกคน ข้า, เชี่ยนเชี่ยน โล่วฮัว อี้หนานและปิงเอ๋อ แม่สี่ จักรพรรดินีราตรีและจื้อจุน ญาติพี่น้องของเจ้าทุกคนและครูบาอาจารย์ทุกคนล้วนใส่ใจเจ้าทั้งนั้น เย่คง เจ้าอ้วนไห่ และพี่น้องตระกูลหลี่ สหายเหล่านี้ทุกคนล้วนต่อสู้ร่วมกับเจ้า ตอนนี้เจ้าควรจะรู้ว่ามีหลายคนมากมายที่สนับสนุนเจ้า มีอะไรที่เจ้ายังต้องกลัวอีก?”
มีประกายน้ำตาในดวงตาของเขา เย่ว์หยางพูดเสียงสั่น “ขอบคุณ!” เขารู้สึกถึงความสงบอ่อนโยนที่สุดในใจของเขา
“แค่ให้คำขอบคุณกับคนข้างนอกก็พอ ข้าเป็นภรรยาเจ้าต้องอยู่กับเจ้าไปทั้งชีวิต!” เสวี่ยอู๋เสียยิ้ม ริมฝีปากสีชมพูอ่อนยื่นเข้ามาใกล้เขา ใช้ดวงตาที่เหมือนดาวกระพริบแสงมองดูเขา ขณะที่นางกล่าวด้วยคำพูดมีชีวิตชีวาที่เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน “เจ้าคิดว่าดีไหมที่มีข้าอยู่ด้วย? เจ้าต้องการจูบข้าไม่ใช่หรือ? รีบฉวยโอกาสตอนนี้ก่อนที่แม่เสือสาวจะออกมาเถอะ!”
“...” เย่ว์หยางยังคงเงียบ เขากอดสตรีอันเป็นที่รักของเขาแน่นและจุมพิตนางอย่างดูดดื่ม
เขารู้สึกรักนางมากกว่าเดิมถึงสามพันเท่า!