ตอนที่ 51 ประสบการณ์การฝ่าระดับของเรน(อ่านฟรี01/02/2566)
ตอนที่ 51 ประสบการณ์การฝ่าระดับของเรน
หลังจากเป็นผู้อยู่รอด 2 วงแหวนได้สำเร็จ เรนก็ตรวจสอบคนเองอีกครั้งในทันที
[ตรวจสอบ]
“ตรวจสอบตัวเอง”
ขอบเขตแรก : ผู้อยู่รอด 2 วงแหวน
อายุขัยสูงสุด : 100 ปี
พลังงาน : 0/40 หน่วย
รูนิก 3/3
ช่องแรก : รูนิกลางสังหรณ์ (12) : ระดับ 1 ขั้นสมบูรณ์
ช่องแรก : รูนิกหมีดำภูเขา (1) : ระดับ 1 ขั้นกลาง (+1ธาตุดิน)
ช่องแรก : รูนิกปืนลูกซองมอสเบิร์ก มาวาริส 88 (2) : ระดับ 1 ขั้น ไม่มี
...
“หืม อายุขัยเปลี่ยนเป็น 100 ปี หรือว่าการฝ่าขั้นวงแหวนจะทำให้อายุขัยเพิ่มขึ้นด้วย” เรนมองดูอย่างประหลาดใจ เขาอดจะตื่นเต้นไม่ได้กับสิ่งที่ค้นพบ
ว่ากันว่าค่าเฉลี่ยอายุขัยของมนุษย์ปัจจุบันเฉลี่ยอยู่ที่ 72 ปี แต่บางคนก็อยู่ในยืนยาวกว่านั้นอย่างเช่นเรนที่แหวนพลังประเมินว่าร่างกายของเขาสามารถมีอายุได้มากถึง 90 ปี
ที่จริงแล้ว 90 ปีไม่นับเป็นอะไร เรนเคยอ่านข่าววิจัยหนึ่ง ซึ่งมันเคยเป็นไวรัลในอินเทอร์เน็ตมาก่อน นักวิทยาศาสตร์นั้นวิจัยเลือดของมนุษย์และบอกว่ามนุษย์นั้นตามจริงแล้วสามารถอยู่ได้ถึง 150 ปี เพียงแต่ว่าสารเคมีที่อยู่ในทุก ๆ การใช้ชีวิตของมนุษย์โดยเฉพาะเคมีที่อันตราย เมื่อกินเข้าไปนั้นเป็นเหมือนยาพิษที่ค่อย ๆ สะสมและทำให้อายุขัยที่ควรจะอยู่ถึงของมนุษย์ลดลงไม่ว่าจะมาจากอาการเจ็บป่วยโรคร้ายหรือการเสื่อมของเซลล์ที่รวดเร็ว
ซึ่งมนุษย์นั้นพยายามอย่างมากในการมีชีวิตที่ยืนยาว
ตอนนี้เรนค้นพบว่าการเพิ่มขึ้นของวงแหวนในผู้ใช้วงแหวนได้เพิ่มอายุขัยของมนุษย์มันจึงเป็นเรื่องที่น่าตื่นตะลึงมาก
จะเป็นอย่างไรถ้าเขามีวงแหวนมากขึ้นในอนาคต อายุขัยของเขาจะถึง 150 ปีเลยไหม ไม่สิมันอาจจะมากกว่านั้น อายุที่ยืนยาวหลายร้อยปี เพียงแค่เรื่องนี้ก็ทำให้ผู้คนบ้าคลั่งกันได้แล้ว
“แหวนนี้ไม่ต่างจากแหวนวิเศษที่ทำให้มนุษย์มีอายุขัยเหมือนดังเทพพระเจ้า” เรนจ้องไปที่แหวนอย่างจริงจัง
“แต่ว่ามันไม่มีอะไรได้มาง่าย ๆ แหวนพลังจะเพิ่มขึ้นก็ต้องแลกกับการเอาพลังชีวิตไปเดิมพันก่อนและใช้ความแข็งแกร่งของตัวเองในการต่อสู้ ถ้าพ่ายแพ้ก็จะเสียไป เราจะต้องระวังในการเพิ่มวงแหวนพลังและไม่ควรหลงมัวเมาในอายุขัยมากเกินไปจนเอาตัวเองพาตัวเองไปสู้ความตาย”
เรนเตือนตัวเองด้วยท่าทางจริงจัง
การพ่ายแพ้คือการเสียอายุขัยมันไม่ต่างจากการพนัน ซึ่งมนุษย์นั้นวนเวียนกับสิ่งที่เรียกพนันมาช้านาน และหลายคนก็สูญเสียทุกสิ่งไปกับมัน ยิ่งเสียก็ยิ่งอยากได้คืนและนั้นจะกลายเป็นหายนะแน่นอน
การผ่านด่านแรกได้ของเรนนั้นดูเหมือนจะง่าย แต่ว่านี่เป็นแค่ด่านแรกเท่านั้น ยังมีวงแหวนอีกหลายวงให้เขาฝ่าระดับ ซึ่งเรนเชื่อว่ายิ่งวงแหวนอยู่ในระดับสูงเท่าไหร่ก็ยิ่งยากมากขึ้นเท่านั้นในการฝ่าระดับ
“เราจะต้องมั่นใจว่าจะผ่านการทดสอบไปได้ ถึงจะเริ่มทดสอบจริง ๆ” เรนพึมพำกับตนเอง
ก่อนจะฉุกคิดถึงเรื่องหนึ่งได้ในคำแนะนำของแหวนพลัง สถานที่ทดสอบที่เงียบสงบ เพราะเขาจะไม่สามารถปกป้องร่างกายของตนเองได้
ตอนนี้เรนรู้แล้ว นั้นเป็นเพราะว่าจิตสำนึกของเขาโดนแหวนพลังดึงไปในด่านทดสอบร่างกายของเขาจึงนอนหมดสติอยู่แบบนั้น ถ้าเขาไม่ระวังแม้แต่เด็ก 10 ขวบก็สามารถฆ่าเขาได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงโลกสุดอันตรายนี้ มันมีหลายสิ่งที่ฆ่าเขาได้แม้จะยังมีสติอยู่ก็ตาม ดังนั้นเขาต้องระวังให้มาก ๆ ไม่ว่าจะจากผู้ติดเชื้อ สัตว์ หรือแม้แต่คนด้วยกันเอง
เรนลุกขึ้นยืน ก่อนจะเดินออกไป เขาก็พบว่าผู้กองเชนและหลินนั้นไม่ได้ทดสอบฝ่าระดับ เพราะทั้งสองคนนั้นไม่มั่นใจ เนื่องจากรูนิกที่พวกเขามี จึงคิดจะรอฟังคำแนะนำของเรนก่อน
“ทำสำเร็จแล้ว” ผู้กองเชนถามด้วยความคาดหวัง
“อืม” เรนพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะนั่งลง
ขณะที่แสงสีส้มแดงของเปลวไฟและความอบอุ่นที่มาจากกองไฟที่พวกเขาก่อขึ้นมากระทบใบหน้าของเรน เรนก็เล่าเรื่องราวที่พบเจอในการทดสอบ รวมทั้งเรื่องของกฎที่พลังงานจะโดนจำกัดและต้องหาสิ่งที่ด่านให้พวกเขาทำ
เรนยังบอกว่าการฝ่าวงแหวนนี้อาจจะไม่ได้ยากมาก แต่ก็อย่าได้ประมาท เขาเตือนถึงเรื่องของพรสวรรค์วงแหวน ยิ่งทำการผ่านได้สมบูรณ์มากเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้วงแหวนที่สร้างได้นั้นดีมากเท่านั้น
ส่วนใหญ่จะมีเกณฑ์ตามพรสวรรค์แรกเริ่ม อย่างเช่นของหลินนั้นมีพรสวรรค์วงแหวนสีเขียว ซึ่งบรรจุพลังงานได้ 12 หน่วย ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดเกินไป อาจารย์หลินจะได้วงแหวนสีเขียวและถ้าทำได้สมบูรณ์กว่านั้นก็จะได้วงแหวนที่สูงขึ้น อาจจะเป็นวงแหวนสีน้ำเงินที่บรรจุพลังงานได้ 14 หน่วย
เรื่องนี้สำคัญมาก เพราะยิ่งมีวงแหวนที่สูงมากขึ้นก็ยิ่งใช้รูนิกได้มากขึ้น
ตัวอย่างก็เช่นเรน ตอนเขาเป็นผู้อยู่รอด 1 วงแหวน เขาสามารถใช้พลังของรูนิกหมีดำภูเขา ซึ่งเป็นรูนิกซากได้แล้ว แต่หลินนั้นไม่สามารถใช้ได้ นั้นเพราะพลังงานของเธอไม่เพียงพอ
นี่เองก็เป็นเหมือนตัวกำหนดอันตรายในด่านแรกด้วย เพราะถ้าเรนไม่สามารถจัดการผู้ติดเชื้อสาวแว่นได้เขาก็ยังมีรูนิกหมีดำภูเขาให้ใช้งาน ทำให้เขาสามารถผ่านได้แน่นอนอยู่ดี
แต่ไม่เหมือนกันกับหลิน เธอต้องพึ่งรูนิกอาวุธที่มีไม่เหมือนเรน ทำให้การทดสอบนั้นยากขึ้นไปอีกระดับ
“พวกคุณต้องมั่นใจว่าจะผ่านไปได้และไม่อาจจะล้อเล่นได้ ไม่อย่างนั้นอายุขัยที่มีจะสูญเสียไปในทุกการทดสอบ” เรนกล่าวจบก็เงียบไป
ขณะที่ผู้กองเชนและหลินนั้นมีสีหน้าครุ่นคิดอย่างจริงจัง พวกเขาคิดว่าโชคดีที่จะรอฟังคำแนะนำของเรนก่อน
“ดูเหมือนฉันจะมีปัญหานิดหน่อย” ผู้กองเชนกล่าวขึ้นมา
ทำให้เรนมองอย่างสงสัย
ผู้กองเชนกล่าวต่อว่า “อายุขัยของฉันนั้นมีแค่ 40 ปีเท่านั้น ตอนนี้ฉันอายุ 31 ปีแล้ว แถมพรสวรรค์วงแหวนของฉันก็แค่วงแหวนสีขาวเท่านั้น”
เรนและหลินต่างมองหน้าผู้กองเชนในทันที ทั้งสองเข้าใจได้ว่ามันหมายความว่ายังไง ผู้กองเชนสามารถทดสอบได้แค่ครั้งเดียว
ถ้าเขาล้มเหลวจะเสียอายุขัยไป 5 ปีทันที และเขาจะไม่สามารถทดสอบได้อีก แถวพรสวรรค์อยู่แค่วงแหวนสีขาว ซึ่งต่ำสุดในบรรดาพรสวรรค์วงแหวนทั้งหมด ยิ่งกลายเป็นข้อจำกัดลงไปอีก
ถ้าผู้กองเชนทำสำเร็จเขาจะมีอายุขัยเพิ่มขึ้นมาเป็น 50 ปี แต่ถ้าไม่เขาจะมีอายุขัยอยู่แค่ 35 ปีเท่านั้น หรือก็คือจะตายตามอายุขัยในอีก 4 ปีนับจากนี้
การได้รู้อายุขัยของตัวเองมันทั้งดีและไม่ดี ถ้ามีมากก็คงรู้สึกยินดี แต่ถ้ามีน้อยก็คงรู้สึกหวาดกลัวที่ต้องใช้มันในการเดิมพัน
“ฉันไม่โทษใครหรอก มันอาจจะเพราะฉันทั้งดื่มหนักและสูบบุหรี่เยอะตั้งแต่สมัยวัยรุ่นแล้ว จึงเป็นแบบนี้” ผู้กองเชนกล่าวพร้อมกับรอยยิ้มเรียบเฉย
“เรน นายคิดว่ามีใช้เวลานานแค่ไหนกว่าพวกผู้ติดเชื้อจะกลายเป็นระยะ 2 แล้วถ้ามันกลายเป็นระยะ 2 ผู้อยู่รอด 1 วงแหวนจะสู้มันได้ไหม” ผู้กองเชนถาม
“ไม่แน่ใจ อาจจะหนึ่งปี ครึ่งปีหรือแค่เดือนเดียว ถ้าอยู่ในสถานที่มีปนเปื้อนมาก ๆ ก็อาจจะกลายเป็นระยะสองไม่กี่นาทีเหมือนพวกที่อยู่ฐานวิจัยใต้ดิน และถ้าผู้อยู่รอด 1 วงแหวนเจอกับระยะ 2 คงจะตาย 100 เปอร์เซ็นต์”
เรนพูดออกมาตามที่เขามีข้อมูล
ระยะสองนั้นหมายถึง ระดับ 2 ผู้มีชีวิตของผู้ใช้วงแหวน เรนไม่รู้ว่าระยะนี้ความต่างมันห่างจากผู้อยู่รอดมากแค่ไหน แต่ถ้าใช้เกณฑ์พลังงานมาวัด ผู้อยู่รอดมี 3 วงแหวน พอถึงระดับ 2 ผู้รอดชีวิตก็จะเป็น 4 วงแหวน มันหมายความว่าจะต้องแข็งแกร่งกว่าผู้อยู่รอด 3 วงแหวน 1 เท่าเป็นอย่างน้อย นี่ยังไม่พูดถึงระดับของรูนิกด้วย
หลังจากที่ได้ฟังสิ่งที่เรนพูดผู้กองเชนก็กล่าวขึ้นมาว่า “คิดว่าฉันคงได้คำตอบแล้ว ขอบใจมาก”
ผู้กองเชนพูดจบก็ลุกขึ้นและเดินกลับไปที่มุมของตนเองเงียบ ๆ
เรนพอจะเดาคำตอบของผู้กองเชนได้ แต่ตอนนี้ยังเหลือการตัดสินใจของหลิน
“ฉันก็ได้คำตอบแล้ว ที่จริงอายุขัยฉันเหลืออยู่อีกมาก ดังนั้นฉันจะลองดู แต่ว่าคงยังไม่ใช่ตอนนี้ ฉันต้องหารูนิกและยกระดับความแข็งแกร่งหนึ่งในนั้นให้อยู่ที่ระดับ 1 ขั้นสมบูรณ์ก่อนถึงจะลองดู” หลินอธิบายฟังถึงแผนการของตัวเอง
เรนรับฟังเงียบ ๆ และไม่ได้เข้าไปยุ่งอะไร เส้นทางของตนเองมีแต่ตัวเองที่กำหนด แต่ว่าเรนก็คิดจะยื่นมือเข้าไปช่วยหลิน เพราะเธอถือว่าเป็นคนในกลุ่มของเขา
“นี่คือหินยกระดับ” เรนเอาหินยกระดับมอบให้กับเธอ
“นี่มัน นายควรเก็บไว้ เพราะนายต้องใช้” หลินกล่าวปฏิเสธในทันที
“ผมมีอยู่หลายชิ้น อาจารย์หลิน คุณเอาไปเถอะ”
“ฉันจะรับไว้และในอนาคตจะคืนให้” หลินกล่าว ก่อนจะรับมา
เรนพยักหน้าตกลง ก่อนจะกล่าวว่า “อาจารย์หลิน คุณควรจะไปพักผ่อน เพราะตอนนี้เป็นเวรเฝ้ายามของผม”
หลินตกลง พวกเขาแบ่งหน้าที่เวรในการเฝ้าตอนกลางคืนกัน แม้ตอนแรกทุกคนอยากจะให้เรนนอนพักให้เต็มที่ แต่ว่าเรนไม่ยอมให้คนอื่น ๆ ตัดเขาออกไปจากการเฝ้ายามแน่นอน สุดท้ายทุกคนก็ยังต้องฟังเสียงของเรนและยอมเพิ่มกะเฝ้ายามของเรน
เรนหยิบไม้ใส่เข้าไปในกองไฟที่กำลังมอดดับ ก่อนจะนั่งลงอย่างเงียบ ๆ การอดนอนเพื่อมาเฝ้ายามสำหรับเขานั้นไม่นับเป็นอะไร เพราะการเป็นผู้ใช้วงแหวนนั้นสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว นอนพักแค่ 5 ชั่วโมงก็เหมือนการนอนอย่างเต็มอิ่มของคนทั่วไปที่ต้องนอน 8 ชั่วโมงแล้ว
เวลาไหลผ่านไปอย่างรวดเร็ว ขณะที่สายฝนด้านนอกนั้นยังตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ตอนนั้นเรนก็ลืมตาขึ้นมา ก่อนจะเดินขึ้นไปยังชั้นไม้ที่พวกเขายกมาวางไว้ข้าง ๆ หน้าต่างระบายอากาศที่มองเห็นด้านนอกได้
เรนจ้องไปในความมืดที่มาจากสายฝน เขาค้นพบว่ามันมีผู้ติดเชื้อตัวหนึ่งกำลังเดินอย่างไร้จุดหมายท่ามกลางสายฝน ความเร็วของมันไม่สูงมากนัก เนื่องจากยังอยู่ในระยะของการพักตัว ซึ่งคล้ายกับพวกผู้ติดเชื้อที่ไม่เคลื่อนไหวหรือเฝ้ารอเหยื่ออย่างเงียบ ๆ
แต่ผ่านไปสักพักท่าทางของมันก็ต้องทำให้เรนขมวดคิ้ว เพราะการเดินอย่างไร้จุดหมายของมันกลับตรงมาที่โกดัง ราวกับว่ารับรู้การมีอยู่ของพวกเขาได้ดึงดูดพวกมันมาเหมือนแม่เหล็กขั้วต่างขั้วที่ดึงดูดเข้าหากัน
ผู้ติดเชื้อตัวนั้นเริ่มแสดงท่าทีสงสัยและเริ่มมั่นใจว่าด้านมีเนื้อมนุษย์สด ๆ รอให้มันไปกินอยู่ แต่ก่อนที่มันจะได้แหกปากร้องคำรามก็มีลูกศรยิงผ่านสายฝนเข้าไปปักที่หัวของมัน
แต่มันยังไม่ตาย ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้มีศรแค่หนึ่ง มีอีกลูกศรยิงเข้าไปที่ดวงตาอีกข้าง ในที่สุดมันก็ตายลงไป ส่วนลูกศรก็ค่อย ๆ สลายหายไปหลังจากที่มันทำหน้าที่ของมันเสร็จสิ้น