ตอนที่ 20-27 จุดวิกฤติ
“ท่านเชกวิน! เกิดการต่อสู้แย่งชิงเพชรกระจับแดงอย่างรุนแรงข้างหน้า เราจำเป็นต้องไปที่นั่นโดยเร็ว” หนึ่งในสองอสูรเจ็ดดาวที่อยู่ข้างตัวเชกวินลนลานส่งสำนึกเทพบอกเชกวิน
“หุบปากซะ” เชกวินส่งสำนึกเทพบอก
แม้ว่าอสูรเจ็ดดาวสองคนเหล่านี้จะเป็นบริวารของเชกวิน แต่พวกเขาไม่ได้เข้าร่วมรบในสงครามมหาพิภพ เชกวินไม่ได้บอกเรื่องลินลี่ย์กับใครๆ ดังนั้นสองคนนี้จึงไม่รู้จักเขา
“ข้าคาดไม่ถึงเลยว่าลินลี่ย์จะมาด้วยเช่นกัน” เชกวินเริ่มกังวล “ตามรายงานข่าวกรองเรื่องเพชรกระจับแดงนี้ อาจเป็นเครื่องรางจอมเทพก็เป็นได้ แม้ว่าจะไม่ใช่ก็ตามแต่ก็คงเป็นสมบัติที่มีพลังระดับมหาเทพ ถ้าข้าได้รับไว้ ข้าจะให้ประมุขมหาเทพแห่งแสง! บางทีประมุขมหาเทพแห่งแสงอาจจะช่วยให้ข้าคิดถึงวิธีได้สมบัติมหาเทพชิ้นที่สาม”
เครื่องรางจอมเทพอยู่ในเงื้อมมือของเขา! เชกวินจะยอมแพ้ได้อย่างไร?
“ข้าไม่คาดเลยว่าท่านลินลี่ย์จะมาด้วยเหมือนกัน” เชกวินหัวเราะอย่างใจเย็น “ข้าขอถามได้ไหม ว่าท่านมาที่นี่เพื่ออะไร ท่านลินลี่ย์?”
“เมื่อเร็วๆนี้มีข่าวลือหนาหูเกี่ยวกับสมบัติอย่างเพชรกระจับแดง ข้าค่อนข้างสงสัย” ลินลี่ย์พูดพลางหัวเราะอย่างใจเย็นขณะบินเข้ามาหา “เชกวิน! เราไปด้วยกัน”
“เรื่องนั้น ข้ารู้สึกเป็นเกียรติ” เชกวินไม่รีบร้อนแต่กลับปรับตัวตามหลังลินลี่ย์แทน
เชกวินเห็นพลังของลินลี่ย์มาแล้ว และเขารู้ว่าถ้าเขาสู้กับลินลี่ย์โดยตรง ลินลี่ย์สามารถฆ่าบริวารของเขาได้แค่เพียงพลิกมือ ขณะที่เชกวินเอง..แม้ว่าเขาจะมีสมบัติปกป้องวิญญาณและเกราะป้องกันทำให้ลินลี่ย์ยากจะฆ่าเขาได้ก็ตาม แต่คงไม่ยากเกินไปที่ลินลี่ย์จะขับเขาเข้าไปในมิติปั่นป่วน
เชกวินไม่มีร่างแยกศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่อื่น ถ้าเขาถูกขับเข้าไปในมิติปั่นป่วน คงเป็นเรื่องยากที่มหาเทพจะตามหาเขาได้เจอ
ที่สำคัญมิติปั่นป่วนมีมากมายไม่สิ้นสุดแทบจะมีขนาดเท่ากับพิภพอื่นๆรวมกัน
มหาเทพจะค้นคนในมิติปั่นป่วนที่กว้างไกลได้ยังไง? ทางเดียวที่สามารถทำได้ก็คือถ้ามีร่างแยกศักดิ์สิทธิ์อยู่กับมหาเทพและชี้บอกตำแหน่งแก่มหาเทพ
“ท่านเชกวิน ยอดฝีมือตรงนั้นมีจำนวนมากขึ้นๆ ทุกที ถ้าท่านไม่เข้ามาแทรกแซง อย่างนั้นเลียร์กับข้าคงไม่สามารถต้านทานเอาไว้ได้” อสูรเจ็ดดาวส่งสำนึกเทพบอกอย่างแตกตื่น
“ไม่ต้องรีบร้อน” เชกวินส่งสำนึกเทพบอก “ลินลี่ย์มาถึงแล้วไม่ใช่เรื่องง่ายที่คนอื่นจะได้รับเพชรกระจับแดง”
“ลินลี่ย์, เขาคือใคร?” อสูรเจ็ดดาวส่งสำนึกเทพตอบและมองมาที่เชกวิน ที่สำคัญเชกวินไม่เคยพูดถึงเรื่องลินลี่ย์กับเขาในอดีต..เรื่องนั้นทำให้เชกวินอับอาย ทำไมเขาจึงต้องพูดเรื่องนี้กับบริวารของเขาด้วยเล่า?
“เทพพารากอน” นี่คือคำตอบเดียวที่ห้วนสั้นของเชกวิน
อสูรเจ็ดดาวตื่นกลัวแทบแย่
สำหรับลินลี่ย์ เขาได้แต่สงสัย “เชกวินเป็นทูตของประมุขมหาเทพแห่งแสง อาจเป็นไปได้ว่าเขามาที่นี่เพราะประมุขมหาเทพแห่งแสงขอให้เขาช่วยหาเครื่องรางจอมเทพหรือ?” สิ่งที่ลินลี่ย์กังวลก็คือว่ามหาเทพจะให้ความสนใจเรื่องนี้ ลินลี่ย์กวาดตามองเชกวิน เชกวินตอนนี้แสดงความนอบน้อมเป็นอย่างมาก
เทพชั้นสูงสองคนที่ด้านหลังมีพลังระดับทั่วไป ลินลี่ย์ไม่เคยได้ยินชื่อเสียงพวกเขาและไม่ใส่ใจพวกเขา
เท่าที่ลินลี่ย์กังวลในตอนนี้ก็คืออสูรเจ็ดดาวธรรมดาไม่มีอะไรมากก็จริง แม้แต่เจ้าแคว้นและเทพอสูรก็คงแค่ได้รับความสนใจจากลินลี่ย์เล็กน้อย ที่สำคัญ..เขายืนอยู่ในจุดสุดยอดอย่างแท้จริง ในบรรดาพวกเทพ ไม่มีใครสามารถเอาชนะเขาได้!
“เชกวิน ข้าตั้งใจจะเร่งความเร็วขึ้น มากับข้า” แค่เพียงคิดลินลี่ย์ส่งพลังเทพธาตุดินกระจายออกไปล้อมกลุ่มคนไว้
“ควั่บ!”
รัศมีสีเหลืองธาตุดินฉายผ่านอากาศ และชั่วเวลาหัวใจเต้นต่อมาคณะของลินลี่ย์ก็มาถึงจุดที่ลึกเข้าไปในเทือกเขาเนวิลล์
ลึกเข้าไปในเทือกเขาเนวิลล์ มีคนเป็นร้อยมาที่นี่
“ฮ่าฮ่า, ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าข้า..โบรดีจะได้รับความสนใจและถูกยอดฝีมือรายล้อมเต็มไปหมด” เสียงหัวเราะดังขึ้นมาจากป่าเขาด้านหนึ่ง และจากนั้นก็ในอากาศมีร่างหลายร่างปรากฏตัวขึ้นทันที มีร่างหนึ่งอยู่ภายในป่าด้วยเช่นกัน เห็นได้ชัดว่า คนเหล่านี้ได้รายล้อมโบรดีเอาไว้
เพียงแต่ไม่มีใครกล้าเข้าไปจับ
“ผู้คนมากมายต่างก็มาที่นี่” คนแคระร่างกำยำเคราดก,กวาดสายตาสีเขียวมองดูคนอื่น “ข้ารู้จักอสูรหกดาวห้าสิบคน และอสูรหกดาวอื่น นอกจากนี้ยังกระทั่งยอดฝีมือระดับเทพอสูรปนอยู่ด้วยคนหรือสองคน”
ทุกคนเข้าใจว่าเพชรกระจับแดงเป็นของร้อนยากจะยึดถือเอาไว้ได้
ถ้าใครยึดถือครอบครองเอาไว้ส่วนมากจะพบกับการโจมตีจากกลุ่มยอดฝีมือที่เหลือ ไม่มีใครมั่นใจว่าสามารถมั่นครอบครองไว้แล้วจะรอดพ้นจากการโจมตีจากกลุ่มอสูรเจ็ดดาวพวกนี้
ขณะนั้นเอง...
บุรุษชุดดำผมยาวสยายค่อยๆบินออกมาจากป่าภูเขา ตาของเขาเต็มไปด้วยความสนุกสนาน และมองดูกลุ่มผู้คนที่รายล้อมเข้า “ฮ่าฮ่า...คาดไม่ถึง คาดไม่ถึงจริงๆ ข้า,โบรดีจะทำให้ยอดฝีมือจำนวนมากมายถึงกับรวมกำลังกันไล่ล่าข้า นับว่าเป็นเกียรติจริงๆ! ต่อให้ข้าโบรดีต้องตายไปก็คุ้มค่า”
คนผู้นี้คือโบรดี คนที่รายล้อมอยู่หลายชั้นเขาไม่หนีแต่กลับเผยตัวเองแทน
“วูบบ!” ขณะที่โบรดีพูดมีร่างสีเขียวพุ่งเข้าหาเขาเห็นได้ชัดว่าต้องการฉวยโอกาสโจมตี
“ฮึ่ม!” เสียงแค่นเย็นชาดังขึ้น
“ครืน...” เงาดาบเพลิงสีแดงลอยลงมาจากท้องฟ้าฟันมิติแตกกระจายและฟันใส่ร่างสีเขียวนั้นทันที ตาของบุรุษชุดเขียวทอประกายวูบ และเขาพยายามต้านพลังโจมตีที่น่ากลัวนี้ แต่เขายังถูกกระแทกกระเด็นถอยหลังอยู่ดี
ทันใดนั้นคนอื่นที่วู่วามทุกคนพากันยับยั้งหมดไม่กล้าลงมือโจมตี
ขณะนั้นเอง..
โบรดีที่สยายผมยืนลอยตัวกับที่ในอากาศเหนือป่าเขา รายล้อมไปด้วยสุดยอดฝีมือกลุ่มใหญ่ อย่างไรก็ตามโบรดีดูเหมือนไม่รู้ว่าเขามาถึงปลายทางแล้ว เขายิ้มให้ขณะที่มองดูยอดฝีมือรายรอบ จากนั้นพูดเสียงดัง “ทุกท่าน, บอกข้าที ที่นี่มีคนมากมาย จริงๆ แล้วข้าควรจะให้เพชรกับใครดี?”
อสูรเจ็ดดาวและอสูรหกดาวหลายคนมองหน้ากันเองไม่ส่งเสียงแต่อย่างใด
“นั่นคือคำถามที่ง่ายที่สุดเลยทีเดียว” เสียงที่ชัดเจนดังขึ้น “แค่มอบให้พี่ใหญ่ข้าโดยตรง”
แสงรัศมีทรงกลมสีเหลืองใหญ่ปรากฏขึ้นในกลางอากาศรัศมีสีเหลืองหายไปเผยให้เห็นคนเจ็ดคน เป็นเชกวินและบริวารของเขาสองคน พร้อมกับลินลี่ย์บีบีและชาวเผ่าสองคนที่พวกเขานำมาด้วย
“ความเร็วเหลือเชื่ออะไรอย่างนี้” บริวารของเชกวินตกใจ
“ท่านเชกวิน” เมื่อเห็นเชกวิน อสูรหกดาวและเจ็ดดาวหลายคนร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ พวกเขาตะลึงกันหมด ที่สำคัญเมื่อเทียบกับลินลี่ย์ เชกวินมีชื่อเสียงมายาวนานแล้ว ตลอดเวลาหลายปีนับไม่ถ้วน แม้แต่ในบรรดาผู้บัญชาการ เขาเป็นยอดฝีมือแทบจะอยู่ในระดับสุดยอดอยู่แล้ว ข้อมูลของเชกวินเป็นที่รับรู้โดยทั่วไปมานานแล้ว
แต่ลินลี่ย์เพิ่งเข้าร่วมสงครามมหาพิภพครั้งเดียวเมื่อเร็วๆนี้ ข่าวเกี่ยวกับเขายังไม่แพร่กระจายไปอย่างแท้จริง
แม้ว่าจะมีกลุ่มอสูรหกดาวและอสูรเจ็ดดาวอยู่ที่นี่ ขณะที่เชกวินมีตัวคนเดียวแท้จริงแล้วเชกวินก็สามารถสู้กับพวกเขาได้ทั้งหมด เพราะเขามีสมบัติมหาเทพป้องกันทั้งร่างหยาบและวิญญาณ
“ดูแล้วเราไม่มีหวังเลย” คนแคระเคราดกพูดแค่นเสียง
“ไม่มีหวังแม้แต่น้อย” เสียงบุรุษหนุ่มผมขาวชำเลืองมองดูเชกวินแต่ไกลด้วยเช่นกัน
เชกวินสามารถสู้กับทุกคนที่นี่ได้ แม้ว่าพวกเขาทุกคนสู้เพื่อแย่งชิงเพชรกระจับแดง เชกวินสามารถชิงมันเอาไปได้ นอกจากนี้อสูรหกดาวและอสูรเจ็ดดาวไม่ใช่โง่ ทุกคนรู้ว่าถ้าให้เทียบคุณค่าระหว่างชีวิตพวกเขากับคุณค่าของสมบัติ ชีวิตของพวกเขายังสำคัญมากกว่า!
“ท่าน...ท่านคือลอร์ดลินลี่ย์?” ทันใดนั้น..มีเสียงดังขึ้น
ลินลี่ย์หันไปมองเพียงแต่เห็นอสูรหกดาวจ้องมองมาทางลินลี่ย์ด้วยความประหลาดใจ
“อะไรกัน เจ้ารู้จักพี่ใหญ่ข้าด้วยหรือ?” บีบีหลิ่วตาให้อสูรหกดาวผู้นี้
“อา..ลอร์ดลินลี่ย์ ข้าน้อยเคยเข้าร่วมสงครามมหาพิภพก่อนนั้น ข้าโชคดีพอได้เห็นลอร์ดลินลี่ย์สู้กับลอร์ดแม็กนัส คาดไม่ถึงเลยว่าท่านก็มาด้วย!” อสูรหกดาวผู้นี้ตื่นเต้นมากจากนั้นเขามองดูคนรอบๆ และพูดเสียงดัง “ทุกคนเมื่อลอร์ดลินลี่ย์มาแล้ว ไม่มีประโยชน์จะสู้อีกต่อไป เพชรกระจับแดงคงจะตกอยู่ในมือของลอร์ดลินลี่ย์”
“เขาคือลอร์ดลินลี่ย์หรือ?”
ในบรรดาคนร้อยเปอร์เซ็นต์มีอีกเพียงสองสามคนที่รู้ว่าลินลี่ย์เป็นใคร เพียงแต่พวกเขาไม่รู้ว่าลินลี่ย์มีลักษณะยังไงหรือมีรัศมีกลิ่นอายเช่นไร ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รู้จักเขาในทันที
เชกวินยิ้มทันที “ทุกคน,คนที่อยู่ข้างข้าเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งของตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์และเป็นเทพพารากอน ลอร์ดลินลี่ย์ ทุกคน! พวกเจ้าต้องการสู้แย่งชิงเพชรกระจับแดงไหม?” เมื่อได้ยินคำเหล่านี้ อสูรหกดาวและอสูรเจ็ดดาวตกใจและเริ่มทบทวนคำนี้
“เทพพารากอน?”
นั่นเป็นบุคคลไร้เทียมทานที่สามารถสังหารยอดฝีมือระดับผู้บัญชาการได้ง่ายราวกับตัดหญ้า ถ้าเขาต้องการเพชรกระจับแดง ใครจะชิงเอาไปจากเขาได้?
ลินลี่ย์อดชำเลืองมองเชกวินไม่ได้ เชกวินกำลังพูดแทนเขางั้นหรือ?
“ท่านเชกวิน?” โบรดีเมื่อได้ยินเสียงเรียกด้วยความประหลาดใจนี้เขาเริ่มเข้าใจว่าเชกวินคงเป็นยอดฝีมือระดับสูง แต่ตอนนี้ดูเหมือนข้างตัวเชกวินจะเป็นพารากอนในตำนาน “ลินลี่ย์?” โบรดีมองลินลี่ย์อย่างพินิจพิจารณา
“โบรดี! ส่งมอบเพชรกระจับแดงให้ลอร์ดลินลี่ย์เถอะ ใต้เท้าอาจไว้ชีวิตเจ้า ถ้าเจ้าไม่ส่งมอบ..” ทันใดนั้น อสูรเจ็ดดาวที่อยู่ด้านบนเขาแค่นเสียงทันที
“หุบปาก!” โบรดีเงยหน้าตวาดด้วยความโมโห
“เจ้า..” อสูรเจ็ดดาวโกรธจัด
“ฮึ่ม.. ข้าไม่ให้ ต่อให้เจ้าเป็นอสูรเจ็ดดาว,เจ้าแคว้น, ทูตมหาเทพ..และต่อให้เจ้าเป็นเทพพารากอน แล้วไงเล่า?” โบรดีเงยหน้าจ้องมองไปรอบตัวจากนั้นจงใจจ้องมองลินลี่ย์ “ข้าขอบอกเจ้าไว้ก่อนเพชรกระจับแดงอยู่ในแหวนมิติเก็บของ! ถ้าเจ้าต้องการแย่งชิง อย่างนั้นข้าจะทำลายมันซะ!”
แหวนมิติเก็บของอยู่ในระหว่างนิ้วของโบรดี
ถ้าเขาใช้กำลังบังคับมันจะแตกอย่างแน่นอน
ลินลี่ย์รู้สึกกระวนกระวายใจ “ถ้าโบรดีบ้าดีเดือดและทำลายแหวนมิติเก็บของ แม้ว่าเพชรกระจับแดงที่อยู่ภายในจะไม่ถูกทำลาย แต่มันจะติดอยู่ภายในมิติปั่นป่วน แล้วข้าจะไปหาพบได้ยังไง?”
“โบรดี, อย่าโง่ไปเลย ถ้าเจ้าทำลายมัน เจ้าจะต้องตาย” เชกวินตะคอกเย็นชา
“เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้าทำหรือ?” โบรดีจ้องเชกวินกลับ
“หุบปากเจ้าซะ” ลินลี่ย์ชำเลืองมองเชกวินเย็นชาและทั้งหมดที่เชกวินทำได้คือหัวเราะอย่างเก้อเขิน จากนั้นก้าวถอยไป ในใจของเขาคิดว่าเขารู้สึกสุดฝืนลินลี่ย์กลับเข้าใจ “เชกวินไม่สามารถได้รับเองได้ ดังนั้นบางทีเขาต้องการให้โบรดีทำลายแหวนเพื่อที่ว่าข้าจะไม่มีโอกาสรับเช่นกัน”
“พวกเจ้าทั้งหมด..ฟัง”
โบรดีหัวเราะเยาะ ทันใดนั้นเขารู้สึกเหมือนกับว่าสิ่งที่เขาทำนั้นถูกแล้วขู่และสั่งอสูรหกดาวและเจ็ดดาว และพารากอนได้เป็นเรื่องที่น่าประทับใจ พารากอน..ผู้สง่าสูงส่งก็คือพวกเขา แต่วันนี้เขาโบรดีสามารถวางท่าต่อหน้าเทพพารากอนได้
“เจ้าอย่ามายั่วโมโหต่อหน้าข้าเป็นดีที่สุด ถ้าเจ้าทำเช่นนั้น ข้าจะทำลายแหวนเก็บสมบัติและพวกเจ้าจะไม่มีใครได้รับแหวนไป” โบรดีแค่นเสียง
อสูรเจ็ดดาวและหกดาวไม่กล้าส่งเสียง พวกเขากลัวว่าจะยั่วโมโหโบรดีจนทำลายแหวนและลินลี่ย์โกรธที่สูญเสียโอกาสได้รับเพชรกระจับแดงและระบายความโกรธลงกับพวกเขา นั่นจะน่ากลัว
ลินลี่ย์มองดูโบรดีจากนั้นหัวเราะ “โบรดี, พูดมาได้เลยเจ้าต้องการแลกเปลี่ยนเพชรกระจับแดงกับอะไร?”
“พารากอนสมกับเป็นพารากอนจริงๆ ท่านยังมีความตรงไปตรงมา”
โบรดียิ้ม “ง่ายๆ ประการแรก ท่านต้องรับรองว่าข้าจะรอดชีวิต และว่าข้าจะมีชีวิตรอดผ่านประตูเทเลพอร์ตและออกไปจากแดนนรกได้! ประการที่สองข้าต้องการเงินหมื่นล้านศิลาดำ ข้าเชื่อว่าจำนวนเพียงเท่านี้ไม่ถือว่ามากสำหรับพารากอนอย่างท่าน ประการที่สาม ข้าต้องการพลังมหาเทพจำนวนหนึ่ง ข้าไม่ต้องการมากขอสักยี่สิบสามสิบหยด ข้าต้องการรอดชีวิตอยู่เช่นกัน ถ้าท่านเห็นด้วยกับเงื่อนไขสามข้อของข้า ข้าจะให้เพชรกระจับแดงกับท่าน!” โบรดีพูดในอึดใจเดียว นี่คือราคาที่สูงมาก!
“โหว...”
มีเสียงสูดหายใจลึกจากทุกที่ทันที
ให้โบรดีจากไปอย่างปลอดภัยไม่เป็นปัญหา แต่อีกสองเงื่อนไขนั้นมากเกินไป
หมื่นล้านศิลาดำ? โดยทั่วไป ทรัพย์สินรวมทั้งหมดของอสูรเจ็ดดาวก็แค่ล้านล้านศิลาดำ ขณะที่พลังมหาเทพอสูรเจ็ดดาวธรรมดาปรารถนามากฝันว่าจะได้มาสักหยด แต่โบรดีนี้บอกว่าเขาไม่ต้องการมากแค่เพียงไม่กี่สิบหยด! โลภเกินไป!
“ก็ได้ ข้าตกลง” ลินลี่ย์และพยักหน้าและสีหน้าเขาไม่เปลี่ยนเลย
โบรดีตะลึง
เขาเรียกร้องมากๆเพื่อเป้าหมายว่าเผื่อลินลี่ย์จะต่อรองกับเขา...แต่ลินลี่ย์กลับตกลงอย่างตรงไปตรงมา
“พารากอนมั่งคั่งขนาดนี้เชียวหรือ?” โบรดีรำพึงกับตนเอง