ตอนที่แล้วตอนที่ 51 ประสบการณ์การฝ่าระดับของเรน(อ่านฟรี01/02/2566)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 53 โรงเรียนที่เต็มไปด้วยผู้ติดเชื้อ(อ่านฟรี03/02/2566)

ตอนที่ 52 ต้นไม้บรรพชนขุนเขา ระดับ 3(อ่านฟรี02/02/2566)


ตอนที่ 52 ต้นไม้บรรพชนขุนเขา ระดับ 3

เช้าวันต่อมาฝนได้หยุดตกจริง ๆ ตามที่คาดการไว้ทำให้ทุกคนมั่นใจว่าฝนที่เป็นรูปแบบหนึ่งที่เกี่ยวกับแหวนพลังและศพสีดำแน่นอนแล้ว

เมื่อฝนหยุดตกก็เป็นวันในการออกเดินทางของพวกเขา ระยะทางระหว่างพวกเขากับค่ายลี้ภัยนั้นเหลือไม่ไกลแล้ว

ทุกคนมั่นใจว่าถ้าไม่มีอุบัติเหตุอะไรอีกก็คงจะถึงค่ายลี้ภัยภายในวันนี้

ตอนนี้ในกลุ่มเหลือกันอยู่ 6 คนคือ เรน หลิน ไอรา รินดา ผู้กองเชนและลี พวกเขาต้องนั่งรถคันเดียวกันไป

ผู้กองเชนนั้นเป็นคนขับ ส่วนคนที่นั่งข้างคนขับคือลีที่เจ็บหนักที่ขา ทำให้เขาต้องการพื้นที่มากขึ้นหน่อย ส่วนด้านหลังมีรินดากับไอราและหลิน และเรนเลือกจะนั่งด้านหลังรถไป เพราะเขารู้สึกว่าด้านในนั้นอึดอัดไปหน่อย

แต่พอออกมาด้านนอกจริง ๆ หลินเลือกจะนั่งด้านหลังรถไปพร้อมกับเรนแทน

รถออฟโรดคันสีดำค่อย ๆ ขับออกไปจากโกดังวิ่งไปบนถนนที่เปียกชื้นจากน้ำฝน มันยังคงมีหมอกตามเคย แต่ครั้งนี้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงที่แสงแดดออก หมอกก็หายไปแล้ว

เรนนั่งลงเอนหลังนั้นพิงเข้ากับกระจกหลังรถและมองถนนด้านหลังอย่างเงียบ ๆ ขณะที่หลินนั่งอยู่ด้านข้างไปด้วย

“อาจารย์หลินถ้าไปถึงที่ค่ายแล้วคุณจะทำยังไงต่อ” เรนหันไปถามเธอ

“เรียกฉันว่าหลินเฉย ๆ ดีกว่า พอเรียกอาจารย์แล้วมันทำให้ฉันนึกถึงมหาลัยที่เต็มไปด้วยผู้ติดเชื้อเหล่านั้น” หลินกล่าว

ตอนนี้โลกมันเปลี่ยนไปแล้วสถานะทางสังคมมันจึงไม่มีความหมายอะไรมากนัก

หลินยังพูดต่อว่า “หลังจากเราไปถึงที่นั่นแล้ว ฉันว่าพวกเขาคงต้องถามคำถามเราเยอะแน่ โดยเฉพาะเรื่องของผู้ใช้วงแหวน บางทีเราควรระวังกันสักหน่อยในเรื่องนี้”

เรนคิดอย่างเงียบ ๆ พอมาคิดดูแล้วเขาก็ไม่ได้นึกถึงเรื่องแหวนเลยว่ารัฐบาลพวกนั้นจะมีความคิดยังไงกับแหวนที่พวกเขาใช้อยู่ ซึ่งเรนไม่ได้คิดว่าคนเหล่านั้นจะใจดีขนาดปล่อยเรื่องที่พวกเขาเป็นผู้ใช้วงแหวนไปง่าย ๆ

“ถึงที่นั่นเราก็คงจะรู้ แต่ผมคิดว่าบางทีพวกเขาอาจจะใช้ประโยชน์จากพวกเราในการสู้กับผู้ติดเชื้อ” เรนตอบกลับไป

“อืม ฉันก็คิดแบบนั้น แต่นายจะทำไหม สู้กับผู้ติดเชื้อ” หลินหันไปจ้องใบหน้าเรนที่นั่งข้าง ๆ

เรนหันกลับมาสบตาเธอและกล่าว “ตอนนี้ผมก็ฆ่าผู้ติดเชื้ออยู่แล้ว ดังนั้นก็ไม่ต่างกันมาก”

เขากำลังจินตนาการถึงชีวิตต่อจากนี้ ถ้าเข้าร่วมกับค่ายลี้ภัย ยังไงพวกเขาก็คงต้องหาอะไรทำ เพราะในค่ายคงไม่เลี้ยงดูคนไร้ประโยชน์ไว้ เรนในตอนนี้เป็นผู้อยู่รอด 2 วงแหวนแล้ว เขามั่นใจว่าจะไปได้ดีที่ค่ายลี้ภัยนั่น

...

รถค่อย ๆ วิ่งต่อไปเรื่อย ๆ บนถนนพวกเขาพบผู้ติดเชื้อบ้าง แต่ว่าก็มีไม่มาก เพราะยิ่งเข้าใกล้ค่ายลี้ภัยมากเท่าไหร่ก็ยิ่งมีหมู่บ้านที่กระจายอยู่รอบ ๆ น้อยลงเท่านั้น

รอบ ๆ เริ่มเป็นป่ามากขึ้น เพราะพวกเขาเข้าสู้พื้นที่มีป่าและเขา แต่ว่าในตอนนั้นเองผู้กองเชนก็ต้องหยุดลงกลางถนน ก่อนจะหันมาทุบข้างรถตะโกนเรียกเรนให้ดูสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เรนและหลินนั้นต่างก็ประหลาดใจอยู่ ๆ มันก็มีร่มเงามาปกคลุมบริเวณที่พวกเขาอยู่ พอทั้งสองหันกลับไปตามเสียงเรียกของผู้กองเชน ก็ต้องพบกับภาพที่น่าทึ่งตรงหน้า

ใจกลางถนนมีต้นไม้ใหญ่ปรากฏขึ้นมา และไม่ใช้ต้นไม้ใหญ่ขนาดธรรมดา แต่มันเหมือนกับตึกที่สูง 130 ชั้นไม่มีผิด ขนาดความกว้างของลำต้นนั้นกินอาณาเขตทั้งหมดของถนนและยังรวมถึงพื้นที่ข้างทางที่ลึกเข้าไปในป่าอีก มันบนบังเส้นทางของถนนฝั่งตรงข้ามพวกเขาอย่างสมบูรณ์

นั่นมันบ้าอะไร!?

นี่คือสิ่งที่ทุกคนในตอนนี้คิด แม้แต่ต้นแอปเปิลกลายพันธุ์ก่อนหน้าที่เรนและพวกเจอก็ไม่อาจจะเทียบกับต้นไม้สุดยิ่งใหญ่อลังการต้นนี้ได้เลยแม้แต่น้อย

เรนใช้แหวนพลังตรวจสอบต้นไม้นี่ในทันที

“ต้นไม้แห่งบรรพชนขุนเขา ระยะสาม”

“ระยะสาม มันเป็นไปได้ยังไง” เรนพูดออกมาด้วยความตกใจ เพราะต้นไม้ด้านหน้าต้นนี้เป็นถึงต้นไม้ระยะสาม แถมมันยังมีชื่อเฉพาะของตนเองอีก

ขณะที่ทุกคนพากันตกใจที่ได้รู้ว่าต้นไม้นี้คือระยะ 3 ตอนนั้นเองก็มีรากไม้เคลื่อนที่เข้ามาจากพื้นดินตรงเข้ามาหาพวกเขา เรนเป็นคนแรกที่สังเกตเห็นจากการเตือนของรูนิกลางสังหรณ์และคนอื่น ๆ ก็เห็นหลังจากนั้นไม่ถึงวินาที

“ออกไปจากที่นี่เร็ว” เรนกล่าวเตือนด้วยสีหน้าซีดขาว

ผู้กองเชนรีบเลี้ยวรถกลับและขับออกไปจากตรงนี้ในทันที

ดูเหมือนโชคยังเข้าข้างพวกเขาอยู่ เพราะตำแหน่งที่พวกเขาอยู่นั้นห่างจากต้นไม้มาก พอออกมาจากเงาของต้นไม้มาได้ ต้นไม้บรรพชนขุนเขาต้นนี้ก็ไม่โจมตีพวกเขาอีก

มันค่อย ๆ เก็บรากต้นไม้กลับลงไปในใต้ดินอย่างเงียบ ๆ

ผู้กองเชนไม่มั่นใจจึงขับรถห่างออกมาอีก 200 กว่าเมตร ถึงจะหยุดรถ แม้จะอยู่ห่างขนาดนี้พวกเขาก็ยังเห็นต้นไม้ตั้งตระหง่านอยู่

“ทำไมมันถึงเป็นระยะสามได้ หรือว่าจะเป็นน้ำฝนทำให้มันเติบโตได้เร็วขนาดนี้” หลินที่อยู่หลังรถพูดด้วยสีหน้าตื่นตกใจและมองอย่างหวาดกลัวไปที่ต้นไม้ยักษ์ต้นนั้น

“น้ำฝนไม่มีทางเปลี่ยนมันได้รวดเร็วขนาดนี้แน่” ผู้กองเชนลงจากรถมาดูด้วยเช่นกัน

ไอราและรินดาก็ลงมาด้วย

ตอนนี้อยู่ในระยะปลอดภัยแล้ว พวกเขาจึงไม่ต้องกลัวว่ามันจะโจมตีมาถึงอีก

“ไม่ใช่น้ำฝน มีความเป็นไปได้อย่างหนึ่งว่าอาจจะเป็นศพสีดำ” เรนกล่าวขึ้นมา

ศพสีดำ?

ทุกคนหันมามองเรนทันที

เรนยังคงกล่าวข้อสันนิษฐานของตนเองต่อ “จำที่เคยเล่าได้ไหม หมอกพิษสีดำที่ฐานวิจัยลับมันเร่งให้ผู้ติดเชื้อกลายพันธุ์ ซึ่งมันมาจากศพสีดำ ทั้งพืชและสัตว์ก็เปลี่ยนแปลงและกลายพันธุ์และวิวัฒนาการไปเพราะสิ่งนี้ แล้วพวกรัฐบาลเอาศพเหล่านี้มาจากไหน มันต้องมีที่มาของศพ และบางทีหนึ่งในศพสีดำเหล่านั้นอาจจะด้วยเหตุบังเอิญอะไรก็แล้วแต่ได้ทำให้ศพสีดำมาอยู่ที่ใต้ต้นไม้สักตนหนึ่งแถวนี้ ต้นไม้นั้นคงจะดูดซับเอาหมอกสีดำไปจนหมดและวิวัฒนาการเป็นต้นไม้บรรพชนขุนเขาต้นนี้”

“ต้นไม้นี่ขวางทางพวกเขาไปที่ค่ายลี้ภัย” ไอราที่วันสองวันนี้เงียบมาตลอดได้กล่าวขึ้นมา

ทุกคนพากันคิดหนักและมีสีหน้ากังวล ต้นไม้ต้นนี้ขวางทางพวกเขากับค่ายลี้ภัยจริง

“แผนที่”

เรนและพวกเริ่มดูแผนที่กันอีกครั้ง ซึ่งแน่นอนว่าคนที่ต้องช่วยดูก็คือหลิน เพราะเธอเคยมายังพื้นที่แถบนี้มาก่อน

“มีสองเส้นทางที่น่าจะไปถึงในวันนี้ หนึ่งคือไปทางเมืองใหญ่สุดใกล้สุดและสองคือเมืองที่เล็กลงมา แต่ว่าค่อนข้างจะแออัดและถนนก็ตัดผ่านกลางเมืองพอดี” หลินลากนิ้วไปตามแผนที่ขณะที่กล่าว

อันที่จริงแล้วพวกเขาแทบไม่ต้องเลือก ยังไงก็ต้องไปยังเมืองที่เล็กลงมา แม้เป็นถนนที่ตัดผ่านเมือง จะดูเหมือนอันตราย แต่ก็ยังไม่เลวร้ายเท่ากับเมืองที่เต็มไปด้วยผู้ติดเชื้อ อีกอย่างถนนที่ผ่านเมืองก็แค่ระยะหนึ่งถึงสองกิโลเมตรแรกก็จะพ้นออกไปอีกฝั่งของเมืองแล้ว

“ไปกันเถอะ” เรนกล่าวขึ้นมา

“อืม” ทุกคนพยักหน้าตกลง ก่อนไปพวกเขายังเอาปากกาทำสัญญาลักษณ์ไว้ที่แผนที่ตรงตำแหน่งที่ต้นไม้ยักษ์อยู่ด้วย เพราะมันคือหนึ่งในจุดอันตราย

ใช้เวลาไม่นานแค่ประมาณ 10 กว่านาทีก็มาถึงยังถนนเส้นที่พวกเขาต้องไป

ก่อนจะขับเข้าไปในเมืองเรนและพวกก็มองจากไกล ๆ ว่าบนถนนในเมืองนั้นมีผู้ติดเชื้อหรือไม่ ซึ่งมันก็ไม่มีผู้ติดเชื้อมากนัก พวกเขาสามารถขับฝ่าออกไปได้แน่

หลังจากมั่นใจแล้วล้อก็หมุนอีกครั้ง ผู้กองเชนขับอย่างรวดเร็วเข้าไปในเมือง ซึ่งพวกเขาผ่านถนนช่วงหนึ่งกิโลเมตรแรกมาได้อย่างง่ายดาย

ตอนนั้นเองก็ต้องพบกับปัญหา เมื่ออยู่ ๆ ยางรถก็รั่วอย่างรวดเร็ว จนรถเริ่มส่ายไปมา ผู้กองเชนไม่มีทางเลือก เขาค่อยค่อย ๆ เบารถและจอดข้างทาง เพราะไม่สามารถไปต่อได้

“เกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกับยางกัน” ผู้กองเชนลงจากรถและรีบมาดูยางรถ

ส่วนเรนและคนอื่น ๆ ต่างก็มองไปที่ถนนรอบตัวอย่างระวัง เพราะตอนนี้พวกเขาติดอยู่แทบจะใจกลางเมืองเลย ซึ่งถือว่าอันตรายอย่างมาก

“ผู้กองยางรถเป็นอะไร” หลินถามผู้กองเชนที่ก้มไปดูอยู่

“เจอแล้ว ดูเหมือนพวกเราจะไม่ได้หนีต้นไม้นั้นพ้นจริง ๆ” ผู้กองเชนกล่าวพร้อมกับดึงรากไม้เส้นหนึ่งออกมา

มันเป็นรากไม้ที่ต้นไม้บรรพชนขุนเขาไล่โจมตีรถของพวกเขา ในตอนแรกทุกคนคิดว่าหนีออกมารอดอย่างปลอดภัย แต่ดูเหมือนในจังหวะสุดท้ายรากของต้นไม้โจมตีโดนยางรถ แต่ไม่พอให้ยางรั่วทันที

จนกระทั่งรถมาถึงที่เมืองนี้และผู้กองเชนก็ขับด้วยความเร็วทำให้ยางรั่ว

“รีบเปลี่ยนยางแล้วไปจากที่นี่” เรนกล่าว ก่อนจะเอารูนิกคันธนูออกมาและเล็งไปยังทิศทางหนึ่ง จากนั้นก็ยิงออกไป

ว๊ากกก!!!

เสียงคำรามของผู้ติดเชื้อพูดไม่ได้ดังขึ้นมา ซึ่งมันเป็นเสียงร้องเรียกพวก

ทุกคนต่างพากันหันไปก็พบว่ามีกลุ่มผู้ติดเชื้อเริ่มเดินออกมาจากอาคารและบ้านเรือนรอบ ๆ กำลังตรงมายังที่พวกเขาอยู่

ผู้กองเชนไม่รอช้ารีบไปหยิบเอาเครื่องมือมาและถอดล้อสำรองที่ติดมากับรถเพื่อเปลี่ยนล้อ ส่วนคนอื่น ๆ นั้นก็รีบลงไปจากรถเพื่อสู้กับผู้ติดเชื้อและยื้อเวลาให้กับผู้กองเชน

เรนใช้รูนิกคันธนูและรูนิกลูกศรฆ่าผู้ติดเชื้อและพยายามรักษาพลังงานไว้ให้มากที่สุด หลินเองก็เช่นกัน เธอมีรูนิกปืนพกกับตัวและอาวุธอีกอย่างนั้นคือชะแลง

ส่วนรินดาเป็นค้อนปอนด์ ไอราเธอมีปืนลูกซองและขวานของธันวา ซึ่งกระสุนก็เหลือไม่มากนัก

“ผู้กองเสร็จหรือยัง” เรนสังหารผู้ติดเชื้อไปอีกตัวและก็หันกลับมาถาม

“ยัง” ผู้กองเชนตอบ ตอนนั้นลีก็ลากตัวเองลงจากรถมาช่วยส่งเครื่องมือให้กับผู้กองเชนอีกแรงหนึ่ง ซึ่งทำให้งานมันไว้มากขึ้น แต่ว่าตอนนั้นเองผู้ติดเชื้อตัวหนึ่งก็โผล่มาทางด้านหลังของทั้งสองคน

มันได้กลิ่นเลือดมาจากขาที่บาดเจ็บของลี

“คว๊ากก...” ผู้ติดเชื้อส่งเสียงครวญครางในลำคอ ก่อนจะกระโจนเข้าใส่ลีที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด